ทร.เผยรายชื่อ 6 ทหารเรือ เสียชีวิตจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7425224
 
 
กองทัพเรือ เผยรายชื่อทหารเรือ 6 นาย เสียชีวิตจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง หลังผลการตรวจพิสูจน์รายนิ้วมือเรียบร้อยแล้ว
 
วันที่ 21 ธ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยลูกเรือบางนายสามารถรอดชีวิตมาได้ แต่มีลูกเรือบางส่วนที่ยังสูญหาย และพบผู้เสียชีวิตบางส่วน ทำให้เจ้าหน้าที่ต่างเร่งระดมค้นหา
   
โดยระดม เรือหลวง 4 ลำ ได้แก่ เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงอ่างทอง และ เรือหลวงนเรศวร มีเฮลิคอปเตอร์ค้นหา อีก 2 ลำ และอากาศยานไร้คนขับ (UAN) อีก 1 ลำ ค้นหาในทะเลทางด้านลึกนอกจากนี้ ยังมีเรือตำรวจน้ำ เรือกรมเจ้าท่า เรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ เรือกรมประมง และเรือ ทช.
  
ล่าสุดเรื่อง ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์รายนิ้วมือเรียบร้อยแล้ว ได้เปิดเผยรายชื่อ ผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย
 
1. ร.ท.สามารถ แก้วผลึก ตำแหน่ง สรั่งกล เรือหลวงสุโขทัย 
2. พ.จ.อ.อัชชา แก้วสุพรรณ์ ช่างโซนาร์ เรือหลวงสุโขทัย 
3. พ.จ.อ.อำนาจ พิมที สังกัด สอ.รฝ 
4. จ.อ.จักร์พงศ์ พูลผล ช่างโซนาร์ เรือหลวงสุโขทัย 
5. พลฯทหารอัครเดช โพธิ์บัติ พลเรือ เรือหลวงสุโขทัย
6. พ.จ.อ.สมเกียรติ หมายชอบ
 

---

 
ส.ส.เพื่อไทย รุมอัด ร่าง กม.กัญชา เขียนคำนิยาม เปิดช่องสันทนาการ เอาคุกให้ประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3736851

“ส.ส.เพื่อไทย” รุมอัด ร่าง กม.กัญชา ปมคำนิยาม เขียนคล้ายกับเอาคุกไปให้ ปชช. ด้าน “ศุภชัย” จี้อ่านร่าง พ.ร.บ.ให้ครบทั้ง 95 มาตรา ยัน แม้ตัดมาตรา 3 กัญชาก็ไม่ใช่ยาเสพติด
 
เมื่อเวลา 10.55 น. วันที่ 21 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว และเปิดลงมติในมาตรา 3 ที่ระบุว่า กัญชา ไม่ถือเป็นยาเสพติดตามกฎหมายยาเสพติด โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ให้ตัดมาตรา 3 ทิ้งทั้งมาตรา ด้วยคะแนน  119 คะแนน ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 31

จากนั้นพิจารณาต่อในมาตรา 4 ว่าด้วยการกำหนดคำนิยามในความหมายของคำต่างๆ ซึ่ง กมธ.ได้แก้ไขเนื้อหา โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ อาทิ คำนิยามของคำว่า ผลิต กมธ.ได้ตัดคำว่า เพาะ ปลูก สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ออกจากคำนิยาม ทำให้เหลือเพียง การทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ สกัด เปลี่ยนรูป รวมถึงการแบ่งบรรจุ การใช้เพื่อประโยชน์ในครัวเรือน ประกอบอาหาร และเพื่อใช้ประโยชน์จากราก ลำต้น หรือ เส้นใย โดยได้เพิ่มคำว่า สื่อสารการตลาด ที่ให้หมายรวมถึงการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สร้างข่าว เผยแพร่ข่าวสาร ส่งเสริมการขาย การแสดง หรือการส่งเสริมการขายโดยใช้บุคคล เป็นการเฉพาะ หรือการตลาดในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อขายสินค้า บริการหรือสร้างภาพลักษณ์
 
ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ ส.ส. ส่วนใหญ่ท้วงติงการแก้ไขของ กมธ. เนื่องจากมองว่าการเขียนคำนิยามตามที่ กมธ.กำหนดนั้นเท่ากับการเปิดช่องให้เกิดการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการแบบเต็มรูปแบบ อีกทั้งการตัดการผลิต ในส่วนของ การเพาะปลูกออก อาจจะมีผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงการกำหนดนิยามการขาย ที่กำหนดให้รวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยนนั้น อาจทำให้ประชาชนต้องติดคุกได้
 
โดยนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หาเสียงว่าให้ครัวเรือนปลูกได้ 6 ต้น แต่ในร่างกฎหมายขยายเป็น 15 ต้น พร้อมกำหนดนิยามของการขายไว้ว่า จำหน่าย จ่าย แจก หรือ แลกเปลี่ยน เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือให้โดยมีสิ่งตอบแทนหรือประโยชน์อย่างอื่นและให้รวมถึงการมีไว้เพื่อขาย เท่ากับเอาคุกไปให้ชาวบ้าน
 
ขณะที่นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. อภิปรายว่า ในสมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เด็ก ป.3 ถือแท็บเล็ตไปโรงเรียน แต่ปัจจุบัน พบว่าเด็กถือบ้องกัญชาไปโรงเรียน ดังนั้นขอให้ กมธ.หาทางแก้ไข ขณะเดียวกันวิถีของชาวบ้านที่อยู่บ้านใกล้กัน มักจะมาขอกัญชาเพื่อไปปรุงอาหาร หาก กมธ.กำหนดนิยามการขายไว้ อาจทำให้ชาวบ้านทำผิดกฎหมายได้ อีกทั้งอาจมีการล่อซื้อกัญชาจากเด็กในพื้นที่และนำขึ้นศาลเตี้ย
 
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท. ในฐานะประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ถ้าได้ดูร่าง พ.ร.บ.นี้ถึงมาตรา 95 จะพบว่าเราแยกเรื่องการจดแจ้งกับขออนุญาต เป็น 2 ส่วน จดแจ้งคือปลูกในครัวเรือน กัญชาไม่เกิน 15 ต้น กัญชงไม่เกิน 15 ไร่ นั่นคือการปลูกเองใช้เองอยู่ในครัวเรือนห้ามขาย แต่กรณีที่จะทำธุรกิจจะปลูกกัญชง พันไร่ ต้องขออนุญาต จะปลูกกัญชาที่ไม่ใช่ในครัวเรือนก็ต้องขออนุญาต และยืนยันว่าไม่ได้ละเลยพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องการนำเข้าส่งออก กฎหมายต้องเขียนให้ครอบคลุมทั้งหมด ส่วนเรื่องการเพาะปลูก แยกออกไปอยู่ในมาตรา 18 และการที่บรรดาผู้ต้องหาคดีถึงที่สุดถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ 7 พันกว่าคน คดีที่อยู่ในการพิจาณาของศาล อัยการ พนักงานสอบสวน อีกเป็นหมื่นคดี ในคดีความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 เกี่ยวกับกัญชา ถูกปล่อยตัวออกหมด ถูกสั่งไม่ฟ้อง เหตุผลเพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว การที่สมาชิกอภิปรายกันทำให้ประชาชนสับสน
 
“ผมยืนยันว่าวันนี้ กัญชาตั้งแต่ยอดจนถึงราก ไม่ได้เป็นยาเสพติด สิ่งที่เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ก็คือสารสกัดที่มีค่าทีเอชซี เกิน 0.2% และขณะที่เรามีมาตรา 3 เราก็มีความเป็นห่วงว่าถ้าวันหนึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข กลับไปบอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติดอีก อย่างน้อยผู้ที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ หรือผู้ปลูกกัญชาอยู่เป็นล้านต้นตอนนี้ ก็จะต้องไม่เป็นยาเสพติด นี่คือสิ่งที่ห่วงใย เมื่อท่านทั้งหลายเข้าใจไปคนละทิศละทาง กมธ.ก็ขอตัดมาตรา 3 และต่อให้ไม่มีมาตรา 3 กัญชาก็ไม่ใช่เป็นยาเสพติด” นายศุภชัยกล่าว
 
จากนั้นที่ประชุมลงมติในมาตรา 4 เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก 117 ไม่เห็นด้วย 74 คน งดออกเสียง 65 คน ไม่ลงคะแนน 3 คน
 

---

 
‘ครูแก้ว’ กดออดเรียกส.ส.ไม่เป็นผล สภาล่มอีก ทำพิจารณา กม.กัญชาอืด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3737468

‘ครูแก้ว’ กดออดเรียก ส.ส.ไม่เป็นผล สภาล่มอีก ทำพิจารณา กม.กัญชาอืด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ช่วงบ่าย เป็นการพิจารณาตั้งแต่มาตรา 5-6 องค์ประชุมเริ่มร่อยหรอ มีจำนวนสมาชิกแสดงตนเป็นองค์ประชุมในแต่ละมาตราเกินกึ่งหนึ่งมาไม่เกิน 5 เสียง ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียด เมื่อเข้าสู่การพิจารณามาตรา 7 และมาตรา 7/1 ถึงมาตรา 7/3 ก็มีองค์ประชุมผ่านแบบฉิวเฉียดไม่กี่เสียง กระทั่งถึงมาตรา 7/4 เรื่องการให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำหน้าที่พัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยเรื่องการใช้กัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ มีสมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง
 
หลังจากอภิปรายกันครบถ้วนแล้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้กดออดเรียกสมาชิกมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมก่อนลงมติ แต่มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมบางตา นายศุภชัย จึงพยายามชักชวนให้ ส.ส.เสียบบัตรแสดงตน โดย นายศุภชัย ขอให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมกดบัตรแสดงตนเพื่อเป็นองค์ประชุม เพราะหากตัวอยู่ในห้องประชุมแต่ไม่กดบัตรเท่ากับไม่อยู่
 
ทำให้ นายพิเชษฐ์ ลุกตอบโต้ว่า “อย่าพูดมาก เพราะยิ่งพูดมากก็ยิ่งแย่ อย่าไปว่าคนอื่นเลย เราอยู่สภามานานแล้ว อย่าต่อว่าเพื่อนเลย” ทำให้นายศุภชัยกล่าวขึ้นว่า “ที่ต้องพูด เพราะกลัวจะถูกมองว่าบรรยากาศของสภาจะวังเวงเหลือเกิน คุยๆ กันไปบ้าง ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์”
 
ทั้งนี้ นายศุภชัยได้ทอดเวลาประมาณ 30 นาที แต่ก็ยังมี ส.ส.แสดงตนไม่ถึงองค์ประชุม กระทั่งที่สุด นายศุภชัยสั่งให้เจ้าหน้าที่แสดงตัวเลข พบว่ามีเพียง 214 คนเท่านั้น ซึ่งขาดไป 6 เสียง จากจำนวน ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 439 คน เท่ากับว่าองค์ประชุมไม่ครบ จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 17.20 น.
 

---

 
ผู้เสียหาย ร้อง “กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ-กมธ.การกฎหมายฯ” ตรวจสอบ ปมทุจริตสอบเข้าตำรวจชั้นประทวน
https://siamrath.co.th/n/409160

วันที่ 21 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา กลุ่มตัวแทนผู้ได้รับความเสียหาย จากการทุจริตเข้ารับราชการตำรวจชั้นประทวนสายอำนวยการ เข้ายื่นหนังสือต่อนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร สืบเนื่องจากมีข่าวทุจริตการสอบนายสิบตำรวจชั้นประทวน และการสอบมีกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากล ทำให้ผู้เข้าสอบเกิดความเคลือบแคลงสงสัย และต้องการความชัดเจนในเรื่องที่เกิดขึ้น จึงยื่นหนังสือต่อคณะกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ โปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรม ดังนี้

1. ขอให้มีมาตรการคุ้มครอง และให้กองการสอบ กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) อนุญาตให้ผู้เข้ารับการทดสอบทั้งหมดมีสิทธิ์เข้าถึงกระดาษคำตอบ พร้อมชุดข้อสอบของตัวเองอย่างรวดเร็ว

2. เปิดเผยกระบวนการเข้ารับการทดสอบทั้งหมดให้คณะกมธ.ได้เข้าตรวจสอบ

3. เรียกบุคคล เอกสาร และพยานหลักฐานอื่นๆ มาให้การเพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

4. พิจารณาออกหนังสือทำความเห็นไปยังตร. ถึงกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากล และขอให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดการทดสอบใหม่ 
 
ด้าน นายณัฐชา กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า คณะกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ จะบรรจุเรื่องขอความเป็นธรรมดังกล่าว เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของคณะกมธ.ในวันนี้ เพื่อทำหนังสือถึงตร. ให้ชี้แจงมายังคณะกมธ.ฯ ภายใน 7 วัน ทั้งนี้ เตรียมที่จะเชิญตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบข้อซักถามต่อไป
นอกจากนี้ กลุ่มตัวแทนผู้ได้รับความเสียหาย ยังได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร โดยแนบรายชื่อผู้ได้รับความเสียหายจากการสอบ จำนวนกว่า 1,800 คน เพื่อเตรียมร้องต่อศาลปกครอง พร้อมทั้งขอให้พิจารณาความเป็นธรรม ดังนี้

1. ขอให้จัดหานักกฎหมาย ทนายความ หรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือในการร่างคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อคุ้มครองสิทธิ
 
2. ขอให้พิจารณาข้อกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆของตร.ที่เป็นอุปสรรคในการตรวจสอบ
 
3. ตั้งคณะทำงาน คณะกรรมการ หรืออนุกมธ.เฉพาะกิจเข้าศึกษาประเด็นนี้โดยเฉพาะ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขอย่างจริงจัง
 
4. เรียกบุคคล เอกสาร และพยานหลักฐานอื่นๆ มาให้การเพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
 
5. พิจารณาออกหนังสือทำความเห็นไปยังตร. ถึงกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากล และขอให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดการทดสอบใหม่