พิธา-ชลน่าน จับมือ เผชิญหน้ากันครั้งแรก หลังเป็นอดีตหัวหน้าพรรคทั้งคู่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7868624
พิธา-ชลน่าน เผชิญหน้ากันและจับมือกันเป็นครั้งแรก หลังพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อไทยทิ้งก้าวไกล จับมืออีกขั้วตั้งรัฐบาล
วันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.) รุ่นที่ 13 จัดเสวนานำเสนอยุทธศาสตร์ หัวข้อ “
ยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้ระบบการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ” โดยมีนาย
สันทัศน์ ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานในพิธี โดยมีการแบ่งการเสวนาออกมาเป็นช่วงๆ
ทั้งนี้ ในประเด็นร่วมสมัย หัวข้อ “
พรรคการเมืองแบบไหนที่คนไทยต้องการ” มีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมเวที ประกอบด้วย นาย
ศุภชัย ใจสมุทร เป็นตัวแทนของนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเนื่องจากติดภารกิจ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุขและอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
พิธา และนพ.ชลน่าน ได้นั่งใกล้กันและหันมาจับมือกัน ถือเป็นการขึ้นเวทีร่วมกันและเผชิญหน้ากันครั้งแรก หลังจาก นาย
พิธา ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในช่วงบ่ายวันนี้ และนพ.
ชลน่าน ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังจากตั้งรัฐบาล
เศรษฐา 1 เรียบร้อยโดยพรรคเพื่อไทย ปล่อยมือจากพรรคก้าวไกล แล้วไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม มาจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค 314 เสียง
"พิธา" ตั้งเป้าสิ้นปี “ก้าวไกล” มีสมาชิกพรรคสูงสุดในปท. พร้อมให้นิยามพรรคการเมืองแบบคนไทย "เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก"
https://siamrath.co.th/n/477662
"พิธา" ตั้งเป้าสิ้นปี “ก้าวไกล” มีสมาชิกพรรคสูงสุดในปท. พร้อมให้นิยามพรรคการเมืองแบบคนไทย "เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก"
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวประเด็นร่วมสมัย หัวข้อ “
พรรคการเมืองแบบไหนที่คนไทยต้องการ” ว่า ถ้าพวกเราเห็นตรงกันว่าพรรคการเมืองจะเป็นแบบพรรคที่เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก ก็ยังจะมีอยู่ต่อไป การเป็นพรรคมวลชนที่ก้าวหน้าและตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นพันธกิจของพรรคก้าวไกล ซึ่งการจะเป็นพรรคมวลชน ก้าวหน้า และตรวจสอบนั้นก็ต้องยึดโยงกับประชาชนได้ ซึ่งก็ต้องอยู่ในระบบนิเวศน์การเมืองที่ “
เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก” โดยกว่าจะเกิดได้ต้องมีสมาชิกถึง 5,000 คนใน 1 ปี และ 10,000 คนใน 4 ปี สำหรับพรรคการเมืองที่ยังไม่มีผลผลิตยังไม่มีสส.เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการจะทำให้ตลาดการเมืองมันคึกคักขึ้นมาได้ก็ต้องพึ่งเรื่องเหล่านี้ที่พรรคการเมืองมี 4 สาขา ใน 4 ภูมิภาค และยังต้องมีการเสียงเงินเป็นสมาชิกพรรคถ้า 5,000 คนก็คือ 500,000 บาท ถ้าจะเป็นตลอดชีพก็คนละ 2,000 บาทเป็นเงินรวม 10,000,000 บาท จึงทำให้พรรคการเมืองเกิดยากอยู่พอสมควร ซึ่งพรรคเราพึ่ง กกต.มากที่สุดที่ผ่านเงินกองทุนพัฒนาการเมืองและการบริจาค แต่ก็มีข้อจำกัดที่เยอะไป แต่พรรคสามารถหารายได้ได้จาก 3 ทาง ได้แก่ สมาชิก ขายของที่ระลึก และการจัดระดมทุนเหมือนการจัดโต๊ะจีน แต่ใน 3 ข้อนี้ก็ยังมีกฎหมายหยิบย่อยอีก
แต่สุดท้ายเราก็จะเป็นพรรคการเมืองที่เกิดง่าย อยู่ได้ และยุบยาก ถ้าทำอย่างนั้นได้ตนจะกลายเป็นพรรคมวลชนที่ไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่ เพราะทุกวันนี้ตนสามารถอยู่ได้ด้วยทุนตนเอง ซึ่ง ณ วันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลมี 70,000 คน เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 6,000-7,000 คน และเราถือเป้าหมายว่าเราจะเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคสูงที่สุดภายในประเทศ ให้เกิน 100,000 คนภายในสิ้นปีนี้
ส่วน 4 ปีมีปัจจัยอะไรนั้นคงต้องอยู่ที่การร่วมมือของ 2 พรรค และปัจจัยที่สองอยู่ที่ตนว่าเป็นฝ่ายค้านที่เข้มข้นแค่ไหน และก็ยินดีกับรัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งได้ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นหลักการ และประชาชนให้ตนทำงานตรวจสอบ ปัจจัยที่สาม ในส่วนของมวลชนที่ตรวจสอบเข้มข้นแค่ไหน และปัจจัยที่สี่คือประชาชนว่าพอใจกับการทำงานของรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสื่อมวลชนมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่ามันมีการปรับฐานการเมืองของประชาชนที่ไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการคอร์รัปชัน ไม่ต้องการทุนผูกขาด
สมชัย ดักคอ ‘ก้าวไกล’ ใช้แผนยิ่งกว่าเซียนเหยียบเมฆ ฮุบ 2 เก้าอี้ใหญ่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7868295
สมชัย ดักคอ ‘ก้าวไกล’ เตรียมใช้แผนยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ ได้ทั้งเก้าอี้ รองประธานสภา-ผู้นำฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายค้านเท่าเดิม
วันที่ 15 ก.ย.2566 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้เลือก หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เป็นสส. มาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ว่า
นายพิธา ลาออกจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด ประชุมสมาชิกพรรค เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่ ภายใน 60 วัน แต่ยังมีกรรมการบริหารรักษาการอยู่
ที่ประชุมร่วม สส. กับ กรรมการบริหารพรรค ลงมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ลงมติขับ หมออ๋อง(นายปดิพัทธ์ สันติภาดา) ออกจากพรรค เนื่องจากขัดมติที่ขอให้ลาออกจาก รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
หมออ๋อง หาพรรคใหม่ใน 30 วัน เช่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ทำให้ยังคงมีสมาชิกภาพเป็น สส. และคงตำแหน่งรองประธานสภาได้
ก้าวไกล เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา
สรุปได้ทั้ง รองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จำนวน สส.ฝ่ายค้านเท่าเดิม พรรคเป็นธรรม มี สส.เพิ่มขึ้นอีกคน
ใครวางแผนให้เนอะ มือยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0F2BTfr3YQrrVYmRwERDbvBpuz7pNt4QNQwdXGFd5powe1VR5GqxaGGyQXEUireWxl
ส.อ.ท.ห่วงค่าแรง 400 ของขวัญปีใหม่ ทุบ 20 อุตฯ-เอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านกระอัก วอนฟังไตรภาคี
https://www.matichon.co.th/economy/news_4182064
ส.อ.ท.ห่วงค่าแรง 400 ของขวัญปีใหม่ ทุบ 20 อุตฯ-เอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านกระอัก วอนฟังไตรภาคี
เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่สำนักงานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ต้อนรับ นาย
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หารือเกี่ยวกับประเด็นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณี นาย
พิพัฒน์ ประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ปี 2567 ให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานช่วงใกล้สิ้นปีนี้ ว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลในเดือนพฤศจิกายนนี้ อยากให้ยึดมติคณะกรรมการไตรภาคี โดยค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันนั้นอยากให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 328-354 บาทต่อวัน การขึ้นราคาเดียว 400 บาทต่อวัน หรือขึ้น 19-20% อาจทำให้หลายอุตสาหกรรมกระทบหนักจากต้นทุนที่กระชากแรง เพราะปัจจุบันจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรมมีประมาณ 20 อุตสาหกรรมจ่ายไม่สูงเพราะใช้แรงงานเข้มข้น และยังมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคน ที่เหลือจ่ายเกิน 400 บาทต่อวัน บางอุตสาหกรรมถึง 800 บาทต่อวันแต่ก็หาแรงงานยาก ดังนั้นการปรับค่าจ้างต้องสอดรับศักยภาพแรงงาน และความสามารถของผู้ประกอบการ
นาย
สุชาติ จันทรานาคราช รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสายงานแรงงาน กล่าวว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรเป็นไปตามอำนาจของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีที่แต่ละจังหวัดร่วมพิจารณาสอดคล้องกับปัจจัยเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ จีดีพี ความเดือดร้อนของลูกจ้าง ความสามารถการจ่ายของนายจ้าง และผลิตภาพแรงงาน ควรปราศจากการแทรกแซงจากหน่วยงานภายนอก และปัจจุบันนายจ้างไม่ได้จ่ายแบบเหมารวม แต่จ่ายตามทักษะ เพื่อความเป็นธรรมกับแรงงานที่มีประสบการณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากการหารือ กระทรวงแรงงานย้ำว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะต้องเกิดขึ้นแน่นอนภายในปี 2567 โดยจะหารือในรายละเอียดทั้งในส่วนของแรงงานไทยและแรงงานเพื่อนบ้าน เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 25 กันยายนนี้
JJNY : 5in1 พิธา-ชลน่านจับมือ│"พิธา"ตั้งเป้าสิ้นปี│สมชัยดักคอ‘ก้าวไกล’│ส.อ.ท.ห่วงค่าแรง│เกรตา ธุนเบิร์กโดนตั้งข้อหาอีก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7868624
พิธา-ชลน่าน เผชิญหน้ากันและจับมือกันเป็นครั้งแรก หลังพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อไทยทิ้งก้าวไกล จับมืออีกขั้วตั้งรัฐบาล
วันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.) รุ่นที่ 13 จัดเสวนานำเสนอยุทธศาสตร์ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้ระบบการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ” โดยมีนายสันทัศน์ ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานในพิธี โดยมีการแบ่งการเสวนาออกมาเป็นช่วงๆ
ทั้งนี้ ในประเด็นร่วมสมัย หัวข้อ “พรรคการเมืองแบบไหนที่คนไทยต้องการ” มีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมเวที ประกอบด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นตัวแทนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเนื่องจากติดภารกิจ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุขและอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา และนพ.ชลน่าน ได้นั่งใกล้กันและหันมาจับมือกัน ถือเป็นการขึ้นเวทีร่วมกันและเผชิญหน้ากันครั้งแรก หลังจาก นายพิธา ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในช่วงบ่ายวันนี้ และนพ.ชลน่าน ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังจากตั้งรัฐบาลเศรษฐา 1 เรียบร้อยโดยพรรคเพื่อไทย ปล่อยมือจากพรรคก้าวไกล แล้วไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม มาจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค 314 เสียง
"พิธา" ตั้งเป้าสิ้นปี “ก้าวไกล” มีสมาชิกพรรคสูงสุดในปท. พร้อมให้นิยามพรรคการเมืองแบบคนไทย "เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก"
https://siamrath.co.th/n/477662
"พิธา" ตั้งเป้าสิ้นปี “ก้าวไกล” มีสมาชิกพรรคสูงสุดในปท. พร้อมให้นิยามพรรคการเมืองแบบคนไทย "เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก"
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวประเด็นร่วมสมัย หัวข้อ “พรรคการเมืองแบบไหนที่คนไทยต้องการ” ว่า ถ้าพวกเราเห็นตรงกันว่าพรรคการเมืองจะเป็นแบบพรรคที่เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก ก็ยังจะมีอยู่ต่อไป การเป็นพรรคมวลชนที่ก้าวหน้าและตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นพันธกิจของพรรคก้าวไกล ซึ่งการจะเป็นพรรคมวลชน ก้าวหน้า และตรวจสอบนั้นก็ต้องยึดโยงกับประชาชนได้ ซึ่งก็ต้องอยู่ในระบบนิเวศน์การเมืองที่ “เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก” โดยกว่าจะเกิดได้ต้องมีสมาชิกถึง 5,000 คนใน 1 ปี และ 10,000 คนใน 4 ปี สำหรับพรรคการเมืองที่ยังไม่มีผลผลิตยังไม่มีสส.เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการจะทำให้ตลาดการเมืองมันคึกคักขึ้นมาได้ก็ต้องพึ่งเรื่องเหล่านี้ที่พรรคการเมืองมี 4 สาขา ใน 4 ภูมิภาค และยังต้องมีการเสียงเงินเป็นสมาชิกพรรคถ้า 5,000 คนก็คือ 500,000 บาท ถ้าจะเป็นตลอดชีพก็คนละ 2,000 บาทเป็นเงินรวม 10,000,000 บาท จึงทำให้พรรคการเมืองเกิดยากอยู่พอสมควร ซึ่งพรรคเราพึ่ง กกต.มากที่สุดที่ผ่านเงินกองทุนพัฒนาการเมืองและการบริจาค แต่ก็มีข้อจำกัดที่เยอะไป แต่พรรคสามารถหารายได้ได้จาก 3 ทาง ได้แก่ สมาชิก ขายของที่ระลึก และการจัดระดมทุนเหมือนการจัดโต๊ะจีน แต่ใน 3 ข้อนี้ก็ยังมีกฎหมายหยิบย่อยอีก
แต่สุดท้ายเราก็จะเป็นพรรคการเมืองที่เกิดง่าย อยู่ได้ และยุบยาก ถ้าทำอย่างนั้นได้ตนจะกลายเป็นพรรคมวลชนที่ไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่ เพราะทุกวันนี้ตนสามารถอยู่ได้ด้วยทุนตนเอง ซึ่ง ณ วันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลมี 70,000 คน เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 6,000-7,000 คน และเราถือเป้าหมายว่าเราจะเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคสูงที่สุดภายในประเทศ ให้เกิน 100,000 คนภายในสิ้นปีนี้
ส่วน 4 ปีมีปัจจัยอะไรนั้นคงต้องอยู่ที่การร่วมมือของ 2 พรรค และปัจจัยที่สองอยู่ที่ตนว่าเป็นฝ่ายค้านที่เข้มข้นแค่ไหน และก็ยินดีกับรัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งได้ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นหลักการ และประชาชนให้ตนทำงานตรวจสอบ ปัจจัยที่สาม ในส่วนของมวลชนที่ตรวจสอบเข้มข้นแค่ไหน และปัจจัยที่สี่คือประชาชนว่าพอใจกับการทำงานของรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสื่อมวลชนมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่ามันมีการปรับฐานการเมืองของประชาชนที่ไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการคอร์รัปชัน ไม่ต้องการทุนผูกขาด
สมชัย ดักคอ ‘ก้าวไกล’ ใช้แผนยิ่งกว่าเซียนเหยียบเมฆ ฮุบ 2 เก้าอี้ใหญ่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7868295
สมชัย ดักคอ ‘ก้าวไกล’ เตรียมใช้แผนยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ ได้ทั้งเก้าอี้ รองประธานสภา-ผู้นำฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายค้านเท่าเดิม
วันที่ 15 ก.ย.2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้เลือก หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เป็นสส. มาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ว่า
นายพิธา ลาออกจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด ประชุมสมาชิกพรรค เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่ ภายใน 60 วัน แต่ยังมีกรรมการบริหารรักษาการอยู่
ที่ประชุมร่วม สส. กับ กรรมการบริหารพรรค ลงมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ลงมติขับ หมออ๋อง(นายปดิพัทธ์ สันติภาดา) ออกจากพรรค เนื่องจากขัดมติที่ขอให้ลาออกจาก รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
หมออ๋อง หาพรรคใหม่ใน 30 วัน เช่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ทำให้ยังคงมีสมาชิกภาพเป็น สส. และคงตำแหน่งรองประธานสภาได้
ก้าวไกล เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา
สรุปได้ทั้ง รองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จำนวน สส.ฝ่ายค้านเท่าเดิม พรรคเป็นธรรม มี สส.เพิ่มขึ้นอีกคน
ใครวางแผนให้เนอะ มือยิ่งกว่าชั้นเซียนเหยียบเมฆ
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0F2BTfr3YQrrVYmRwERDbvBpuz7pNt4QNQwdXGFd5powe1VR5GqxaGGyQXEUireWxl
ส.อ.ท.ห่วงค่าแรง 400 ของขวัญปีใหม่ ทุบ 20 อุตฯ-เอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านกระอัก วอนฟังไตรภาคี
https://www.matichon.co.th/economy/news_4182064
ส.อ.ท.ห่วงค่าแรง 400 ของขวัญปีใหม่ ทุบ 20 อุตฯ-เอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านกระอัก วอนฟังไตรภาคี
เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่สำนักงานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ต้อนรับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หารือเกี่ยวกับประเด็นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณี นายพิพัฒน์ ประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ปี 2567 ให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานช่วงใกล้สิ้นปีนี้ ว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลในเดือนพฤศจิกายนนี้ อยากให้ยึดมติคณะกรรมการไตรภาคี โดยค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันนั้นอยากให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 328-354 บาทต่อวัน การขึ้นราคาเดียว 400 บาทต่อวัน หรือขึ้น 19-20% อาจทำให้หลายอุตสาหกรรมกระทบหนักจากต้นทุนที่กระชากแรง เพราะปัจจุบันจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรมมีประมาณ 20 อุตสาหกรรมจ่ายไม่สูงเพราะใช้แรงงานเข้มข้น และยังมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคน ที่เหลือจ่ายเกิน 400 บาทต่อวัน บางอุตสาหกรรมถึง 800 บาทต่อวันแต่ก็หาแรงงานยาก ดังนั้นการปรับค่าจ้างต้องสอดรับศักยภาพแรงงาน และความสามารถของผู้ประกอบการ
นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสายงานแรงงาน กล่าวว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรเป็นไปตามอำนาจของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีที่แต่ละจังหวัดร่วมพิจารณาสอดคล้องกับปัจจัยเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ จีดีพี ความเดือดร้อนของลูกจ้าง ความสามารถการจ่ายของนายจ้าง และผลิตภาพแรงงาน ควรปราศจากการแทรกแซงจากหน่วยงานภายนอก และปัจจุบันนายจ้างไม่ได้จ่ายแบบเหมารวม แต่จ่ายตามทักษะ เพื่อความเป็นธรรมกับแรงงานที่มีประสบการณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากการหารือ กระทรวงแรงงานย้ำว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะต้องเกิดขึ้นแน่นอนภายในปี 2567 โดยจะหารือในรายละเอียดทั้งในส่วนของแรงงานไทยและแรงงานเพื่อนบ้าน เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 25 กันยายนนี้