แม้จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภายในของ SM Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีไปเมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แต่ดูเหมือนว่าการประกาศการยกเครื่องระบบการทำงานของตึกชมพูในครั้งนี้อาจจะสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นกับบริษัทบันเทิงแห่งนี้
โดยในการแถลงข่าวของ อี ซองซู และ ทัก ยองจุน 2 ผู้บริหารคนปัจจุบันของ SM Entertainment นั้น
พวกเขาได้กล่าวว่า SM จะมีการปรับปรุงระบบการทำงานใหม่โดยยกเลิกระบบ One-Man Production อันมี อี ซูมาน ผู้ก่อตั้งค่าย
ทำหน้าที่เป็น Executive Producer ที่ทำกันมาเป็นเวลานานเกือบ 30 ปี มาเป็นระบบ Multi-Production
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตผลงานของศิลปินออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศว่าอีซูมานนั้นก็เตรียมจะวางมือและเกษียณตัวเองไป
แต่ดูเหมือนการประกาศนี้จะสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นภายในค่ายเพลงที่ยืนหยัดอยู่ในวงการเพลงเกาหลีมาถึง 28 ปี
เพราะมีเสียงไม่พอใจดังออกมาจากคนในค่ายที่ออกมาประท้วงการเกษียณของอีซูมานครั้งนี้ออกมาอย่างเปิดเผย
หนึ่งในนั้นคือ คิม มินจง นักแสดงและนักร้องที่ร่วมงานภายใต้สังกัด SM Entertainment มาอย่างยาวนานถึง 17 ปี
ซึ่งตามรายงานจากคนวงในในวงการเพลงได้กล่าวว่า คิมมินจงได้ส่งอีเมลถึงพนักงานในบริษัททุกคนก่อนการประกาศแผนงาน SM 3.0 หนึ่งวัน
เพื่อวิพากษ์วิจารณ์แผนงานของค่ายที่กล่าวว่าระบบ One-Man Production ของอีซูมานนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
คิมมินจงกล่าวว่า
"ตรงข้ามกับที่สิ่งที่ประกาศออกไป อีซองซูกับทักยองจุน CEO ร่วมของค่าย (ที่ปากบอกว่าพวกเขาอยู่เพื่ออาจารย์อีซูมานและครอบครัว SM)
ตัดการสนทนากับอาจารย์ทุกด้านและประกาศเรื่องนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวและบอกลาโดยไม่มีการพูดคุยใดๆกันเลย
พวกเขามีเหตุผลอะไรถึงได้เสนอขึ้นเงินเดือนอย่างกะทันหันกับพนักงานบริษัทเกือบทุกคนยกเว้นพนักงานในสำนักงานเลขานุการของอาจารย์อีซูมาน
ซึ่งมันล่วงหน้ากว่ากำหนดการเจรจาเรื่องเงินเดือนปกติไปมาก และผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำอะไรเร่งด่วนและขลาดเขลาขนาดนี้
ที่มาพูดคุยและตัดสินใจกันเรื่องการจัดตำแหน่งและข้อตกลงกันในเช้าวันหยุดซอลลัล ทำตัวเหมือนกำลังพยายามหนีอะไรซักอย่างตอนกลางคืน"
นอกจากนี้ คิมมินจงยังกล่าวอีกว่า
"ผมไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อผู้ถือหุ้นและครอบครัว SM"
และเมื่อพูดถึงการทำโปรดักชั่นของอีซูมาน คิมมินจงกล่าวว่า
"ผมรู้ว่าทุกคนมีความเห็นที่หลากหลายกัน เช่น "อายุเยอะแล้ว" ไม่ก็ "เทรนด์ K-Pop ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เราแค่ต้องเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปนี้ด้วยกัน"
รายงานกล่าวว่าอีซูมานในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SM มีความรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากกับการประกาศในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ แม้เขาจะไม่ได้ทำงานในบริษัทอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นที่รู้กันว่าหนึ่งในวิธีการตอบโต้ที่เขาจะสามารถทำได้
คือการแสดงความเห็นในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการประชุมสามัญของผู้ถือหุ้นของ SM ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้า (มีนาคม)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในกล่าวว่าภายใน SM เองก็มีเสียงสนับสนุนการวางมือของอีซูมานและแผนการปรับปรุงระบบการทำงานของค่ายไม่น้อย
อีกทั้งยังมีข้อความถูกโพสต์ขึ้นบนกระดานข่าวของ SM ในชุมชนนิรนาม "Blind" ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งพูดคุยกันของกลุ่มพนักงาน กล่าวว่า
"บริษัทกลายเป็นบริษัทชั้น 3 ที่มี Hive น้อยกว่าครึ่งหนึ่งในแง่ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและกำไรจากการดำเนินงาน
แต่พวกเขา (คาดว่าหมายถึงกลุ่มผู้บริหารรุ่นเก่าที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม) กลับไม่ยอมพิจารณาเปลี่ยนแปลงแก้ไขระเบียบข้อบังคับของตัวเองเลย"
ผู้เขียนยังสวนกลับใส่ข้อวิจารณ์ของคิมมินจงต่อการปรับปรุงระบบการทำงานใน SM ของอีซองซูและทักยองจุนด้วยว่า
"คุณต้องปรับตัวอยู่เสมอนะ ไม่ใช่มัวแต่ดื่มด่ำและจมปลักอยู่แต่กับความรุ่งโรจน์ในอดีต"
ทั้งนี้ ทาง SM เองยังไม่มีการออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
[K-POP] "Civil War?" เกิดความวุ่นวายภายใน SM หลังการประกาศวางมือของ "อีซูมาน"