โดย โจ ยูบิน ผู้สื่อข่าวจาก Sisajournal
ในปี 2024 วง NewJeans ยังคงครองกระแส K-pop ด้วยการสร้างเทรนด์ใหม่ผ่านเสน่ห์อันโดดเด่นและไร้กาลเวลา เบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่เหมือนใครนี้ก็มาจาก มินฮีจิน ผู้ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ไม่เพียงแค่ความสำเร็จทางวัฒนธรรมของมินฮีจินเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงด้านมืดเกี่ยวกับการเติบโตของ K-POP จากประเด็นความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างเธอกับ HYBE ที่กลายเป็นประเด็นสาธารณะครั้งใหญ่
มินฮีจิน ซึ่งได้รับเลือกให้เป็น บุคคลสำคัญด้านวัฒนธรรมแห่งปี (Cultural Figure of the Year) โดยเธอได้ยืนหยัดต่อสู้ท่ามกลางประเด็นความขัดแย้งครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างค่ายเพลงและบริษัทแม่ ซึ่งส่งผลสะเทือนต่อรากฐานของวงการบันเทิงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตัวละครหลักของการแถลงข่าวครั้งประวัติศาสตร์
โดยเหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ื HYBE กล่าวหามินฮีจินว่ามีความพยายามที่จะเข้าควบคุมบริษัท นำไปสู่ข้อขัดแย้งยาวนานถึง 7 เดือน และในที่สุดก็ยกระดับสู่คดีความทางกฎหมาย โดยในเดือนเมษายน มินฮีจินได้จัดงานแถลงข่าวที่กินเวลานานกว่า 130 นาที (หรือ 2 ชั่วโมง 10 นาที) ซึ่งเป็นระยะเวลา รูปแบบ และเนื้อหาที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในการแถลงครั้งนั้น มินฮีจินก็ได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการ เช่น การหลอกลวงผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงปก, รวมไปถึงการบังคับขายอัลบั้มเพื่อปั่นยอดชาร์ต และด้วยความที่เธอเป็นผู้สร้างที่ชอบนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ผ่านการเดบิวต์วง NewJeans ก็ทำให้คำพูดของเธอสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการอย่างกว้างขวางแทบจะในทันที
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ “การลอกเลียนแบบ” ที่เธอออกมาพูดถึงนี้ ได้เผยให้เห็นถึงกระบวนการผลิตไอดอลในแบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้จุดประกายให้เกิดการพูดถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังในวงการ K-POP และการสร้างระบบที่ยั่งยืน ไม่ว่าข้อพิพาทนี้จะคืบหน้าไปอย่างไร แต่มันก็ได้กลายเป็นโอกาสที่สาธารณชนจะได้ตระหนักรู้ถึงด้านมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอุตสาหกรรม K-POP ไปโดยปริยาย นอกเหนือจากความสำเร็จทางวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งพิสูจน์ได้ผ่าน NewJeans แล้ว การกระทำของมินฮีจินยังช่วยสร้างความตระหนักรู้ถึงวิกฤตในวงการ K-POP และตั้งคำถามถึงทิศทางของวงการนี้ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สำคัญที่สุดในแวดวงวัฒนธรรมสมัยนิยมของปีนี้
ซึ่งนับตั้งแต่การเดบิวต์ NewJeans ขึ้นมา ตัววงก็ได้รับความสนใจจากสาธารณชนในฐานะ "เกิร์ลกรุ๊ปของมินฮีจิน" ซึ่งก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เกี่ยวกับชื่อเสียงของมินฮีจินในฐานะโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการยอมรับในวงการอย่างกว้างขวาง ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอเคยดำรงตำแหน่งเป็น Creative Director ของ SM Entertainment และมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์คอนเซปต์ของวงดังอย่าง Girls’ Generation, f(x), EXO, และ Red Velvet ซึ่งผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น กางเกงยีนส์รัดรูปของ Girls’ Generation ในเพลง Gee, ชุดนักเรียนในเพลง Growl ของ EXO และคอนเซปต์ในเพลง Red Flavor ของ Red Velvet ล้วนเป็นผลงานจากวิสัยทัศน์ของมินฮีจินทิ้งสิ้น โดยเฉพาะกับอัลบั้ม Pink Tape ของ f(x) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกและเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับวงการเพลง K-POP
ด้วยความเชี่ยวชาญของมินฮีจิน ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารของ SM Entertainment ในปี 2017 หลังจากทำงานที่ SM มากว่า 15 ปี สื่อระดับนานาชาติยังยกย่องให้เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการบันเทิงระดับโลก ต่อมาในปี 2019 เธอก็ได้ย้ายมาทำงานที่ BigHit Entertainment (ปัจจุบันคือ HYBE) และก่อตั้งค่าย ADOR โดย NewJeans คือผลลัพธ์สำคัญที่เธอมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกสมาชิกไปจนถึงการดูแลทุกแง่มุมของกระบวนการการเดบิวต์ของวง
ตอกย้ำฝีมือการกำกับที่สร้างสรรค์ผ่าน NewJeans
ในปี 2022 วง NewJeans ได้ทำลายบรรทัดฐานดั้งเดิมของวงเกิร์ลกรุ๊ป K-POP เป็นอย่างมาก ด้วยการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการ K-POP ในระดับที่สามารถเปรียบเทียบกับการเดบิวต์ของวงเกิร์ลกรุ๊ป K-POP รุ่นแรกๆ อย่าง S.E.S ได้เลย ซึ่งนอกจากเพลงสไตล์ป๊อปที่ฟังง่ายและคอนเซปต์ที่ดูเป็นธรรมชาติแล้ว กลยุทธ์การปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลงก่อนเดบิวต์และรูปแบบอัลบั้มที่แหวกแนวของพวกเธอ ก็ยังได้ทำลายบรรทัดฐานดั้งเดิมของวงการอีกด้วย
ตั้งแต่เพลงเดบิวต์อย่าง Attention และ Hype Boy ไปจนถึงเพลงฮิตอย่าง Ditto, Super Shy, How Sweet และ Supernatural ทุกเพลงล้วนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม อัลบั้มทั้ง 5 ชุดที่ปล่อยออกมานับตั้งแต่เดบิวต์ต่างก็ทำยอดขายอัลบั้มทะลุหลักล้านชุดได้ทั้งหมด อีกทั้ง NewJeans ยังได้สร้างสถิติเป็นวง K-POP ที่ทำการขึ้นแสดงที่ Tokyo Dome เร็วที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี 11 เดือนหลังจากเดบิวต์ นอกจากนี้ นิตยสารดนตรี Paste จากสหรัฐอเมริกา ยังยกย่องเพลง Ditto ว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดแห่งทศวรรษ 2020 ในขณะที่ The New York Times ก็ได้รวมเพลง Supernatural ไว้ในรายชื่อเพลงที่ดีที่สุดแห่งปี 2024 อีกด้วย
การก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วของ NewJeans ส่วนหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงทักษะการวางแผนและความเชี่ยวชาญของมินฮีจิน โดยตัวเธอเองก็เคยกล่าวไว้ว่า “NewJeans คือการสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเป็นไอคอนแห่งยุค เหมือนกับกางเกงยีนส์ที่คนสวมใส่ได้ทุกวันโดยไม่มีวันเบื่อ และยังเป็นความทะเยอทะยานที่จะเป็น ‘เจเนอเรชันใหม่ (New Gens)’” และแน่นอนว่า NewJeans ได้ก้าวขึ้นเป็นไอคอนแห่งยุคไปแล้ว
ถึงแม้เวลาจะผ่านไป 2 ปี แต่พวกเธอยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ การแสดง Blue Lagoon ของฮันนิ และงานแฟนมีตติ้งของ NewJeans อย่าง 2024 Bunnies Camp ที่ Tokyo Dome ต่างก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของมินฮีจินในด้านการวางแผนการจัดงานคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี
ประเด็นความขัดแย้งกับ HYBE และผลกระทบต่อวงการ K-POP
ประเด็นความขัดแย้งระหว่างมินฮีจินและ HYBE ได้ลุกลามเกินขอบเขตของระบบในบริษัทอุตสาหกรรม K-POP ทั่วไปแล้ว โดยกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตอิทธิพลที่โปรดิวเซอร์คนหนึ่งสามารถมีต่อศิลปินได้ ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มเกิดประเด็นความขัดแย้งนี้ สมาชิกวง NewJeans ได้แสดงการสนับสนุนมินฮีจินอย่างเปิดเผย โดยพวกเธอมองว่า มินฮีจินคือผู้สร้างเอกลักษณ์ให้กับวง ถึงขั้นที่พวกเธอได้ทำการส่งจดหมายแจ้งเตือนทางกฎหมายไปยัง ADOR เพื่อเรียกร้องให้มินฮีจินกลับมาดำรงตำแหน่ง CEO อีกครั้ง
ในขณะที่แฟนคลับของ NewJeans ก็มีความรู้สึกเดียวกัน โดยมองว่ามินฮีจินคือบุคคลที่วางแผนและสร้างกลยุทธ์ให้กับวง รวมถึงการร่วมมือกับสมาชิกวงเพื่อบรรลุความสำเร็จในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากที่มินฮีจินถูกปลดออกจากตำแหน่ง สมาชิก NewJeans ได้ออกมายอมรับว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากและเต็มไปด้วยความกดดันหลังจากที่ CEO มินฮีจิน ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้ว” และในพิธีมอบรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายน พวกเธอยังได้กล่าวสนับสนุนมินฮีจินต่อสาธารณชนว่า “พวกเรารู้สึกซาบซึ้งและรัก CEO ของพวกเราเป็นอย่างมาก” แม้กระทั่งในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับการยุติสัญญาพิเศษกับ ADOR พวกเธอก็ยังคงแสดงเจตนารมย์ที่จะทำงานร่วมกับมินฮีจินต่อไป
จนต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ทำงานกับ HYBE มานานประมาณ 6 ปี มินฮีจินได้ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการภายในของ ADOR และแยกทางกับ HYBE อย่างเป็นทางการ โดยเธอได้ทำการยกเลิกข้อตกลงผู้ถือหุ้นกับ HYBE และประกาศความตั้งใจที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อ HYBE ในข้อหาละเมิดข้อตกลงที่ได้กำหนดไว้ และในขณะเดียวกัน ADOR ได้ยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายเพื่อยืนยันความถูกต้องของสัญญาพิเศษกับ NewJeans อีกด้วย
โดยประเด็นความขัดแย้งที่เกี่ยวพันกันระหว่างมินฮีจิน, NewJeans, HYBE และ ADOR นี้ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการ K-POP และวัฒนธรรมสมัยนิยมโดยภาพรวม และคาดว่าจะยังคงเป็นประเด็นสำคัญต่อไปในปี 2025 และในอนาคต
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1871077520143212564?t=nCaCDQqzGWx7yg1DsUWvzw&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี:
https://www.sisajournal.com/news/articleView.html?idxno=318374
[บุคคลสำคัญด้านวัฒนธรรมแห่งปี 2024] อดีต CEO ของ ADOR กับการแฉด้านมืดเบื้องหลังการเติบโตของ K-POP
ในปี 2024 วง NewJeans ยังคงครองกระแส K-pop ด้วยการสร้างเทรนด์ใหม่ผ่านเสน่ห์อันโดดเด่นและไร้กาลเวลา เบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่เหมือนใครนี้ก็มาจาก มินฮีจิน ผู้ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ไม่เพียงแค่ความสำเร็จทางวัฒนธรรมของมินฮีจินเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงด้านมืดเกี่ยวกับการเติบโตของ K-POP จากประเด็นความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างเธอกับ HYBE ที่กลายเป็นประเด็นสาธารณะครั้งใหญ่
มินฮีจิน ซึ่งได้รับเลือกให้เป็น บุคคลสำคัญด้านวัฒนธรรมแห่งปี (Cultural Figure of the Year) โดยเธอได้ยืนหยัดต่อสู้ท่ามกลางประเด็นความขัดแย้งครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างค่ายเพลงและบริษัทแม่ ซึ่งส่งผลสะเทือนต่อรากฐานของวงการบันเทิงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตัวละครหลักของการแถลงข่าวครั้งประวัติศาสตร์
โดยเหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ื HYBE กล่าวหามินฮีจินว่ามีความพยายามที่จะเข้าควบคุมบริษัท นำไปสู่ข้อขัดแย้งยาวนานถึง 7 เดือน และในที่สุดก็ยกระดับสู่คดีความทางกฎหมาย โดยในเดือนเมษายน มินฮีจินได้จัดงานแถลงข่าวที่กินเวลานานกว่า 130 นาที (หรือ 2 ชั่วโมง 10 นาที) ซึ่งเป็นระยะเวลา รูปแบบ และเนื้อหาที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในการแถลงครั้งนั้น มินฮีจินก็ได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการ เช่น การหลอกลวงผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงปก, รวมไปถึงการบังคับขายอัลบั้มเพื่อปั่นยอดชาร์ต และด้วยความที่เธอเป็นผู้สร้างที่ชอบนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ผ่านการเดบิวต์วง NewJeans ก็ทำให้คำพูดของเธอสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการอย่างกว้างขวางแทบจะในทันที
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ “การลอกเลียนแบบ” ที่เธอออกมาพูดถึงนี้ ได้เผยให้เห็นถึงกระบวนการผลิตไอดอลในแบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้จุดประกายให้เกิดการพูดถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังในวงการ K-POP และการสร้างระบบที่ยั่งยืน ไม่ว่าข้อพิพาทนี้จะคืบหน้าไปอย่างไร แต่มันก็ได้กลายเป็นโอกาสที่สาธารณชนจะได้ตระหนักรู้ถึงด้านมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอุตสาหกรรม K-POP ไปโดยปริยาย นอกเหนือจากความสำเร็จทางวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งพิสูจน์ได้ผ่าน NewJeans แล้ว การกระทำของมินฮีจินยังช่วยสร้างความตระหนักรู้ถึงวิกฤตในวงการ K-POP และตั้งคำถามถึงทิศทางของวงการนี้ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สำคัญที่สุดในแวดวงวัฒนธรรมสมัยนิยมของปีนี้
ซึ่งนับตั้งแต่การเดบิวต์ NewJeans ขึ้นมา ตัววงก็ได้รับความสนใจจากสาธารณชนในฐานะ "เกิร์ลกรุ๊ปของมินฮีจิน" ซึ่งก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เกี่ยวกับชื่อเสียงของมินฮีจินในฐานะโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการยอมรับในวงการอย่างกว้างขวาง ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอเคยดำรงตำแหน่งเป็น Creative Director ของ SM Entertainment และมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์คอนเซปต์ของวงดังอย่าง Girls’ Generation, f(x), EXO, และ Red Velvet ซึ่งผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น กางเกงยีนส์รัดรูปของ Girls’ Generation ในเพลง Gee, ชุดนักเรียนในเพลง Growl ของ EXO และคอนเซปต์ในเพลง Red Flavor ของ Red Velvet ล้วนเป็นผลงานจากวิสัยทัศน์ของมินฮีจินทิ้งสิ้น โดยเฉพาะกับอัลบั้ม Pink Tape ของ f(x) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกและเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับวงการเพลง K-POP
ด้วยความเชี่ยวชาญของมินฮีจิน ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารของ SM Entertainment ในปี 2017 หลังจากทำงานที่ SM มากว่า 15 ปี สื่อระดับนานาชาติยังยกย่องให้เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการบันเทิงระดับโลก ต่อมาในปี 2019 เธอก็ได้ย้ายมาทำงานที่ BigHit Entertainment (ปัจจุบันคือ HYBE) และก่อตั้งค่าย ADOR โดย NewJeans คือผลลัพธ์สำคัญที่เธอมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกสมาชิกไปจนถึงการดูแลทุกแง่มุมของกระบวนการการเดบิวต์ของวง
ตอกย้ำฝีมือการกำกับที่สร้างสรรค์ผ่าน NewJeans
ในปี 2022 วง NewJeans ได้ทำลายบรรทัดฐานดั้งเดิมของวงเกิร์ลกรุ๊ป K-POP เป็นอย่างมาก ด้วยการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการ K-POP ในระดับที่สามารถเปรียบเทียบกับการเดบิวต์ของวงเกิร์ลกรุ๊ป K-POP รุ่นแรกๆ อย่าง S.E.S ได้เลย ซึ่งนอกจากเพลงสไตล์ป๊อปที่ฟังง่ายและคอนเซปต์ที่ดูเป็นธรรมชาติแล้ว กลยุทธ์การปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลงก่อนเดบิวต์และรูปแบบอัลบั้มที่แหวกแนวของพวกเธอ ก็ยังได้ทำลายบรรทัดฐานดั้งเดิมของวงการอีกด้วย
ตั้งแต่เพลงเดบิวต์อย่าง Attention และ Hype Boy ไปจนถึงเพลงฮิตอย่าง Ditto, Super Shy, How Sweet และ Supernatural ทุกเพลงล้วนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม อัลบั้มทั้ง 5 ชุดที่ปล่อยออกมานับตั้งแต่เดบิวต์ต่างก็ทำยอดขายอัลบั้มทะลุหลักล้านชุดได้ทั้งหมด อีกทั้ง NewJeans ยังได้สร้างสถิติเป็นวง K-POP ที่ทำการขึ้นแสดงที่ Tokyo Dome เร็วที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี 11 เดือนหลังจากเดบิวต์ นอกจากนี้ นิตยสารดนตรี Paste จากสหรัฐอเมริกา ยังยกย่องเพลง Ditto ว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดแห่งทศวรรษ 2020 ในขณะที่ The New York Times ก็ได้รวมเพลง Supernatural ไว้ในรายชื่อเพลงที่ดีที่สุดแห่งปี 2024 อีกด้วย
การก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วของ NewJeans ส่วนหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงทักษะการวางแผนและความเชี่ยวชาญของมินฮีจิน โดยตัวเธอเองก็เคยกล่าวไว้ว่า “NewJeans คือการสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเป็นไอคอนแห่งยุค เหมือนกับกางเกงยีนส์ที่คนสวมใส่ได้ทุกวันโดยไม่มีวันเบื่อ และยังเป็นความทะเยอทะยานที่จะเป็น ‘เจเนอเรชันใหม่ (New Gens)’” และแน่นอนว่า NewJeans ได้ก้าวขึ้นเป็นไอคอนแห่งยุคไปแล้ว
ถึงแม้เวลาจะผ่านไป 2 ปี แต่พวกเธอยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ การแสดง Blue Lagoon ของฮันนิ และงานแฟนมีตติ้งของ NewJeans อย่าง 2024 Bunnies Camp ที่ Tokyo Dome ต่างก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของมินฮีจินในด้านการวางแผนการจัดงานคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี
ประเด็นความขัดแย้งกับ HYBE และผลกระทบต่อวงการ K-POP
ประเด็นความขัดแย้งระหว่างมินฮีจินและ HYBE ได้ลุกลามเกินขอบเขตของระบบในบริษัทอุตสาหกรรม K-POP ทั่วไปแล้ว โดยกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตอิทธิพลที่โปรดิวเซอร์คนหนึ่งสามารถมีต่อศิลปินได้ ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มเกิดประเด็นความขัดแย้งนี้ สมาชิกวง NewJeans ได้แสดงการสนับสนุนมินฮีจินอย่างเปิดเผย โดยพวกเธอมองว่า มินฮีจินคือผู้สร้างเอกลักษณ์ให้กับวง ถึงขั้นที่พวกเธอได้ทำการส่งจดหมายแจ้งเตือนทางกฎหมายไปยัง ADOR เพื่อเรียกร้องให้มินฮีจินกลับมาดำรงตำแหน่ง CEO อีกครั้ง
ในขณะที่แฟนคลับของ NewJeans ก็มีความรู้สึกเดียวกัน โดยมองว่ามินฮีจินคือบุคคลที่วางแผนและสร้างกลยุทธ์ให้กับวง รวมถึงการร่วมมือกับสมาชิกวงเพื่อบรรลุความสำเร็จในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากที่มินฮีจินถูกปลดออกจากตำแหน่ง สมาชิก NewJeans ได้ออกมายอมรับว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากและเต็มไปด้วยความกดดันหลังจากที่ CEO มินฮีจิน ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้ว” และในพิธีมอบรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายน พวกเธอยังได้กล่าวสนับสนุนมินฮีจินต่อสาธารณชนว่า “พวกเรารู้สึกซาบซึ้งและรัก CEO ของพวกเราเป็นอย่างมาก” แม้กระทั่งในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับการยุติสัญญาพิเศษกับ ADOR พวกเธอก็ยังคงแสดงเจตนารมย์ที่จะทำงานร่วมกับมินฮีจินต่อไป
จนต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ทำงานกับ HYBE มานานประมาณ 6 ปี มินฮีจินได้ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการภายในของ ADOR และแยกทางกับ HYBE อย่างเป็นทางการ โดยเธอได้ทำการยกเลิกข้อตกลงผู้ถือหุ้นกับ HYBE และประกาศความตั้งใจที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อ HYBE ในข้อหาละเมิดข้อตกลงที่ได้กำหนดไว้ และในขณะเดียวกัน ADOR ได้ยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายเพื่อยืนยันความถูกต้องของสัญญาพิเศษกับ NewJeans อีกด้วย
โดยประเด็นความขัดแย้งที่เกี่ยวพันกันระหว่างมินฮีจิน, NewJeans, HYBE และ ADOR นี้ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการ K-POP และวัฒนธรรมสมัยนิยมโดยภาพรวม และคาดว่าจะยังคงเป็นประเด็นสำคัญต่อไปในปี 2025 และในอนาคต
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล: https://x.com/juantokki/status/1871077520143212564?t=nCaCDQqzGWx7yg1DsUWvzw&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี: https://www.sisajournal.com/news/articleView.html?idxno=318374