การทำงานราชการของทุกคนเป็นยังไงกัน ภาคเสริมจากที่ทุกคนตอบมา

 สวัสดีค่ะ เราอยากอธิบายเพิ่มเติมจากที่ทุกท่านตอบมาและแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ค่ะ 

หมายเหตุ ถ้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีกระทู้นี้รบกวนกลับไปดูกระทู้อีกสองเรื่องของเรานะคะ
- การทำงานราชการของทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง
 - การทำงานราชการของทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง ภาคต่อ
แจ้งเพิ่มเติมจากกระทู้ที่ตั้งไปทั้งสองค่ะ ดังนี้ 

1. เรื่องราวที่เราเล่ามันไม่ได้ละเอียดทั้งหมดนะคะ เพราะเรื่องแต่ละเรื่องมีช่วงเวลาที่ห่างกันค่ะเราอาจจำไม่ได้ทุกคำที่ตอบเป๊ะ ใครพูดอะไรยังไงบ้างเป๊ะๆ 
2. เราดูการตอบมีปัญหา เราอยากบอกว่า ตรงที่เราอยู่บ้างทีมันกดดันค่ะ สมมติถ้าเรายืนอยู่กลางคนสามคนแต่ทุกคนรุมถามและต้องการคำตอบจากเรา เราบอกเลยค่ะ เรากดดันและแอบหวั่น เพราะเราเคยตอบและไม่ถูกใจ และเราโดนว่า มันเลยทำให้เราฝังใจค่ะ เราเลยกลัวการตอบ ไม่มั่นใจในการตอบและมักตอบพลาดไปในทุกครั้งที่เจอสถานการณ์เดิมค่ะ
3. งานที่เราทำไม่เหมาะกับเรา ถ้าจะให้พูดตรงๆ เราทำงานเพื่อครอบครัวค่ะ เราไม่ได้ทำงานที่เราชอบ แต่เราทำเพื่อความอยู่รอดของบ้านเราค่ะ ถ้าถามทำไมไม่ทำตามใจตัวเองบ้าง หัดคิดเองบ้าง เราอยากทำนะคะ แต่ปัจจัยภาพรวมมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะ สังคมของทุกคนต่างกันเราเติบโตมาต่างกันหน้าที่และสิ่งที่ต้องรับผิดชอบต่างกัน 
4. เราเคยฝึกงานที่เขต 1 ภาคเรียนค่ะ และพอเรียนจบระดับ ปวช. เราก็ทำงานเป็นพนักงานจ้างเหมาที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจมา 5 ปีค่ะ แล้วมาทำพนักงานราชการอีกที่ปัจจุบันนี้จะครบปีอีกสองเดือนค่ะ ที่เราบอกเนื่องจากเราทำงานสายนี้มาโดยตลอดเราเห็นความต่างแตกของงานและสังคมในที่ทำงานทั้งสามหน่วยค่ะ  เพราะงั้นถ้าถามว่าแล้วเรามีประสบการณ์ในการรับมือปัญหาอะไรไหม เราว่าไม่ค่ะ เรายังรู้สึกว่าตัวเรายังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะเลย คำพูด การทำงาน สังคม เราคิดว่าเราต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อมค่ะ 
5.แล้วถ้าถามว่าที่เก่าเราเป็นยังไง เราว่ามันคือการทำงานกับครอบครัวค่ะ เพราะก่อนเราเข้าไปทำงานที่นั้นเราก็เคยไปบ่อยๆ เนื่องด้วยพ่อเราขับรถที่นั่นค่ะ เราเลยรู้จักพวกผู้ใหญ่และพี่ๆ ทุกคนก็จะรู้จักเราและรู้ว่าเราเป็นยังไงค่ะ ทำให้เราผูกพันธ์และรู้สึกว่าคนที่นั่นคือครอบครัว ส่วนที่ใหม่ที่เราทำปัจจุบัน เรามองว่ามันคือการทำงานจริงๆเป็นระบบและแบ่งหน้าที่กันชัดเจน แต่จะมีงานที่ต้องออกไปช่วยพี่กลุ่มงานในแผนกด้วยแล้วแต่โอกาสค่ะ เราใหม่มากเพราะเราไม่รู้จักใครเลยและต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด 
6. ถ้ามองว่าเราเชื่อฟังพี่ที่ทำงานมากกว่าหัวหน้าใหญ่ เราว่าก็จริงค่ะ แต่ด้วยเราทำงานกับพวกพี่เขา เขาคือคนสอนงานเราค่ะ แล้วถ้าเวลาเรารับงานจากหัวหน้าใหญ่มาพวกพี่เขาก็ต้องมาสอนเราและช่วยเราดูงานอีกที เพราะแบบนี้มันจึงทำให้เกิดประเด็นที่ว่า ทำไมพวกพี่เขาให้ปฏิเสธงานนั่นไป(แค่งานนั่นงานเดียวค่ะ) 
7. เราไม่รู้ว่าการที่เราชี้แจงเพิ่มเติมมันจะทำให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อมากขึ้นไหม แต่ที่เราบอกตั้งแต่กระทู้แรกเราอยากระบาย เล่าเรื่องของเราให้คนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน ครอบครัว หรือคนสนิทเเราฟังบ้าง  (และแอบอยากรู้ความเห็นของทุกคนที่มาตอบว่าคิดเห็นยังไงค่ะ ) ซึ่งก็ได้หลากหลายข้อคิดดีค่ะ บางอันก็แอบแรงไม่ใช่การคอมเม้นแรงแต่เป็นการตอบที่ทำให้เรารู้สึกแย่ไปนิดนึงเลยค่ะ แต่ก็ขอบคุณคอมเม้นทุกๆคน เพราะมันเหมือนเตือนสติเรา และบอกเราว่าควรจัดการกับสิ่งที่เจอยังไง 
8. และสุดท้าย เรามองว่าทุกปัญหาที่เราเจอหรือใครเจอ มันแตกต่างกันและเราต้องหาวิธีแก้ไขไปตามสถานการณ์และบุคคลนั้นๆค่ะ บางคนบอกให้แก้แบบนี้ แต่บางทีเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ค่ะ ทุกคนไม่ได้โชคดีที่เจอคนที่เข้าใจเราในครั้งแรกที่อธิบาย และตัวเราเองก็ไม่ใช่คนหนักแน่น ตัดสินใจเก่ง กล้าแสดงออกทางความคิด เรายังใหม่ค่ะ ยังไม่กล้าทำอะไรเยอะแยะเลย สิ่งเดียวที่เราคิดว่าเราทำได้ดีคงเป็นความเงียบ และอดทน ทำงานทุกอย่างผ่านไปให้ได้ด้วยดี

ส่งท้าย ชีวิตมันไม่ได้สวยหรูทุกคน โชคไม่ได้เข้าข้างเราเสมอไป สังคมไม่ได้ดีแบบที่คนนอกมองเข้ามา ตัวเราไม่ได้เก่งเสมอเราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด แต่ทุกคนก็คงมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งจะหวังให้คนมากมายหรือใครเข้าใจก็คงไม่ได้ มีแค่ตัวเรานี่แหละที่เข้าใจดีที่สุดและรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ 
ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกความคิดเห็น ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นกัน  หากคำพูดหรือคำไหนที่ทำให้รู้สึกไม่ดีหรือขัดใจ ต้องขอโทษด้วยค่ะ เรากลั่นกรองมาจากความรู้สึกเรา อาจไม่ได้คำสวยหรูหรือถูกต้องทุกอย่าง ขอบคุณมากค่ะที่เป็นส่วนหนึ่งในคนที่รับฟังเรื่องราวของเรา.............13/01/66
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่