เป็นเรื่องจริงเกิดกับตัวผมเอง ใช้สำนวนการเขียนให้อ่านสนุก อ่านแล้วไม่ต้องเชื่อก็ได้ นะ ครับ อย่างน้อยให้เป็นข้อเตือนสติ ก่อนคิดจะทำอะไร ให้พิจารณาถึงโทษที่อาจเกิดขึ้นตามมา เพราะการกระทำทุกอย่างและผลของมัน ย่อมมีเหตุปัจจัยเกี่ยวโยงถึงกันเสมอ
ย้อนไปเมื่อปี 2525 ผมเรียนชั้น ม. 3 เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง ชอบสร้างวีรกรรมอวดเพื่อน ๆ เพราะอยากได้หน้า มันเท่ ดีออก ช่วงเดือน เม.ย. ปีนั้น มีงานกาชาดที่สวนอัมพร ผมกับกลุ่มเพื่อนไปเดินเที่ยวงานนี้ พอถึงร้านขายเสื้อผ้ากีฬา ผมแกล้งเดินเข้าไปเลือกเสื้อฟุตบอลทีมหงส์แดง ลดราคาเหลือตัวละ 79 บ. (ราว ๆ นี้ ) แล้วอาศัยช่วงที่คนเดินเข้า-ออกหน้าร้านเยอะ หยิบเสื้อตัวนั้นออกมา โดยไม่จ่ายเงิน แล้วผมก็เอาเสื้อมาอวดเพื่อน ว่ากูทำได้ ไม่มีใครเก่งเท่ากูอีกแล้ว ... มันช่างดีใจเหลือหลายจริง ๆ
ว้าบเวลาผ่านไปราวปี 2555 ปีนั้น น้ำท่วมใหญ่เพิ่งจะผ่านพ้นไป เศรษฐกิจซบเซา บ้านหลายหลังในซอยที่ผมเช่าห้องพักมีของหายบ่อยมาก และแล้วเหตุการณ์นั้นก็มาถึง หลังเลิกงานผมกำลังเดินกลับเข้าห้องเช่า โดยระหว่างที่กำลังหยิบกุญแจไขประตูเข้าห้อง ผมยืนอยู่หน้าห้องพอดี มันเกิดเป็นมโนภาพของเสื้อฟุตบอลตัวนั้นอย่างชัดเจน ลอยปรากฏอยู่ที่หน้าประตู เหมือนการฉายสไลด์บนกำแพงสีขาวเลย ผมรู้สึกตกใจมาก แล้วภาพนั้นก็หายไป สักพักก็นึกขึ้นได้ ว่า เสื้อกีฬาตัวที่เห็นมันเป็นตัวเดียวกับที่ผมหยิบออกมาจากร้านโดยไม่จ่ายตังค์ มันผ่านมา 30 ปี แล้ว ทำไมเรายังจดจำมันได้ ... วะ
แล้วผมก็มองไปที่ลูกบิดประตู โอย ... แม่เจ้า ผมโดนเข้าให้แล้ว ลูกบิดพัง ห้องผมถูกงัด ข้าวของถูกรื้อกระจัดกระจาย ไม่มีชิ้นดี ของที่หายไปมีเงินสด นาฬิกาข้อมือ เฟรชไดร์ฟ รวมค่าเสียหายราว 3 พันบาท ฟังดูมันอาจจะมีมูลค่าไม่มาก แต่มันทำให้ผมคิดถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้ มันคงมาตามสนองและสอนผมให้รู้จักมันในคราวเดียวกัน ... ขึ้นชื่อว่า ความชั่วไม่ควรทำดีที่สุด ครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน ครับ
เรื่องเล่า ... บาปกรรมที่ทำไว้ ตามมาสนองผม
ย้อนไปเมื่อปี 2525 ผมเรียนชั้น ม. 3 เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง ชอบสร้างวีรกรรมอวดเพื่อน ๆ เพราะอยากได้หน้า มันเท่ ดีออก ช่วงเดือน เม.ย. ปีนั้น มีงานกาชาดที่สวนอัมพร ผมกับกลุ่มเพื่อนไปเดินเที่ยวงานนี้ พอถึงร้านขายเสื้อผ้ากีฬา ผมแกล้งเดินเข้าไปเลือกเสื้อฟุตบอลทีมหงส์แดง ลดราคาเหลือตัวละ 79 บ. (ราว ๆ นี้ ) แล้วอาศัยช่วงที่คนเดินเข้า-ออกหน้าร้านเยอะ หยิบเสื้อตัวนั้นออกมา โดยไม่จ่ายเงิน แล้วผมก็เอาเสื้อมาอวดเพื่อน ว่ากูทำได้ ไม่มีใครเก่งเท่ากูอีกแล้ว ... มันช่างดีใจเหลือหลายจริง ๆ
ว้าบเวลาผ่านไปราวปี 2555 ปีนั้น น้ำท่วมใหญ่เพิ่งจะผ่านพ้นไป เศรษฐกิจซบเซา บ้านหลายหลังในซอยที่ผมเช่าห้องพักมีของหายบ่อยมาก และแล้วเหตุการณ์นั้นก็มาถึง หลังเลิกงานผมกำลังเดินกลับเข้าห้องเช่า โดยระหว่างที่กำลังหยิบกุญแจไขประตูเข้าห้อง ผมยืนอยู่หน้าห้องพอดี มันเกิดเป็นมโนภาพของเสื้อฟุตบอลตัวนั้นอย่างชัดเจน ลอยปรากฏอยู่ที่หน้าประตู เหมือนการฉายสไลด์บนกำแพงสีขาวเลย ผมรู้สึกตกใจมาก แล้วภาพนั้นก็หายไป สักพักก็นึกขึ้นได้ ว่า เสื้อกีฬาตัวที่เห็นมันเป็นตัวเดียวกับที่ผมหยิบออกมาจากร้านโดยไม่จ่ายตังค์ มันผ่านมา 30 ปี แล้ว ทำไมเรายังจดจำมันได้ ... วะ
แล้วผมก็มองไปที่ลูกบิดประตู โอย ... แม่เจ้า ผมโดนเข้าให้แล้ว ลูกบิดพัง ห้องผมถูกงัด ข้าวของถูกรื้อกระจัดกระจาย ไม่มีชิ้นดี ของที่หายไปมีเงินสด นาฬิกาข้อมือ เฟรชไดร์ฟ รวมค่าเสียหายราว 3 พันบาท ฟังดูมันอาจจะมีมูลค่าไม่มาก แต่มันทำให้ผมคิดถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้ มันคงมาตามสนองและสอนผมให้รู้จักมันในคราวเดียวกัน ... ขึ้นชื่อว่า ความชั่วไม่ควรทำดีที่สุด ครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน ครับ