กสม.จี้กองบิน 56 เยียวยา ‘ทหารเกณฑ์’ ทำโทษจนสติฟั่นเฟือน แนะ กห.ปรับปรุงกฎหมาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3739317
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา (ภาพโดย Wing 56 RTAF - กองบิน 56)
กสม.ชี้กองบิน 56 สงขลา ลงโทษทหารป่วยจิตเวชเข้าข่ายละเมิดสิทธิ แนะเร่งเยียวยาผู้เสียหาย-ปรับปรุงกฎหมาย
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นาย
วสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 จากผู้ร้องรายหนึ่งระบุว่า เมื่อปี 2560 บุตรชายของผู้ร้องได้สมัครเป็นพลทหารกองประจำการ ประจำปี 2560 ผลัด 2 สังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จังหวัดสงขลา (ผู้ถูกร้องที่ 2) ต่อมาได้หนีราชการไปจากต้นสังกัดตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2561 หลังกลับมารับราชการได้ถูกลงทัณฑ์จำขัง
โดยในระหว่างนั้น ผู้ร้องอ้างว่าบุตรชายถูกเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 (ผู้ถูกร้องที่ 1) และนักโทษในเรือนจำทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง เป็นเหตุให้กลายเป็นคนพิการและสติฟั่นเฟือน
ภายหลังเกิดเหตุ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 ไม่ได้เยียวยา หรือชดเชยความเสียหายให้กับผู้ร้องและบุตรชาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายแต่อย่างใด จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 28 ซึ่งได้บัญญัติให้การรับรองและคุ้มครองไว้ว่าการจับและการคุมขังบุคคลจะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่ง หรือหมายของศาล หรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ และการทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการอันโหดร้าย หรือไร้มนุษยธรรมจะกระทำมิได้ อีกทั้งอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี กำหนดให้รัฐภาคีป้องกันมิให้เกิดการกระทำอันมีลักษณะที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ กสม.จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยให้กองบิน 56 จังหวัดสงขลา เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจแก่ผู้เสียหายและครอบครัว และให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทัณฑ์ทหารในลักษณะที่เป็นการจำขังต่อทหารที่มีอาการทางจิตเวช เพื่อให้มีความสอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ที่ประเทศไทยเป็นภาคี และให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ.2551 ทั้งนี้ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบ
พท. ชี้ “ประยุทธ์” จ่ายเยียวยาน้ำท่วมไม่เป็นธรรม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_470330/
เพื่อไทย ชี้ “ประยุทธ์” จ่ายเยียวยาน้ำท่วมไม่เป็นธรรมเลือกปฎิบัติ ติง รัฐจ่ายเงินชดเชยทำชาวบ้านน้ำตาตกบ้านพังทั้งหลังให้ 132 บาท ลั่นซื้อตะปูซ่อมบ้านยังไม่พอ
นาย
ฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ระยะเวลา 1 เดือน ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อ ครัวเรือน ถูกน้ำท่วม 2 เดือน ได้รับเงินเยียวยา 6,000 บาท ต่อครัวเรือน และถูกน้ำท่วมนาน 3 เดือน ได้รับเงินเยียวยา 7,000 บาทต่อครัวเรือน
หากเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 พบว่าน้อยกว่ามากและการจ่ายยังล่าช้าไม่สามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที เพราะในการจ่ายเงินชดเชยปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ประเมินมีหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน ที่ไม่เป็นธรรม เพราะบ้านท่วมทั้งหลังได้รับการจ่ายเงินเยียวยาเพียง 132 บาท ในขณะที่พื้นที่เดียวกันได้เงินเยียวยาเพิ่มเป็น 1,920 บาท บางบ้านได้สูงถึง 15,000 บาท อยากทราบว่าเจ้าหน้าที่ใช้มาตรฐานไหนมาเป็นหลักในการจ่ายเงินชดเชย
นาย
ฉลาด กล่าวด้วยว่า ปัญหาน้ำท่วมนานนับเดือนท่วมทุกปี 8 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ใช้งบประมาณแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำล้น หลายแสน ล้านบาท ผลที่ได้ออกมาคือล้มเหลวทั้งระบบ รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย หน้าแล้งเกษตรกรไม่มีน้ำทำการเกษตรแต่พอหน้าน้ำกลับท่วมไร่นาจนเสียหาย ในขณะที่การจ่ายเงินชดเชยกลับล่าช้าและไม่เป็นธรรม
พล.อ.
ประยุทธ์เลือกปฎิบัติกับประชาชนได้อย่างไร พล.อ.
ประยุทธ์มีความสุขบนความทุกข์ของประชาชน น้ำท่วมภาคอีสาน ท่วมนานนับเดือนกลับไม่สั่งการแก้ปัญหา ปล่อยชาวบ้านนอนบนถนนหนีน้ำขึ้นหลังคา เวลาเยียวยาให้น้อยนิด จะซื้อตะปูซ่อมบ้านยังไม่พอ อยากให้พล.อ.
ประยุทธ์ไปดูหลักเกณฑ์เยียวยาสมัยรัฐบาลนางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เยียวยาอย่างไร ให้ชาวบ้านพ้นความลำบาก ไม่ต้องอยู่อย่างอนาถาเหมือนรัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ที่ทำกับประชาชน
“จิรัฎฐ์” ชี้ ป.ป.ช.ไม่แจ้งข้อกล่าวหา “ไตรรงค์” ซ้ำรอย GT200
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_470269/
“จิรัฎฐ์” ชี้ ป.ป.ช. มีมติไม่แจ้งข้อกล่าวหา “ไตรรงค์” คดีจีทูจีมันเส้น กำลังซ้ำรอยคดี GT200
นาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 ไม่แจ้งข้อกล่าวหา นาย
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ในคดีซื้อขายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานว่า
ไตรรงค์เป็นผู้รับรู้รับทราบในกระบวนการทุจริต
โดยนาย
จิรัฏฐ์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสงสัยว่านาย
ไตรรงค์ในฐานะประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจ จะไม่รับรู้รับทราบการทำสัญญาซื้อขายที่เกิดความเสียหายได้อย่างไร และเหตุใด ป.ป.ช. จึงรีบตัดความเป็นไปได้นี้ออกไป ทั้งๆ ที่เป็นปัจจัยและบางช่วงบางตอนของข้อมูลหลักฐาน ของพฤติการณ์ที่นำไปสู่ความเสียหาย
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการที่นาย
ไตรรงค์รอดจากการถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาและไต่สวนคดีมันเส้นครั้งนี้ เป็นเพราะ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะลงนามในคำสั่งแต่งตั้งให้
ไตรรงค์เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กำลังจะเดินซ้ำรอยกับกรณี GT200 ที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและตัดรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่เหลือออก
ทั้งที่ตามเอกสารหลักฐานการซื้อขาย ปรากฏลายมือลงนามโดย พล.อ.
ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.
ประยุทธ์ และ พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนามรับหลักการและสั่งซื้อชัดเจน
นาย
จิรัฏฐ์ กล่าวว่า ในกรณีของ GT200 เป็นที่ชัดเจนว่า ป.ป.ช. ทำคดีแบบเลือกปฏิบัติและมีเจตนาละเว้นการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ และแม้กระทั่งอัยการสูงสุดยังต้องแย้งกลับในสำนวน ว่าเหตุใด ป.ป.ช. จึงไม่กล่าวหาผู้อนุมัติสั่งซื้อ ทำให้เป็นที่น่ากังวลว่า ป.ป.ช. กำลังจะดำเนินการซ้ำรอยแบบเดิมในคดีมันเส้นนี้ด้วยหรือไม่
ซึ่งการตัดผู้มีส่วนรับผิดชอบออกดื้อๆ แบบนี้ ทำให้ประชาชนที่ตั้งคำถามกับการทำงานของ ป.ป.ช. แต่เดิมอยู่แล้ว ยิ่งสงสัยในเจตนาของ ป.ป.ช. มากขึ้น และเราต้องไม่ลืมว่า ป.ป.ช. มีที่มาจากไหน ส.ว. ที่แต่งตั้ง ป.ป.ช. มีที่มาจากไหน หาก ป.ป.ช. บริสุทธ์ใจจริง ควรจะต้องเปิดเผยข้อมูลออกมา
โดยพรรคก้าวไกลเห็นว่านี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. จะต้องถูกปฏิรูป ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยเสนอเป็นนโยบายเอาไว้แล้ว ว่าในอนาคตกระบวนการสรรหากรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน จะต้องยึดโยงกับประชาชนและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
โดยผ่านการเสนอชื่อจากทั้งผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล ผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน และจากที่ประชุมศาล และต้องผ่านการรับรองจากเสียง 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเพิ่มกลไกในรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนริเริ่มกระบวนการถอดถอน ป.ป.ช.ได้ ผ่านการเข้าชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า ป.ป.ช. จะทำงานอย่างเข้มข้นในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ทุกหน่วยงานทุกบุคคลอย่างไร้ข้อยกเว้น
อดีตขุนคลัง”สุชาติ” แนะอยากให้เศรษฐกิจโต คนไทยอยู่ดีกินดีมีความสุข ผู้นำต้องฉลาด
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3738950
ศ.ดร.
สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แนะ อยากให้ คนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข เศรษฐกิจเติบโต ผู้นำต้องฉลาด มีเหตุผล น่าเชื่อถือ พร้อม 3 นโยบายสำคัญขับเคลื่อนเศษฐกิจไทย ก้าวไปข้างหน้า ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
JJNY : 5in1 กสม.จี้เยียวยา| พท.ชี้จ่ายเยียวยาน้ำท่วม| “จิรัฎฐ์”ชี้ป.ป.ช.ซ้ำรอย| อดีตขุนคลังแนะอยากให้ศก.โต| มะกันอัดงบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3739317
กสม.ชี้กองบิน 56 สงขลา ลงโทษทหารป่วยจิตเวชเข้าข่ายละเมิดสิทธิ แนะเร่งเยียวยาผู้เสียหาย-ปรับปรุงกฎหมาย
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 จากผู้ร้องรายหนึ่งระบุว่า เมื่อปี 2560 บุตรชายของผู้ร้องได้สมัครเป็นพลทหารกองประจำการ ประจำปี 2560 ผลัด 2 สังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จังหวัดสงขลา (ผู้ถูกร้องที่ 2) ต่อมาได้หนีราชการไปจากต้นสังกัดตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2561 หลังกลับมารับราชการได้ถูกลงทัณฑ์จำขัง
โดยในระหว่างนั้น ผู้ร้องอ้างว่าบุตรชายถูกเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 (ผู้ถูกร้องที่ 1) และนักโทษในเรือนจำทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง เป็นเหตุให้กลายเป็นคนพิการและสติฟั่นเฟือน
ภายหลังเกิดเหตุ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 ไม่ได้เยียวยา หรือชดเชยความเสียหายให้กับผู้ร้องและบุตรชาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายแต่อย่างใด จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 28 ซึ่งได้บัญญัติให้การรับรองและคุ้มครองไว้ว่าการจับและการคุมขังบุคคลจะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่ง หรือหมายของศาล หรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ และการทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการอันโหดร้าย หรือไร้มนุษยธรรมจะกระทำมิได้ อีกทั้งอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี กำหนดให้รัฐภาคีป้องกันมิให้เกิดการกระทำอันมีลักษณะที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ กสม.จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยให้กองบิน 56 จังหวัดสงขลา เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจแก่ผู้เสียหายและครอบครัว และให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทัณฑ์ทหารในลักษณะที่เป็นการจำขังต่อทหารที่มีอาการทางจิตเวช เพื่อให้มีความสอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ที่ประเทศไทยเป็นภาคี และให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ.2551 ทั้งนี้ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบ
พท. ชี้ “ประยุทธ์” จ่ายเยียวยาน้ำท่วมไม่เป็นธรรม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_470330/
เพื่อไทย ชี้ “ประยุทธ์” จ่ายเยียวยาน้ำท่วมไม่เป็นธรรมเลือกปฎิบัติ ติง รัฐจ่ายเงินชดเชยทำชาวบ้านน้ำตาตกบ้านพังทั้งหลังให้ 132 บาท ลั่นซื้อตะปูซ่อมบ้านยังไม่พอ
นายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ระยะเวลา 1 เดือน ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อ ครัวเรือน ถูกน้ำท่วม 2 เดือน ได้รับเงินเยียวยา 6,000 บาท ต่อครัวเรือน และถูกน้ำท่วมนาน 3 เดือน ได้รับเงินเยียวยา 7,000 บาทต่อครัวเรือน
หากเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 พบว่าน้อยกว่ามากและการจ่ายยังล่าช้าไม่สามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที เพราะในการจ่ายเงินชดเชยปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ประเมินมีหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน ที่ไม่เป็นธรรม เพราะบ้านท่วมทั้งหลังได้รับการจ่ายเงินเยียวยาเพียง 132 บาท ในขณะที่พื้นที่เดียวกันได้เงินเยียวยาเพิ่มเป็น 1,920 บาท บางบ้านได้สูงถึง 15,000 บาท อยากทราบว่าเจ้าหน้าที่ใช้มาตรฐานไหนมาเป็นหลักในการจ่ายเงินชดเชย
นายฉลาด กล่าวด้วยว่า ปัญหาน้ำท่วมนานนับเดือนท่วมทุกปี 8 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ใช้งบประมาณแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำล้น หลายแสน ล้านบาท ผลที่ได้ออกมาคือล้มเหลวทั้งระบบ รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย หน้าแล้งเกษตรกรไม่มีน้ำทำการเกษตรแต่พอหน้าน้ำกลับท่วมไร่นาจนเสียหาย ในขณะที่การจ่ายเงินชดเชยกลับล่าช้าและไม่เป็นธรรม
พล.อ.ประยุทธ์เลือกปฎิบัติกับประชาชนได้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์มีความสุขบนความทุกข์ของประชาชน น้ำท่วมภาคอีสาน ท่วมนานนับเดือนกลับไม่สั่งการแก้ปัญหา ปล่อยชาวบ้านนอนบนถนนหนีน้ำขึ้นหลังคา เวลาเยียวยาให้น้อยนิด จะซื้อตะปูซ่อมบ้านยังไม่พอ อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ไปดูหลักเกณฑ์เยียวยาสมัยรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เยียวยาอย่างไร ให้ชาวบ้านพ้นความลำบาก ไม่ต้องอยู่อย่างอนาถาเหมือนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่ทำกับประชาชน
“จิรัฎฐ์” ชี้ ป.ป.ช.ไม่แจ้งข้อกล่าวหา “ไตรรงค์” ซ้ำรอย GT200
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_470269/
“จิรัฎฐ์” ชี้ ป.ป.ช. มีมติไม่แจ้งข้อกล่าวหา “ไตรรงค์” คดีจีทูจีมันเส้น กำลังซ้ำรอยคดี GT200
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 ไม่แจ้งข้อกล่าวหา นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ในคดีซื้อขายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานว่าไตรรงค์เป็นผู้รับรู้รับทราบในกระบวนการทุจริต
โดยนายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสงสัยว่านายไตรรงค์ในฐานะประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจ จะไม่รับรู้รับทราบการทำสัญญาซื้อขายที่เกิดความเสียหายได้อย่างไร และเหตุใด ป.ป.ช. จึงรีบตัดความเป็นไปได้นี้ออกไป ทั้งๆ ที่เป็นปัจจัยและบางช่วงบางตอนของข้อมูลหลักฐาน ของพฤติการณ์ที่นำไปสู่ความเสียหาย
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการที่นายไตรรงค์รอดจากการถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาและไต่สวนคดีมันเส้นครั้งนี้ เป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะลงนามในคำสั่งแต่งตั้งให้ไตรรงค์เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กำลังจะเดินซ้ำรอยกับกรณี GT200 ที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและตัดรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่เหลือออก
ทั้งที่ตามเอกสารหลักฐานการซื้อขาย ปรากฏลายมือลงนามโดย พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนามรับหลักการและสั่งซื้อชัดเจน
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ในกรณีของ GT200 เป็นที่ชัดเจนว่า ป.ป.ช. ทำคดีแบบเลือกปฏิบัติและมีเจตนาละเว้นการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ และแม้กระทั่งอัยการสูงสุดยังต้องแย้งกลับในสำนวน ว่าเหตุใด ป.ป.ช. จึงไม่กล่าวหาผู้อนุมัติสั่งซื้อ ทำให้เป็นที่น่ากังวลว่า ป.ป.ช. กำลังจะดำเนินการซ้ำรอยแบบเดิมในคดีมันเส้นนี้ด้วยหรือไม่
ซึ่งการตัดผู้มีส่วนรับผิดชอบออกดื้อๆ แบบนี้ ทำให้ประชาชนที่ตั้งคำถามกับการทำงานของ ป.ป.ช. แต่เดิมอยู่แล้ว ยิ่งสงสัยในเจตนาของ ป.ป.ช. มากขึ้น และเราต้องไม่ลืมว่า ป.ป.ช. มีที่มาจากไหน ส.ว. ที่แต่งตั้ง ป.ป.ช. มีที่มาจากไหน หาก ป.ป.ช. บริสุทธ์ใจจริง ควรจะต้องเปิดเผยข้อมูลออกมา
โดยพรรคก้าวไกลเห็นว่านี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. จะต้องถูกปฏิรูป ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยเสนอเป็นนโยบายเอาไว้แล้ว ว่าในอนาคตกระบวนการสรรหากรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน จะต้องยึดโยงกับประชาชนและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
โดยผ่านการเสนอชื่อจากทั้งผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล ผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน และจากที่ประชุมศาล และต้องผ่านการรับรองจากเสียง 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเพิ่มกลไกในรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนริเริ่มกระบวนการถอดถอน ป.ป.ช.ได้ ผ่านการเข้าชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า ป.ป.ช. จะทำงานอย่างเข้มข้นในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ทุกหน่วยงานทุกบุคคลอย่างไร้ข้อยกเว้น
อดีตขุนคลัง”สุชาติ” แนะอยากให้เศรษฐกิจโต คนไทยอยู่ดีกินดีมีความสุข ผู้นำต้องฉลาด
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3738950
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แนะ อยากให้ คนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข เศรษฐกิจเติบโต ผู้นำต้องฉลาด มีเหตุผล น่าเชื่อถือ พร้อม 3 นโยบายสำคัญขับเคลื่อนเศษฐกิจไทย ก้าวไปข้างหน้า ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้