ปาล์มน้ำมัน ร่วงเหลือ 3 บาท โรงสกัดชะลอรับซื้ออ้างกำลังผลิตไม่พอ
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1175379
ปาล์มน้ำมันร่วงเหลือ 3 บาท/กก. ระบุล้นตลาด เกษตรกรอ่วม หลัง “ลานเท-โรงสกัด” งดรับซื้อ อธิบดีกรมการค้าภายในบินด่วนลงพื้นที่สุราษฎร์ธานี เร่งแก้ปัญหาการเปิดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร หลังโรงสกัดน้ำมันปาล์มหลายแห่หยุดรับซื้อ
นาย
โอภาส หนูชิต เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และอดีตประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 ม.ค.) ราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน ที่ จ.พัทลุง เคลื่อนไหวปรับลดลงจาก 4 บาทเศษ/กก. ลงมาเหลือ 3 บาทเศษ/กก. โดยโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันให้เหตุผลว่า ผลผลิตล้นไม่ตอบรับกับกำลังการผลิต น้ำมันปาล์มล้นสถานที่เก็บรักษาไม่พอ จึงชะลอการรับซื้อ
ขณะที่ลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันหลายแห่งได้ชะลอรับซื้อไป โดยให้เหตุว่ารถบรรทุกปาล์มสดไปส่งยังโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันยังค้างอยู่รอลงปาล์มน้ำมัน จึงไม่มีรถบรรทุกปาล์มน้ำมัน จึงงดรับซื้อลงชั่วคราว ส่งผลกระทบให้ราคาตกต่ำ
“
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลานเทปาล์มน้ำมันหลายแห่งใน จ.พัทลุง เริ่มเปิดรับซื้อปาล์มน้ำมันแล้ว เช่น ปาล์มน้ำมันตรัง และปาล์มน้ำมันปัตตานี เป็นต้น”
ขณะที่ นาย
ทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่รับซื้อปาล์มน้ำมันราคา 3 บาท/กก. โดยลานเทปาล์มน้ำมันและโรงงานอุตสาหกรรมให้เหตุผลว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันล้นกำลังการผลิต และสถานที่เก็บปาล์มน้ำมันเต็มจึงชะลอการรับซื้อก่อน ทำให้บางโรงงานมีบรรทุกปาล์มน้ำมัน 150 คัน ไปจอดรอคิวลงปาล์มน้ำมันถึง 2 วัน กว่าจะทยอยลงปาล์มน้ำมันได้
ส่งผลให้ลานเทน้ำมันปาล์ม และเจ้าของปาล์มน้ำมันต่างประสบกับภาวะขาดทุนกันมาก เพราะระยะ 1-2 วัน ปาล์มน้ำมันน้ำหนักจะลดไปมาก รถบรรทุกขนาด 20 ตัน น้ำหนักจะลงกว่า 1-2 ตัน เมื่อน้ำหนักลดก็จะประสบภาวะขาดทุนทันที และลานเท เจ้าของสวนปาล์มน้ำมันขาดทุนกันมาก
“
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาจากโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันหยุดรับซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 บางโรงงานหยุดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2565 และมาเปิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2566 หยุดไปกว่า 10 วัน ส่งผลให้ปาล์มน้ำมันที่ค้างอยู่ทะลักออกมามากพร้อมกันจนล้นโรงงานและล้นสถานที่เก็บ คิดว่าโรงงานอุตสาหกรรมชะลอการรับซื้อ ก็เป็นผลกระทบในระยะสั้น ๆ แต่เรื่องราคาลงมาเหลือ 3 บาท/กก.จะเป็นผลกระทบในระยะยาวกว่าราคาจะขึ้นมา แต่ก็เป็นโอกาสที่รัฐบาลจะต้องออกมาประกันราคาที่ 4 บาท/กก.อีก” นาย
ทศพลกล่าว
รายงานข่าวจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 นาย
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นาย
อุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายในได้บินด่วนลงไปประชุมที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการชะลอรับซื้อผลปาล์ม
นาย
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นข้อสั่งการของนาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เร่งรัด แก้ไขปัญหาเรื่องการรับซื้อปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกร เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในช่วงนี้ ยังไม่ใช่ช่วงที่มีผลผลิตออกมากที่สุด
แต่อาจเป็นผลกระทบระยะสั้นจากการหยุดรับซื้อ ช่วงปิดโรงงานในเทศกาลปีใหม่ จึงขอความร่วมมือให้เกษตรกรชะลอการเก็บเกี่ยวปาล์มน้ำมันออกไประยะหนึ่ง ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้เปิดช่องทางพิเศษในการรับซื้อปาล์มน้ำมันเฉพาะเกษตรกรรายย่อยแยกจากลานเท และเพิ่มกำลังการสกัดน้ำมัน เพื่อเร่งระบายผลปาล์มน้ำมัน
“
ส่วนการปิดซ่อมเครื่องจักร อยากให้มีการแจ้งแผนการซ่อมบำรุงกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดล่วงหน้า เพื่อจัดทำเป็นตารางสลับช่วงเวลาซ่อมบำรุงกัน และขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันที่มีแผนซ่อมบำรุงในช่วงนี้ให้ชะลอออกไปก่อน ซึ่งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่ต่างตอบรับกับข้อเสนอดังกล่าว” อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าว
ชาวเน็ตชวนติด #ย้ายค่าย จนติดเทรนด์ หลังทรูกลืนดีแทค ดีดนิ้วปิดตำนานแบรนด์ฟีลกู๊ด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3772391
ชาวเน็ตชวนติด #ย้ายค่าย จนติดเทรนด์ หลังทรูกลืนดีแทค ดีดนิ้วปิดตำนานแบรนด์ฟีลกู๊ด
จากเมื่อวันที่ 12 มกราคม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าชื่อบริษัทที่ได้รับการเสนอในการจดทะเบียนบริษัทใหม่ที่ควบรวมคือ ‘บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)’
ทั้งนี้ หลังจากการควบรวม ทั้งแบรนด์ดีแทคและทรูจะยังคงแยกกันให้บริการลูกค้าของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค และสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่อไป
ซึ่งจากข่าวดังกล่าวนั้น เกิดคำถามมากมายทั้งสื่อมวลชน และชาวเน็ต ต่างสงสัยถึงชื่อที่ควรจะเป็นชื่อบริษัทใหม่ที่มีสองบริษัทรวมกัน แต่ทำไมกลับกลายเป็น ชื่อเดิม ที่มีเพียงบริษัทเดียว จนกลายเป็นไวรัลจำนวนมาก
ด้านพนักงานดีแทคและอดีตพนักงาน บางส่วน ได้ออกมาโพสต์ไว้อาลัยถึงแบรนด์ของตนเอง ที่ส่อแววว่า กำลังจะหายไป หลังยืนหยัดคู่กับลูกค้ามาอย่างยาวนาน
ซี่งหลังจากเกิดกระแสต่อดีลควบรวม เมื่อวันที่ 13 มกราคม ดีแทคได้ส่งข่าว ว่า DTAC ยืนยัน หลังควบรวม TRUE จะช่วยลูกค้าได้บริการหลากหลาย สิทธิประโยชน์มากกว่าเดิม พร้อมประสบการณ์ใหม่บริการใหม่เพิ่มเติม ทั้ง เน็ตบ้าน – TV แบบบอกรับสมาชิก – บริการดิจิทัลเพิ่มสัญญาณ 5G – พร้อม WiFi ให้ลูกค้า ฟากผู้ถือหุ้นหลักเทเลนอร์ – ซีพี ย้ำสัดส่วนเท่าเทียม 30% เพื่อยืนยันเจตนาในการให้บริการลูกค้าต่อไป
ขณะที่ ล่าสุด ชาวเน็ตต่างออกมาโพสต์และพร้อมใจติดแฮชแท็ก
#ย้ายค่าย ในทวิตเตอร์ จนติดเทรนทวิตเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พอใจกับการควบรวม บางส่วนก็บอกถึงหากต้องไปรวมกับอีกค่าย จะยังดีเหมือนเดิมหรือไม่
เครือข่าย We Fair เตรียมพบ 15 พรรคการเมือง ผลักดันนโยบายรัฐสวัสดิการ
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/329773
14 ม.ค.66 - เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) จัดเวทีการประชุมภาคีเครือข่ายประชาชน เพื่อนำเสนอรายงานการศึกษาทางวิชาการ ยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่รัฐสวัสดิการ” และการพัฒนาชุดข้อเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการ
โดยมีนักวิชาการหลายท่านร่วมนำเสนอ เช่น รศ.ดร.
ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนอ รายงานการศึกษา ความเป็นไปได้ในการสร้างรัฐสวัสดิการในประเทศไทย และ ยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่รัฐสวัสดิการ
รศ.ดร.
เก่งกิจ กิตติเรียงลาภ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอรายงานการศึกษา ความคิดทางการเมืองเครือข่ายทางสังคมในการขับเคลื่อนสังคมสู่รัฐสวัสดิการ
ดร.
กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นำเสนอรายงานการศึกษา การสำรวจวาทกรรมสวัสดิการสังคม และรัฐสวัสดิการในไทย
และ ผศ.ดร.
ดวงมณี เลาวกุล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนอรายงานการศึกษา สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ทั้งนี้ในวันที่ 17-20 มกราคม นี้ เครือข่ายฯ เตรียมนำชุดข้อเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการเข้าเสนอต่อพรรคการเมืองทั้งหมด 15 พรรค ได้แก่
- พรรคสร้างอนาคตไทย
- พรรคประชาชาติ
- พรรคสามัญชน
- พรรคพลังประชารัฐ
- พรรคเพื่อชาติ
- พรรคเพื่อไทย
- พรรคชาติไทยพัฒนา
- พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย
- พรรคประชาธิปัตย์
- พรรคภูมิใจไทย
- พรรคเสรีรวมไทย
- พรรคก้าวไกล
- พรรคชาติพัฒนากล้า
- พรรคไทยสร้างไทย
- พรรคแรงงานสร้างชาติ
นาย
นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่าย We Fair กล่าวว่า นอกจากชุดข้อเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการแล้ว ทางเครือข่ายยังมีข้อเรียกร้องสำคัญต่อพรรคการเมือง 3 ข้อ หรือ 3 สร้าง ได้แก่
1. สร้างสัตยาบันต่อประชาชน ในการผลักดันนโยบายหาเสียงให้เป็นนโยบายของรัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหาร และผลักดันเ็นกฎหมายในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ
2. สร้างประชาธิปไตย สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และถอนตัวจากระบอบประยุทธ์ ส่งทหารกลับกรมกอง
และ 3. สร้างรัฐสวัสดิการ นโยบายสวัสดิการสังคมถ้วนหน้าเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคมและประชาชน
JJNY : ปาล์มน้ำมัน ร่วงเหลือ 3 บาท│ชาวเน็ตชวนติด #ย้ายค่าย│We Fair เตรียมพบ 15 พรรคการเมือง│"หมอธีระ"อัปเดต"โควิด-19"จีน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1175379
ปาล์มน้ำมันร่วงเหลือ 3 บาท/กก. ระบุล้นตลาด เกษตรกรอ่วม หลัง “ลานเท-โรงสกัด” งดรับซื้อ อธิบดีกรมการค้าภายในบินด่วนลงพื้นที่สุราษฎร์ธานี เร่งแก้ปัญหาการเปิดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร หลังโรงสกัดน้ำมันปาล์มหลายแห่หยุดรับซื้อ
นายโอภาส หนูชิต เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และอดีตประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 ม.ค.) ราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน ที่ จ.พัทลุง เคลื่อนไหวปรับลดลงจาก 4 บาทเศษ/กก. ลงมาเหลือ 3 บาทเศษ/กก. โดยโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันให้เหตุผลว่า ผลผลิตล้นไม่ตอบรับกับกำลังการผลิต น้ำมันปาล์มล้นสถานที่เก็บรักษาไม่พอ จึงชะลอการรับซื้อ
ขณะที่ลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันหลายแห่งได้ชะลอรับซื้อไป โดยให้เหตุว่ารถบรรทุกปาล์มสดไปส่งยังโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันยังค้างอยู่รอลงปาล์มน้ำมัน จึงไม่มีรถบรรทุกปาล์มน้ำมัน จึงงดรับซื้อลงชั่วคราว ส่งผลกระทบให้ราคาตกต่ำ
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลานเทปาล์มน้ำมันหลายแห่งใน จ.พัทลุง เริ่มเปิดรับซื้อปาล์มน้ำมันแล้ว เช่น ปาล์มน้ำมันตรัง และปาล์มน้ำมันปัตตานี เป็นต้น”
ขณะที่ นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่รับซื้อปาล์มน้ำมันราคา 3 บาท/กก. โดยลานเทปาล์มน้ำมันและโรงงานอุตสาหกรรมให้เหตุผลว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันล้นกำลังการผลิต และสถานที่เก็บปาล์มน้ำมันเต็มจึงชะลอการรับซื้อก่อน ทำให้บางโรงงานมีบรรทุกปาล์มน้ำมัน 150 คัน ไปจอดรอคิวลงปาล์มน้ำมันถึง 2 วัน กว่าจะทยอยลงปาล์มน้ำมันได้
ส่งผลให้ลานเทน้ำมันปาล์ม และเจ้าของปาล์มน้ำมันต่างประสบกับภาวะขาดทุนกันมาก เพราะระยะ 1-2 วัน ปาล์มน้ำมันน้ำหนักจะลดไปมาก รถบรรทุกขนาด 20 ตัน น้ำหนักจะลงกว่า 1-2 ตัน เมื่อน้ำหนักลดก็จะประสบภาวะขาดทุนทันที และลานเท เจ้าของสวนปาล์มน้ำมันขาดทุนกันมาก
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาจากโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันหยุดรับซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 บางโรงงานหยุดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2565 และมาเปิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2566 หยุดไปกว่า 10 วัน ส่งผลให้ปาล์มน้ำมันที่ค้างอยู่ทะลักออกมามากพร้อมกันจนล้นโรงงานและล้นสถานที่เก็บ คิดว่าโรงงานอุตสาหกรรมชะลอการรับซื้อ ก็เป็นผลกระทบในระยะสั้น ๆ แต่เรื่องราคาลงมาเหลือ 3 บาท/กก.จะเป็นผลกระทบในระยะยาวกว่าราคาจะขึ้นมา แต่ก็เป็นโอกาสที่รัฐบาลจะต้องออกมาประกันราคาที่ 4 บาท/กก.อีก” นายทศพลกล่าว
รายงานข่าวจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายในได้บินด่วนลงไปประชุมที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการชะลอรับซื้อผลปาล์ม
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เร่งรัด แก้ไขปัญหาเรื่องการรับซื้อปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกร เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในช่วงนี้ ยังไม่ใช่ช่วงที่มีผลผลิตออกมากที่สุด
แต่อาจเป็นผลกระทบระยะสั้นจากการหยุดรับซื้อ ช่วงปิดโรงงานในเทศกาลปีใหม่ จึงขอความร่วมมือให้เกษตรกรชะลอการเก็บเกี่ยวปาล์มน้ำมันออกไประยะหนึ่ง ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้เปิดช่องทางพิเศษในการรับซื้อปาล์มน้ำมันเฉพาะเกษตรกรรายย่อยแยกจากลานเท และเพิ่มกำลังการสกัดน้ำมัน เพื่อเร่งระบายผลปาล์มน้ำมัน
“ส่วนการปิดซ่อมเครื่องจักร อยากให้มีการแจ้งแผนการซ่อมบำรุงกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดล่วงหน้า เพื่อจัดทำเป็นตารางสลับช่วงเวลาซ่อมบำรุงกัน และขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันที่มีแผนซ่อมบำรุงในช่วงนี้ให้ชะลอออกไปก่อน ซึ่งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่ต่างตอบรับกับข้อเสนอดังกล่าว” อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าว
ชาวเน็ตชวนติด #ย้ายค่าย จนติดเทรนด์ หลังทรูกลืนดีแทค ดีดนิ้วปิดตำนานแบรนด์ฟีลกู๊ด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3772391
ชาวเน็ตชวนติด #ย้ายค่าย จนติดเทรนด์ หลังทรูกลืนดีแทค ดีดนิ้วปิดตำนานแบรนด์ฟีลกู๊ด
จากเมื่อวันที่ 12 มกราคม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าชื่อบริษัทที่ได้รับการเสนอในการจดทะเบียนบริษัทใหม่ที่ควบรวมคือ ‘บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)’
ทั้งนี้ หลังจากการควบรวม ทั้งแบรนด์ดีแทคและทรูจะยังคงแยกกันให้บริการลูกค้าของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค และสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่อไป
ซึ่งจากข่าวดังกล่าวนั้น เกิดคำถามมากมายทั้งสื่อมวลชน และชาวเน็ต ต่างสงสัยถึงชื่อที่ควรจะเป็นชื่อบริษัทใหม่ที่มีสองบริษัทรวมกัน แต่ทำไมกลับกลายเป็น ชื่อเดิม ที่มีเพียงบริษัทเดียว จนกลายเป็นไวรัลจำนวนมาก
ด้านพนักงานดีแทคและอดีตพนักงาน บางส่วน ได้ออกมาโพสต์ไว้อาลัยถึงแบรนด์ของตนเอง ที่ส่อแววว่า กำลังจะหายไป หลังยืนหยัดคู่กับลูกค้ามาอย่างยาวนาน
ซี่งหลังจากเกิดกระแสต่อดีลควบรวม เมื่อวันที่ 13 มกราคม ดีแทคได้ส่งข่าว ว่า DTAC ยืนยัน หลังควบรวม TRUE จะช่วยลูกค้าได้บริการหลากหลาย สิทธิประโยชน์มากกว่าเดิม พร้อมประสบการณ์ใหม่บริการใหม่เพิ่มเติม ทั้ง เน็ตบ้าน – TV แบบบอกรับสมาชิก – บริการดิจิทัลเพิ่มสัญญาณ 5G – พร้อม WiFi ให้ลูกค้า ฟากผู้ถือหุ้นหลักเทเลนอร์ – ซีพี ย้ำสัดส่วนเท่าเทียม 30% เพื่อยืนยันเจตนาในการให้บริการลูกค้าต่อไป
ขณะที่ ล่าสุด ชาวเน็ตต่างออกมาโพสต์และพร้อมใจติดแฮชแท็ก #ย้ายค่าย ในทวิตเตอร์ จนติดเทรนทวิตเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พอใจกับการควบรวม บางส่วนก็บอกถึงหากต้องไปรวมกับอีกค่าย จะยังดีเหมือนเดิมหรือไม่
เครือข่าย We Fair เตรียมพบ 15 พรรคการเมือง ผลักดันนโยบายรัฐสวัสดิการ
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/329773
14 ม.ค.66 - เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) จัดเวทีการประชุมภาคีเครือข่ายประชาชน เพื่อนำเสนอรายงานการศึกษาทางวิชาการ ยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่รัฐสวัสดิการ” และการพัฒนาชุดข้อเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการ
โดยมีนักวิชาการหลายท่านร่วมนำเสนอ เช่น รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนอ รายงานการศึกษา ความเป็นไปได้ในการสร้างรัฐสวัสดิการในประเทศไทย และ ยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่รัฐสวัสดิการ
รศ.ดร.เก่งกิจ กิตติเรียงลาภ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอรายงานการศึกษา ความคิดทางการเมืองเครือข่ายทางสังคมในการขับเคลื่อนสังคมสู่รัฐสวัสดิการ
ดร.กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นำเสนอรายงานการศึกษา การสำรวจวาทกรรมสวัสดิการสังคม และรัฐสวัสดิการในไทย
และ ผศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำเสนอรายงานการศึกษา สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ทั้งนี้ในวันที่ 17-20 มกราคม นี้ เครือข่ายฯ เตรียมนำชุดข้อเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการเข้าเสนอต่อพรรคการเมืองทั้งหมด 15 พรรค ได้แก่
- พรรคสร้างอนาคตไทย
- พรรคประชาชาติ
- พรรคสามัญชน
- พรรคพลังประชารัฐ
- พรรคเพื่อชาติ
- พรรคเพื่อไทย
- พรรคชาติไทยพัฒนา
- พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย
- พรรคประชาธิปัตย์
- พรรคภูมิใจไทย
- พรรคเสรีรวมไทย
- พรรคก้าวไกล
- พรรคชาติพัฒนากล้า
- พรรคไทยสร้างไทย
- พรรคแรงงานสร้างชาติ
นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่าย We Fair กล่าวว่า นอกจากชุดข้อเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการแล้ว ทางเครือข่ายยังมีข้อเรียกร้องสำคัญต่อพรรคการเมือง 3 ข้อ หรือ 3 สร้าง ได้แก่
1. สร้างสัตยาบันต่อประชาชน ในการผลักดันนโยบายหาเสียงให้เป็นนโยบายของรัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหาร และผลักดันเ็นกฎหมายในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ
2. สร้างประชาธิปไตย สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และถอนตัวจากระบอบประยุทธ์ ส่งทหารกลับกรมกอง
และ 3. สร้างรัฐสวัสดิการ นโยบายสวัสดิการสังคมถ้วนหน้าเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคมและประชาชน