นายฮ้อยผจญมนตร์สมิง(ซีรี่ย์นายฮ้อยตอนจบบริบูรณ์)




นายฮ้อยผจญมนตร์สมิง

ล. วิลิศมาหรา

กลางดึกของคืนนั้นเอง ขณะที่ขบวนทัพควายส่วนใหญ่ยังตกอยู่ในห้วงนิทรา มีเพียงยามเฝ้ารักษาการณ์ประจำอยู่ในจุดต่าง ๆ รอบขบวน

เจ้าม่อนที่นั่งเฝ้ายามอยู่ด้านที่ติดกับหนองน้ำ รู้สึกอากาศหนาวเย็นจัดขึ้น จนผิดสังเกต หน้าชาไปหมดพร้อมมือที่เย็นเฉียบ เหลียวมองหาเจ้าคำดาที่นั่งยามอยู่คู่กัน ซึ่งลุกไปทำธุระส่วนตัวในพุ่มไม้ใกล้กับที่นั่งยาม นั่งรออยู่นานก็ยังไม่เห็นโผล่หน้าออกมาสักที อากาศก็หนาวเย็นขึ้นทุกที จนนึกอยากจะได้ข้าวเหนียวมาทำข้าวจี่ร้อน ๆ กิน รอคำดามาเปลี่ยน เพื่อที่จะเดินไปเอาข้าวเหนียวที่กองเสบียงอีกด้านของขบวนคาราวาน แต่ท่าทางคำดาจะยังทำธุระไม่เสร็จ จึงจะเดินไปทางกองไฟ เพื่อสุมฟืนให้ไฟลุกขึ้นอีก พลันประสาทสัมผัสก็ได้กลิ่นชนิดหนึ่งลอยมาเข้าจมูก มันเป็นกลิ่นสาบอ่อน ๆ ลอยมาตามลม แม้จะไม่ได้เป็นนายพรานที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์อะไร แต่เจ้าม่อนก็ได้เคยเข้าป่าล่าสัตว์กับพวกพรานป่ามาก่อน ดังนั้นจึงพอจะจดจำกลิ่นสาบของสัตว์ได้ กลิ่นแบบนี้มันคือกลิ่นของเสือชัด ๆ!!!

เจ้าม่อนใจหายวาบ คว้าปืนยาวมากระชับในมือ สายตาจ้องมองเข้าไปในเงามืดของดงไม้อย่างระแวดระวัง ได้กลิ่นสาบของเสือรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะก้าวพรวดออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง เจ้าม่อนวาดปากกระบอกปืนไปทางด้านนั้นทันที

“เฮ้ย! อย่ายิง นี่ข้าเอง” คำดารีบร้องห้ามเสียงหลง ทำให้ม่อนชะงักนิ้วค้างในโกร่งไกปืนทัน ไม่เช่นนั้นเป็นได้ระเบิดกระสุนใส่หัวเพื่อนกระจุย เขาลดปืนลง แกว่งหัวไปมา ปากก็ต่อว่าคำดาที่เกือบทำให้ตนต้องยิงคนตาย

“พรวดพราดออกมาเดี๋ยวก็โดนลูกปืนเข้าให้หรอก ดีนะที่ข้าไม่ทันเหนี่ยวไก”

“ทำเป็นขี้ตกใจไปได้ ข้าปวดท้องก็เลยนั่งนานไปหน่อย” คำดาเอามือลูบท้องตัวเอง แล้วก็บ่นขึ้นอีก

“ข้ายังไม่หายปวดท้องดีหรอก ตอนนั่งถ่ายอยู่ใกล้หนองน้ำ ข้าเห็นมีตัวอะไรลงไปว่ายน้ำด้วยว่ะ ไม่รู้ใช่คนในขบวนเราหรือเปล่า เลยรีบออกมาบอกเอ็ง”

“คนที่ไหนจะมาลงเล่นน้ำตอนกลางค่ำกลางคืน เอ็งตาฝาดหรือเปล่า”

“ข้าเห็นจริง ๆ แต่ตรงนั้นมันมืด เห็นแค่เป็นเงาตะคุ่ม ๆ ลงไปว่ายอยู่ในน้ำ ดูไม่ออกว่าเป็นคนหรือสัตว์ จะร้องเรียกก็ไม่กล้า เผื่อไม่ใข่คน”

“เฮ้ย! อย่าพูดมาก ปากเสียแล้วไหมล่ะ เข้าป่ามาเขาห้ามพูดทักถึงเรื่องผีสางในป่า มันจะเป็นลางไม่ดี อาจเป็นนกก็ได้ ไอ้ตัวที่มันออกหากินตอนกลางคืนน่ะ”

คำดามองหน้าเพื่อนเหมือนจะบอกว่า นกบ้าอะไรจะตัวใหญ่ขนาดนั้น แต่เมื่อโดนเพื่อนด่าว่าปากเสีย อาจทำให้เป็นลางร้ายต่อขบวนทัพควายของตนเอง คำดาเลยยิ้มแห้ง ๆ หยุดพูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคลลง

“แต่เมื่อกี้นี้ข้าว่าข้าได้กลิ่นสาบเสือนะ ไม่รู้ป่าแถวนี้จะมีเสือหรือเปล่า ต้องคอยระวังไว้ให้ดี บางทีอาจเป็นเสือคู่ของเจ้าตัวที่ถูกพวกเรายิงตายไปก็ได้”

กลับเป็นม่อนเสียเองที่เอ่ยถึงอันตรายในป่าขึ้นมาอีก คำดาทำจมูกฟุดฟิดเพื่อสูดหากลิ่น 

“ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย นอกจากกลิ่นควันไฟ”

“ตอนนี้กลิ่นมันจางลงแล้ว ถ้าเป็นเสือมันก็คงไปแล้วมั้ง งั้นเอ็งนั่งอยู่นี่ก่อน สิไปเอาข้าวมาจี่กิน หนาวอีหลี กินข้าวจี่อุ่น ๆ ร้อน ๆ กันคัก ๆ” 

คำดาพยักหน้า “เออ ไปเหอะ เอาไข่ทามาด้วยนะ ข้าก็ชักหิวขึ้นมาเหมือนกัน”

ม่อนจึงเดินผละไปทางกองเสบียง ปล่อยให้คำดานั่งทำหน้าที่อยู่คนเดียว ไอ้หนุ่มลูกข้าวเหนียวมุ่งหน้าไปหาของชอบเอามากินกับเพื่อน โดยมีสายตาของคำดามองตามไป รอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นที่มุมปากของคำดา พร้อมประกายตาที่เปล่งแสงสีเขียวเรือง ๆ ออกมา

ติดตามความตื่นเต้นระทึกใจและฉากจบที่สะเทือนอารมณ์ได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/90YFVYSg6g0
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่