JJNY : งัดยุทธการ ‘ถอดหน้ากากคนดี’| ก้าวไกลถามรบ.รับมือยังไง| ส.ส.จี้รัฐทบทวนปรับขึ้นค่าไฟ| "ส.อ.ท." ผิดหวังรัฐช่วย

ฝ่ายค้าน งัดยุทธการ ‘ถอดหน้ากากคนดี’ ในศึกซักฟอก เล็งขยี้นโยบายรัฐล้มเหลว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7434249
 
 
ฝ่ายค้าน เตรียมเปิดยุทธการ “ถอดหน้ากากคนดี” ในศึกซักฟอก ม. 152 รวมความล้มเหลวจากนโยบาย 12 ข้อ เย้ย รัฐบาลอย่ากลัว ถือโอกาสแจงผลงานรอบ 4 ปี
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ธ.ค. 2565 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติดังกล่าวต่อนายชวน หลีกภัย สภาผู้แทนราษฎร ในบ่ายวันนี้ (28 ธ.ค.) ซึ่งจะมีความแตกต่างจากครั้งที่แล้ว
 
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ทุกเรื่อง รวมการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ว่าอะไรที่เป็นปัญหา อะไรที่ทำให้ทำไม่ได้ แล้วเวลาที่เหลือจะแก้ไขอย่างไร การอภิปรายครั้งนี้ตนขอเรียกว่า “ยุทธการถอดหน้ากากคนดี” คือ ใส่หน้ากากมา 4 ปีก็จะถอดให้ประชาชนดู
 
นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนของเนื้อหาในญัตติ จะพูดถึงความล้มเหลวของนโยบายรัฐบาลที่เสนอมาทุกนโยบายทั้ง 12 ข้อ ดังนั้น เคสต่างๆ ก็จะอยู่ภายใต้นโยบายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรือหลวงสุโขทัยล่ม เรื่องตู้ห่าว คือความล้มเหลวภายใต้นโยบายแต่ละข้อที่รัฐบาลเสนอไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องถามและให้รัฐบาลตอบ จะได้เป็นการระแวดระวัง และในการหาเสียงคราวหน้าอย่าไปพูดพร่ำเพรื่อหรือเสนออะไรมั่วๆ ให้ชาวบ้านเข้าใจในสาระสำคัญผิด
 
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเวลาการอภิปรายอยู่ที่ว่าสภาจะให้เวลามากน้อยแค่ไหน หลังยื่นสัปดาห์หนึ่งก็คงจะรู้ว่าได้เวลาเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะน้อยกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางในตามมาตรา 151 แต่ครั้งนี้ต้องไม่น้อยกว่า 3 วัน ถ้าน้อยกว่านี้จะขาดรสชาติ ขาดคุณภาพ
 
ผมคิดว่ารัฐบาลควรคิดว่านี่จะเป็นโอกาสดีที่ได้จะแถลงผลงานในรอบ 4 ปี ดังนั้น ต้องให้เวลาอภิปรายเยอะๆ จะได้ชี้แจง อย่าไปกลัว อย่าไปคิดในเชิงลบ และหลังจากยื่นญัตติแล้ว พรรคเพื่อไทยจะประชุมกันต่อเพื่อซักซ้อมทีมอภิปราย ถือเป็นการให้การบ้านช่วงปีใหม่” นายสุทิน กล่าว
  

 
ก้าวไกลถามรบ.รับมือยังไงจีนเปิดประเทศหลังปีใหม่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_473190/

ก้าวไกลถามรัฐบาล รับมือยังไงจีนเปิดประเทศหลังปีใหม่ ย้ำ ต้องเปิดเศรษฐกิจควบคู่สร้างความมั่นใจประชาชน แนะเช็กผลฉีดวัคซีน-ใช้แอปติดตามตัว
  
นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่จีนประกาศเปิดประเทศและเตรียมอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศได้ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ภายในประเทศจีนที่ยังน่ากังวลว่า การที่จีนเปิดประเทศ เป็นได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยงของประเทศไทย ในแง่โอกาส เช่น ให้คนจีนมาฉีดวัคซีน mRNA ที่ประเทศไทย
  
โดยมีค่าใช้จ่าย ออกแบบแอปพลิเคชัน ติดตามและให้นักท่องเที่ยวแจ้งเมื่อป่วย หรือเตรียมสินค้าด้านการดูแลสุขภาพที่คาดว่าเป็นที่ต้องการของชาวจีน เชื่อว่าหากวางแผนอย่างรัดกุม ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่รวมถึงการขายสินค้า และการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่าประชาชนจะคาดหวังกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลได้แค่ไหน เมื่อดูจากการรับมือสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา
  
ด้านนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลคือการเปิดประเทศเท่ากับการเปิดเศรษฐกิจ และการฟื้นเศรษฐกิจต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้น เรื่องสำคัญที่สุดในการรับนักท่องเที่ยวชาวจีน คือการขอผลการฉีดวัคซีน นักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศไทย ควรได้รับวัคซีนครบ 4 เข็ม แบ่งเป็น ฉีดแบบ 2 เข็ม (Full Dose) และเข็มกระตุ้น (Booster Dose)
  
อีก 2 เข็ม ซึ่งต้องเป็น mRNA นอกจากนี้ รัฐควรใช้ระบบติดตามตัว เช่นที่รัฐบาลญี่ปุ่นและฮ่องกงเคยใช้มาก่อน เมื่อคนคนนั้นเข้าไปยังสถานที่ปิด เช่น โรงหนัง จะมีการแจ้งเตือนเข้าระบบ ทั้งนี้ การที่ประชาชนให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวเปิดประเทศของจีนครั้งนี้ ก็สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในระบบจัดการการรับเข้านักท่องเที่ยว ของประเทศไทย ซึ่งประเด็นนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตอบคำถาม
 


ส.ส.จี้รัฐทบทวนปรับขึ้นค่าไฟภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_473315/
  
ส.ส.จี้รัฐทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ชี้ ส่งผลกระทบให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น
 
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เช้าวันนี้ (28 ธ.ค.65) ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระประธานเปิดให้สมาชิกปรึกษาหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไข ซึ่งนอกจากปัญหาถนนชำรุด ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ และบางพื้นที่ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่ที่สมาชิกนำเข้าหารือแล้ว
 
ปัญหาประชาชนได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นถือเป็นอีกปัญหาที่สมาชิกนำเข้าหารือจำนวนมากเช่นกัน โดยฝากไปยังรัฐบาล กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม เนื่องจากจะส่งผลกระทบให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ปัจจุบันได้รับความเดือดร้อนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
 
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื่น ๆ ทั้งปัญหาไม่มีที่ดินทำกิน ปัญหาความล่าช้าในการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดสัตว์ลัมปีสกิน และเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงที่ผ่าน รวมถึงปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่