อิ๊งขำ ประยุทธ์ปรี๊ด แสลงชื่อทักษิณ ด้านณัฐวุฒิ แนะจตุพร พูดเท่านี้ น่าจะเพียงพอแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3793138
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่จ.เลย นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาโจมตี นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) จะดำเนินการอย่างไร ว่า พรรค พท.ไม่มีแนวทางตอบโต้กับนาย
จตุพร หรือใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย เราเชื่อว่าการทุ่มเททำงานหนักเพื่อนำประชาธิปไตยกลับคืนมา เปลี่ยนแปลงรัฐบาล แก้ปัญหาประชาชนคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ต้องทำให้สำเร็จให้ได้
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับนายจตุพร แม้เหตุการณ์ตอนนี้ก็ไม่เคยรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ แต่ถ้าสื่อสารถึงกันได้บ้าง อยากบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าจะเพียงพอหรือได้ข้อยุติสำหรับการแสดงท่าทีแล้วหรือไม่ ขอให้พวกเราพี่ๆ น้องๆ ได้ทำงานในสนามเลือกตั้ง เราไม่ทะเลาะกับนายจตุพร หากไม่สะบายใจก็ไม่เป็นไรหากนาย
จตุพร จะหันมาที่ตน ตนยังพร้อมทำงานในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยต่อไปโดยไม่แสดงความเป็นปฎิปักษ์
“
อยากให้มองมาที่พรรคเพื่อไทย เป็นพี่ เพื่อน น้อง ที่เคยยืนเคียงข้างกัน วันนี้เราทำงานหนักเพื่อนำบ้านเมืองให้รอดจากวิกฤติ ดังนั้น ขอให้เราได้มีสมาธิทำหน้าที่ เราต่างเคยยืนเคียงข้างนายทักษิณ ในสนามเลือกตั้ง เคียงข้างผู้นำของพรรคการเมืองนี้ตลอด วันนี้ผมยืนข้าง น.ส.แพทองธาร พี่ก็ทราบว่าน้องอุ๊งอิ๊งมีหัวใจเป็นคนเสื้อแดง เติบโตมากับการเห็นภาพการถูกกระทำของคนเสื้อแดง หลั่งน้ำตาให้กับการสูญเสีย กับความเจ็บปวดของคนเสื้อแดง อยากให้พี่นึกถึงภาพวันแบบนั้น ให้น้องอุ๊งอิ๊งได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะทำ อย่างที่ประชาชนตั้งความหวัง อย่างที่ประเทศไทยกำลังรอโอกาส และเชื่อว่า พี่น้องเสื้อแดง หากจะไปสนับสนุนพรรคอื่นในฝ่ายประชาธิปไตยคงเป็นด้วยเหตุผลอื่น ไม่น่าจะเป็นเพราะประเด็นที่นายจตุพรเปิดออกมา และยังเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่” นาย
ณัฐวุฒิ กล่าว
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนคนเสื้อแดงที่ไม่สมหวังกับการจัดตัวผู้สมัครของพรรค พท. ตนสอบถามกับคณะกรรมการสรรหาอยากให้มีการอธิบายแบบตรงไปตรงมา แต่ที่เปิดตัวไปมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ได้โอกาส ยืนยันเราไม่เคยคิดทอดทิ้งทำลายน้ำใจกัน หวังว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งพี่น้องเสื้อแดงจะทบทวนวิธีคิดและจับมือร่วมกันเหมือนเดิม และเหมือนที่น.ส.
แพทองธาร บอกเป้าหมายแลนด์สไลด์ไม่ใช่เพื่อพานายทักษิณกลับบ้าน เป็นคนละประเด็นกัน ท่านก็พูดจะกลับหรือไม่อยู่ที่หัวใจท่าน ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง ดังนั้น แลนด์สไลด์ของพรรค พท. เพื่อเอาพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เอารัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการกลับบ้าน
เมื่อถามว่า น.ส.
แพทองธาร เหมือนสะเทือนใจกับคำพูดของนาย
ณัฐวุฒิ น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอน ตนผ่านมาเยอะเรื่องคนเสื้อแดง หากคนเสื้อแดงยังสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย เราเคารพสิทธิ จะเลือกพรรคใดย่อมได้ อย่างตนที่เป็นคนนำหาเสียงตนก็คือคนเสื้อแดงคนหนึ่ง มีความสูญเสีย มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น พูดอีกครั้งก็สะเทือนใจ
เมื่อถามว่า สิ่งที่นาย
จตุพร พูดถึงนาย
ทักษิณ จะชี้แจงอย่างไร น.ส.
แพทองธาร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “
ไม่มีอะไรให้ชี้แจง”
เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.
ประยุทธ์ ระบุไม่อยากได้ยินชื่อนาย
ทักษิณ รู้สึกอย่างไร น.ส.
แพทองธาร หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “
ถามคุณพ่อหรือยัง คุณพ่อชอบรึเปล่า ล้อเล่นๆ ตลกดี ไม่มีอะไร ท่านอาจจะเครียดหลายอย่าง อาจจะหงุดหงิด มนุษย์หงุดหงิดได้ ก็เข้าใจได้”
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ลุยตลาดเมืองโคราชตั้งแต่ไกโห่ คนสะท้อน ศก.แย่ ไล่ลุงตู่ลาออก
https://www.matichon.co.th/region/news_3792938
ก้าวไกล โคราช ฟิตแต่ไก่โห่ เดินตลาดกลางเมืองโชว์ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. รับฟังเสียงสะท้อน ขอให้ลุงตู่ไขก๊อก
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่ตลาดแม่กิมเฮง เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา นาย
ฉัตร สุภัทรวณิชย์ อดีตสมาชิกสภา (ส.ท.) ทน.นครราชสีมา พร้อมทีมงานผู้สนับสนุน ออกเดินพบปะผู้ประกอบการค้าและประชาชนที่มาซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค โดยแนะนำตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 โคราช พรรคก้าวไกล (ก.ก.)
พร้อมเปิดรับฟังเสียงสะท้อนที่เป็นปัญหาและความต้องการส่วนใหญ่ตัดพ้อต่อเศรษฐกิจ โดยขอให้ลุงตู่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณารีบไขก๊อกและต้องการความเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางบรรยากาศเสียงตอบรับค่อนข้างชื่นมื่น พร้อมถ่ายเซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึก
นาย
ฉัตรเปิดเผยว่า ห้วงเวลากว่า 8 ปีที่รัฐบาลของ พล.อ.
ประยุทธ์บริหารประเทศมีแต่คนจนเพิ่มขึ้น ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้าต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจการค้าขายซบเซา ผลกระทบที่ชัดเจน ทั้งรายได้ลด ค่าใช้จ่ายและหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ต้องปรับการใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอด ผมและทีมงานได้รวบรวมข้อมูลที่ได้จากปากคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้แรงงานและกลุ่มประกอบอาชีพอิสระและรับจ้างเพื่อนำไปปรับปรุงนโยบายให้โดนใจตอบโจทย์ความต้องการ หากผู้มีอำนาจในบ้านนี้เมืองนี้ลงพื้นที่มาเปิดใจรับฟังก็จะทราบข้อเท็จจริง
“พิชาย” ชี้ ส.ว. ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ เพราะขัดหลักการและจิตสำนึกประชาธิปไตย
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3793155
รศ.ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ แปลกใจแนวคิดส.ว.ที่จะแจกเงินปชช. 500 บาทเพื่อไปเลือกตั้ง ชี้ส.ว.ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ เพราะขัดหลักการและจิตสำนึกประชาธิปไตย เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ได้เกิน 300 เสียง ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
ผู้ส่งออกข้าว จับตา”บาทแข็ง” ลังเลเป้า 7.5 ล้านตัน พณ.เคาะประกันรายได้ข้าวงวด 16
https://www.matichon.co.th/economy/news_3793681
นาย
อุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวด 16 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวระหว่าง 21-27 มกราคม 2566 ปรากฏว่า ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันรายได้เกือบทุกชนิดข้าว โดยมีเพียงข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ซึ่งมีเกณฑ์กลางตันละ 13,656.68 บาท ที่เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 343.32 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,493.12 บาท สำหรับข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกัน ดังนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,177.49 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,081.45 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,553.52 บาท สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว
“
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า หลายประเทศยังมีความต้องการข้าวขาว โดยเฉพาะอิรัก ส่งผลให้ราคาข้าวขาวปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงข้าวหอมปทุมธานีสูงขึ้นจากความต้องการแทนข้าวหอมมะลิที่ราคาส่งออกเพิ่มสูงขึ้น สำหรับเป้าหมายการส่งออกปี 2566 สมาคมตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม คงรอดูสถานการณ์การปรับตัวของค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง” นาย
อุดม กล่าว
นาย
อุดม กล่าวต่อว่า การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 16 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 โดยในงวดที่ 1-15 ที่ผ่านมาจ่ายส่วนต่างแล้ว จำนวน 2.59 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,844.16 ล้านบาท ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพันบาท) ธ.ก.ส. ได้โอนเงินให้เข้าบัญชีเกษตรกรแล้วกว่า 4.61 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้ การโอนเงินยังคงมีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก จึงขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ- สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป
แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าว ระบุว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังจัดตาและห่วงผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งและผันผวนเร็ว เพราะทุก 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มีผลต่อราคาส่งออกข้าวเปลี่ยนแปลง 15-20 เหรียญสหรัฐต่อตัน และทำให้การเจรจาการค้าทำได้ยากขึ้น อาจมีผลต่อเป้าหมายส่งออกปี 2566 ที่สมาคมมองไว้ 7.5-8.0 ล้านตัน
JJNY : 5in1 อิ๊งขำ ประยุทธ์ปรี๊ด│คนสะท้อนศก.แย่│“พิชาย”ชี้ส.ว.ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ│จับตา”บาทแข็ง”│US คว่ำบาตรหน่วยงานจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3793138
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่จ.เลย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาโจมตี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) จะดำเนินการอย่างไร ว่า พรรค พท.ไม่มีแนวทางตอบโต้กับนายจตุพร หรือใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย เราเชื่อว่าการทุ่มเททำงานหนักเพื่อนำประชาธิปไตยกลับคืนมา เปลี่ยนแปลงรัฐบาล แก้ปัญหาประชาชนคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ต้องทำให้สำเร็จให้ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับนายจตุพร แม้เหตุการณ์ตอนนี้ก็ไม่เคยรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ แต่ถ้าสื่อสารถึงกันได้บ้าง อยากบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าจะเพียงพอหรือได้ข้อยุติสำหรับการแสดงท่าทีแล้วหรือไม่ ขอให้พวกเราพี่ๆ น้องๆ ได้ทำงานในสนามเลือกตั้ง เราไม่ทะเลาะกับนายจตุพร หากไม่สะบายใจก็ไม่เป็นไรหากนายจตุพร จะหันมาที่ตน ตนยังพร้อมทำงานในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยต่อไปโดยไม่แสดงความเป็นปฎิปักษ์
“อยากให้มองมาที่พรรคเพื่อไทย เป็นพี่ เพื่อน น้อง ที่เคยยืนเคียงข้างกัน วันนี้เราทำงานหนักเพื่อนำบ้านเมืองให้รอดจากวิกฤติ ดังนั้น ขอให้เราได้มีสมาธิทำหน้าที่ เราต่างเคยยืนเคียงข้างนายทักษิณ ในสนามเลือกตั้ง เคียงข้างผู้นำของพรรคการเมืองนี้ตลอด วันนี้ผมยืนข้าง น.ส.แพทองธาร พี่ก็ทราบว่าน้องอุ๊งอิ๊งมีหัวใจเป็นคนเสื้อแดง เติบโตมากับการเห็นภาพการถูกกระทำของคนเสื้อแดง หลั่งน้ำตาให้กับการสูญเสีย กับความเจ็บปวดของคนเสื้อแดง อยากให้พี่นึกถึงภาพวันแบบนั้น ให้น้องอุ๊งอิ๊งได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะทำ อย่างที่ประชาชนตั้งความหวัง อย่างที่ประเทศไทยกำลังรอโอกาส และเชื่อว่า พี่น้องเสื้อแดง หากจะไปสนับสนุนพรรคอื่นในฝ่ายประชาธิปไตยคงเป็นด้วยเหตุผลอื่น ไม่น่าจะเป็นเพราะประเด็นที่นายจตุพรเปิดออกมา และยังเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนคนเสื้อแดงที่ไม่สมหวังกับการจัดตัวผู้สมัครของพรรค พท. ตนสอบถามกับคณะกรรมการสรรหาอยากให้มีการอธิบายแบบตรงไปตรงมา แต่ที่เปิดตัวไปมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ได้โอกาส ยืนยันเราไม่เคยคิดทอดทิ้งทำลายน้ำใจกัน หวังว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งพี่น้องเสื้อแดงจะทบทวนวิธีคิดและจับมือร่วมกันเหมือนเดิม และเหมือนที่น.ส.แพทองธาร บอกเป้าหมายแลนด์สไลด์ไม่ใช่เพื่อพานายทักษิณกลับบ้าน เป็นคนละประเด็นกัน ท่านก็พูดจะกลับหรือไม่อยู่ที่หัวใจท่าน ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง ดังนั้น แลนด์สไลด์ของพรรค พท. เพื่อเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เอารัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการกลับบ้าน
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร เหมือนสะเทือนใจกับคำพูดของนายณัฐวุฒิ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอน ตนผ่านมาเยอะเรื่องคนเสื้อแดง หากคนเสื้อแดงยังสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย เราเคารพสิทธิ จะเลือกพรรคใดย่อมได้ อย่างตนที่เป็นคนนำหาเสียงตนก็คือคนเสื้อแดงคนหนึ่ง มีความสูญเสีย มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น พูดอีกครั้งก็สะเทือนใจ
เมื่อถามว่า สิ่งที่นายจตุพร พูดถึงนายทักษิณ จะชี้แจงอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่มีอะไรให้ชี้แจง”
เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุไม่อยากได้ยินชื่อนายทักษิณ รู้สึกอย่างไร น.ส.แพทองธาร หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ถามคุณพ่อหรือยัง คุณพ่อชอบรึเปล่า ล้อเล่นๆ ตลกดี ไม่มีอะไร ท่านอาจจะเครียดหลายอย่าง อาจจะหงุดหงิด มนุษย์หงุดหงิดได้ ก็เข้าใจได้”
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ลุยตลาดเมืองโคราชตั้งแต่ไกโห่ คนสะท้อน ศก.แย่ ไล่ลุงตู่ลาออก
https://www.matichon.co.th/region/news_3792938
ก้าวไกล โคราช ฟิตแต่ไก่โห่ เดินตลาดกลางเมืองโชว์ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. รับฟังเสียงสะท้อน ขอให้ลุงตู่ไขก๊อก
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่ตลาดแม่กิมเฮง เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ อดีตสมาชิกสภา (ส.ท.) ทน.นครราชสีมา พร้อมทีมงานผู้สนับสนุน ออกเดินพบปะผู้ประกอบการค้าและประชาชนที่มาซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค โดยแนะนำตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 โคราช พรรคก้าวไกล (ก.ก.)
พร้อมเปิดรับฟังเสียงสะท้อนที่เป็นปัญหาและความต้องการส่วนใหญ่ตัดพ้อต่อเศรษฐกิจ โดยขอให้ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณารีบไขก๊อกและต้องการความเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางบรรยากาศเสียงตอบรับค่อนข้างชื่นมื่น พร้อมถ่ายเซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึก
นายฉัตรเปิดเผยว่า ห้วงเวลากว่า 8 ปีที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศมีแต่คนจนเพิ่มขึ้น ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้าต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจการค้าขายซบเซา ผลกระทบที่ชัดเจน ทั้งรายได้ลด ค่าใช้จ่ายและหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ต้องปรับการใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอด ผมและทีมงานได้รวบรวมข้อมูลที่ได้จากปากคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้แรงงานและกลุ่มประกอบอาชีพอิสระและรับจ้างเพื่อนำไปปรับปรุงนโยบายให้โดนใจตอบโจทย์ความต้องการ หากผู้มีอำนาจในบ้านนี้เมืองนี้ลงพื้นที่มาเปิดใจรับฟังก็จะทราบข้อเท็จจริง
“พิชาย” ชี้ ส.ว. ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ เพราะขัดหลักการและจิตสำนึกประชาธิปไตย
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3793155
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ แปลกใจแนวคิดส.ว.ที่จะแจกเงินปชช. 500 บาทเพื่อไปเลือกตั้ง ชี้ส.ว.ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ เพราะขัดหลักการและจิตสำนึกประชาธิปไตย เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ได้เกิน 300 เสียง ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
ผู้ส่งออกข้าว จับตา”บาทแข็ง” ลังเลเป้า 7.5 ล้านตัน พณ.เคาะประกันรายได้ข้าวงวด 16
https://www.matichon.co.th/economy/news_3793681
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวด 16 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวระหว่าง 21-27 มกราคม 2566 ปรากฏว่า ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันรายได้เกือบทุกชนิดข้าว โดยมีเพียงข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ซึ่งมีเกณฑ์กลางตันละ 13,656.68 บาท ที่เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 343.32 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,493.12 บาท สำหรับข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกัน ดังนี้ ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,177.49 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,081.45 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,553.52 บาท สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว
“สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า หลายประเทศยังมีความต้องการข้าวขาว โดยเฉพาะอิรัก ส่งผลให้ราคาข้าวขาวปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงข้าวหอมปทุมธานีสูงขึ้นจากความต้องการแทนข้าวหอมมะลิที่ราคาส่งออกเพิ่มสูงขึ้น สำหรับเป้าหมายการส่งออกปี 2566 สมาคมตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม คงรอดูสถานการณ์การปรับตัวของค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง” นายอุดม กล่าว
นายอุดม กล่าวต่อว่า การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 16 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 โดยในงวดที่ 1-15 ที่ผ่านมาจ่ายส่วนต่างแล้ว จำนวน 2.59 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,844.16 ล้านบาท ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพันบาท) ธ.ก.ส. ได้โอนเงินให้เข้าบัญชีเกษตรกรแล้วกว่า 4.61 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้ การโอนเงินยังคงมีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก จึงขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ- สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป
แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าว ระบุว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังจัดตาและห่วงผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งและผันผวนเร็ว เพราะทุก 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มีผลต่อราคาส่งออกข้าวเปลี่ยนแปลง 15-20 เหรียญสหรัฐต่อตัน และทำให้การเจรจาการค้าทำได้ยากขึ้น อาจมีผลต่อเป้าหมายส่งออกปี 2566 ที่สมาคมมองไว้ 7.5-8.0 ล้านตัน