โรงพยาบาลเอกชน ทยอยขึ้นค่ารักษา โอดไฟแพง ค่าแรงเพิ่ม ทำต้นทุนพุ่ง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3761524
โรงพยาบาลเอกชน ทยอยขึ้นค่ารักษา โอดไฟแพง ค่าแรงเพิ่ม ทำต้นทุนพุ่ง
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นพ.
วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงพยาบาลเครือปิยะเวท เปิดเผยว่า จากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้ขณะนี้โรงพยาบาลทั้ง 7 แห่งในเครือ มีภาระค่าไฟสูงขึ้นกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลปิยะเวท พระราม 9 ต้องจ่ายค่าไฟกว่า 3 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมกับต้นทุนอื่นๆ ที่ปรับขึ้น เช่น ค่ายาที่ทยอยปรับขึ้น 10% ตั้งแต่ปลายปี 2565 ยังมีค่าแรง ค่าอาหาร และค่าขนส่ง ทำให้ทางโรงพยาบาลได้ประกาศปรับค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการเพิ่มขึ้นช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ในราคาหลัก 100 บาทในแต่ละประเภท
“
จากค่าไฟที่แพง ภายในปีนี้เราจะลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์รูฟที่หลังบริเวณลานจอดรถ เริ่มที่โรงพยาบาลปิยะเวทพระราม 9 ก่อนเป็นแห่งแรก ทั้งนี้ เราก็อยากจะให้ภาครัฐชะลอการขึ้นค่าไฟหรือหากจะขึ้นก็ขอให้ปรับขึ้นในอัตราที่ไม่มาก ต้องยอมรับว่าต้นทุนค่าไฟที่สูงขึ้น กระทบกับต้นทุนการให้บริการของโรงพยาบาลเช่นกัน” นายแพทย์
วิทิตกล่าว
นาย
สิทธิ ภานุพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท สินแพทย์ จำกัด ผู้บริหารโรงพยาบาลสินแพทย์ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากค่าไฟที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 7 แห่ง ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 12 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีการปรับขึ้นค่าแรง ทำให้บริษัทมีกำไรในการดำเนินการลดลง อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต้องปรับขึ้นค่าการรักษาหรือค่าบริการเพิ่มหรือไม่ หลังจากบริษัทไม่ได้ปรับมา 2 ปีแล้ว หากปรับขึ้นคงไม่เกิน 3% อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เริ่มติดตั้งระบบโซลาร์รูฟ เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟไปบ้างแล้ว แต่ช่วยได้ระดับหนึ่ง
“
ปัจจุบันธุรกิจโรงพยาบาล ยังคงประสบกับปัญหาขาดแคลนหมอและเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่ยังขาดเยอะมาก เพราะมีโรงพยาบาลใหม่ๆ เกิดขึ้นมากและคนเริ่มหันมาให้ความสนใจต่อสุขภาพกันเยอะ ทำให้มีความต้องการและแข่งขันกันสูง” นาย
สิทธิกล่าว
ไข่ไก่เบตงราคาพุ่ง ฟองละ 4 บาทแล้ว สวนทางกับรายได้ที่ค่าแรงขั้นต่ำ 240 บาท
https://www.matichon.co.th/region/news_3761589
ไข่ไก่เบตงราคาพุ่ง ฟองละ 4 บาทแล้ว สวนทางกับรายได้ที่ค่าแรงขั้นต่ำ 240 บาท
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ร้านเบตงไข่ไก่ ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา หลังราคาไข่ไก่ปรับขึ้นราคาอยู่ที่ฟองละ 4 เพิ่มขึ้น 10 สตางค์กว่า ต่อฟอง เรื่องนี้ถือว่าเป็นการซ้ำเติมประชาชนหรือเปล่า เพราะในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ ยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นอีก จากการสำรวจตามร้านขายไข่ไก่บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันถึงราคาไข่ไก่ที่พุ่งสูงมากเกินไป จนทำให้จำหน่ายไข่ไก่ได้น้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา
ส่วนประชาชน บอกว่า ถึงราคาไข่ไก่จะปรับราคาก็ต้องจำใจซื้อ เนื่องจากไข่ไก่เป็นอาหารหลักที่มีความจำเป็นต้องมีติดบ้าน จากที่เคยซื้อยกแผง ก็หันมาซื้อครั้งละ 5 ฟอง เพื่อประคับประคองให้อยู่รอดถึงสิ้นเดือน โดยราคาไข่ไก่ต่อแผง อยู่ที่ 130-150 บาท ตกฟองละ 4-5 บาท ผู้ค้าบอกว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาไข่ไก่ปรับขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนมาเดือนนี้ที่ปรับขึ้นราคา
ด้านแม่ค้าบอกว่าหลังจากการปรับราคาไข่ไก่ เชื่อว่ากำลังการซื้อของผู้บริโภคจะลดลง ไม่ต่างไปจากร้านอาหารในพื้นที่ ที่มีเมนูอาหารซึ่งมีส่วนประกอบ ที่ใช้ไข่ไก่ ที่ยังไม่ปรับเพิ่มราคาอาหาร เพราะยังพอจะยื้อขายราคาเดิมได้ไหวอยู่ แต่หากราคาไข่ไก่ยังเพิ่มขึ้นอีก แม้จะเห็นใจผู้บริโภค แต่ก็จำเป็นต้องปรับราคาอาหารตามลำดับ มันสวนกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำมากยางก็ราคาถูกและค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลาบางร้านค่าแรงอยู่ที่ 240-250 บาท และ 300 บาท การปรับราคาสินค้าเกือบทุกอย่าง จะเป็นการซ้ำเติมประชาชนหรือเปล่า กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับสูงขึ้น เพราะราคาเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรมีต้นทุนสูงขึ้น โดยพบว่าต้นทุนไข่ไก่ ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละเกือบ 3 บาท ขณะที่ราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 3 บาท 20 สตางค์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าราคาจะขยับสูงขึ้นอีก เรื่องของไข่ไก่ปรับขึ้นราคา อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะการปรับขึ้นราคารอบนี้เป็นการปรับขึ้นแพงสุด ทำให้ผู้บริโภคต้องปรับตัวเลือกไปทานอาหารอย่างอื่น หลายคนมองว่าค่าครองชีพสูงเพราะสินค้าหลาย ๆ อย่างทยอยขึ้นราคา แต่สวนทางกับรายได้ที่หามาแทบจะไม่พอจ่ายในแต่ละวัน
ชลน่าน อัด อนุทิน-สปสช. ชะลอเบิกจ่ายงบดูแลสุขภาพนอกสิทธิ ขัด กม.งบประมาณ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3761423
ชลน่าน อัด อนุทิน-สปสช. ชะลอเบิกจ่ายงบดูแลสุขภาพนอกสิทธิ ขัด กม.งบประมาณ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 มกราคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปลี่ยนนโยบายด้านสาธารณสุข คนมากมายรับผลกระทบว่า ขณะนี้ประชากรกว่า 13.5 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การให้วัคซีน และการให้ยาป้องกันการติดเชื้อกับผู้มีความเสี่ยงเอชไอวี ผู้ป่วยติดเตียง คนกลุ่มนี้ถูกคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ให้ชะลองบประมาณดูแลสุขภาพจำนวน 514 ล้านบาท ในส่วนของประชาชนที่ต้องได้รับสิทธิตามกฎหมายอื่นๆ ที่ไม่ใช่สิทธิตาม สปสช.ส่งผลให้คนกลุ่มนี้มีปัญหาการรับบริการ เช่น การรับวัคซีนในเด็ก กลุ่มเสี่ยงที่ต้องรับยารักษาเอชไอวี ผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น
นพ.
ชลน่านกล่าวต่อว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการตีความกฎหมายของคณะที่ปรึกษากฎหมายของนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้อสงสัยว่าการจะเอางบประมาณมาจ่ายด้านส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การให้ยากับผู้ป่วยเอชไอวี ผู้ป่วยติดเตียง อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้นายอนุทินเกิดความลังเล และสั่งชะลอการเบิกจ่ายงบดังกล่าว รวมทั้งส่งข้อเสนอดังกล่าวไปยังสำนักงานเลขาฯ ครม. และคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาข้อกฎหมาย
นพ.
ชลน่านกล่าวด้วยว่า รัฐไม่มีหน้าที่ปฏิเสธการดูแลสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะการป้องกันโรค ต้องหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาของนายอนุทินแสนรู้ ไปตัดถ้อยคำแนบท้ายว่าเป็นอำนาจ ครม.ที่จะอนุมัติออก ดังนั้นขอให้เร่งพิจารณาข้อกฎหมายที่คุณเห็นว่ามีปัญหาให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ตนถือว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 ที่รัฐสภามีมติเห็นชอบ ประกาศใช้ราชกิจจานุเบกษา เพราะสภาอนุมัติงบก่อนนี้ไปให้แล้ว เป็นการอนุมัติงบให้คนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสิทธิหรือกองทุนไหน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ดังนั้นการตีความว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิได้รับงบ ถือเป็นการละเมิด จงใจฝ่าฝืนกฎหมายงบประมาณ
“
ดังนั้น สปสช.ต้องรีบจัดสรรงบประมาณลงไปเพื่อสร้างความสะดวกให้ประชาชน และกฤษฎีกาต้องรีบตีความกฎหมายให้ชัดเจน ที่สำคัญถือว่าเป็นการเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายงบประมาณหรือไม่ งานนี้ถ้ามีคำตอบไม่ชัดหรือไม่รีบดำเนินการ เจอกันในการอภิปรายตามมาตรา 152 แน่นอน” นพ.
ชลน่านกล่าว
‘ณัฐชา’ ย้ำบรรยากาศหาเสียง กทม.ตอบรับดี มั่นใจ ก้าวไกลรักษาแชมป์กวาด ส.ส.อันดับ 1 ใน กทม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3761570
‘ณัฐชา’ ย้ำบรรยากาศหาเสียง กทม.ตอบรับดี มั่นใจ ก้าวไกลรักษาแชมป์กวาด ส.ส.อันดับ 1 ใน กทม.
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง ส.ส. พื้นที่กรุงเทพมหานครของพรรคก้าวไกลว่า ในฐานะที่ตนเป็น ส.ส.เขต ที่ต้องทำงานและพบปะพี่น้องประชาชนทุกวัน พี่น้องประชาชนยังฝากความหวังให้ตนในฐานะฝ่ายค้านจี้รัฐบาลให้แก้ไขปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพของพวกเขา สิ่งที่ตนนำเสนอคือนโยบายของพรรคก้าวไกลสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่เราทำได้ทันที พี่น้องประชาชนไม่ต้องรอคอย หรือฝากความหวังให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน ไปกระตุ้นการทำงานของรัฐบาลแบบนี้ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะดำเนินงานสะสางปัญหาต่างๆ ทันที โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน
นาย
ณัฐชากล่าวต่อว่า ในส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกลได้คัดเลือกว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตแล้วและจะเปิดตัวครบทุกเขตอีกครั้งหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จสิ้น มั่นใจว่าบุคลากรที่พรรคก้าวไกลคัดสรรเพื่อเสนอตัวทำงานเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน มีคุณสมบัติครบเครื่อง รวมถึงตนที่ได้พิสูจน์การทำงานทั้งในพื้นที่และในสภาตลอดการทำหน้าที่ ส.ส.สมัยแรกให้พี่น้องประชาชนได้ประจักษ์แล้ว
“
หากถามถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชื่อว่าพรรคก้าวไกลได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้นกว่า 75-80 เปอร์เซ็นต์ ได้ที่นั่ง 25 เขตจาก 33 เขตอย่างแน่นอน” นาย
ณัฐชากล่าว
JJNY : 5in1 รพ.เอกชนโอดไฟแพง│ไข่ไก่เบตงพุ่ง│ชลน่านอัดอนุทิน-สปสช.│ณัฐชาย้ำกทม.ตอบรับดี│รัสเซียหวนโจมตียูเครนหลังหย่าศึก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3761524
โรงพยาบาลเอกชน ทยอยขึ้นค่ารักษา โอดไฟแพง ค่าแรงเพิ่ม ทำต้นทุนพุ่ง
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นพ.วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงพยาบาลเครือปิยะเวท เปิดเผยว่า จากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้ขณะนี้โรงพยาบาลทั้ง 7 แห่งในเครือ มีภาระค่าไฟสูงขึ้นกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลปิยะเวท พระราม 9 ต้องจ่ายค่าไฟกว่า 3 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมกับต้นทุนอื่นๆ ที่ปรับขึ้น เช่น ค่ายาที่ทยอยปรับขึ้น 10% ตั้งแต่ปลายปี 2565 ยังมีค่าแรง ค่าอาหาร และค่าขนส่ง ทำให้ทางโรงพยาบาลได้ประกาศปรับค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการเพิ่มขึ้นช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ในราคาหลัก 100 บาทในแต่ละประเภท
“จากค่าไฟที่แพง ภายในปีนี้เราจะลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์รูฟที่หลังบริเวณลานจอดรถ เริ่มที่โรงพยาบาลปิยะเวทพระราม 9 ก่อนเป็นแห่งแรก ทั้งนี้ เราก็อยากจะให้ภาครัฐชะลอการขึ้นค่าไฟหรือหากจะขึ้นก็ขอให้ปรับขึ้นในอัตราที่ไม่มาก ต้องยอมรับว่าต้นทุนค่าไฟที่สูงขึ้น กระทบกับต้นทุนการให้บริการของโรงพยาบาลเช่นกัน” นายแพทย์วิทิตกล่าว
นายสิทธิ ภานุพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท สินแพทย์ จำกัด ผู้บริหารโรงพยาบาลสินแพทย์ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากค่าไฟที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 7 แห่ง ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 12 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีการปรับขึ้นค่าแรง ทำให้บริษัทมีกำไรในการดำเนินการลดลง อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต้องปรับขึ้นค่าการรักษาหรือค่าบริการเพิ่มหรือไม่ หลังจากบริษัทไม่ได้ปรับมา 2 ปีแล้ว หากปรับขึ้นคงไม่เกิน 3% อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เริ่มติดตั้งระบบโซลาร์รูฟ เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟไปบ้างแล้ว แต่ช่วยได้ระดับหนึ่ง
“ปัจจุบันธุรกิจโรงพยาบาล ยังคงประสบกับปัญหาขาดแคลนหมอและเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่ยังขาดเยอะมาก เพราะมีโรงพยาบาลใหม่ๆ เกิดขึ้นมากและคนเริ่มหันมาให้ความสนใจต่อสุขภาพกันเยอะ ทำให้มีความต้องการและแข่งขันกันสูง” นายสิทธิกล่าว
ไข่ไก่เบตงราคาพุ่ง ฟองละ 4 บาทแล้ว สวนทางกับรายได้ที่ค่าแรงขั้นต่ำ 240 บาท
https://www.matichon.co.th/region/news_3761589
ไข่ไก่เบตงราคาพุ่ง ฟองละ 4 บาทแล้ว สวนทางกับรายได้ที่ค่าแรงขั้นต่ำ 240 บาท
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ร้านเบตงไข่ไก่ ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา หลังราคาไข่ไก่ปรับขึ้นราคาอยู่ที่ฟองละ 4 เพิ่มขึ้น 10 สตางค์กว่า ต่อฟอง เรื่องนี้ถือว่าเป็นการซ้ำเติมประชาชนหรือเปล่า เพราะในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ ยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นอีก จากการสำรวจตามร้านขายไข่ไก่บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันถึงราคาไข่ไก่ที่พุ่งสูงมากเกินไป จนทำให้จำหน่ายไข่ไก่ได้น้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา
ส่วนประชาชน บอกว่า ถึงราคาไข่ไก่จะปรับราคาก็ต้องจำใจซื้อ เนื่องจากไข่ไก่เป็นอาหารหลักที่มีความจำเป็นต้องมีติดบ้าน จากที่เคยซื้อยกแผง ก็หันมาซื้อครั้งละ 5 ฟอง เพื่อประคับประคองให้อยู่รอดถึงสิ้นเดือน โดยราคาไข่ไก่ต่อแผง อยู่ที่ 130-150 บาท ตกฟองละ 4-5 บาท ผู้ค้าบอกว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาไข่ไก่ปรับขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนมาเดือนนี้ที่ปรับขึ้นราคา
ด้านแม่ค้าบอกว่าหลังจากการปรับราคาไข่ไก่ เชื่อว่ากำลังการซื้อของผู้บริโภคจะลดลง ไม่ต่างไปจากร้านอาหารในพื้นที่ ที่มีเมนูอาหารซึ่งมีส่วนประกอบ ที่ใช้ไข่ไก่ ที่ยังไม่ปรับเพิ่มราคาอาหาร เพราะยังพอจะยื้อขายราคาเดิมได้ไหวอยู่ แต่หากราคาไข่ไก่ยังเพิ่มขึ้นอีก แม้จะเห็นใจผู้บริโภค แต่ก็จำเป็นต้องปรับราคาอาหารตามลำดับ มันสวนกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำมากยางก็ราคาถูกและค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลาบางร้านค่าแรงอยู่ที่ 240-250 บาท และ 300 บาท การปรับราคาสินค้าเกือบทุกอย่าง จะเป็นการซ้ำเติมประชาชนหรือเปล่า กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับสูงขึ้น เพราะราคาเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรมีต้นทุนสูงขึ้น โดยพบว่าต้นทุนไข่ไก่ ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละเกือบ 3 บาท ขณะที่ราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 3 บาท 20 สตางค์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าราคาจะขยับสูงขึ้นอีก เรื่องของไข่ไก่ปรับขึ้นราคา อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะการปรับขึ้นราคารอบนี้เป็นการปรับขึ้นแพงสุด ทำให้ผู้บริโภคต้องปรับตัวเลือกไปทานอาหารอย่างอื่น หลายคนมองว่าค่าครองชีพสูงเพราะสินค้าหลาย ๆ อย่างทยอยขึ้นราคา แต่สวนทางกับรายได้ที่หามาแทบจะไม่พอจ่ายในแต่ละวัน
ชลน่าน อัด อนุทิน-สปสช. ชะลอเบิกจ่ายงบดูแลสุขภาพนอกสิทธิ ขัด กม.งบประมาณ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3761423
ชลน่าน อัด อนุทิน-สปสช. ชะลอเบิกจ่ายงบดูแลสุขภาพนอกสิทธิ ขัด กม.งบประมาณ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 มกราคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปลี่ยนนโยบายด้านสาธารณสุข คนมากมายรับผลกระทบว่า ขณะนี้ประชากรกว่า 13.5 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การให้วัคซีน และการให้ยาป้องกันการติดเชื้อกับผู้มีความเสี่ยงเอชไอวี ผู้ป่วยติดเตียง คนกลุ่มนี้ถูกคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ให้ชะลองบประมาณดูแลสุขภาพจำนวน 514 ล้านบาท ในส่วนของประชาชนที่ต้องได้รับสิทธิตามกฎหมายอื่นๆ ที่ไม่ใช่สิทธิตาม สปสช.ส่งผลให้คนกลุ่มนี้มีปัญหาการรับบริการ เช่น การรับวัคซีนในเด็ก กลุ่มเสี่ยงที่ต้องรับยารักษาเอชไอวี ผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการตีความกฎหมายของคณะที่ปรึกษากฎหมายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้อสงสัยว่าการจะเอางบประมาณมาจ่ายด้านส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การให้ยากับผู้ป่วยเอชไอวี ผู้ป่วยติดเตียง อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้นายอนุทินเกิดความลังเล และสั่งชะลอการเบิกจ่ายงบดังกล่าว รวมทั้งส่งข้อเสนอดังกล่าวไปยังสำนักงานเลขาฯ ครม. และคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาข้อกฎหมาย
นพ.ชลน่านกล่าวด้วยว่า รัฐไม่มีหน้าที่ปฏิเสธการดูแลสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะการป้องกันโรค ต้องหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาของนายอนุทินแสนรู้ ไปตัดถ้อยคำแนบท้ายว่าเป็นอำนาจ ครม.ที่จะอนุมัติออก ดังนั้นขอให้เร่งพิจารณาข้อกฎหมายที่คุณเห็นว่ามีปัญหาให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ตนถือว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 ที่รัฐสภามีมติเห็นชอบ ประกาศใช้ราชกิจจานุเบกษา เพราะสภาอนุมัติงบก่อนนี้ไปให้แล้ว เป็นการอนุมัติงบให้คนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสิทธิหรือกองทุนไหน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ดังนั้นการตีความว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิได้รับงบ ถือเป็นการละเมิด จงใจฝ่าฝืนกฎหมายงบประมาณ
“ดังนั้น สปสช.ต้องรีบจัดสรรงบประมาณลงไปเพื่อสร้างความสะดวกให้ประชาชน และกฤษฎีกาต้องรีบตีความกฎหมายให้ชัดเจน ที่สำคัญถือว่าเป็นการเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายงบประมาณหรือไม่ งานนี้ถ้ามีคำตอบไม่ชัดหรือไม่รีบดำเนินการ เจอกันในการอภิปรายตามมาตรา 152 แน่นอน” นพ.ชลน่านกล่าว
‘ณัฐชา’ ย้ำบรรยากาศหาเสียง กทม.ตอบรับดี มั่นใจ ก้าวไกลรักษาแชมป์กวาด ส.ส.อันดับ 1 ใน กทม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3761570
‘ณัฐชา’ ย้ำบรรยากาศหาเสียง กทม.ตอบรับดี มั่นใจ ก้าวไกลรักษาแชมป์กวาด ส.ส.อันดับ 1 ใน กทม.
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง ส.ส. พื้นที่กรุงเทพมหานครของพรรคก้าวไกลว่า ในฐานะที่ตนเป็น ส.ส.เขต ที่ต้องทำงานและพบปะพี่น้องประชาชนทุกวัน พี่น้องประชาชนยังฝากความหวังให้ตนในฐานะฝ่ายค้านจี้รัฐบาลให้แก้ไขปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพของพวกเขา สิ่งที่ตนนำเสนอคือนโยบายของพรรคก้าวไกลสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่เราทำได้ทันที พี่น้องประชาชนไม่ต้องรอคอย หรือฝากความหวังให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน ไปกระตุ้นการทำงานของรัฐบาลแบบนี้ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะดำเนินงานสะสางปัญหาต่างๆ ทันที โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน
นายณัฐชากล่าวต่อว่า ในส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกลได้คัดเลือกว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตแล้วและจะเปิดตัวครบทุกเขตอีกครั้งหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จสิ้น มั่นใจว่าบุคลากรที่พรรคก้าวไกลคัดสรรเพื่อเสนอตัวทำงานเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน มีคุณสมบัติครบเครื่อง รวมถึงตนที่ได้พิสูจน์การทำงานทั้งในพื้นที่และในสภาตลอดการทำหน้าที่ ส.ส.สมัยแรกให้พี่น้องประชาชนได้ประจักษ์แล้ว
“หากถามถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชื่อว่าพรรคก้าวไกลได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้นกว่า 75-80 เปอร์เซ็นต์ ได้ที่นั่ง 25 เขตจาก 33 เขตอย่างแน่นอน” นายณัฐชากล่าว