แฉเครือ มติชน เพื่อไทย เมลฉาว มีมลทิน เจ้าของมีทั้งคดีรุกป่า คดีสินบน เป็นชนักติดหลัง

แฉเครือ“มติชน” อ่าน. https://mgronline.com/politics/detail/9540000103227

มลทิน”ข่าวสดมติชน” ที่มา. https://mgronline.com/daily/detail/9540000104447

บทสรุปอีเมล“วิม” พิสูจน์ชัด“เพื่อไทย”เลี้ยงสื่อพิสูจน์ชัด“เครือมติชน”รับใช้ระบอบทักษิณ

ผมพยายามประคองกระแสให้ข่าวและรูปของคุณปูอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ให้ได้ทุกวันโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐ(พี่โมทย์) มติชน(พี่เปียกกับพี่จรัญ) ข่าวสด(พี่ชลิต) เดลินิวส์(พี่ป๊อปสมหมาย) คม-ชัด-ลึก(คุณโจ้และปรีชาที่มาสัมภาษณ์ที่บ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน) ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วผมช่วยดูแลไปแล้วที่ละ2 หมื่นส่วนผู้สื่อข่าวทีวีก็ใช้วิธีเลี้ยงข้าวบ้างเลี้ยงเหล้าบ้างยังไม่ได้มีใครเรียกร้องอะไรยกเว้นช่อง7 ที่ขอไวน์และเหล้าส่วนเวลาไปต่างจังหวัดพี่สุณีย์ก็ให้บ้างส่วนที่พรรคไม่เคยให้เลยเคยบอกพี่สาโรจน์ไปแล้วแต่ก็ไม่มีคำตอบ”เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหลายคนคงยังจำกันได้กับกรณีอีเมล2 ฉบับที่ใช้หัวข้อว่า“จดหมายถึงท่านพงษ์ศักดิ์” และ“ข้อเสนอวิม” เพราะถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนต่อการละเมิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์เป็นอย่างยิ่งเนื่องเพราะพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์หลายสังกัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้เงินและให้ผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน

ที่สำคัญคือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากพรรคการเมืองในช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งและขณะนี้ได้จัดตั้งรัฐบาลปกครองประเทศไทยได้เป็นผลสำเร็จนั่นก็คือพรรคเพื่อไทย

ด้วยเหตุดังกล่าวสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจึงได้มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งเมื่อวันที่17 สิงหาคม2554 ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการได้มีผลสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้รายงานของคณะอนุกรรมการที่ประกอบด้วย1.นพ.วิชัยโชควิวัฒน2.นางบัญญัติทัศนียะเวช3.รศ.ดร.ดรุณีหิรัญรักษณ์4.ศ.พิเศษสิทธิโชคศรีเจริญและ5.ดร.สมเกียรติตั้งกิจวานิชย์ซึ่งมีความยาวราว19 หน้าปรากฏข้อเท็จจริงที่น่าสนใจในหลายประการด้วยกัน

กล่าวคือเป็นรายงานที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการบริหารจัดการสื่อที่ตอกหน้าพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง“เด็จพี่” นายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์ที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จด้วยการอ้างว่าเป็นผลงานการส่งอีเมลของกลุ่มบุคคลที่ต้องการทำลายภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยรวมทั้ง“นายวิมรุ่งวัฒนะจินดา” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คนสนิทของนายพงษ์ศักดิ์รักตพงษ์ไพศาลที่ยืนยันตลอดว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวรวมทั้งปฏิเสธเรื่องการขอไวน์หรือเรื่องการขอเงินสด

และที่สำคัญที่สุดคือเป็นรายงานที่ลอกคราบตัวตนที่แท้จริงของหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสิ่งพิมพ์ในเครือมติชน

สำหรับประเด็นที่น่าสนใจประเด็นแรกคือบรรดาชื่อย่อที่ปรากฏในอีเมลฉบับดังกล่าวเป็นใครสังกัดหน่วยงานไหนและต้นสังกัดมีปฏิกิริยาต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร

รายงานของคณะอนุกรรมการฯระบุชัดเจนว่าได้เชิญผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ที่ถูกพาดพิงตามข่าวจำนวน7 คนมาให้ข้อมูลแต่ได้รับความร่วมมือในการเดินทางมาให้ข้อมูลเพียง4 รายได้แก่(ชื่อในวงเล็บคือชื่อที่ถูกพาดพิงในอีเมล)

1.นางฐานิตะญาณ์ธนพิศุทธิ์กุล(คุณโจ้) บรรณาธิการข่าวการเมืองสำนักข่าวเนชั่น

2.นายปรีชาสะอาดสอน(ปรีชา) บรรณาธิการข่าวอาชญากรรมสำนักข่าวเนชั่น

3.นายสมหมายยาน้อย(พี่ป๊อปสมหมาย) หัวหน้าข่าวเศรษฐกิจหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

และ4.นายปราโมทย์ฝ่ายอุประ(พี่โมทย์) หัวหน้าข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ส่วนอีก3 คนที่ถูกพาดพิงเป็นผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ในเครือมติชนไม่ได้มาให้ข้อมูลแก่คณะอนุกรรมการคือนายจรัญพงษ์จีน(พี่จรัญ) นายทวีศักดิ์บุตรตัน(พี่เปี๊ยก) และนายชลิตกิติญาณทรัพย์(พี่ชลิต) โดยค่ายมติชนมีหนังสือยืนยันกลับมาว่าบุคลากรของกองบรรณาธิการไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอีเมลดังกล่าวและไม่มีพฤติกรรมตามที่ปรากฏในอีเมลแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับนายวิมที่ให้แค่ข้อมูลเบื้องต้นแก่คณะอนุกรรมการทางโทรศัพท์โดยให้เหตุผลว่าฝ่ายกฎหมายของพรรคแนะนำไม่ให้มา

ประเด็นที่น่าสนใจประเด็นที่สองก็คือผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯที่ยืนยันถึงคำโกหกและคำบิดเบือนของพรรคเพื่อไทยทั้งตัวนายวิมและนายพร้อมพงศ์

ทั้งนี้ถ้ายังจำกันได้นายพร้อมพงศ์อ้างว่ามีความพยายามของคนบางกลุ่มที่ได้ขโมยรหัสลับในการเข้าสู่อีเมลขณะที่นายวิมอ้างว่าเป็นบัญชีที่เปิดไว้เป็นอีเมลสาธารณะสำหรับสื่อมวลชนเข้ามาตรวจสอบกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงในจุดต่างๆของพรรคแต่ผลการตรวจสอบพบว่าอีเมลดังกล่าวไม่ได้เป็นบัญชีสาธารณะเพราะถ้าเป็นบัญชีสาธารณะจริงก็ย่อมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขโมยรหัสลับในการเข้าไปใช้แต่อย่างใดจึงเห็นได้ว่าทีมงานโฆษกพรรคเพื่อไทยคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนน่าจะได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อสาธารณะ

เพราะหากจะเปิดอีเมลไว้ใช้เป็นสาธารณะก็น่าจะใช้ชื่อบัญชีกลางๆไม่ใช่ชื่อบัญชีของตนนอกจากนี้เมื่อคณะอนุกรรมการฯขอรหัสผ่ายของอีเมลดังกล่าวก็ปรากฏว่านายวิมไม่ได้ให้ทั้งๆที่จากคำพูดของนายวิมซึ่งเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้เขาได้ให้รหัสผ่านแก่สื่อมวลชนจำนวนมากซึ่งจากการสอบถามนักข่าวที่ทำข่าวประจำพรรคเพื่อไทยของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งก็ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยได้จัดคอมพิวเตอร์ในการใช้งานอย่างเป็นระบบการจะเข้าไปใช้ต้องมีการ์ดและนักข่าวไม่สามารถใช้อีเมลของนายวิมได้ตามที่กล่าวอ้าง

ที่สำคัญคือผู้ถูกพาดพิงที่มาให้ข้อมูลกับคณะอนุกรรมการฯเชื่อว่านายวิมเป็นผู้เขียนอีเมลดังกล่าวจริงโดยจำนวนนี้บางรายได้โทรศัพท์ไปหานายวิมและนายวิมได้กล่าวคำขอโทษโดยจากคำขอโทษดังกล่าวทำให้บุคคลนั้นเชื่อว่านายวิมเป็นผู้เขียนอีเมลดังกล่าวจริง

และประเด็นที่น่าสนใจสุดท้ายก็คือความโน้มเอียงในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนแต่ละฉบับซึ่งคณะอนุกรรมการฯโดยการสนับสนุนของทีมงานที่มีประสบการณ์ในการตรวจสอบสื่อได้วิเคราะห์เนื้อหาใน5 ส่วนของหนังสือพิมพ์5 ฉบับที่ถูกพาดพิงเป็นข่าวคือข่าวสดมติชนไทยรัฐเดลินิวส์และคมชัดลึกระหว่างวันที่1 มิถุนายน-3กรกฎาคมโดยค้นพบข้อมูลน่าสนใจดังต่อไปนี้

หนึ่ง-ภาพข่าว/การบรรยายประกอบภาพ: พบว่าหนังสือพิมพ์ข่าวสดมติชนและไทยรัฐค่อนข้างนำเสนอภาพขาวในทางสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์โดยเฉพาะข่าวสดและมติชนซึ่งให้พื้นที่ขนาดเนื้อหาของภาพเชิงบวกต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยมากนอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่าภาพข่าวหลายภาพของไทยรัฐมติชนและข่าวสดมีความคล้ายกันมากโดยภาพข่าวในหนังสือพิมพ์สามฉบับนี้มีลักษณะสื่อสารทางการเมืองมากกว่าภาพข่าวปกติซึ่งจะเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับภาพข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และคมชัดลึกขณะเดียวกันยังพบว่าภาพข่าวทั้งหมดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดคือเชิงบวกและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีน่าเชื่อถือทางการเมืองแตกต่างกับของนายอภิสิทธิ์ที่มีทั้งภาพข่าวเชิงลบและบวก

สอง-พาดหัวข่าว/ความนำการเรียงลำดับประเด็นข่าวเลือกตั้ง: ข่าวสดมติชนและไทยรัฐแสดงออกผ่านกลวิธีการใช้ภาษาที่ชัดเจนว่าสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์หนังสือพิมพ์ทั้ง3 ฉบับมักใช้การพาดหัวข่าวในการกำหนดประเด็นข่าวซึ่งอาจชี้นำความคิดผู้อ่านให้เอนเอียงไปในทางที่โจมตีนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์และสนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยโดยกรณีของข่าวสดนั้นมีความชัดเจนที่สุด

สาม-บทสัมภาษณ์พิศษ/รายงานสกู๊ปข่าว: ผลการศึกษาพบว่ามติชนให้ความสำคัญกับการสัมภาษณ์ฝ่ายพรรคเพื่อไทยถึง4 ครั้งคือการสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายสมชายวงศ์สวัสดิ์และนายณัฐวุฒิใสยเกื้อในขณะที่มีการสัมภาษณ์ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เพียง2 ครั้งคือการสัมภาษณ์นายชำนิศักดิเศรษฐ์และนายสาธิตปิตุเตชะซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักโดยกว้างขวางนักเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้สัมภาษณ์ของพรรคเพื่อไทยในขณะที่ข่าวสดเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่แปลบทสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเอบีซีนิวส์โดยลงเนื้อหาทั้งหมดที่ไม่มีการตัดทอนส่วนไทยรัฐและเดลินิวส์ไม่มีบทสัมภาษณ์พิเศษของพรรคการเมือง

สี่-คอลัมน์การเมือง: ข่าวสดมีคอลัมน์ทางการเมืองที่มีเนื้อหาโจมตีนายอภิสิทธิ์ชัดเจนและมากที่สุดเนื้อหาทั้งหมดยังสนับสนุนและสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้แก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ซึ่งแตกต่างจากฉบับอื่นๆที่ค่อนข้างมีความสมดุลส่วนมติชนก็มีคอลัมน์ที่วิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์มากเช่นกันแต่วิธีการสื่อภาษาไม่ชัดเจนเท่ากับข่าวสดและห้า-โฆษณาพรรคการเมืองในหนังสือพิมพ์: พรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่โฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์29 หน้าสีซึ่งมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งลงโฆษณา18 หน้าสีนอกจากนี้มีข้อสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยลงโฆษณาเฉพาะในหนังสือพิมพ์ในเครือบริษัทมติชนเท่านั้นคือข่าวสดมติชนและประชาชาติธุรกิจส่วนพรรคประชาธิปัตย์ลงโฆษณาใน5 ฉบับคือข่าวสดมติชนประชาชาติธุรกิจเดลินิวส์และคมชัดลึกเช่นเดียวกับพรรคการเมืองขนาดกลางอื่นๆที่ได้ลงในหนังสือพิมพ์ทั้ง4-5 ฉบับทั้งนี้ไม่พบโฆษณาพรรคการเมืองในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในเดือนมิถุนายน2554

“จากพยานหลักฐานต่างๆที่ได้จากการตรวจสอบคณะอนุกรรมการมีข้อสรุปว่าอีเมลที่เป็นปัญหานน่าจะส่งมาโดยบัญชี(Account) และรหัสผ่าน(Password) ของนายวิมรุ่งวัฒนะจินดารองโฆษกพรรคเพื่อไทยและเชื่อได้ว่านายวิมน่าจะเป็นผู้เขียนข้อความในอีเมลฉบับดังกล่าวเองด้วยเหตุผลหลายประการทั้งนี้ในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยน่าจะมีการบริหารจัดการสื่อมวลชนทั้งในระดับองค์กรและระดับบุคคลอย่างเป็นระบบเช่นมีการเลือกลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์บางฉบับมีการประสานประเด็นข่าวกับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ในระดับต่างๆตลอดจนน่าจะมีการจัดส่งภาพของตนไปลงตีพิมพ์เป็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ที่มีความสัมพันธ์ด้วยนอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าพรรคเพื่อไทยอาจมีการดูแลผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่ทำข่าวของพรรคบางรายด้วยซึ่งหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ถูกพาดพิงได้นำเสนอข่าวในช่วงเลือกตั้งโดยมีความเอนเอียงในทางที่เป็นประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างค่อนข้างเป็นระบบทั้งการพาดหัวข่าวการเลือกภาพที่นำมาลงการบรรยายประกอบภาพและนำเสนอข่าวและบทความต่างๆที่มีเนื้อหาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย”

“อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการให้สินบนผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ตามเนื้อหาอีเมลดังกล่าวจริงหรือไม่แต่เมื่อได้ตรวจสอบบทความที่ผู้ถูกพาดพิงแต่ละคนนำเสนอผ่านหนังสือพิมพ์ต้นสังกัดแล้วเชื่อว่าผู้ถูกพาดพิงส่วนใหญ่น่าจะไม่ได้มีพฤติกรรมการรับสินบนตามที่เป็นข่าวแม้จะมีข้อสงสัยต่อท่าทีของผู้ถูกพาดพิงบางรายว่าเหตุใดจึงมีพฤติกรรมต่างๆซึ่งน่าจะขัดต่อวิสัยปกติของบุคคลทั่วไปในสถานการณ์ดังกล่าว” นพ.วิชัยโชควิวัฒนประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของนักการเมืองระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติสรุป

ที่มาข่าว. https://mgronline.com/daily/detail/9540000104492
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่