จาง อึนพา ผู้สื่อข่าวจาก Business Post รายงานว่า อี แจซัง CEO คนปัจจุบันของ HYBE กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในช่วงเวลาเพียง 3 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง
HYBE กำลังเผชิญผลกระทบจากกรณี NewJeans จากค่าย ADOR ซึ่งเป็นค่ายเพลงในเครือ ได้ออกมาประกาศยุติสัญญา รวมถึงข้อถกเถียงเกี่ยวกับปม IPO ของผู้ก่อตั้ง บังชีฮยอก ซึ่งทำให้ทักษะการจัดการในสถานการณ์ที่วิกฤตของอีแจซังกำลังเผชิญกับบททดสอบอันท้าทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเปิดเผยว่า บังชีฮยอกได้ลงนามในข้อตกลงผู้ถือหุ้นกับ 2 บริษัททุนเอกชนในปี 2018 และ 2019 ก่อนการเข้า IPO ของ HYBE (ซึ่งในขณะนั้นคือ Big Hit Entertainment) โดยข้อตกลงดังกล่าวระบุว่าเขาต้องดำเนินการในการเข้า IPO ให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากการเข้า IPO ไม่เกิดขึ้นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ บังชีฮยอกจะต้องซื้อหุ้นคืนจากบริษัททุนเอกชนด้วยสิทธิการขายคืน (Put Option) และหากการเข้า IPO สำเร็จ บริษัททุนเอกชนจะได้รับกำไรราว 30% จากการขายหุ้น
แต่ปัญหาคือ HYBE ไม่ได้เปิดเผยข้อตกลงเหล่านี้ต่อ Korea Exchange จนทำให้เกิดข้อกังวลด้านความโปร่งใสขึ้นมา ซึ่งหลังจากการเข้า IPO ในเดือนตุลาคม 2020 บังชีฮยอกได้รับเงินประมาณ 400,000 ล้านวอน (ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการขายหุ้นของบริษัททุนเอกชน ซึ่งถูกใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการบริหาร HYBE
ถึงแม้ว่า HYBE จะออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาทางกฎหมายในเรื่องนี้ แต่กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะจากผู้ถือหุ้นรายย่อยในประเทศที่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ขาดจริยธรรมเป็นอย่างมาก ซึ่งทางหน่วยงานทางการเงินกำลังตรวจสอบกรณีนี้ และอาจมีการสอบสวนเพิ่มเติมในอนาคต
ในขณะเดียวกัน HYBE ยังเผชิญกับปัญหาภายในที่เพิ่มขึ้นไปอีก จากกรณีที่ NewJeans ได้ประกาศยุติสัญญาพิเศษกับ ADOR โดยพวกเธอเลือกใช้วิธีการประกาศสู่สาธารณชนแทนการต่อสู้ทางกฎหมายแบบที่ศิลปินรายอื่นมักเลื่อกที่จะใช้กัน
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา NewJeans จัดงานแถลงข่าวเพื่อยืนยันว่า ADOR และ HYBE เป็นฝ่ายที่ละเมิดสัญญา ทำให้พวกเธอมีสิทธิยุติสัญญาโดยชอบธรรม และประกาศว่าจะไม่ดำเนินการขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด
แม้ว่าสถานะของสัญญาจะยังไม่ชัดเจน แต่หาก NewJeans ออกจาก HYBE จริง HYBE อาจะต้องเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างมหาศาล
NewJeans กล่าวว่า การบริหารงานของ ADOR มีความผิดพลาดและอ้างว่าพวกเธอถูกคุกคามในที่ทำงานโดยค่ายอื่นในเครือ HYBE และถ้าหาก ADOR ยื่นฟ้อง NewJeans อาจเป็นการยืนยันคำกล่าวของพวกเธอ ก็ยิ่งทำให้อีแจซังดำเนินการในแนวทางเชิงแข็งกร้าวได้ลำบากมากขึ้น
ในฐานะ CEO ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา อี แจซังกำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาหลายๆ ด้าน แม้เขาจะแสดงความตั้งใจที่จะยึดมั่นในคุณค่าพื้นฐานของ HYBE และดำเนินธุรกิจตามปกติ แต่หลายฝ่ายมองว่าเขาจำเป็นต้องมีวิธีการเชิงรุกที่มากกว่านี้
ซึ่งคนในวงการบันเทิงได้คาดการณ์ว่า NewJeans กำลังรอการตอบโต้ทางกฎหมายจาก HYBE โดยตระหนักดีว่า ข้อพิพาทด้านสัญญามักจะใช้เวลา 1–2 ปีในการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อนี้อาจทำให้การดำเนินงานและภาพลักษณ์ของ HYBE เองเสียหายได้
นอกจากนี้อี แจซัง ยังมีปัญหาในการจัดการประเด็นเรื่องการเข้า IPO ของ HYBE เนื่องจากบังชีฮยอก ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในข้อตกลงดังกล่าว ยังไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ใดๆ ออกมาเลย
ซึ่งกรณีเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ HYBE ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการบันเทิง และทำให้กลยุทธ์การบริหารแบบ multi-label ของ HYBE ที่เน้นการเข้าซื้อค่ายขนาดเล็กเพื่อขยายการผลิตศิลปินอาจต้องเผชิญกับอุปสรรค หากภาพลักษณ์ของบริษัทยังคงติดลบอยู่แบบนี้
แหล่งข่าวในวงการบันเทิงได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของภาพลักษณ์ โดยระบุว่า:
“ภาพลักษณ์ของบริษัทคือหัวใจสำคัญของวงการบันเทิง ในธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยฐานแฟนคลับ ไม่เพียงแต่ภาพลักษณ์ของศิลปินเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของค่ายก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาฐานแฟนคลับ หากปัญหายังคงยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจทำให้รายได้หลักของบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยงได้”
ความท้าทายเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นผู้นำของอีแจซัง ในสถานการณ์ที่ HYBE ต้องรับมือกับปัญหาที่ถาโถมเข้าสู่บริษัททั้งจากภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1863866335631135010?t=eiBwodjluYv__XmUSp3lEg&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี:
https://m.businesspost.co.kr/BP?command=mobile_view&num=375126
HYBE เผชิญวิกฤติหนัก! หลัง NewJeans แยกทางกับต้นสังกัด & กรณีหุ้น IPO ของบังชีฮยอก
HYBE กำลังเผชิญผลกระทบจากกรณี NewJeans จากค่าย ADOR ซึ่งเป็นค่ายเพลงในเครือ ได้ออกมาประกาศยุติสัญญา รวมถึงข้อถกเถียงเกี่ยวกับปม IPO ของผู้ก่อตั้ง บังชีฮยอก ซึ่งทำให้ทักษะการจัดการในสถานการณ์ที่วิกฤตของอีแจซังกำลังเผชิญกับบททดสอบอันท้าทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเปิดเผยว่า บังชีฮยอกได้ลงนามในข้อตกลงผู้ถือหุ้นกับ 2 บริษัททุนเอกชนในปี 2018 และ 2019 ก่อนการเข้า IPO ของ HYBE (ซึ่งในขณะนั้นคือ Big Hit Entertainment) โดยข้อตกลงดังกล่าวระบุว่าเขาต้องดำเนินการในการเข้า IPO ให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากการเข้า IPO ไม่เกิดขึ้นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ บังชีฮยอกจะต้องซื้อหุ้นคืนจากบริษัททุนเอกชนด้วยสิทธิการขายคืน (Put Option) และหากการเข้า IPO สำเร็จ บริษัททุนเอกชนจะได้รับกำไรราว 30% จากการขายหุ้น
แต่ปัญหาคือ HYBE ไม่ได้เปิดเผยข้อตกลงเหล่านี้ต่อ Korea Exchange จนทำให้เกิดข้อกังวลด้านความโปร่งใสขึ้นมา ซึ่งหลังจากการเข้า IPO ในเดือนตุลาคม 2020 บังชีฮยอกได้รับเงินประมาณ 400,000 ล้านวอน (ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการขายหุ้นของบริษัททุนเอกชน ซึ่งถูกใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการบริหาร HYBE
ถึงแม้ว่า HYBE จะออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาทางกฎหมายในเรื่องนี้ แต่กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะจากผู้ถือหุ้นรายย่อยในประเทศที่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ขาดจริยธรรมเป็นอย่างมาก ซึ่งทางหน่วยงานทางการเงินกำลังตรวจสอบกรณีนี้ และอาจมีการสอบสวนเพิ่มเติมในอนาคต
ในขณะเดียวกัน HYBE ยังเผชิญกับปัญหาภายในที่เพิ่มขึ้นไปอีก จากกรณีที่ NewJeans ได้ประกาศยุติสัญญาพิเศษกับ ADOR โดยพวกเธอเลือกใช้วิธีการประกาศสู่สาธารณชนแทนการต่อสู้ทางกฎหมายแบบที่ศิลปินรายอื่นมักเลื่อกที่จะใช้กัน
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา NewJeans จัดงานแถลงข่าวเพื่อยืนยันว่า ADOR และ HYBE เป็นฝ่ายที่ละเมิดสัญญา ทำให้พวกเธอมีสิทธิยุติสัญญาโดยชอบธรรม และประกาศว่าจะไม่ดำเนินการขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด
แม้ว่าสถานะของสัญญาจะยังไม่ชัดเจน แต่หาก NewJeans ออกจาก HYBE จริง HYBE อาจะต้องเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างมหาศาล
NewJeans กล่าวว่า การบริหารงานของ ADOR มีความผิดพลาดและอ้างว่าพวกเธอถูกคุกคามในที่ทำงานโดยค่ายอื่นในเครือ HYBE และถ้าหาก ADOR ยื่นฟ้อง NewJeans อาจเป็นการยืนยันคำกล่าวของพวกเธอ ก็ยิ่งทำให้อีแจซังดำเนินการในแนวทางเชิงแข็งกร้าวได้ลำบากมากขึ้น
ในฐานะ CEO ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา อี แจซังกำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาหลายๆ ด้าน แม้เขาจะแสดงความตั้งใจที่จะยึดมั่นในคุณค่าพื้นฐานของ HYBE และดำเนินธุรกิจตามปกติ แต่หลายฝ่ายมองว่าเขาจำเป็นต้องมีวิธีการเชิงรุกที่มากกว่านี้
ซึ่งคนในวงการบันเทิงได้คาดการณ์ว่า NewJeans กำลังรอการตอบโต้ทางกฎหมายจาก HYBE โดยตระหนักดีว่า ข้อพิพาทด้านสัญญามักจะใช้เวลา 1–2 ปีในการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อนี้อาจทำให้การดำเนินงานและภาพลักษณ์ของ HYBE เองเสียหายได้
นอกจากนี้อี แจซัง ยังมีปัญหาในการจัดการประเด็นเรื่องการเข้า IPO ของ HYBE เนื่องจากบังชีฮยอก ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในข้อตกลงดังกล่าว ยังไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ใดๆ ออกมาเลย
ซึ่งกรณีเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ HYBE ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการบันเทิง และทำให้กลยุทธ์การบริหารแบบ multi-label ของ HYBE ที่เน้นการเข้าซื้อค่ายขนาดเล็กเพื่อขยายการผลิตศิลปินอาจต้องเผชิญกับอุปสรรค หากภาพลักษณ์ของบริษัทยังคงติดลบอยู่แบบนี้
แหล่งข่าวในวงการบันเทิงได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของภาพลักษณ์ โดยระบุว่า:
“ภาพลักษณ์ของบริษัทคือหัวใจสำคัญของวงการบันเทิง ในธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยฐานแฟนคลับ ไม่เพียงแต่ภาพลักษณ์ของศิลปินเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของค่ายก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาฐานแฟนคลับ หากปัญหายังคงยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจทำให้รายได้หลักของบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยงได้”
ความท้าทายเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นผู้นำของอีแจซัง ในสถานการณ์ที่ HYBE ต้องรับมือกับปัญหาที่ถาโถมเข้าสู่บริษัททั้งจากภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล: https://x.com/juantokki/status/1863866335631135010?t=eiBwodjluYv__XmUSp3lEg&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี: https://m.businesspost.co.kr/BP?command=mobile_view&num=375126