*เรื่องเล่านี้เกิดขี้นเมื่อ 10 ปีก่อน ความน่ากลัว ความหลอน อาจจะน้อยกว่าท่านอื่นๆ แต่เป็นประสบการณ์ตรงๆ ที่พบเจอมาเองจริงๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพื่อความสุขและความบันเทิงของท่าน และเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากผิดพลาด หรือ ตกหล่น ประการใด ผู้เล่าเรื่องต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย*
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ก่อน ที่ซอยลาดพร้าว 81 เรากับแฟนเก่า ในตอนนั้นพวกเราได้งานกัน คือการเป็นช่างล้างแอร์รถยนต์ กับบริษัทแห่งหนึ่ง ที่จะส่งพนักงานไปประจำตามบีควิก ของสาขาต่างๆ ในเขตพื้นที่ของโซนนั้นๆ บริษัทแห่งนี้เขาเช่าห้องให้พนักงานได้อยู่ ในอพาร์ทมนต์แห่งหนึ่ง อยู่ในซอยลาดพร้าว 81 ในการทำงานนั้นราบรื่นไปตามปกติ แต่เมื่อต้องกลับมายังห้องพักนี่สิ คือสิ่งที่เราพบเจอ และสัมผัสทุกๆ คืน...
"หนู เดี๋ยวเราแวะซื้อข้าวที่ร้านตามสั่งตรงซอยข้างหน้ากันไหม"
"เอาดิพี่ เพราะเซเว่นมันอยู่ไกล เราต้องเดินไปไกลอยู่นะ เดี๋ยวเงินออกสิ้นเดือนเราค่อยไปบิ๊กซีกันก็ได้"
เมื่อเราคุยกันแล้วตกลงกันได้ เรากับแฟนเก่าก็พากันมาซื้อข้าวกิน และในตอนนั้นแฟนเก่าของเราเป็นคนขี้เหล้า เมื่อได้ของครบกันจึงพากันเดินกลับขึ้นห้อง อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ มีร้านชำอยู่ด้านล่าง และเจ้าของอพาร์ทเมนต์นั้น พักอยู่ประจำที่ชั้น 2 หรือ 3 เราเองก็จำไม่ได้ และพี่แกมีอาการป่วยแบบไม่แสดงออก ตึกนี้มี 5 ชั้น และทั้ง 4 ชั้นนั้นก็เต็มทุกห้อง ตัวเรากับแฟนเก่าอาศัยที่ชั้น 5 ที่ทางบริษัทนั้นจัดหาเช่าให้ คือห้อง 512 กับห้อง 514 ห้อง 512 กับห้อง 514 นั้น อยู่ตรงข้ามกัน และเรากับแฟนเก่านั้นได้พักอยู่ที่ห้อง 512 เมื่อเรากับแฟนกินข้าวกันเสร็จ และเตรียมอาบน้ำนอนกันนั้น แฟนเราเขาเมาและหลับไปก่อนแล้วเรียบร้อย พร้อมกับที่นอนบนพื้นห้องที่เป็นหินอ่อน ด้วยเป็นคนที่ขี้ร้อน จึงเป็นคนที่กินง่าย นอนง่าย
เมื่อเหลือเราเพียงคนเดียว เรานอนเล่นมือถืออยู่และยังไม่ทันได้อาบน้ำ ไฟในห้องก็ยังเปิด ไฟในห้องน้ำก็ปิด ไฟระเบียงก็ปิด แต่ว่ามีเสียงคนเปิดน้ำเหมือนกำลังอาบน้ำ และนั่งส้วมอยู่ เราลุกพรวดขึ้นทันที สิ่งแรกคือหันมามองขี้เมาที่นอนกับพื้นห้องอย่างสบายใจเฉิบ พร้อมกับที่เราขยับลุกเพื่อเดินไปดูในห้องน้ำ เรารีบเปิดไฟ แล้วเดินสำรวจห้องน้ำทันที พื้นแห้งสนิท ฝักบัวแห้งสนิท ไม่มีแม้กระทั่งน้ำหยด ทั้งที่ก็รั่วหยดอยู่เป็นประจำ เราจึงตัดสินใจอาบน้ำเดี๋ยวนั้นเลยเพราะว่าจะได้รีบนอนเร็วๆ แต่ในระหว่างที่เราอาบน้ำก็มีเสียงคนมาเคาะห้อง แต่แฟนเราก็เมาแฟ๊ดหลับอยู่เหมือนเดิม เราเลยนุ่งผ้าออกมาดูเอง ตอนที่เราเดินออกมาจะมาดูว่าใครมาเคาะ เราเห็นว่ามีเงาคนยืนอยู่ที่หน้าห้องตอนที่เคาะประตู แต่เมื่อเรารีบแต่งตัวเพื่อจะเปิดประตูเรากลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า และถ้ามีคนจริงๆ ยังไงก็ไม่พ้นสายตาเราแน่นอนถ้าเขาจะมาแกล้งเคาะประตูแล้ววิ่งหนีไป
ในวันถัดมาเป็นวันออฟของเรา ซึ่งก็คือวันหยุดตามปกติของคนทำงานทั่วไป แต่แฟนเรายังคงไปทำงานอยู่ตามปกติ วันนี้ทั้งวันแล้วก็เลยอยู่ห้องเพียงคนเดียว อย่างแรกเลยเราไปขอพี่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ เปิดดูกล้องวงจรปิดว่ามีใครมาเคาะห้องเราในช่วงห้าทุ่มกว่า ใกล้เที่ยงคืนแล้ว
"เนี่ยน้อง พี่เปิดวนดู 2 รอบ 3 รอบแล้วนะ ทั้งก่อนเวลาที่น้องบอก หลังเวลาที่น้องบอก ตอนประมาณห้าทุ่มอ่ะ พี่กับแฟนยังไม่นอนกันเลยนะ"
เราทำอะไรต่อไม่ได้ ในเมื่อเจ้าของเขายืนยันชัดเจนมาแบบนั้นแล้ว เราจึงยอมรับสภาพและไม่พูดอะไรต่ออีก เรารีบหาซื้อของใช้ส่วนตัว พร้อมกับขนม ของกินและมาม่า แล้วรีบขึ้นห้องในทันที ตอนนั้นเรายังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น พอช่วงเที่ยงแฟนก็เข้ามาหา มากินข้าวด้วยตามปกติ เมื่อแฟนออกไปทำงานตามปกติเราก็เตรียมจะนอนเล่นในห้อง บนเตียงเหล็ก ที่มีเบาะแบบที่โรงเรียนใช้กันทั่วไปในชั่วโมงพละ และเมื่อเวลาที่เราเอนตัวลงนอนก็จะมีเสียง อ๊อดแอ๊ดๆ แต่เราก็ยังไม่คิดอะไรอีกเช่นกัน พอเราเอนตัวลงนอนแต่ว่าเสียงเตียงที่มันลั่นตามปกติของมัน แต่เสียงเตียงลั่นทำไมมันถึงมีเสียงเหมือนคนนอนลงพร้อมกันถึงสองคน
เราก็ดันสงสัยเลยลุกพรวดแล้วเริ่มหันซ้าย หันขวา เพราะไม่ใช่แค่เสียงเตียงลั่นเท่านั้น แต่เบาะที่นอนมันยวบด้วย ยวบแบบว่ามีคนเอนตัวนอนลงพร้อมกันสองคน
"อ้าว ประตูก็ล็อกนี่หว่า ยังไม่ทันหลับเลยนะเนี่ย" เราเริ่มคุยกับขี้เมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันทีทางไลน์ เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เราก็เลยหลับไปเองจริงๆ แต่เมื่อเราหลับไปแล้ว แต่ว่าความจริงนั้นเพิ่งจะหลับตา มีเสียงกุญแจไขลูกบิดเข้ามาในห้อง เราเลยขยับตัวลุกเพื่อหันไปมองทางประตูทันทีและพบเพียงความว่างเปล่าเหมือนเดิม เราเลยรีบลุกไปสำรวจลูกบิดประตู เราก็พบว่ามันยังคงล็อกอยู่เหมือนเดิม เราเลยเดินกลับมานอนต่อพร้อความสงสัย แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอเรานอนจริงๆ กำลังจะหลับจริงๆ มีเสียงลั่นจากเตียงที่เราจากทางปลายเตียง พร้อมกับที่เบาะบนเตียงมันยวบลงไปว่ามีใครอีกคนมานอนข้างๆ เรา และเริ่มขยับเอาหลังมาเบียดเราอีกด้วย ชนิดที่เรียกได้ว่าหลังนี่แนบชิดติดกันเลยทีเดียว เรานี่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวพร้อมลุกพรวดขึ้นนั่งเดี๋ยวนั้น ในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว เพราะไม่ใช่แค่นอนเบียดเราจนแนบชิด แต่แผ่แผ่นหลังที่อบอุ่นมาให้เราอีกด้วยนี่สิใครกันหว่า
เมื่อเราสะดุ้งตื่นขึ้นมันก็เป็นเวลาบ่ายแก่มากแล้วพอสมควร แล้วประตูห้องก็ถูกเคาะอีกแล้วพร้อมขาคนสองข้างตามปกติ เมื่อเราลุกไปเปิดประตูจึงพบว่าเป็นขี้เมากลับมาแล้ว แต่ว่าไม่มีกลิ่นเหล้า เรามีเซ็กส์กับแฟนไปรอบหนึ่ง แล้วแฟนก็รีบแต่งตัวกลับไปทำงานต่อ เพราะขอเขากลับมาแค่แปปเดียวเลยต้องรีบกลับไป พอแฟนเก่าเราออกไปทำงานแล้ว เราก็เลยรีบไปอาบน้ำเพราะอยากจะนอนต่อ คราวนี้ใครคนนั้นก็มาเบียดเราเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความอบอุ่นที่แผ่นหลังของเรา ทั้งที่พัดลมเพดานก็เปิดอยู่ตลอดเวลา แต่ใครคนนั้นกลับทำให้เราร้อนระอุจนนอนต่อไม่หลับ จนถึงเวลาที่ขี้เมาตัวจริงกลับมา ขอย้ำ ว่าขี้เมาตัวจริงกลับมาตอนค่ำๆ พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม 40 ดีกรีส่วนตัวของพี่เขา ไขกุญแจห้องเข้ามาด้วยสีหน้าอารมณ์ดีตามปกติของเขา แต่เราน่ะสิที่เหมือนจะหน้าถอดสี เมื่อเราเริ่มคุยกับพี่เขาเป็นกิจลักษณะ
"อ้าว ตกลงว่าพี่เลิกงานกี่โมงกันแน่เนี่ย เมื่อกลางวันพี่ก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ พี่ขอเขามาพักนี่"
ขี้เมาทำหน้างุนงง พร้อมกับถามเราด้วยว่า "เมื่อกลางวันพี่กลับมาเหรอ ใช่เหรอหนู พี่เข้างานหกโมงเช้า เลิกงานหกโมงเย็น วันนี้เขาให้พี่ทำโอที วันนี้เลยกลับมาช้า น่าจะเกือบสี่ทุ่มเลยนะ แต่พี่ขอเขากลับสองทุ่ม พี่บอกเขาว่าหนูไม่สบาย พี่เลยขอเขารีบกลับ พี่ไม่ได้มานะ"
ขี้เมามีอาการสร่างเมาด้วยจากสีหน้าแล้ว พี่แกคงจะไม่ได้กลับมาจริงๆ แหละ เราเลยเล่าเรื่องเมื่อกลางวันให้ฟัง ขี้เมาเลยบอกว่าเรานี่แหละที่น่าจะฝันไปวันพรุ่งนี้ขี้เมาได้หยุดงานตามปกติ เลยขอแฟ๊ดอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับน้ำท่าไม่อาบและหลับไปก่อนเราตามปกติ ที่เก่า เวลาเดิม เพิ่มเติมคือขี้เมาดันลุกมาฉี่แล้วดันอาบน้ำ เพราะนอนต่อเองไม่ได้ ภายในห้อง 512 นั้น มีเตียงอ๊อดแอ๊ดอยู่สองหลังพร้อมเบาะนอนอย่างที่เราบอกเล่าไปข้างต้น ความคิดขี้เมาเลยอกว่าให้เอาสองเตียงมาชิดกัน แล้วทำที่ให้เหลือแค่เราสองคนนอนได้นะหนู เอากระเป๋าผ้ามาวางให้เต็มเตียง อย่าเหลือที่ว่างเอาไว้นะ นั่นคือสิ่งที่พี่แกบอกเราเอาไว้ตอนที่เราสองคนย้ายเข้ามาอยู่กันใหม่ๆ ที่เก่า เวลาเดิม เพิ่มเติมคือขี้เมาตาแจ้งอย่างที่บอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเวลาเดิมๆ พวกเราสองคนเริ่มมองหน้ากันเอง ขี้เมาเริ่มจิบๆ เพื่อเรียกความกล้าและสติให้คืนกลับมาเหมือนเดิม
"ปะหนู เดินมากับพี่" เราสองคนเดินไปที่ประตูพร้อมกัน แล้วก็ยืนกันอยู่เงียบๆ ที่ตรงนั้น มีเสียงเคาะประตูอีกครั้งพร้อมกับเงาขาของคนตามปกติคือสองขา พอมีการเคาะอีกครั้งพี่แกเตรียมพร้อมที่ลูกบิด อารมณ์แบบว่า เคาะมา กูพร้อมเปิด เมื่อมีเสียงเคาะเกิดขึ้นจริงๆ พร้อมเงาขาคน ขี้เมาทำมือโบกๆ ให้เราห่างจากประตู แล้วพี่แกก็กระชากเปิดประตูจริงๆ เรากับขี้เมาพบเพียงความว่างเปล่า และอากาศที่หายใจกันตามปกติ พี่แกเลยเดินไปดูห้อง 514 ตรงข้ามกัน เมื่อห้องไม่ได้ล็อก จึงเข้าไปเช็คและรู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเราเขาไม่อยู่กันเลยสักคนเดียว เราสองคนมองหน้ากันอีกรอบ แล้วพากันเข้าห้องเงียบๆ พร้อมล็อกประตูและปิดไฟในห้อง เปิดแต่ไฟห้องน้ำทิ้งไว้ตามปกติ เป็นไอเดียของพี่แกเวลาที่จะเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ เมื่อจิบไปเรื่อยๆ ก็หลับไปก่อนเราอีกเช่นเคย เรานอนลืมตาในความมืดอีกแล้วเพราะว่านอนไม่หลับ กว่าจะคล้อยหลับก็ราวๆ ห้าทุ่ม เวลาเดิม แต่คืนนี้พิเศษขี้เมาอยู่ด้วยเลยโดนกันตั้งแต่สี่ทุ่ม
พอเราจะหลับ เสียงประตูก็เคาะ เราเลยตื่นและนอนฟัง พร้อมความคิดตามที่ขี้เมาบอกเอาไว้ มันอยากเคาะก็ให้มันเคาะจนมือหักไป หรือให้มันเคาะจนมันพังประตูเข้ามาเลย ให้กล้องเห็น ขอแค่หนูห้ามไปเปิดก็พอ ไอเดียของพี่แกบอกแบบนี้ แล้วเราก็นอนฟังมันเคาะจนเราจะเคลิ้มหลับ ใครคนนั้น ก็มาเบียดเรานอนอีกเช่นเคย ให้ทั้งความอบอุ่นที่แผ่นหลัง แถมด้วยเตียงอ๊อดแอ๊ดและเบาะนอนยวบ ยัง ยัง ยังไม่พอ เอามือมาลูบขาเราพร้อม ก่อนจะเอนตัวลงนอนพร้อมกับกอดเรา นั่นคือสิ่งเรารียกสติให้กลับมา แต่เราช้ากว่า เพราะเรากำลังโดนผีอำเข้าจังๆ ทุกอย่างไหลมาเป็นฉากๆ นั่นคือความรู้สึกของเราในตอนนั้น เสียงหายไปหมดนอนลืมตารับรู้ห้าสัมผัสรอบตัวเราอย่างมีสติ น้ำตาเราไหล แม้แต่เสียงสะอื้นตัวเองยังไม่ได้ยิน ค่อยๆ เหลือบมองขี้เมา พี่แกนอนกรนอย่างเป็นสุข ในสภาพที่นุ่งเพียงกางเกงในเพียงตัวเดียว ส่วนเรานอนตัวแข็งทื่อฟังเสียงคนอาบน้ำแบบไม่ปิดประตู เสียงน้ำหยดจากฝักบัวเวลาที่อาบน้ำเสร็จแล้วปิดฝักบัว แล้วเราก็พบเด็กคนหนึ่ง เราไม่รู้ว่าน้องเป็นชายหรือหญิง เราจำติดตาเพียงแค่ว่า น้องใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าไม่ได้ใส่ นั่งกอดเข่าร้องไห้เงียบๆ จนถึงระดับที่เงียบมากๆ ทุกอย่างเราเห็นเหมือนละครใบ้จริงๆ น้องเงยหน้ามองเรา มีผมบ็อบยาวๆ ประบ่า ผมหน้าม้าบังใบหน้าของน้องมิดชิด เราเริ่มร้องไห้ สวดผิดๆ ถูกๆ เราหลับตาปี๋ แต่เมื่อเราลืมตาขึ้นมา รายการพิเศษของน้องก็เริ่มต้นขึ้น
น้องถูกมัดติดกับพัดลมเพดาน ในลักษณะที่หัวน้องห้อยลงมา ขาเล็กๆ สองข้างของน้องถูกมัดที่ข้อเท้า และหัวเข่า สองแขนเล็กๆ ถูกมัดติดแนบลำตัวช่วงข้อมือ กับช่วงอก เราเห็นเชือกมัดน้องติดกับก้านพัดลมเพดานตรงช่วงข้อมือของน้อง กับช่วงอกของน้อง ก้นกับขาของน้องราบแนบติดกับเพดานห้อง ใบพัดพัดลมก็หมุนไปเรื่อยๆ แต่ว่ามันช้าจนเราเห็นน้องหมุนตามใบพัดของพัดลมเพดาน น้องร้องไห้ขอให้เราช่วยแต่เราไม่ได้ยินเสียงของน้องเลย แล้วเราก็เห็นว่าบนเพดานตรงที่ขาของน้อง ราบติดกับเพดานห้อง น้องเริ่มเลือดออก แล้วใบพัดก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เลือดของน้องก็เริ่มออกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเปื้อนติดกับเพดาน ในสภาพที่เราเผชิญ สายตาเราปรับเข้ากับความมืดจนเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน บวกกับแสงไฟจากห้องน้ำมาช่วยให้เราเห็นชัด แถมน้องยังจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ด้วยการปิดไฟห้องน้ำ แล้วก็เปิดไฟห้องน้ำใหม่
น้องอยู่เล่นกับเราทั้งคืนจนเช้า ภาพของน้องชัดเจนในสายตาและสมองของเรา พร้อมกับที่น้องเอาตัวเองไปอยู่กับพัดลมเพดานห้อง แล้วก็หมุนโชว์เราทั้งคืนจนเช้า ส่วนเราก็ร้องไห้แบบไม่มีเสียงจนตัวเองหลับ แลับแล้วตื่นมาเห็นน้องเล่นพัดลม แล้วก็หลับต่อ ตื่นมาเห็นน้องเล่นพัดลม เราเจอสภาพแบบนี้ทั้งคืนจนฟ้าสาง
แม้จะผ่านมาเป็น 10 ปี แล้ว แต่ขนแขนยังลุกเกรียวเหมือนเดิม ทุกครั้งที่เรานึกถึงน้อง เพราะน้องชัดเจนในดวงตา และสมองของเราจริงๆ
*เราขอพี่เขาดูกล้องบ่อยจนพี่เขารำคาญ ถึงแม้ว่าเราจะได้ห้องพักใหม่ แต่ ใครคนนั้น ก็ยังคงตามไปนอนเบียดเราด้วย*
ใครคนนั้น กับ น้อง ไม่ใช่คนเดียวกันแน่นอน
หากว่าท่านใดอ่านแล้วงง หรือว่าตาลาย ทางผู้เล่าต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ เพราะนี่คือครั้งแรกที่มาเล่าผ่านทางโซเชียล
ส่วนใครจะสอบถามนอกไมค์ คืออันนี้เราก็ทำไม่เป็นนะ เพราะเพิ่งเคยเล่าครั้งแรกผ่านพันทิป ต้องขอโทษด้วย แต่เรามีเรื่องเล่าเยอะเพราะเจอบ่อยมากๆ แต่ถ้านึกได้อีกจะมาเล่าให้ฟัง
ใครในห้อง
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ก่อน ที่ซอยลาดพร้าว 81 เรากับแฟนเก่า ในตอนนั้นพวกเราได้งานกัน คือการเป็นช่างล้างแอร์รถยนต์ กับบริษัทแห่งหนึ่ง ที่จะส่งพนักงานไปประจำตามบีควิก ของสาขาต่างๆ ในเขตพื้นที่ของโซนนั้นๆ บริษัทแห่งนี้เขาเช่าห้องให้พนักงานได้อยู่ ในอพาร์ทมนต์แห่งหนึ่ง อยู่ในซอยลาดพร้าว 81 ในการทำงานนั้นราบรื่นไปตามปกติ แต่เมื่อต้องกลับมายังห้องพักนี่สิ คือสิ่งที่เราพบเจอ และสัมผัสทุกๆ คืน...
"หนู เดี๋ยวเราแวะซื้อข้าวที่ร้านตามสั่งตรงซอยข้างหน้ากันไหม"
"เอาดิพี่ เพราะเซเว่นมันอยู่ไกล เราต้องเดินไปไกลอยู่นะ เดี๋ยวเงินออกสิ้นเดือนเราค่อยไปบิ๊กซีกันก็ได้"
เมื่อเราคุยกันแล้วตกลงกันได้ เรากับแฟนเก่าก็พากันมาซื้อข้าวกิน และในตอนนั้นแฟนเก่าของเราเป็นคนขี้เหล้า เมื่อได้ของครบกันจึงพากันเดินกลับขึ้นห้อง อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ มีร้านชำอยู่ด้านล่าง และเจ้าของอพาร์ทเมนต์นั้น พักอยู่ประจำที่ชั้น 2 หรือ 3 เราเองก็จำไม่ได้ และพี่แกมีอาการป่วยแบบไม่แสดงออก ตึกนี้มี 5 ชั้น และทั้ง 4 ชั้นนั้นก็เต็มทุกห้อง ตัวเรากับแฟนเก่าอาศัยที่ชั้น 5 ที่ทางบริษัทนั้นจัดหาเช่าให้ คือห้อง 512 กับห้อง 514 ห้อง 512 กับห้อง 514 นั้น อยู่ตรงข้ามกัน และเรากับแฟนเก่านั้นได้พักอยู่ที่ห้อง 512 เมื่อเรากับแฟนกินข้าวกันเสร็จ และเตรียมอาบน้ำนอนกันนั้น แฟนเราเขาเมาและหลับไปก่อนแล้วเรียบร้อย พร้อมกับที่นอนบนพื้นห้องที่เป็นหินอ่อน ด้วยเป็นคนที่ขี้ร้อน จึงเป็นคนที่กินง่าย นอนง่าย
เมื่อเหลือเราเพียงคนเดียว เรานอนเล่นมือถืออยู่และยังไม่ทันได้อาบน้ำ ไฟในห้องก็ยังเปิด ไฟในห้องน้ำก็ปิด ไฟระเบียงก็ปิด แต่ว่ามีเสียงคนเปิดน้ำเหมือนกำลังอาบน้ำ และนั่งส้วมอยู่ เราลุกพรวดขึ้นทันที สิ่งแรกคือหันมามองขี้เมาที่นอนกับพื้นห้องอย่างสบายใจเฉิบ พร้อมกับที่เราขยับลุกเพื่อเดินไปดูในห้องน้ำ เรารีบเปิดไฟ แล้วเดินสำรวจห้องน้ำทันที พื้นแห้งสนิท ฝักบัวแห้งสนิท ไม่มีแม้กระทั่งน้ำหยด ทั้งที่ก็รั่วหยดอยู่เป็นประจำ เราจึงตัดสินใจอาบน้ำเดี๋ยวนั้นเลยเพราะว่าจะได้รีบนอนเร็วๆ แต่ในระหว่างที่เราอาบน้ำก็มีเสียงคนมาเคาะห้อง แต่แฟนเราก็เมาแฟ๊ดหลับอยู่เหมือนเดิม เราเลยนุ่งผ้าออกมาดูเอง ตอนที่เราเดินออกมาจะมาดูว่าใครมาเคาะ เราเห็นว่ามีเงาคนยืนอยู่ที่หน้าห้องตอนที่เคาะประตู แต่เมื่อเรารีบแต่งตัวเพื่อจะเปิดประตูเรากลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า และถ้ามีคนจริงๆ ยังไงก็ไม่พ้นสายตาเราแน่นอนถ้าเขาจะมาแกล้งเคาะประตูแล้ววิ่งหนีไป
ในวันถัดมาเป็นวันออฟของเรา ซึ่งก็คือวันหยุดตามปกติของคนทำงานทั่วไป แต่แฟนเรายังคงไปทำงานอยู่ตามปกติ วันนี้ทั้งวันแล้วก็เลยอยู่ห้องเพียงคนเดียว อย่างแรกเลยเราไปขอพี่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ เปิดดูกล้องวงจรปิดว่ามีใครมาเคาะห้องเราในช่วงห้าทุ่มกว่า ใกล้เที่ยงคืนแล้ว
"เนี่ยน้อง พี่เปิดวนดู 2 รอบ 3 รอบแล้วนะ ทั้งก่อนเวลาที่น้องบอก หลังเวลาที่น้องบอก ตอนประมาณห้าทุ่มอ่ะ พี่กับแฟนยังไม่นอนกันเลยนะ"
เราทำอะไรต่อไม่ได้ ในเมื่อเจ้าของเขายืนยันชัดเจนมาแบบนั้นแล้ว เราจึงยอมรับสภาพและไม่พูดอะไรต่ออีก เรารีบหาซื้อของใช้ส่วนตัว พร้อมกับขนม ของกินและมาม่า แล้วรีบขึ้นห้องในทันที ตอนนั้นเรายังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น พอช่วงเที่ยงแฟนก็เข้ามาหา มากินข้าวด้วยตามปกติ เมื่อแฟนออกไปทำงานตามปกติเราก็เตรียมจะนอนเล่นในห้อง บนเตียงเหล็ก ที่มีเบาะแบบที่โรงเรียนใช้กันทั่วไปในชั่วโมงพละ และเมื่อเวลาที่เราเอนตัวลงนอนก็จะมีเสียง อ๊อดแอ๊ดๆ แต่เราก็ยังไม่คิดอะไรอีกเช่นกัน พอเราเอนตัวลงนอนแต่ว่าเสียงเตียงที่มันลั่นตามปกติของมัน แต่เสียงเตียงลั่นทำไมมันถึงมีเสียงเหมือนคนนอนลงพร้อมกันถึงสองคน
เราก็ดันสงสัยเลยลุกพรวดแล้วเริ่มหันซ้าย หันขวา เพราะไม่ใช่แค่เสียงเตียงลั่นเท่านั้น แต่เบาะที่นอนมันยวบด้วย ยวบแบบว่ามีคนเอนตัวนอนลงพร้อมกันสองคน
"อ้าว ประตูก็ล็อกนี่หว่า ยังไม่ทันหลับเลยนะเนี่ย" เราเริ่มคุยกับขี้เมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันทีทางไลน์ เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เราก็เลยหลับไปเองจริงๆ แต่เมื่อเราหลับไปแล้ว แต่ว่าความจริงนั้นเพิ่งจะหลับตา มีเสียงกุญแจไขลูกบิดเข้ามาในห้อง เราเลยขยับตัวลุกเพื่อหันไปมองทางประตูทันทีและพบเพียงความว่างเปล่าเหมือนเดิม เราเลยรีบลุกไปสำรวจลูกบิดประตู เราก็พบว่ามันยังคงล็อกอยู่เหมือนเดิม เราเลยเดินกลับมานอนต่อพร้อความสงสัย แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอเรานอนจริงๆ กำลังจะหลับจริงๆ มีเสียงลั่นจากเตียงที่เราจากทางปลายเตียง พร้อมกับที่เบาะบนเตียงมันยวบลงไปว่ามีใครอีกคนมานอนข้างๆ เรา และเริ่มขยับเอาหลังมาเบียดเราอีกด้วย ชนิดที่เรียกได้ว่าหลังนี่แนบชิดติดกันเลยทีเดียว เรานี่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวพร้อมลุกพรวดขึ้นนั่งเดี๋ยวนั้น ในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว เพราะไม่ใช่แค่นอนเบียดเราจนแนบชิด แต่แผ่แผ่นหลังที่อบอุ่นมาให้เราอีกด้วยนี่สิใครกันหว่า
เมื่อเราสะดุ้งตื่นขึ้นมันก็เป็นเวลาบ่ายแก่มากแล้วพอสมควร แล้วประตูห้องก็ถูกเคาะอีกแล้วพร้อมขาคนสองข้างตามปกติ เมื่อเราลุกไปเปิดประตูจึงพบว่าเป็นขี้เมากลับมาแล้ว แต่ว่าไม่มีกลิ่นเหล้า เรามีเซ็กส์กับแฟนไปรอบหนึ่ง แล้วแฟนก็รีบแต่งตัวกลับไปทำงานต่อ เพราะขอเขากลับมาแค่แปปเดียวเลยต้องรีบกลับไป พอแฟนเก่าเราออกไปทำงานแล้ว เราก็เลยรีบไปอาบน้ำเพราะอยากจะนอนต่อ คราวนี้ใครคนนั้นก็มาเบียดเราเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความอบอุ่นที่แผ่นหลังของเรา ทั้งที่พัดลมเพดานก็เปิดอยู่ตลอดเวลา แต่ใครคนนั้นกลับทำให้เราร้อนระอุจนนอนต่อไม่หลับ จนถึงเวลาที่ขี้เมาตัวจริงกลับมา ขอย้ำ ว่าขี้เมาตัวจริงกลับมาตอนค่ำๆ พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม 40 ดีกรีส่วนตัวของพี่เขา ไขกุญแจห้องเข้ามาด้วยสีหน้าอารมณ์ดีตามปกติของเขา แต่เราน่ะสิที่เหมือนจะหน้าถอดสี เมื่อเราเริ่มคุยกับพี่เขาเป็นกิจลักษณะ
"อ้าว ตกลงว่าพี่เลิกงานกี่โมงกันแน่เนี่ย เมื่อกลางวันพี่ก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ พี่ขอเขามาพักนี่"
ขี้เมาทำหน้างุนงง พร้อมกับถามเราด้วยว่า "เมื่อกลางวันพี่กลับมาเหรอ ใช่เหรอหนู พี่เข้างานหกโมงเช้า เลิกงานหกโมงเย็น วันนี้เขาให้พี่ทำโอที วันนี้เลยกลับมาช้า น่าจะเกือบสี่ทุ่มเลยนะ แต่พี่ขอเขากลับสองทุ่ม พี่บอกเขาว่าหนูไม่สบาย พี่เลยขอเขารีบกลับ พี่ไม่ได้มานะ"
ขี้เมามีอาการสร่างเมาด้วยจากสีหน้าแล้ว พี่แกคงจะไม่ได้กลับมาจริงๆ แหละ เราเลยเล่าเรื่องเมื่อกลางวันให้ฟัง ขี้เมาเลยบอกว่าเรานี่แหละที่น่าจะฝันไปวันพรุ่งนี้ขี้เมาได้หยุดงานตามปกติ เลยขอแฟ๊ดอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับน้ำท่าไม่อาบและหลับไปก่อนเราตามปกติ ที่เก่า เวลาเดิม เพิ่มเติมคือขี้เมาดันลุกมาฉี่แล้วดันอาบน้ำ เพราะนอนต่อเองไม่ได้ ภายในห้อง 512 นั้น มีเตียงอ๊อดแอ๊ดอยู่สองหลังพร้อมเบาะนอนอย่างที่เราบอกเล่าไปข้างต้น ความคิดขี้เมาเลยอกว่าให้เอาสองเตียงมาชิดกัน แล้วทำที่ให้เหลือแค่เราสองคนนอนได้นะหนู เอากระเป๋าผ้ามาวางให้เต็มเตียง อย่าเหลือที่ว่างเอาไว้นะ นั่นคือสิ่งที่พี่แกบอกเราเอาไว้ตอนที่เราสองคนย้ายเข้ามาอยู่กันใหม่ๆ ที่เก่า เวลาเดิม เพิ่มเติมคือขี้เมาตาแจ้งอย่างที่บอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเวลาเดิมๆ พวกเราสองคนเริ่มมองหน้ากันเอง ขี้เมาเริ่มจิบๆ เพื่อเรียกความกล้าและสติให้คืนกลับมาเหมือนเดิม
"ปะหนู เดินมากับพี่" เราสองคนเดินไปที่ประตูพร้อมกัน แล้วก็ยืนกันอยู่เงียบๆ ที่ตรงนั้น มีเสียงเคาะประตูอีกครั้งพร้อมกับเงาขาของคนตามปกติคือสองขา พอมีการเคาะอีกครั้งพี่แกเตรียมพร้อมที่ลูกบิด อารมณ์แบบว่า เคาะมา กูพร้อมเปิด เมื่อมีเสียงเคาะเกิดขึ้นจริงๆ พร้อมเงาขาคน ขี้เมาทำมือโบกๆ ให้เราห่างจากประตู แล้วพี่แกก็กระชากเปิดประตูจริงๆ เรากับขี้เมาพบเพียงความว่างเปล่า และอากาศที่หายใจกันตามปกติ พี่แกเลยเดินไปดูห้อง 514 ตรงข้ามกัน เมื่อห้องไม่ได้ล็อก จึงเข้าไปเช็คและรู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเราเขาไม่อยู่กันเลยสักคนเดียว เราสองคนมองหน้ากันอีกรอบ แล้วพากันเข้าห้องเงียบๆ พร้อมล็อกประตูและปิดไฟในห้อง เปิดแต่ไฟห้องน้ำทิ้งไว้ตามปกติ เป็นไอเดียของพี่แกเวลาที่จะเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ เมื่อจิบไปเรื่อยๆ ก็หลับไปก่อนเราอีกเช่นเคย เรานอนลืมตาในความมืดอีกแล้วเพราะว่านอนไม่หลับ กว่าจะคล้อยหลับก็ราวๆ ห้าทุ่ม เวลาเดิม แต่คืนนี้พิเศษขี้เมาอยู่ด้วยเลยโดนกันตั้งแต่สี่ทุ่ม
พอเราจะหลับ เสียงประตูก็เคาะ เราเลยตื่นและนอนฟัง พร้อมความคิดตามที่ขี้เมาบอกเอาไว้ มันอยากเคาะก็ให้มันเคาะจนมือหักไป หรือให้มันเคาะจนมันพังประตูเข้ามาเลย ให้กล้องเห็น ขอแค่หนูห้ามไปเปิดก็พอ ไอเดียของพี่แกบอกแบบนี้ แล้วเราก็นอนฟังมันเคาะจนเราจะเคลิ้มหลับ ใครคนนั้น ก็มาเบียดเรานอนอีกเช่นเคย ให้ทั้งความอบอุ่นที่แผ่นหลัง แถมด้วยเตียงอ๊อดแอ๊ดและเบาะนอนยวบ ยัง ยัง ยังไม่พอ เอามือมาลูบขาเราพร้อม ก่อนจะเอนตัวลงนอนพร้อมกับกอดเรา นั่นคือสิ่งเรารียกสติให้กลับมา แต่เราช้ากว่า เพราะเรากำลังโดนผีอำเข้าจังๆ ทุกอย่างไหลมาเป็นฉากๆ นั่นคือความรู้สึกของเราในตอนนั้น เสียงหายไปหมดนอนลืมตารับรู้ห้าสัมผัสรอบตัวเราอย่างมีสติ น้ำตาเราไหล แม้แต่เสียงสะอื้นตัวเองยังไม่ได้ยิน ค่อยๆ เหลือบมองขี้เมา พี่แกนอนกรนอย่างเป็นสุข ในสภาพที่นุ่งเพียงกางเกงในเพียงตัวเดียว ส่วนเรานอนตัวแข็งทื่อฟังเสียงคนอาบน้ำแบบไม่ปิดประตู เสียงน้ำหยดจากฝักบัวเวลาที่อาบน้ำเสร็จแล้วปิดฝักบัว แล้วเราก็พบเด็กคนหนึ่ง เราไม่รู้ว่าน้องเป็นชายหรือหญิง เราจำติดตาเพียงแค่ว่า น้องใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าไม่ได้ใส่ นั่งกอดเข่าร้องไห้เงียบๆ จนถึงระดับที่เงียบมากๆ ทุกอย่างเราเห็นเหมือนละครใบ้จริงๆ น้องเงยหน้ามองเรา มีผมบ็อบยาวๆ ประบ่า ผมหน้าม้าบังใบหน้าของน้องมิดชิด เราเริ่มร้องไห้ สวดผิดๆ ถูกๆ เราหลับตาปี๋ แต่เมื่อเราลืมตาขึ้นมา รายการพิเศษของน้องก็เริ่มต้นขึ้น
น้องถูกมัดติดกับพัดลมเพดาน ในลักษณะที่หัวน้องห้อยลงมา ขาเล็กๆ สองข้างของน้องถูกมัดที่ข้อเท้า และหัวเข่า สองแขนเล็กๆ ถูกมัดติดแนบลำตัวช่วงข้อมือ กับช่วงอก เราเห็นเชือกมัดน้องติดกับก้านพัดลมเพดานตรงช่วงข้อมือของน้อง กับช่วงอกของน้อง ก้นกับขาของน้องราบแนบติดกับเพดานห้อง ใบพัดพัดลมก็หมุนไปเรื่อยๆ แต่ว่ามันช้าจนเราเห็นน้องหมุนตามใบพัดของพัดลมเพดาน น้องร้องไห้ขอให้เราช่วยแต่เราไม่ได้ยินเสียงของน้องเลย แล้วเราก็เห็นว่าบนเพดานตรงที่ขาของน้อง ราบติดกับเพดานห้อง น้องเริ่มเลือดออก แล้วใบพัดก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เลือดของน้องก็เริ่มออกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเปื้อนติดกับเพดาน ในสภาพที่เราเผชิญ สายตาเราปรับเข้ากับความมืดจนเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน บวกกับแสงไฟจากห้องน้ำมาช่วยให้เราเห็นชัด แถมน้องยังจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ด้วยการปิดไฟห้องน้ำ แล้วก็เปิดไฟห้องน้ำใหม่
น้องอยู่เล่นกับเราทั้งคืนจนเช้า ภาพของน้องชัดเจนในสายตาและสมองของเรา พร้อมกับที่น้องเอาตัวเองไปอยู่กับพัดลมเพดานห้อง แล้วก็หมุนโชว์เราทั้งคืนจนเช้า ส่วนเราก็ร้องไห้แบบไม่มีเสียงจนตัวเองหลับ แลับแล้วตื่นมาเห็นน้องเล่นพัดลม แล้วก็หลับต่อ ตื่นมาเห็นน้องเล่นพัดลม เราเจอสภาพแบบนี้ทั้งคืนจนฟ้าสาง
แม้จะผ่านมาเป็น 10 ปี แล้ว แต่ขนแขนยังลุกเกรียวเหมือนเดิม ทุกครั้งที่เรานึกถึงน้อง เพราะน้องชัดเจนในดวงตา และสมองของเราจริงๆ
*เราขอพี่เขาดูกล้องบ่อยจนพี่เขารำคาญ ถึงแม้ว่าเราจะได้ห้องพักใหม่ แต่ ใครคนนั้น ก็ยังคงตามไปนอนเบียดเราด้วย*
ใครคนนั้น กับ น้อง ไม่ใช่คนเดียวกันแน่นอน
หากว่าท่านใดอ่านแล้วงง หรือว่าตาลาย ทางผู้เล่าต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ เพราะนี่คือครั้งแรกที่มาเล่าผ่านทางโซเชียล
ส่วนใครจะสอบถามนอกไมค์ คืออันนี้เราก็ทำไม่เป็นนะ เพราะเพิ่งเคยเล่าครั้งแรกผ่านพันทิป ต้องขอโทษด้วย แต่เรามีเรื่องเล่าเยอะเพราะเจอบ่อยมากๆ แต่ถ้านึกได้อีกจะมาเล่าให้ฟัง