เช้าวันนี้ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาชงกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้านริมสวน ต้นลีลาวดีสีขาวสะอาด พลันสายตาไปสะดุดกับพาดหัวข่าวนึงว่า ดับอนาถหนุ่มใหญ่โดนเสือคาบไปกินขณะทำสวน ขณะนี้....อ่านต่อหน้า9 ข้าพเจ้ารีบพลิกไปดูที่หน้านั้นทันทีด้วยความกระตือรือร้น เนื้อหาในข่าวใด้ใจความว่า มีเสือเกเรมาคาบผู้ใหญ่บ้านที่หมู่บ้านข้างๆไปกินและขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งล่าตัวเจ้าเสือร้ายอยู่... ข้าพเจ้าปิดหนังสือพิมพ์ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ปกติข้าพเจ้าชอบเรื่องสัตว์ดุร้ายมีเขี้ยวงา เขาและนอ อยู่แล้ว ได้พบเจอมาก็มาก และบางชนิดก็สังหารไปจนแทบนับจำนวนไม่ได้ หากนับจำนวนเขาและงา รวมไปถึงจำพวกหนังสัตว์ อาวุธปืนไปจนถึงอาวุธสงครามต่างๆ บ้านข้าพเจ้าก็เหมือน พิพิธภัณฑ์ดีๆนั่นเอง หากมีพวกป่าไม้หรือทหารมาเจอเข้าก็ไม่ต้องห่วง ติดคุกกันยาวๆแน่นอน แต่อยู่ในป่าลึกอย่างนี้ใครเล่าเขาจะมา ข้าพเจ้าเลยตกลงใจที่จะติดตามเสือร้ายตัวนั้นทันที ตอนนี้พิกัดคร่าวๆของเสือตัวนั้นก็พอได้ทราบอยู่จากหนังสือพิมพ์ แต่แค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับคนที่คลุกคลีอยู่กับสัตว์ป่าอย่างข้าพเข้า
ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหวแล้วที่จะใด้เจอเจ้าเสือกินคน เจ้าเสือตัวนั้น.... ข้าพเจ้าเลยตระเตรียม ปืนไรเฟิล และกระสุนเอยอะไรเอย ข้าพเจ้าไม่ต้องเตรียมการอะไรมากนักเพราะเจ้าเสือร้ายตัวนั้น อยู่แถบชานเมืองนี่เอง ข้าพเจ้าขับรถไปตามแผนที่ในหัวสมอง เข้าสู่ใจกลางเมือง อำเภอเมือง กิ่งอำเภอ ผ่านถนนดำจนเข้าไปถึงถนนลูกรัง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมาก ข้าพเจ้ารีบบึ่งไปยังสวนผลไม้ที่เป็นสุสานของผู้ใหญ่บ้านทันที สถาณที่นี้เหมาะแก่การแกะรอยเสือมาก เพราะเป็นดินที่อ่อนนุ่มจึงปรากฏรอยเท้าเสือ และรอยรองเท้าบู๊ตทหารปะปนกัน น่าแปลกใจที่มันแกะรอยไม่ยากอย่างที่คิด แต่ทำไมไม่ยักกะมีทหารนายไหนใด้เจอมัน ราวๆครึ่งกิโลเมตรลึกเข้าไปในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุ ข้าพเจ้าได้พบตัวมันราวๆเกือพลบค่ำในขณะที่แสงแหลือน้อยเต็มที ทันทีที่ข้าเจ้าเห็นตัวมันก็รู้ใด้ในทันทีว่านั่นคือเสือ ตอนนี้หัวใจข้าพเจ้าสั่นเป็นกลองเพลและเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ไม่มีที่ใดจะเหมาะไปกว่ากอต้นกกที่มันสูงท่วมหัวนี้แล้ว จะเล็กก็ง่ายจะยิงก็ง่าย ข้าพเจ้ารู้ดีว่าหากยิงไม่โดนหัวมันมันก็จะไม่ตายและมันอาจจะหายไป เลยต้องซุ่มอยู่ไต้ลมจนกว่ามันจะขยับ แต่มันก็หมอบอยู่ตรงนั้นเสียนานเหมือนกับไม่มีที่ไป จนมันถึงเวลาที่มันขยับ และเป็การส่งสัญญาณให้ข้าพเจ้าต้องลั่นไกเพื่อดับชีวิตเจ้าเสือร้ายตัวนั้น มันหันมาสบตาแป๋วราวกับว่ามันบอกให้ข้าพรีบเจ้าลั่นไก นาทีนั้นยาวนานราวกับชั่วโมง จนข้าพเจ้าต้องเปลี่ยนใจ ด้วยขนาดของมัน หยิบปืนอีกกระบอกยิงมันทันทีก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไปเสียงดัง ฟุ่บ!!!
กระสุนนัดนั้นแม่นราวจับวาง เสือตัวนั้นสิ้นฤทธิ์ ภายในเวลาไม่นาน ข้าพเจ้า ยิงซ้ำไปอีกนัดเพื่อความแน่ใจ จะทำอย่างไรกับมันต่อล่ะ อีกความคิดนึงดังขึ้นมา จะทิ้งมันไว้ที่นี่หรอแล้วนี่ทำไปเพื่ออะไรน่าเสียดาย คิดใด้ดังนั้นข้าพเจ้าไม่รอช้ารีบมาที่รถและหยิบเชือกม้วนใหญ่มามัดที่ตัวมันกับรถโฟร์วีลของขาพเจ้าและใช้รอกที่ติดกับรถลากมันออกมาจากในป่า และใช้เครนขนาดย่อมที่ท้ายรถยกตัวมันขึ้นมา โอยหนังเสือแสนสวยของข้าอย่าปิดรอยหรือเป็นแผลอะไรเลย ถึงกระนั้นด้วยขนาดตัวมันหรือว่าความกลัวก็ไม่รู้ ข้าพเจ้ายิงซ้ำไปอีกนัดเพื่อความแน่ใจว่ามันจอดสนิท จนมาถึงที่บ้านในป่า ด้วยความระแวงหรืออุปปาทานทำให้เห็นเหมือนว่ามันลืมตาขึ้นมา ปืนในมือของข้าพเจ้าก็ลั่นอีกนัด ฟุ่บ โอยเสียดายไม่อยากให้หนังเสือผืนนี้เป็นรูไปมากกว่านี้เลย ข้าพเจ้าเห็นมีดที่ปักอยู่บริเวณอุ้งเท้ามัน เลยดึงมันออกมา ที่แท้เหมือนที่คนเก่าคนแก่ว่าใว้จริงๆว่าเสือหากมันใด้รับบาดเจ็บฉกรร มันคือเสือลำบาก มันไม่สามารถวิ่งทันสัตว์ป่าที่อยู่ตามธรรมชาติใด้เลยต้องหันมากินคน ข้าพเจ้าเย็บหนังมันกลับคืนอย่างสวยงาม เพื่อที่มันจะได้เป็นของดูเล่นชิ้นต่อไปในอนาคต...
ไม่ผิดหรอก ในอนาคต แต่ตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้มันยังไม่ตายหรอก มันคือเสือที่ข้าเลี้ยงใว้เองตั้งแต่เล็กๆใครจะไปฆ่ามันลง ที่มันด้งฟุ่บเพราะข้าพเจ้าใช้ปืนยาสลบแทนที่จะเป็นปืนไรเฟิล ข้าพเจ้าจับมันใส่กรงเหมือนเดิม และบอกมันว่า ไม่เป็นไรหรอกถึงเอ็งจะเคยใด้ลิ้มรสชาติเนื้อคนมาแล้วแต่เอ็งอยู่ในกรงนี้ตั้งแต่เด็ก เอ็งเป็นเสือในเมืองไม่ใช่เสือป่า ลูกข้า 555ข้าพเจ้าหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง เพราะงานของข้าพเจ้าเสร็จสิ้นและเสือตัวนั้นตื่นขึ้นมามองตาแป๋ว พลางส่งเสียงคำรามในคอเบาๆขอบใจนะอ้ายลายข้าไม่ได้อยากทำร้ายเอ็งหรอก ขอบใจนะที่ช่วยกำจัดเสี้ยนหนามให้ข้า ข้าไม่ทิ้งเอ็งหรอกอย่างไรข้าก็ต้องไปรับเอ็งกลับแน่นอน ขอบใจเอ็งมากๆไอ้ผู้ใหญ่ขี้โกงมันสมควรตาย555 ขอบคุณ คุณศักดิ์ สุริยันด้วยที่สอนทฤษฏีธรรมชาติเสือให้ข้า สุดท้ายก็เอ็งอ้ายลาย555 ข้าพเจ้าหัวเราะอีกครั้งและปิดหนังสือนวนิยายล่องไพรเล่มนั้นด้วยความภูมิใจ.
พรานล่าเสือ
ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหวแล้วที่จะใด้เจอเจ้าเสือกินคน เจ้าเสือตัวนั้น.... ข้าพเจ้าเลยตระเตรียม ปืนไรเฟิล และกระสุนเอยอะไรเอย ข้าพเจ้าไม่ต้องเตรียมการอะไรมากนักเพราะเจ้าเสือร้ายตัวนั้น อยู่แถบชานเมืองนี่เอง ข้าพเจ้าขับรถไปตามแผนที่ในหัวสมอง เข้าสู่ใจกลางเมือง อำเภอเมือง กิ่งอำเภอ ผ่านถนนดำจนเข้าไปถึงถนนลูกรัง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมาก ข้าพเจ้ารีบบึ่งไปยังสวนผลไม้ที่เป็นสุสานของผู้ใหญ่บ้านทันที สถาณที่นี้เหมาะแก่การแกะรอยเสือมาก เพราะเป็นดินที่อ่อนนุ่มจึงปรากฏรอยเท้าเสือ และรอยรองเท้าบู๊ตทหารปะปนกัน น่าแปลกใจที่มันแกะรอยไม่ยากอย่างที่คิด แต่ทำไมไม่ยักกะมีทหารนายไหนใด้เจอมัน ราวๆครึ่งกิโลเมตรลึกเข้าไปในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุ ข้าพเจ้าได้พบตัวมันราวๆเกือพลบค่ำในขณะที่แสงแหลือน้อยเต็มที ทันทีที่ข้าเจ้าเห็นตัวมันก็รู้ใด้ในทันทีว่านั่นคือเสือ ตอนนี้หัวใจข้าพเจ้าสั่นเป็นกลองเพลและเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ไม่มีที่ใดจะเหมาะไปกว่ากอต้นกกที่มันสูงท่วมหัวนี้แล้ว จะเล็กก็ง่ายจะยิงก็ง่าย ข้าพเจ้ารู้ดีว่าหากยิงไม่โดนหัวมันมันก็จะไม่ตายและมันอาจจะหายไป เลยต้องซุ่มอยู่ไต้ลมจนกว่ามันจะขยับ แต่มันก็หมอบอยู่ตรงนั้นเสียนานเหมือนกับไม่มีที่ไป จนมันถึงเวลาที่มันขยับ และเป็การส่งสัญญาณให้ข้าพเจ้าต้องลั่นไกเพื่อดับชีวิตเจ้าเสือร้ายตัวนั้น มันหันมาสบตาแป๋วราวกับว่ามันบอกให้ข้าพรีบเจ้าลั่นไก นาทีนั้นยาวนานราวกับชั่วโมง จนข้าพเจ้าต้องเปลี่ยนใจ ด้วยขนาดของมัน หยิบปืนอีกกระบอกยิงมันทันทีก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไปเสียงดัง ฟุ่บ!!!
กระสุนนัดนั้นแม่นราวจับวาง เสือตัวนั้นสิ้นฤทธิ์ ภายในเวลาไม่นาน ข้าพเจ้า ยิงซ้ำไปอีกนัดเพื่อความแน่ใจ จะทำอย่างไรกับมันต่อล่ะ อีกความคิดนึงดังขึ้นมา จะทิ้งมันไว้ที่นี่หรอแล้วนี่ทำไปเพื่ออะไรน่าเสียดาย คิดใด้ดังนั้นข้าพเจ้าไม่รอช้ารีบมาที่รถและหยิบเชือกม้วนใหญ่มามัดที่ตัวมันกับรถโฟร์วีลของขาพเจ้าและใช้รอกที่ติดกับรถลากมันออกมาจากในป่า และใช้เครนขนาดย่อมที่ท้ายรถยกตัวมันขึ้นมา โอยหนังเสือแสนสวยของข้าอย่าปิดรอยหรือเป็นแผลอะไรเลย ถึงกระนั้นด้วยขนาดตัวมันหรือว่าความกลัวก็ไม่รู้ ข้าพเจ้ายิงซ้ำไปอีกนัดเพื่อความแน่ใจว่ามันจอดสนิท จนมาถึงที่บ้านในป่า ด้วยความระแวงหรืออุปปาทานทำให้เห็นเหมือนว่ามันลืมตาขึ้นมา ปืนในมือของข้าพเจ้าก็ลั่นอีกนัด ฟุ่บ โอยเสียดายไม่อยากให้หนังเสือผืนนี้เป็นรูไปมากกว่านี้เลย ข้าพเจ้าเห็นมีดที่ปักอยู่บริเวณอุ้งเท้ามัน เลยดึงมันออกมา ที่แท้เหมือนที่คนเก่าคนแก่ว่าใว้จริงๆว่าเสือหากมันใด้รับบาดเจ็บฉกรร มันคือเสือลำบาก มันไม่สามารถวิ่งทันสัตว์ป่าที่อยู่ตามธรรมชาติใด้เลยต้องหันมากินคน ข้าพเจ้าเย็บหนังมันกลับคืนอย่างสวยงาม เพื่อที่มันจะได้เป็นของดูเล่นชิ้นต่อไปในอนาคต...
ไม่ผิดหรอก ในอนาคต แต่ตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้มันยังไม่ตายหรอก มันคือเสือที่ข้าเลี้ยงใว้เองตั้งแต่เล็กๆใครจะไปฆ่ามันลง ที่มันด้งฟุ่บเพราะข้าพเจ้าใช้ปืนยาสลบแทนที่จะเป็นปืนไรเฟิล ข้าพเจ้าจับมันใส่กรงเหมือนเดิม และบอกมันว่า ไม่เป็นไรหรอกถึงเอ็งจะเคยใด้ลิ้มรสชาติเนื้อคนมาแล้วแต่เอ็งอยู่ในกรงนี้ตั้งแต่เด็ก เอ็งเป็นเสือในเมืองไม่ใช่เสือป่า ลูกข้า 555ข้าพเจ้าหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง เพราะงานของข้าพเจ้าเสร็จสิ้นและเสือตัวนั้นตื่นขึ้นมามองตาแป๋ว พลางส่งเสียงคำรามในคอเบาๆขอบใจนะอ้ายลายข้าไม่ได้อยากทำร้ายเอ็งหรอก ขอบใจนะที่ช่วยกำจัดเสี้ยนหนามให้ข้า ข้าไม่ทิ้งเอ็งหรอกอย่างไรข้าก็ต้องไปรับเอ็งกลับแน่นอน ขอบใจเอ็งมากๆไอ้ผู้ใหญ่ขี้โกงมันสมควรตาย555 ขอบคุณ คุณศักดิ์ สุริยันด้วยที่สอนทฤษฏีธรรมชาติเสือให้ข้า สุดท้ายก็เอ็งอ้ายลาย555 ข้าพเจ้าหัวเราะอีกครั้งและปิดหนังสือนวนิยายล่องไพรเล่มนั้นด้วยความภูมิใจ.