[แชร์ประสบการณ์] ประสบการณ์ไปสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราว (non-immigrant visa) ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ถ.วิทยุ

สวัสดีครับมาแบ่งปันประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว/นักเรียนที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ แถวๆ ถ.วิทยุ นะครับ เผื่อจะมีประโยชน์กับคนวางแผนจะไปสัมภาษณ์วีซ่าในอนาคต
ขั้นตอนสัมภาษณ์นี้เป็นการขั้นตอนหลังได้ที่เรากรอกใบสมัครวีซ่า จ่ายเงินค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์ แล้วก็จองคิวสัมภาษณ์แล้วนะครับ


[สรุปคร่าวๆสำหรับคนไม่มีเวลาอ่านทั้งหมดนะครับ]

ขั้นตอนหลักๆมีอะไรบ้าง
1. ต่อคิวตรวจความปลอดภัยหน้าสถานทูต ฝากโทรศัพท์
2. เก็บลายนิ้วมือ
3. สัมภาษณ์
4. จ่ายเงินค่าบริการ
5. รับโทรศัพท์คืน
 
เอาอะไรไปบ้าง
1. เอกสาร + รูปถ่ายหน้าตรง
2. เงินสดประมาณ 2 พัน/คน ไว้สำหรับจ่ายค่าดำเนินการ + เงินเศษ 150 บาท ไว้ถ่ายรูปฉุกเฉินถ้ารูปที่นำมาด้วยไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด
หรือ บัตรเครดิต Visa, Master, American Express หรือ Discover (สถานทูตไม่รับบัตรเดดิตนะครับ)
3. ปากกา ไว้จดเลขที่ tracking number ของไปรณีย์สำหรับวีซ่าคืน

ไม่ควรเอาอะไรไปบ้าง
1. อุปกรณ์อิเล็กโทรนิคนอกจากโทรศัพท์
2. กระเป๋าใบใหญ่


[ประสบการณ์ส่วนตัวของผม]

ผมได้คิวสัมภาษณ์ไว้ตอน 7 โมงเช้าของวันพุธตอนกลางเดือนธันวาคม เนื่องจากผมอาศัยอยู่ๆสามย่านที่ไม่ไกลจาก ถ.วิทยุมา เลยเริ่มออกเดินทางจากสามย่านเวลา 6:15 น. ใช้เวลาบนแท๊กซี่ประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงบริเวรหน้าสถานทูต ซึ่งค่อนข้างจะก่อนเวลาซักหน่อย แต่ก็มีคนมาถึงพร้อมประมาณ 2-3 คน พอไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตั้งแถวรอครับ

1. ต่อคิวตรวจความปลอดภัยหน้าสถานทูต ฝากโทรศัพท์
การเข้าสัมภาษณ์ทางสถานทูตจะอนุญาติให้นำของเข้าไปได้นิดเดียว (โทรศัพท์ 1 เครื่อง, กระเป๋าสตังค์, แฟ้มเอกสารที่ใช้ในการสัมภาษณ์) ไม่แนะนำให้เอากระเป๋าใหญ่ๆติดตัวไปด้วย มีเพื่อนที่เคยมาสัมภาษณ์แล้วมีของติดมาเกินที่อนุญาติ ก็ต้องไปลำบากหาที่ฝากข้างนอกกัน แล้วก็ต้องเป็นเสียค่าบริการรับฝากของกับร้านข้างนอกด้วย แอบถามพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา พี่ๆเค้าบอกว่าที่ไม่อนุญาติให้เอาเข้าไม่ได้แน่ๆคือพวกอุปกรณ์คือพวกอุปกรณ์อิเล็กโทรนิค เช่น iPad, Notebook ดังนั้นถ้าเอาเฉพาะของที่จำเป็นมาได้ก็ดีนะครับ (ดูรายละเอียดล่าสุดได้ที่ https://th.usembassy.gov/visas/security-regulations/)

ต่อนะครับ หลังจากที่ต่อคิวหน้าสถานทูต จะมีเจ้าหน้าที่คนไทยมาเช็คใบจองคิวสัมภาษณ์กับพาสปอร์ตของเรา แล้วเค้าก็จะแปะสติกเกอร์ barcode กับพาสปอร์ตซึ่งเจ้าจะไว้ใช้ดำเนินการถัดไป หลังจากได้รับเล่มคืนก็เดินเข้าตรวจความปลอดภัยเข้าสถานทูตได้แล้วครับ ขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่เอาถาดมาสองใบ ใบหนึ่งใส่โทรศัพท์+บัตรประชาชน อีกใบใส่แฟ้มเอกสารกับกระเป๋าสตังค์ เจ้าหน้าที่จะแสกน x-ray แล้วก็คืนถาดที่เป็นเอกสารให้กับเรา ส่วนถาดที่เป็นโทรศัพท์จะถูกเก็บไว้ที่ประตูนะครับ เราจะได้กำไลไว้คล้องแขนมาอันนึง ซึ่งไว้ใช้สำหรับมาแลกโทรศัพท์+บัตรประชาชนคืนในภายหลัง

2-4. เก็บลายนิ้วมือ-สัมภาษณ์-จ่ายค่าบริการ
พอเข้ามาภายในสถานทูตแล้วก็มองหาป้ายเพื่อไปติดต่อทำชั่วคราว (non-immigrant visa) ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นเส้นสีเขียว ก็เดินตามเส้นมาเรื่อยๆจะไปหยุดที่เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร ขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะช่วยเราจัดเอกสารสัมภาษณ์คร่าวๆ แล้วเอารูปถ่ายมาติดไว้กับพาสปอร์ตให้เราครับ หลังจากนั้นก็เดินไปต่อแถวในอาคารเพื่อจะเจอเจ้าหน้าที่ที่เค้าเตอร์ครับ
เค้าเตอร์จะแยกออกเป็นสามฝั่ง (1) ฝั่งแรกจะทำการตรวจเอกสาร ตรวจรูปถ่ายหน้าตรง แล้วก็เก็บลายนิ้วมือครับ (2) ฝั่งที่สองติดกับฝั่งแรกจะทำการสัมภาษณ์ (3) ฝั่งสุดท้ายอยู่ด้านนึงของห้องเป็นเค้าเตอร์จ่ายค่าบริการณ์
มีทั้งเจ้าหน้าที่คนไทย แล้วเจ้าหน้าที่อเมริกา ถ้าฟังเจ้าหน้าที่พูดไม่ทันก็บอกให้เค้าทวนได้นะครับ เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการผมใจดีอยู่
ระหว่างที่ต่อแถวรอ แนะนำให้หยิบปากกามาจดเลข tracking number ของไปรณีย์ข้างๆสติกเกอร์ barcode นะครับ (รูปประกอบด้านล่าง) ไว้เอาเลขใช้ติดตามเล่ม passport คืนทางไปรณีย์หลังจากได้รับวีซ่าเรียบร้อยแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับคนที่อยากใช้ห้องน้ำจะมาห้องน้ำด้านตัวอาคาร มองดูทางด้านขวาหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาแล้ว

ส่วนตัวผมมาสัมภาษณ์เพื่อต่อวีซ่านักเรียน ดังนั้นขั้นตอนที่เค้าเตอร์คือเช็คเอกสารรับรองจากสถานศึกษา (เช่น I-20, DS-2019, ใบเสร็จชำระค่าทำเนียม SEVIS) ถ้าสมัครวีซ่าชนิดอื่นเช่นท่องเที่ยว อาจจะมีการขอเอกสารที่แตกต่างออกไปนะครับ แนะนำให้ดูจากเวปสมัครวีซ่านะครับ ว่าวีซ่าแต่ละประเภทต้องการเอกสารสนับสนุนอะไรบ้าง ปัญหาอย่างหนึ่งที่คนก่อนหน้าผมเจอ แล้วโดนเจ้าหน้าที่ให้กลับไปเตรียมาใหม่ คือ รูปที่ใช้สมัครวีซ่าเก่าเกิน 6 เดือน หรือ รูปที่ใช้สมัครเป็นรูปที่เคยใช้สมัครวีซ่าก่อนหน้ามาก่อนแล้ว ส่วนตัวผมเตรียมไปสองชุดเลยครับ (ชุดหนึ่งถ่ายเองสำหรับใช้ตอนกรอก DS-160 อีกชุดถ่ายกับที่ร้านถ่ายรูปเมื่อไม่กี่วันก่อน) แล้วเจ้าหน้าที่ก็เลือกรูปใหม่ไปใช้ ที่ไทยดูค่อยข้างเคร่งกับเรื่องรูปมากกว่าสถานทูตอเมริกาประจำกรุงโซลที่ผมเคยไปขอวีซ่ามาก่อนครับ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขอเก็บลายนิ้วมือ คืนพาสปอร์ต ให้เราไปต่ออีกแถวเพื่อทำการสัมภาษณ์ ถ้ายังไม่จดเลข tracking number ของไปรณีย์ข้างๆสติกเกอร์ barcode แนะนำให้หยิบปากกามาจดเลขนะครับ ส่วนตัวผมช่วยเรื่องกะเวลาไปเอา passport คืนที่ไปรณีย์ได้เยอะเลย

คำถามสัมภาษณ์สำหรับผมก็เป็นการถามข้อมูลทั่วไป อย่างเช่น มารอบนี้มาทำอะไร มาต่อวีซ่าประเภทไหน เคยไปอเมริกามาบ้างหรือเปล่า เคยเปลี่ยนชื่อบ้างมั้ย หลังจากตอบคำถามเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะบอกเราจะได้วีซ่าหรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็ยื่นใบให้ไปจ่ายค่าธรรมเนียมที่อีกเค้าเตอร์ที่อยู่อีกด้านของห้อง ถ้ามีบัตรเดรดิตก็สะดวกดีครับ ไม่ต้องกำเงินมาเยอะๆ คนที่สัมภาษณ์วีซ่านักเรียนเหมือนผมอาจจะโดนเก็บ I-20, DS-2019 ไว้ก่อน หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ก็เดินกลับมาต่อแถวข้างๆที่เค้าเตอร์เดิม เจ้าหน้าที่ก็จะคืนเอกสารให้ครับพร้อมกับเอาพาสปอร์ตของเราไป ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าใช้เวลาประมาณซัก 1 อาทิตย์เพื่อที่จะได้เล่มคืนครับ

5. ขั้นตอนสุดท้ายก็กลับไปเอาโทรศัพท์+บัตรประชาชนที่ฝากไว้คืน แนะนำให้ตรวจสัมภาระให้เรียบร้อยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่