ชื่อเรื่อง
(เรื่องสั้นชุด : เครื่องราง)
================
เขี้ยว.........พญาไฟ
================
ดงพญาไฟ ป่าดงดิบอาถรรพ์เต็มไปด้วยความลี้ลับและข่าวลืออันน่าสะพรึงกลัวของภูตผีปีศาจ โรคไข้ป่าและบรรดาสัตว์ร้ายนานาชนิด เปรียบเสมือนปราการมรณะธรรมชาติขวางกั้นระหว่างที่ราบสูงอีสานและที่ราบลุ่มภาคกลาง แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นดงพญาเย็นไปแล้วก็ตาม หากในความรู้สึกของชาวบ้านแถบนั้น ดงพญาเย็นยังคงระอุร้อนไปด้วยไฟแห่งความเร้นลับและความตายอยู่เสมอ ความร้อนแรงแห่งอาถรรพ์ดงดำมรณะยังคงลุกโชน
ในอดีตการเดินทางจากเมืองสระบุรีกับเมืองนครราชสีมาต้องผ่านดงพญาไฟอันกว้างใหญ่ซึ่งไม่มีใครอยากกรายใกล้ การใช้เกวียนเดินทางก็ไม่ได้เพราะสภาพภูมิประเทศแสนลำบาก ต้องอาศัยการเดินเท้าผ่านไปสันเขาบ้างไหล่เขาบ้าง ในปี พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟเชื่อมภาคกลางกับภาคอีสานโดยตัดผ่านดงพญาไฟแห่งนี้ ทำให้ป่าอาถรรพ์ ซึ่งมีประวัติน่าครั่นคร้ามยาวนานแบ่งแยกออกเป็นสองซีกแยกจากกัน หลายคนมองว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการเสื่อมสภาพอาถรรพ์ป่าดงดิบอันเป็นตำนานลึกลับน่ากลัวมายาวนาน
หมู่บ้านดงเย็น เป็นชุมชนหลายร้อยหลังคาเรือน อยู่ใกล้ดงพญาเย็นฝั่งที่ราบลุ่มไม่ห่างจากทางรถไฟก่อนเข้าสู่เขตดงดิบอาถรรพ์ไม่มากนัก คนในหมู่บ้านยังมีความเชื่อเกี่ยวกับผีสางนางไม้ภูตผีอย่างฝังใจแม้ว่าสิ่งที่หนึ่งซึ่งน่ากลัวเรียกว่า”ความเจริญ” กำลังค่อยมาเยือนชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมชางบ้านแห่งนี้ทีละน้อยก็ตาม
ผู้คนในแถบนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพรานคงกับพรานบุญมี สองพรานใหญ่อายุอานามไร่เรี่ยกันราวสี่สิบกว่าปีทั้งคู่ ชื่อเสียงด้านการล่าสัตว์และความเป็นนักเลงไม่แพ้กันมาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มรุ่นกระทง ยาวนานมาจนทุกวันนี้ ทั้งคู่คล้ายเป็นคู่ปรับกันหากบางครั้งก็คล้ายเป็นมิตรสหายกันเมื่อผลประโยชน์บางอย่างเข้ามามีอิทธิพลโดยเฉพาะเรื่องเงินทองซึ่งเป็นของหายากและจำเป็นในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะอยู่ชนบทหรือสังคมเมือง
เจ้าลายตาเดียว เสือลายพาดกลอนจอมโหด คือแรงจูงใจสำคัญในการดึงให้สองพราน ตำนานที่ยังมีชีวิตร่วมมือร่วมใจกันเดินทางเข้ามาในดงดิบด้วยจุดประสงค์ซึ่งเผินๆ เหมือนกัน คือการสังหารเจ้าเสือสมิง หากยังมีแรงจูงใจอีกประการคือเขี้ยวของเสือตัวนี้ ซึ่งเป็นที่ต้องการของใครบางคนด้วยราคาสูงลิบ ผ่านทาง “เฒ่าจ้ำ”ผู้ประหนึ่งเป็นหมอผีทรงอาคมประจำหมู่บ้าน
“ใครที่นำเขี้ยวเสือตัวนี้มาให้ข้า จะได้เงินรางวัลอย่างงามจากผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในกรุงเทพ”
นั่นเป็นคำประกาศของเฒ่าจั้ม ผู้เฒ่าจอมขมังเวทย์ ช่วงแรกนักล่าหาของป่าและพรานป่าหลายคนสนใจ แต่พอรู้ว่าเจ้าเสือตัวนี้คือเจ้าลายตาเดียว ต่างพากันส่ายหัวถอยหลังหนีกันเป็นแถว เพราะข่าวลือถึงเจ้าลายตาเดียวได้สร้างความขนพองสยองเกล้าให้ชาวบ้านแถบนี้มานาน ในฐานะเป็นเสือสมิง บุกเข้ามากัดกินวัวควายสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความฉลาดผิดวิสัยสัตว์ป่าทั่วไปราวกับว่ามันรู้ทันความเคลื่อนไหวของคนในหมู่บ้านแถบนี้เป็นอย่างดี เมื่อใดก็ตามที่มีการดักรอเตรียมพร้อมระดับสูงสุดในหมู่บ้าน เจ้าเสือจะไม่ปรากฏให้เห็น ไม่ยอมกินเหยื่อล่อ แต่แอบดอดเข้าไปล่าเหยื่อในด้านที่ผู้คนละเลยหรือนึกไม่ถึง ขนาดขึ้นไปลากชาวบ้านซึ่งนอนบนเรือนออกไปกินนอกหมู่บ้านโดยคนในบ้านไม่มีใครรู้ตัว
ข่าวความร้ายกาจของมันดังกระฉ่อนเข้าไปจนถึงเมืองกรุง บวกกับเรื่องเล่าความเชื่อเรื่องของรางของขลังที่จะได้จากเขี้ยวเสือสมิงตัวนี้ทำให้นักล่าจากเมืองกรุงหลายกลุ่มเดินทางมาป่าดงดิบแห่งนี้ ทว่าทุกคนที่ออกไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวเข้าไปในเขตดงพญาเย็นต่างแทบไม่มีใครรอดกลับมาเลย คนที่รอดกลับมาก็มีอาการฟั่นเฟือนเป็นบ้าเป็นหลังหรือเป็นไข้ป่าเสียจริตวิปริตกันไปเสียทุกคน บางคนบอกว่านักล่าสัตว์ชาวกรุงไม่มีวันเข้าใจถึงจิตวิญญาณของป่า จึงพากันเอาชีวิตมาทิ้งอย่างน่าเสียดายทั้งที่มีอาวุธทันสมัยและอุปกรณ์เดินป่าครบครัน
หากราคาของเขี้ยวเสือปีศาจยังคงเป็นแรงจูงให้ใครหลายคนซึ่งยังไม่เคยรับรู้ความเป็นป่าดงดิบอย่างแท้จริงพากันไล่ล่าเข้าไปในป่ามรณะอีกหลายกลุ่ม และทุกกลุ่มล้วนประสบชะตากรมเลวร้ายเหมือนกัน ล่าสุดเดือนก่อนลูกชายวัยฉกรรจ์พี่น้องสองคนของพรานคงได้ฝ่าฝืนคำห้ามปรามของผู้เป็นพ่อ พากันรวบรวมเพื่อนๆได้จำนวนหกคนพากันออกล่าเข้าลายตาเดียวเข้าไปในป่าดงดิบ และหายสาบสูญไปจนบัดนี้ ทำเอาพรานคงแทบคลั่งด้วยความแค้นและเสียใจ แต่เขาเองก็ไม่บ้าหรือกล้าพอจะออกไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวเพียงลำพังเพราะความที่เป็นพรานไพรมานานจึงรู้ถึงอาถรรพ์และความน่าสะพรึงกลัวของป่าดงดิบอันกว้างใหญ่นี้เป็นอย่างดี
จนกระทั่งการมาเยือนของพรานบุญมี ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแถบฝั่งที่ราบสูงซึ่งความจริงเป็นคนพื้นเพแถวนี้ หากหนีออกไปหากินต่างถิ่นเกือบสิบปีแล้วหลังการทะเลาะวิวาทกับพรานคงคู่ปรับคนสำคัญ การพบกันของคนทั้งสองชาวบ้านลือกันว่าเป็นการร่วมมือกันของสองคนสองถิ่น สิงห์เหนือเสือใต้ผู้เกริกไกร หลายคนเชื่อว่าถ้าสองคนนี้ร่วมมือกันเมื่อไรก็ไม่มีผืนป่าไหนจะมาหยุดยั้งได้
พรานบุญมีไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง ยังพาลูกน้องมือดีติดตามมาด้วยอีกสามคนและพรานบุญมีเองก็ฉลาดพอที่จะมาติดต่อคู่ปรับเก่าให้มีส่วนร่วมในการไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวด้วยเพื่อประกันความแน่ใจเพราะรู้ฝีมือกันเป็นอย่างดีพร้อมเงื่อนไขอันน่าสนใจยากจะปฏิเสธ
“เงินรางวัลที่ได้แบ่งออกเป็นสามส่วนเท่ากัน แกหนึ่งส่วนข้าหนึ่งส่วน ที่เหลือแบ่งให้คนของข้า”
นั่นเป็นข้อเสนอขอพรานบุญมี เมื่อเอ่ยถึงจำนวนเงินแล้วก็มากพอจะทำให้อยู่สุขสบายไปนาน พรานคงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกเจ้านายชั้นสูงในกรุงถึงต้องการเขี้ยวเสือเพื่อนำไปลงอาคมตามความเชื่อขนาดนั้น แต่ที่แน่ใจคือคนพวกมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ร่ำรวยผิดมนุษย์พร้อมจะจ่ายเงินทันทีเมื่อได้ของที่ต้องการ แต่ความสนใจของพรานคงจริงๆ แล้วคือการล้างแค้นให้กับลูกชายของตัวเอง นั่นทำให้พรานคงตอบรับคำชักชวนของคู่ปรับเก่าทันทีโดยต่างฝ่ายตกลงจะลืมเรื่องบาดหมางกันในอดีต
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยการไล่ล่าเสือสมิงตัวอันตรายก็เริ่มต้นขึ้น ต่อให้เป็นเสือผีปีศาจขนาดไหน เสือก็คือเสือ ย่อมทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ให้นักแกะรอยสัตว์ป่ามืออาชีพติดตามเส้นทางจนได้ เมื่อเจ้าลายตาเดียวแวะมากินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอยู่เนืองๆ ย่อมเป็นไปได้ว่ามันยังไม่หนีเข้าป่าลึกเพราะเชื่อกันว่าเสือถ้าได้กินเนื้อคนจะติดใจ และคงจะต้องกบดานซุ่มซ่อนอยู่ไม่ลึกเข้าไปในป่าดงดิบมากนัก เพียงแต่ต้องหาแหล่งกบดานของเจ้าเสือร้ายให้พบเท่านั้น หากคำว่า คืบก็ป่า ศอกก็ป่า ยังคงใช้ได้ดีในดงพญาเย็นซึ่งเพียงเข้ามาในเขตป่าไม่นานก็เหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกโลกหนึ่งอันประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่สูงลิบเบียดเสียดหนาแน่น กิ่งไม้ใบไม้บดบังแสงแดดจนบรรยากาศมืดมนเย็นยะเยือกแม้ยามกลางวันพื้นดินเต็มไปด้วยเศษใบไม้ผุพังเน่าเปื่อยทับถมและบรรดาสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิด
ตอนเย็นร่องรอยของเจ้าลายตาเดียวมาหยุดอยู่ที่ริมธารใหญ่ในป่าทึบ ทุกคนตัดสินใจตรงกันว่าจะพักแรมอยู่บริเวณนี้อย่างไม่รีบร้อนเพราะพอจะจับจุดได้แล้วว่าเสือร้ายตัวนี้วนเวียนอยู่ละแวกนี้ ทั้งหมดเลือกเนินดินริมห้วยซึ่งมีต้นไม้ใหญ่รายรอบเป็นที่พัก คนของพรานบุญมีทั้งสามคนช่วยกันทำห้างบนคาคบต้นไม้ใหญ่และทำบันไดลิงจากเชือกยาวที่เตรียมมาด้วยแบบลวกๆ แต่แข็งแรงสำหรับใช้เป็นทางขึ้นลงกรณีฉุกเฉิน ไม่ห่างโคนต้นไม้สองพรานผู้เกรียงไกรในไพรพงช่วยกันถางพงไม้เป็นพื้นที่ก่อกองไฟขนาดใหญ่และเตรียมฟืนไว้ให้เพียงพอสำหรับล่อเลี้ยงกองไฟให้สว่างทั้งคืน เพื่อป้องกันสัตว์ป่าเข้ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย
ความจริงยามนี้ยังไม่มืดสนิทดีนัก แต่อากาศในป่าก็เย็นลงอย่างรวดเร็วพร้อมฝูงแมลงนานาชนิดซึ่งปกติก็มีจำนวนมากมายอยู่แล้ว พอความมืดมาเยือนพวกแมลงรบกวนยิ่งทวีจำนวนมากมายหลายเท่า
อาหารมื้อเย็นแบบง่ายๆกับข้าวห่อเนื้อเค็มซึ่งพกติดตัวมาตั้งแต่เช้า ทั้งหมดพากันนั่งล้อมรอบกองไฟเพื่อประเมินสถานการณ์ในวันนี้ พรานบุญมีสีหน้าค่อนข้างพอใจกับผลงานในวันนี้ ในขณะพรานคงมีท่าทางผิดหวังอย่างปิดไม่มิด
“เอ็งคงผิดหวังล่ะสิ ที่ไม่เห็นร่องรอยของลูกชายเอ็งเลย”
พรานบุญมีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบปราศจากแววเยาะเย้ยถางถาง ขณะดูดมวนบุหรี่พื้นบ้านจนไฟแดงวาบ
“มันก็แปลกนะ” คู่สนทนาเหมือนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยขณะตรวจสภาพความเรียบร้อยของปืนแก๊บประจำตัว “ไอ้บุญมีแกสังเกตไหมว่าทำไมวันนี้การเดินทางมันปลอดโปร่งแบบไม่น่าเชื่อ แต่พวกเรากลับไม่เจอร่องรอยของพวกที่เข้ามาในดงนี้ก่อนพวกเราเลย มันเหมือนพวกนั้นพากันเข้ามาแล้วหายไปเฉยๆ”
“ข้าว่ามันก็แปลกเหมือนกัน และที่แปลกอีกอย่างคือร่องรอยของเจ้าลายตาเดียวตัวนี้มันไม่เหมือนเสือตัวอื่นที่ข้าเคยล่ามาก่อนเลย เหมือนมันจงใจดักหน้าดักหลังพวกเราเล่นยังไงยังงั้น”
“เสือมันก็คือเสือล่ะน่า ขอให้เจอลูกปืนเข้าไปสักนัดสองนัด”
“ด้วยปืนแก๊บของเอ็งนี่นะ” พูดพลางพรานบุญมีก็หัวเราะ มองปืนคู่มือของอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เชื่อถือ เพราะเขาเองถึงจะสะพายปืนแก๊บเหมือนกันแต่ขนาดของลำกล้องปืนใหญ่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ก็จริงอย่างที่เอ็งว่า แต่เสือตัวนี้ลูกปืนธรรมดาหยุดมันไม่ได้หรอก”
พูดจบพรานคงก็ตบยุงซึ่งเกาะแขนกินเลือดจนตัวโป่งดังเพี้ยะก่อนล้วงวัตถุสีดำคล้ำขนาดเท่าแขนทารกยาวไม่เกินคืบออกมาจากย่ามผ้าซึ่งสะพายไหล่ไว้ตลอดเวลา โยนลงในกองไฟทำให้มีกลิ่นฉุนจางๆ ลอยออกมาตามควันไฟในเวลาต่อมามีผลให้แมลงกลางคืนกำลังบินรบกวนอยู่รายรอบลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
“เอ็งทำถ่านจันทร์หลงเป็นด้วยเหรอวะ”
คู่ปรับเก่าถามอย่างแปลกใจเพราะความคร่ำหวอดมานานทำให้รู้ว่ากลิ่นแบบนั้นหมายถึงอะไร ถ่านจันทร์หลงทำมาจากว่านจันทร์หลงซึ่งเป็นว่านหายาก รู้จักกันเฉพาะหมู่นายพรานเก่าแก่ นำมาผสมกับสมุนไพรหลายชนิดแล้วอัดทำเป็นแท่งถ่านจะได้ถ่านที่มีสมบัติในการไล่แมลงต่างๆ เมื่อติดไฟ และเชื่อว่าถ้านำไปลงอาคมกำกับจะบังตาภูตผีปีศาจไม่ให้มองเห็นได้
“มันก็ไม่ยาก เอ็งก็ทำได้ถ้าจะทำ ว่าแต่คนของเอ็งนี่ขยันใช้ได้เลยนะ”
“นี่ล่ะ สาเหตุที่ข้าพาเข้าพวกนี้มาด้วย พวกนี้ไม่ใช่นายพรานมืออาชีพแต่ข้าอยากให้ลองมาหาประสบการณ์ป่าดิบจริงๆดู”
พรานบุญมีหันหน้าไปพยักหน้าให้กับลูกน้องทั้งสามคนที่กำลังตรวจตราอาวุธประจำตัวของแต่ละคนอยู่อย่างเงียบๆ เหมือนไม่อยากพูดจาอะไรถ้าไม่จำเป็น ทั้งสามไม่ได้สะพายปืนยาวติดตัวมาด้วยแต่มีปืนสั้นเหน็บเอวคนละกระบอก หากอาวุธสำคัญของแต่ละคนคือหน้าไม้ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
“หัวของลูกพวกนี้หน้าไม้เป็นเหล็ก” พรานบุญมีอธิบายโดยไม่ต้องมีใครถามเมื่อเห็นสายตาสงสัยของพรานคง
“คันหน้าไม้ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง ความแรงของหน้าไม้พวกนี้ถ้าจะบอกว่ายิงคนให้ทะลุได้ เอ็งคงไม่เชื่อ”
The All Write Project : เครื่องราง : ...เขี้ยว......พญาไฟ
================
เขี้ยว.........พญาไฟ
================
ดงพญาไฟ ป่าดงดิบอาถรรพ์เต็มไปด้วยความลี้ลับและข่าวลืออันน่าสะพรึงกลัวของภูตผีปีศาจ โรคไข้ป่าและบรรดาสัตว์ร้ายนานาชนิด เปรียบเสมือนปราการมรณะธรรมชาติขวางกั้นระหว่างที่ราบสูงอีสานและที่ราบลุ่มภาคกลาง แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นดงพญาเย็นไปแล้วก็ตาม หากในความรู้สึกของชาวบ้านแถบนั้น ดงพญาเย็นยังคงระอุร้อนไปด้วยไฟแห่งความเร้นลับและความตายอยู่เสมอ ความร้อนแรงแห่งอาถรรพ์ดงดำมรณะยังคงลุกโชน
ในอดีตการเดินทางจากเมืองสระบุรีกับเมืองนครราชสีมาต้องผ่านดงพญาไฟอันกว้างใหญ่ซึ่งไม่มีใครอยากกรายใกล้ การใช้เกวียนเดินทางก็ไม่ได้เพราะสภาพภูมิประเทศแสนลำบาก ต้องอาศัยการเดินเท้าผ่านไปสันเขาบ้างไหล่เขาบ้าง ในปี พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟเชื่อมภาคกลางกับภาคอีสานโดยตัดผ่านดงพญาไฟแห่งนี้ ทำให้ป่าอาถรรพ์ ซึ่งมีประวัติน่าครั่นคร้ามยาวนานแบ่งแยกออกเป็นสองซีกแยกจากกัน หลายคนมองว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการเสื่อมสภาพอาถรรพ์ป่าดงดิบอันเป็นตำนานลึกลับน่ากลัวมายาวนาน
หมู่บ้านดงเย็น เป็นชุมชนหลายร้อยหลังคาเรือน อยู่ใกล้ดงพญาเย็นฝั่งที่ราบลุ่มไม่ห่างจากทางรถไฟก่อนเข้าสู่เขตดงดิบอาถรรพ์ไม่มากนัก คนในหมู่บ้านยังมีความเชื่อเกี่ยวกับผีสางนางไม้ภูตผีอย่างฝังใจแม้ว่าสิ่งที่หนึ่งซึ่งน่ากลัวเรียกว่า”ความเจริญ” กำลังค่อยมาเยือนชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมชางบ้านแห่งนี้ทีละน้อยก็ตาม
ผู้คนในแถบนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพรานคงกับพรานบุญมี สองพรานใหญ่อายุอานามไร่เรี่ยกันราวสี่สิบกว่าปีทั้งคู่ ชื่อเสียงด้านการล่าสัตว์และความเป็นนักเลงไม่แพ้กันมาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มรุ่นกระทง ยาวนานมาจนทุกวันนี้ ทั้งคู่คล้ายเป็นคู่ปรับกันหากบางครั้งก็คล้ายเป็นมิตรสหายกันเมื่อผลประโยชน์บางอย่างเข้ามามีอิทธิพลโดยเฉพาะเรื่องเงินทองซึ่งเป็นของหายากและจำเป็นในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะอยู่ชนบทหรือสังคมเมือง
เจ้าลายตาเดียว เสือลายพาดกลอนจอมโหด คือแรงจูงใจสำคัญในการดึงให้สองพราน ตำนานที่ยังมีชีวิตร่วมมือร่วมใจกันเดินทางเข้ามาในดงดิบด้วยจุดประสงค์ซึ่งเผินๆ เหมือนกัน คือการสังหารเจ้าเสือสมิง หากยังมีแรงจูงใจอีกประการคือเขี้ยวของเสือตัวนี้ ซึ่งเป็นที่ต้องการของใครบางคนด้วยราคาสูงลิบ ผ่านทาง “เฒ่าจ้ำ”ผู้ประหนึ่งเป็นหมอผีทรงอาคมประจำหมู่บ้าน
“ใครที่นำเขี้ยวเสือตัวนี้มาให้ข้า จะได้เงินรางวัลอย่างงามจากผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในกรุงเทพ”
นั่นเป็นคำประกาศของเฒ่าจั้ม ผู้เฒ่าจอมขมังเวทย์ ช่วงแรกนักล่าหาของป่าและพรานป่าหลายคนสนใจ แต่พอรู้ว่าเจ้าเสือตัวนี้คือเจ้าลายตาเดียว ต่างพากันส่ายหัวถอยหลังหนีกันเป็นแถว เพราะข่าวลือถึงเจ้าลายตาเดียวได้สร้างความขนพองสยองเกล้าให้ชาวบ้านแถบนี้มานาน ในฐานะเป็นเสือสมิง บุกเข้ามากัดกินวัวควายสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความฉลาดผิดวิสัยสัตว์ป่าทั่วไปราวกับว่ามันรู้ทันความเคลื่อนไหวของคนในหมู่บ้านแถบนี้เป็นอย่างดี เมื่อใดก็ตามที่มีการดักรอเตรียมพร้อมระดับสูงสุดในหมู่บ้าน เจ้าเสือจะไม่ปรากฏให้เห็น ไม่ยอมกินเหยื่อล่อ แต่แอบดอดเข้าไปล่าเหยื่อในด้านที่ผู้คนละเลยหรือนึกไม่ถึง ขนาดขึ้นไปลากชาวบ้านซึ่งนอนบนเรือนออกไปกินนอกหมู่บ้านโดยคนในบ้านไม่มีใครรู้ตัว
ข่าวความร้ายกาจของมันดังกระฉ่อนเข้าไปจนถึงเมืองกรุง บวกกับเรื่องเล่าความเชื่อเรื่องของรางของขลังที่จะได้จากเขี้ยวเสือสมิงตัวนี้ทำให้นักล่าจากเมืองกรุงหลายกลุ่มเดินทางมาป่าดงดิบแห่งนี้ ทว่าทุกคนที่ออกไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวเข้าไปในเขตดงพญาเย็นต่างแทบไม่มีใครรอดกลับมาเลย คนที่รอดกลับมาก็มีอาการฟั่นเฟือนเป็นบ้าเป็นหลังหรือเป็นไข้ป่าเสียจริตวิปริตกันไปเสียทุกคน บางคนบอกว่านักล่าสัตว์ชาวกรุงไม่มีวันเข้าใจถึงจิตวิญญาณของป่า จึงพากันเอาชีวิตมาทิ้งอย่างน่าเสียดายทั้งที่มีอาวุธทันสมัยและอุปกรณ์เดินป่าครบครัน
หากราคาของเขี้ยวเสือปีศาจยังคงเป็นแรงจูงให้ใครหลายคนซึ่งยังไม่เคยรับรู้ความเป็นป่าดงดิบอย่างแท้จริงพากันไล่ล่าเข้าไปในป่ามรณะอีกหลายกลุ่ม และทุกกลุ่มล้วนประสบชะตากรมเลวร้ายเหมือนกัน ล่าสุดเดือนก่อนลูกชายวัยฉกรรจ์พี่น้องสองคนของพรานคงได้ฝ่าฝืนคำห้ามปรามของผู้เป็นพ่อ พากันรวบรวมเพื่อนๆได้จำนวนหกคนพากันออกล่าเข้าลายตาเดียวเข้าไปในป่าดงดิบ และหายสาบสูญไปจนบัดนี้ ทำเอาพรานคงแทบคลั่งด้วยความแค้นและเสียใจ แต่เขาเองก็ไม่บ้าหรือกล้าพอจะออกไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวเพียงลำพังเพราะความที่เป็นพรานไพรมานานจึงรู้ถึงอาถรรพ์และความน่าสะพรึงกลัวของป่าดงดิบอันกว้างใหญ่นี้เป็นอย่างดี
จนกระทั่งการมาเยือนของพรานบุญมี ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแถบฝั่งที่ราบสูงซึ่งความจริงเป็นคนพื้นเพแถวนี้ หากหนีออกไปหากินต่างถิ่นเกือบสิบปีแล้วหลังการทะเลาะวิวาทกับพรานคงคู่ปรับคนสำคัญ การพบกันของคนทั้งสองชาวบ้านลือกันว่าเป็นการร่วมมือกันของสองคนสองถิ่น สิงห์เหนือเสือใต้ผู้เกริกไกร หลายคนเชื่อว่าถ้าสองคนนี้ร่วมมือกันเมื่อไรก็ไม่มีผืนป่าไหนจะมาหยุดยั้งได้
พรานบุญมีไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง ยังพาลูกน้องมือดีติดตามมาด้วยอีกสามคนและพรานบุญมีเองก็ฉลาดพอที่จะมาติดต่อคู่ปรับเก่าให้มีส่วนร่วมในการไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวด้วยเพื่อประกันความแน่ใจเพราะรู้ฝีมือกันเป็นอย่างดีพร้อมเงื่อนไขอันน่าสนใจยากจะปฏิเสธ
“เงินรางวัลที่ได้แบ่งออกเป็นสามส่วนเท่ากัน แกหนึ่งส่วนข้าหนึ่งส่วน ที่เหลือแบ่งให้คนของข้า”
นั่นเป็นข้อเสนอขอพรานบุญมี เมื่อเอ่ยถึงจำนวนเงินแล้วก็มากพอจะทำให้อยู่สุขสบายไปนาน พรานคงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกเจ้านายชั้นสูงในกรุงถึงต้องการเขี้ยวเสือเพื่อนำไปลงอาคมตามความเชื่อขนาดนั้น แต่ที่แน่ใจคือคนพวกมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ร่ำรวยผิดมนุษย์พร้อมจะจ่ายเงินทันทีเมื่อได้ของที่ต้องการ แต่ความสนใจของพรานคงจริงๆ แล้วคือการล้างแค้นให้กับลูกชายของตัวเอง นั่นทำให้พรานคงตอบรับคำชักชวนของคู่ปรับเก่าทันทีโดยต่างฝ่ายตกลงจะลืมเรื่องบาดหมางกันในอดีต
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยการไล่ล่าเสือสมิงตัวอันตรายก็เริ่มต้นขึ้น ต่อให้เป็นเสือผีปีศาจขนาดไหน เสือก็คือเสือ ย่อมทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ให้นักแกะรอยสัตว์ป่ามืออาชีพติดตามเส้นทางจนได้ เมื่อเจ้าลายตาเดียวแวะมากินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอยู่เนืองๆ ย่อมเป็นไปได้ว่ามันยังไม่หนีเข้าป่าลึกเพราะเชื่อกันว่าเสือถ้าได้กินเนื้อคนจะติดใจ และคงจะต้องกบดานซุ่มซ่อนอยู่ไม่ลึกเข้าไปในป่าดงดิบมากนัก เพียงแต่ต้องหาแหล่งกบดานของเจ้าเสือร้ายให้พบเท่านั้น หากคำว่า คืบก็ป่า ศอกก็ป่า ยังคงใช้ได้ดีในดงพญาเย็นซึ่งเพียงเข้ามาในเขตป่าไม่นานก็เหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกโลกหนึ่งอันประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่สูงลิบเบียดเสียดหนาแน่น กิ่งไม้ใบไม้บดบังแสงแดดจนบรรยากาศมืดมนเย็นยะเยือกแม้ยามกลางวันพื้นดินเต็มไปด้วยเศษใบไม้ผุพังเน่าเปื่อยทับถมและบรรดาสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิด
ตอนเย็นร่องรอยของเจ้าลายตาเดียวมาหยุดอยู่ที่ริมธารใหญ่ในป่าทึบ ทุกคนตัดสินใจตรงกันว่าจะพักแรมอยู่บริเวณนี้อย่างไม่รีบร้อนเพราะพอจะจับจุดได้แล้วว่าเสือร้ายตัวนี้วนเวียนอยู่ละแวกนี้ ทั้งหมดเลือกเนินดินริมห้วยซึ่งมีต้นไม้ใหญ่รายรอบเป็นที่พัก คนของพรานบุญมีทั้งสามคนช่วยกันทำห้างบนคาคบต้นไม้ใหญ่และทำบันไดลิงจากเชือกยาวที่เตรียมมาด้วยแบบลวกๆ แต่แข็งแรงสำหรับใช้เป็นทางขึ้นลงกรณีฉุกเฉิน ไม่ห่างโคนต้นไม้สองพรานผู้เกรียงไกรในไพรพงช่วยกันถางพงไม้เป็นพื้นที่ก่อกองไฟขนาดใหญ่และเตรียมฟืนไว้ให้เพียงพอสำหรับล่อเลี้ยงกองไฟให้สว่างทั้งคืน เพื่อป้องกันสัตว์ป่าเข้ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย
ความจริงยามนี้ยังไม่มืดสนิทดีนัก แต่อากาศในป่าก็เย็นลงอย่างรวดเร็วพร้อมฝูงแมลงนานาชนิดซึ่งปกติก็มีจำนวนมากมายอยู่แล้ว พอความมืดมาเยือนพวกแมลงรบกวนยิ่งทวีจำนวนมากมายหลายเท่า
อาหารมื้อเย็นแบบง่ายๆกับข้าวห่อเนื้อเค็มซึ่งพกติดตัวมาตั้งแต่เช้า ทั้งหมดพากันนั่งล้อมรอบกองไฟเพื่อประเมินสถานการณ์ในวันนี้ พรานบุญมีสีหน้าค่อนข้างพอใจกับผลงานในวันนี้ ในขณะพรานคงมีท่าทางผิดหวังอย่างปิดไม่มิด
“เอ็งคงผิดหวังล่ะสิ ที่ไม่เห็นร่องรอยของลูกชายเอ็งเลย”
พรานบุญมีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบปราศจากแววเยาะเย้ยถางถาง ขณะดูดมวนบุหรี่พื้นบ้านจนไฟแดงวาบ
“มันก็แปลกนะ” คู่สนทนาเหมือนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยขณะตรวจสภาพความเรียบร้อยของปืนแก๊บประจำตัว “ไอ้บุญมีแกสังเกตไหมว่าทำไมวันนี้การเดินทางมันปลอดโปร่งแบบไม่น่าเชื่อ แต่พวกเรากลับไม่เจอร่องรอยของพวกที่เข้ามาในดงนี้ก่อนพวกเราเลย มันเหมือนพวกนั้นพากันเข้ามาแล้วหายไปเฉยๆ”
“ข้าว่ามันก็แปลกเหมือนกัน และที่แปลกอีกอย่างคือร่องรอยของเจ้าลายตาเดียวตัวนี้มันไม่เหมือนเสือตัวอื่นที่ข้าเคยล่ามาก่อนเลย เหมือนมันจงใจดักหน้าดักหลังพวกเราเล่นยังไงยังงั้น”
“เสือมันก็คือเสือล่ะน่า ขอให้เจอลูกปืนเข้าไปสักนัดสองนัด”
“ด้วยปืนแก๊บของเอ็งนี่นะ” พูดพลางพรานบุญมีก็หัวเราะ มองปืนคู่มือของอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เชื่อถือ เพราะเขาเองถึงจะสะพายปืนแก๊บเหมือนกันแต่ขนาดของลำกล้องปืนใหญ่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ก็จริงอย่างที่เอ็งว่า แต่เสือตัวนี้ลูกปืนธรรมดาหยุดมันไม่ได้หรอก”
พูดจบพรานคงก็ตบยุงซึ่งเกาะแขนกินเลือดจนตัวโป่งดังเพี้ยะก่อนล้วงวัตถุสีดำคล้ำขนาดเท่าแขนทารกยาวไม่เกินคืบออกมาจากย่ามผ้าซึ่งสะพายไหล่ไว้ตลอดเวลา โยนลงในกองไฟทำให้มีกลิ่นฉุนจางๆ ลอยออกมาตามควันไฟในเวลาต่อมามีผลให้แมลงกลางคืนกำลังบินรบกวนอยู่รายรอบลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
“เอ็งทำถ่านจันทร์หลงเป็นด้วยเหรอวะ”
คู่ปรับเก่าถามอย่างแปลกใจเพราะความคร่ำหวอดมานานทำให้รู้ว่ากลิ่นแบบนั้นหมายถึงอะไร ถ่านจันทร์หลงทำมาจากว่านจันทร์หลงซึ่งเป็นว่านหายาก รู้จักกันเฉพาะหมู่นายพรานเก่าแก่ นำมาผสมกับสมุนไพรหลายชนิดแล้วอัดทำเป็นแท่งถ่านจะได้ถ่านที่มีสมบัติในการไล่แมลงต่างๆ เมื่อติดไฟ และเชื่อว่าถ้านำไปลงอาคมกำกับจะบังตาภูตผีปีศาจไม่ให้มองเห็นได้
“มันก็ไม่ยาก เอ็งก็ทำได้ถ้าจะทำ ว่าแต่คนของเอ็งนี่ขยันใช้ได้เลยนะ”
“นี่ล่ะ สาเหตุที่ข้าพาเข้าพวกนี้มาด้วย พวกนี้ไม่ใช่นายพรานมืออาชีพแต่ข้าอยากให้ลองมาหาประสบการณ์ป่าดิบจริงๆดู”
พรานบุญมีหันหน้าไปพยักหน้าให้กับลูกน้องทั้งสามคนที่กำลังตรวจตราอาวุธประจำตัวของแต่ละคนอยู่อย่างเงียบๆ เหมือนไม่อยากพูดจาอะไรถ้าไม่จำเป็น ทั้งสามไม่ได้สะพายปืนยาวติดตัวมาด้วยแต่มีปืนสั้นเหน็บเอวคนละกระบอก หากอาวุธสำคัญของแต่ละคนคือหน้าไม้ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
“หัวของลูกพวกนี้หน้าไม้เป็นเหล็ก” พรานบุญมีอธิบายโดยไม่ต้องมีใครถามเมื่อเห็นสายตาสงสัยของพรานคง
“คันหน้าไม้ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง ความแรงของหน้าไม้พวกนี้ถ้าจะบอกว่ายิงคนให้ทะลุได้ เอ็งคงไม่เชื่อ”