เพื่อไทย ซัด 8 ปีปราบโกง แค่คำลวง ‘ประยุทธ์’ บี้สอบคนใกล้ตัว เอี่ยวทุจริตเพียบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7448018
เพื่อไทย ซัด 8 ปีปราบโกงแค่คำลวง “ประยุทธ์” บี้สอบหลังมีกระแสข่าวคนใกล้ตัวเอี่ยวปมทุจริตเพียบ ฉะ ถ้ายังดื้อไปต่อ เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2566 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้การทุจริตคอร์รัปชั่นกลายเป็นปัญหาพัวพันในทุกแวดวง ทั้งราชการ การเมือง และธุรกิจสีเทาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีท่าทีเมินเฉย ไม่เร่งรัดให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซ้ำยังแสดงท่าทีฉุนเฉียวเมื่อถูกสื่อสอบถาม กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงข้อมูลโยงถึงหลานชายของพล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทานายตู้ห่าวอีกด้วย
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทย พยายามเปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชั่นต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับความเข้มแข็งของภาคประชาชน ที่แฉข้อมูลกดดันให้กระบวนการตรวจสอบต้องเดินหน้า แต่หลายเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการของรัฐ กลับทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยว่าเหตุใดหน่วยงานด้านการตรวจสอบ ไม่กล้าทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้คำมั่นต่อประชาชนว่าจะเข้ามาปราบโกง ขจัดนักการเมืองไม่ดีออกไป แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์ปราบโกงที่พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งมั่นจะทำกลับเลวร้ายลง ยืนยันได้จากดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ไทยได้เพียง 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก อันดับแย่ที่สุดนับตั้งแต่จัดอันดับมา
การทุจริตยังได้เบ่งบานผลิดอกออกผลไปถึงบุคคลแวดล้อมพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ได้แก่
1. กรณีพล.อ.
ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายพล.อ.
ประยุทธ์ เคยถูกร้องเรียนต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ถึง 2 ครั้งว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า รวมถึงการตรวจสอบที่มาของที่อยู่อาศัยระดับคฤหาสน์ที่ จ.
พิษณุโลก ของพล.อ.ปรีชา ทั้ง 2 กรณี ป.ป.ชมีมติชี้ไม่ผิด และมีคำชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนา ขณะเดียวกันประชาชนเกิดความสงสัยว่ารายได้มากมายของภรรยา พล.อ.ปรีชา มาจากไหน จึงมีเงินฝากรวม 46 ล้านบาท ทั้งที่ พล.อ.ปรีชาแจ้งว่าภรรยาไม่มีรายได้ และไม่ได้ประกอบธุรกิจใด
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า
2. บริษัทของหลานชายพล.อ.
ประยุทธ์ ถูกกล่าวหาว่าจดทะเบียนบริษัทในค่ายทหาร แต่กลับชนะการประมูลโครงการของรัฐ วงเงินรวมหลายร้อยล้านบาท เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.มากว่า 4 ปีแล้ว
3. อธิบดีกรมหนึ่งที่เพิ่งถูกเปิดโปงว่าเรียกรับสินบน มีรายงานข่าวว่าอธิบดีคนดังกล่าวเป็นน้องชายเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของพล.อ.
ประยุทธ์
4. ล่าสุดตามที่นาย
ชูวิทย์ กล่าวหาว่าหลานชายพล.อ.
ประยุทธ์ พัวพันกับทุนจีนนาย
ตู้ห่าวหรือไม่ ต้องไปตรวจสอบ ทั้งนี้ การที่พล.อ.
ประยุทธ์ปล่อยปละละเลยแสวงหาข้อเท็จจริง ในการตรวจสอบบุคคลแวดล้อม ว่าทุจริตตามที่ถูกกล่าวหา พล.อ.
ประยุทธ์กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง มีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อทำให้ความจริงปรากฏ
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า หากไม่เร่งดำเนินการอาจทำให้เกิดข้อครหาในสังคมได้ว่า การเพิกเฉย ละเลย เท่ากับเป็นการรู้เห็นเป็นใจใช่หรือไม่ พล.อ.
ประยุทธ์เป็นผู้นำรัฐบาล เป็นผู้นำสูงสุด มีอำนาจหน้าที่สั่งการทุกหน่วยงานในการเอาผิด หากเป็นผู้นำที่มีความสามารถผลลัพธ์คงดีกว่านี้ เพราะทั้งหมดไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นหน้าที่ของคนเป็นผู้นำต้องทำให้กระจ่างชัดกับสังคม
“
8 ปีที่ผ่านมาได้ก่อร่างสร้างระบอบลุงเรืองอำนาจ ข้ออ้างรัฐประหารปราบโกง โดยคนดี ซื่อสัตย์ เสียสละ คือคำลวง วันนี้ประชาชนตื่นรู้ หยุดสร้างวาทกรรมโทษคนอื่น แต่จงหันมองกระจก พิจารณาสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้ายังคิดไม่ได้และยังจะขอไปต่อ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยไม่ทนกับคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป” น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าว
พท.จวก ตู่ ภาวะผู้นำเสื่อมถอย ฉุนเฉียวเวลาจวนตัว ฉะ คุมตัวเองไม่ได้ก็กลับบ้านไป
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7448054
เพื่อไทย ติง “ประยุทธ์” ชอบโมโหฉุนเฉียวกลบเกลื่อนเวลาจวนตัว จวก ภาวะผู้นำเสื่อมถอย ฉะ ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เก็บของกลับบ้านไป
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2566 นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โมโห ฉุนเฉียว หลังถูกจี้ถามปมที่นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงหลักฐานแฉโยงชื่อหลานชายของ พล.อ.
ประยุทธ์ เอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ ว่า ดูเหมือนพล.อ.
ประยุทธ์ ตอนถูกถามเรื่องหลานชายเอี่ยวคดี
ตู้ห่าว กับตอนพูดเรื่องจะไปเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเป็นคนละคนกัน
“
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล 8 ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องรับสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ภาวะผู้นำเสื่อมถอย พอนึกได้ก็บอกว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่พอเรื่องไหนจวนตัวเสี่ยงจะเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ ก็ออกอาการโมโหฉุนเฉียวพาลใส่ประชาชน สภาพเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้
สื่อมวลชนถามว่าหลานชายมีเอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ก็ตอบไป ไม่เห็นต้องโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอะไรขนาดนั้น ประชาชนตั้งคำถาม 8 ปีที่ผ่านมาข้าราชการระดับสูงหลายคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้รับอิทธิพลหรือถูกครอบงำจากพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
นาย
อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ศึกอภิปรายเป็นการทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ภายใต้ยุทธการถอดหน้ากากคนดีย์ 4 ปีแปดเปื้อน นอกจากจะมีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การจัดซื้อจัดจ้างผิดปกติมีปัญหา เชื่อว่าประเด็นภาวะผู้นำเสื่อมถอยของพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องถูกนำมาตั้งคำถามด้วย
“
พล.อ.ประยุทธ์ อย่าทำเป็นโมโหฉุนเฉียว กลบเกลื่อนใส่ทุกคนทุกครั้งที่จวนตัว ตอบไม่ได้ ไปไม่เป็น ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ภาวะผู้นำเสื่อมถอยก็ให้เก็บของกลับบ้าน” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
กะเพรา ราคาพุ่งพรวด จาก 60 เป็น 120 บาท ต่อกิโล กระทบร้านอาหารตามสั่ง
https://www.thairath.co.th/news/local/central/2596548
อุทัยธานี "กะเพรา" ราคาพุ่งพรวด จาก 60-70 เป็น 100-120 ต่อกิโลกรัม กระทบร้านขายอาหารตามสั่ง อ่วมต้องแบกรับต้นทุนไว้เพราะไม่กล้าขึ้นราคา เกรงว่าลูกค้าจะหนีหาย
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวสำรวจราคา "กะเพรา" ในแผงขายผักตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานีหลังจากที่แม่ค้าพ่อค้าขายอาหารตามสั่งไปจับจ่ายซื้อของเพื่อนำไปประกอบอาหารขายให้ลูกค้าแล้ว พบว่าราคากะเพราต่อหนึ่งกิโลกรัม มีการขยับตัวสูงขึ้นจนน่าตกใจ
ที่ร้านเจ๊จุกซึ่งเป็นแผงผักที่ขายผักปลีกและส่ง เปิดเผยว่า ราคากะเพราจากเดิมกิโลกรัมละ 60-70 บาท ในตอนนี้ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 100 บาท สาเหตุของการขึ้น เนื่องจากเกษตรที่ปลูกกะเพราเพื่อส่งขายให้กับบรรดาแผงผักได้รับผลกระทบเพราะอากาศที่หนาวเย็น ในช่วงฤดูกาลนี้ต้นกะเพราไม่ผลิตใบและดอกเต็มที่ แต่ความต้องการของตลาดมีมากกว่าผลผลิต ประกอบกับรถบรรทุกขนส่งต้องแบกรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมรถยังคงมีราคาสูงนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่อากาศเปลี่ยนและอุ่นขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม สภาวะราคากระเพราแพงจะกลับมาเป็นปกติ เนื่องจากต้นกะเพรามีใบและดอกเติบโตเต็มที่
ขณะเดียวกันร้านอาหารครัวคนวัง ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ที่ตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองอุทัยธานี เป็นร้านที่มีเมนูข้าวราดกะเพราหลากหลาย เปิดเผยว่า ไปซื้อผักเพื่อมาประกอบอาหารขาย พบว่าราคากะเพราบางร้านขายอยู่ในกิโลกรัมละ 100 บาท บางร้านก็สูงถึงกิโลกรัมละ 120 บาท ไม่เพียงแต่กะเพราเท่านั้นที่มีราคาสูงจนน่าตกใจ มะเขือเปราะ เจ้าพระยา จากเดิมเคยซื้อกิโลกรัมละ 30 บาท ในตอนนี้กิโลกรัมละ 50 บาท รวมถึงผักบุ้งจีนเคยซื้อกิโลกรัมเพียง 50 บาท ในตอนนี้กิโลกรัมละ 70 บาท ส่วนผักอื่นๆ เช่น ต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว ก็ราคาขยับตัวขึ้นสูงตามกัน
โดยก่อนหน้านี้ทางร้านได้ขอขึ้นราคาข้าวราดกระเพราจากเดิม 40 บาท มาเป็น 50 บาท เพราะเนื่องจากราคาข้าวของที่ซื้อมาประกอบอาหารขายให้ลูกค้าแพงขึ้นมาก จนในตอนนี้ไม่กล้าที่จะขอขึ้นราคาอีก เพราะเกรงว่าลูกค้าที่มาอุดหนุนกันประจำจะบ่นว่าแพง และกลัวว่าลูกค้านั้นจะหนีไม่มาซื้ออีก จึงจำใจทนแบกภาระต้นทุนไว้ ถึงแม้จะกำไรน้อยลงก็ต้องทน เพราะประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวอยู่ในตอนนี้
JJNY : เพื่อไทย ซัด 8 ปีปราบโกง│พท.จวกตู่ ภาวะผู้นำเสื่อมถอย│กะเพรา ราคาพุ่งพรวด│แนวรบแดนหน้ายูเครนสู้กันดุเดือด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7448018
เพื่อไทย ซัด 8 ปีปราบโกงแค่คำลวง “ประยุทธ์” บี้สอบหลังมีกระแสข่าวคนใกล้ตัวเอี่ยวปมทุจริตเพียบ ฉะ ถ้ายังดื้อไปต่อ เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2566 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้การทุจริตคอร์รัปชั่นกลายเป็นปัญหาพัวพันในทุกแวดวง ทั้งราชการ การเมือง และธุรกิจสีเทาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีท่าทีเมินเฉย ไม่เร่งรัดให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซ้ำยังแสดงท่าทีฉุนเฉียวเมื่อถูกสื่อสอบถาม กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงข้อมูลโยงถึงหลานชายของพล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทานายตู้ห่าวอีกด้วย
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทย พยายามเปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชั่นต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับความเข้มแข็งของภาคประชาชน ที่แฉข้อมูลกดดันให้กระบวนการตรวจสอบต้องเดินหน้า แต่หลายเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการของรัฐ กลับทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยว่าเหตุใดหน่วยงานด้านการตรวจสอบ ไม่กล้าทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้คำมั่นต่อประชาชนว่าจะเข้ามาปราบโกง ขจัดนักการเมืองไม่ดีออกไป แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์ปราบโกงที่พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งมั่นจะทำกลับเลวร้ายลง ยืนยันได้จากดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ไทยได้เพียง 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก อันดับแย่ที่สุดนับตั้งแต่จัดอันดับมา
การทุจริตยังได้เบ่งบานผลิดอกออกผลไปถึงบุคคลแวดล้อมพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ได้แก่
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า รวมถึงการตรวจสอบที่มาของที่อยู่อาศัยระดับคฤหาสน์ที่ จ.พิษณุโลก ของพล.อ.ปรีชา ทั้ง 2 กรณี ป.ป.ชมีมติชี้ไม่ผิด และมีคำชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนา ขณะเดียวกันประชาชนเกิดความสงสัยว่ารายได้มากมายของภรรยา พล.อ.ปรีชา มาจากไหน จึงมีเงินฝากรวม 46 ล้านบาท ทั้งที่ พล.อ.ปรีชาแจ้งว่าภรรยาไม่มีรายได้ และไม่ได้ประกอบธุรกิจใด
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า
2. บริษัทของหลานชายพล.อ.ประยุทธ์ ถูกกล่าวหาว่าจดทะเบียนบริษัทในค่ายทหาร แต่กลับชนะการประมูลโครงการของรัฐ วงเงินรวมหลายร้อยล้านบาท เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.มากว่า 4 ปีแล้ว
3. อธิบดีกรมหนึ่งที่เพิ่งถูกเปิดโปงว่าเรียกรับสินบน มีรายงานข่าวว่าอธิบดีคนดังกล่าวเป็นน้องชายเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของพล.อ.ประยุทธ์
4. ล่าสุดตามที่นายชูวิทย์ กล่าวหาว่าหลานชายพล.อ.ประยุทธ์ พัวพันกับทุนจีนนายตู้ห่าวหรือไม่ ต้องไปตรวจสอบ ทั้งนี้ การที่พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยปละละเลยแสวงหาข้อเท็จจริง ในการตรวจสอบบุคคลแวดล้อม ว่าทุจริตตามที่ถูกกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง มีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อทำให้ความจริงปรากฏ
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า หากไม่เร่งดำเนินการอาจทำให้เกิดข้อครหาในสังคมได้ว่า การเพิกเฉย ละเลย เท่ากับเป็นการรู้เห็นเป็นใจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำรัฐบาล เป็นผู้นำสูงสุด มีอำนาจหน้าที่สั่งการทุกหน่วยงานในการเอาผิด หากเป็นผู้นำที่มีความสามารถผลลัพธ์คงดีกว่านี้ เพราะทั้งหมดไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นหน้าที่ของคนเป็นผู้นำต้องทำให้กระจ่างชัดกับสังคม
“8 ปีที่ผ่านมาได้ก่อร่างสร้างระบอบลุงเรืองอำนาจ ข้ออ้างรัฐประหารปราบโกง โดยคนดี ซื่อสัตย์ เสียสละ คือคำลวง วันนี้ประชาชนตื่นรู้ หยุดสร้างวาทกรรมโทษคนอื่น แต่จงหันมองกระจก พิจารณาสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้ายังคิดไม่ได้และยังจะขอไปต่อ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยไม่ทนกับคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
พท.จวก ตู่ ภาวะผู้นำเสื่อมถอย ฉุนเฉียวเวลาจวนตัว ฉะ คุมตัวเองไม่ได้ก็กลับบ้านไป
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7448054
เพื่อไทย ติง “ประยุทธ์” ชอบโมโหฉุนเฉียวกลบเกลื่อนเวลาจวนตัว จวก ภาวะผู้นำเสื่อมถอย ฉะ ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เก็บของกลับบ้านไป
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2566 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โมโห ฉุนเฉียว หลังถูกจี้ถามปมที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงหลักฐานแฉโยงชื่อหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์ เอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ ว่า ดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์ ตอนถูกถามเรื่องหลานชายเอี่ยวคดีตู้ห่าว กับตอนพูดเรื่องจะไปเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเป็นคนละคนกัน
“สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล 8 ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องรับสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ภาวะผู้นำเสื่อมถอย พอนึกได้ก็บอกว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่พอเรื่องไหนจวนตัวเสี่ยงจะเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ ก็ออกอาการโมโหฉุนเฉียวพาลใส่ประชาชน สภาพเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้
สื่อมวลชนถามว่าหลานชายมีเอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ก็ตอบไป ไม่เห็นต้องโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอะไรขนาดนั้น ประชาชนตั้งคำถาม 8 ปีที่ผ่านมาข้าราชการระดับสูงหลายคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้รับอิทธิพลหรือถูกครอบงำจากพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ศึกอภิปรายเป็นการทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ภายใต้ยุทธการถอดหน้ากากคนดีย์ 4 ปีแปดเปื้อน นอกจากจะมีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การจัดซื้อจัดจ้างผิดปกติมีปัญหา เชื่อว่าประเด็นภาวะผู้นำเสื่อมถอยของพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องถูกนำมาตั้งคำถามด้วย
“พล.อ.ประยุทธ์ อย่าทำเป็นโมโหฉุนเฉียว กลบเกลื่อนใส่ทุกคนทุกครั้งที่จวนตัว ตอบไม่ได้ ไปไม่เป็น ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ภาวะผู้นำเสื่อมถอยก็ให้เก็บของกลับบ้าน” นายอนุสรณ์ กล่าว
กะเพรา ราคาพุ่งพรวด จาก 60 เป็น 120 บาท ต่อกิโล กระทบร้านอาหารตามสั่ง
https://www.thairath.co.th/news/local/central/2596548
อุทัยธานี "กะเพรา" ราคาพุ่งพรวด จาก 60-70 เป็น 100-120 ต่อกิโลกรัม กระทบร้านขายอาหารตามสั่ง อ่วมต้องแบกรับต้นทุนไว้เพราะไม่กล้าขึ้นราคา เกรงว่าลูกค้าจะหนีหาย
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวสำรวจราคา "กะเพรา" ในแผงขายผักตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานีหลังจากที่แม่ค้าพ่อค้าขายอาหารตามสั่งไปจับจ่ายซื้อของเพื่อนำไปประกอบอาหารขายให้ลูกค้าแล้ว พบว่าราคากะเพราต่อหนึ่งกิโลกรัม มีการขยับตัวสูงขึ้นจนน่าตกใจ
ที่ร้านเจ๊จุกซึ่งเป็นแผงผักที่ขายผักปลีกและส่ง เปิดเผยว่า ราคากะเพราจากเดิมกิโลกรัมละ 60-70 บาท ในตอนนี้ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 100 บาท สาเหตุของการขึ้น เนื่องจากเกษตรที่ปลูกกะเพราเพื่อส่งขายให้กับบรรดาแผงผักได้รับผลกระทบเพราะอากาศที่หนาวเย็น ในช่วงฤดูกาลนี้ต้นกะเพราไม่ผลิตใบและดอกเต็มที่ แต่ความต้องการของตลาดมีมากกว่าผลผลิต ประกอบกับรถบรรทุกขนส่งต้องแบกรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมรถยังคงมีราคาสูงนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่อากาศเปลี่ยนและอุ่นขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม สภาวะราคากระเพราแพงจะกลับมาเป็นปกติ เนื่องจากต้นกะเพรามีใบและดอกเติบโตเต็มที่
ขณะเดียวกันร้านอาหารครัวคนวัง ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ที่ตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองอุทัยธานี เป็นร้านที่มีเมนูข้าวราดกะเพราหลากหลาย เปิดเผยว่า ไปซื้อผักเพื่อมาประกอบอาหารขาย พบว่าราคากะเพราบางร้านขายอยู่ในกิโลกรัมละ 100 บาท บางร้านก็สูงถึงกิโลกรัมละ 120 บาท ไม่เพียงแต่กะเพราเท่านั้นที่มีราคาสูงจนน่าตกใจ มะเขือเปราะ เจ้าพระยา จากเดิมเคยซื้อกิโลกรัมละ 30 บาท ในตอนนี้กิโลกรัมละ 50 บาท รวมถึงผักบุ้งจีนเคยซื้อกิโลกรัมเพียง 50 บาท ในตอนนี้กิโลกรัมละ 70 บาท ส่วนผักอื่นๆ เช่น ต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว ก็ราคาขยับตัวขึ้นสูงตามกัน
โดยก่อนหน้านี้ทางร้านได้ขอขึ้นราคาข้าวราดกระเพราจากเดิม 40 บาท มาเป็น 50 บาท เพราะเนื่องจากราคาข้าวของที่ซื้อมาประกอบอาหารขายให้ลูกค้าแพงขึ้นมาก จนในตอนนี้ไม่กล้าที่จะขอขึ้นราคาอีก เพราะเกรงว่าลูกค้าที่มาอุดหนุนกันประจำจะบ่นว่าแพง และกลัวว่าลูกค้านั้นจะหนีไม่มาซื้ออีก จึงจำใจทนแบกภาระต้นทุนไว้ ถึงแม้จะกำไรน้อยลงก็ต้องทน เพราะประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวอยู่ในตอนนี้