JJNY : สภาเดือด! ก้าวไกล-เพื่อไทยจี้ถาม| ปริญญาอัดผบ.ทร.ตรรกะอันตราย|เด็กเสรีรวมไทยอัดตู่ |“ไพบูลย์”ห่วงรัฐเก็บภาษีหุ้น

สภาเดือด! ก้าวไกล-เพื่อไทย จี้ถามเหตุเรือรบอับปาง ซัด บิ๊กตู่ ไม่ไปเยี่ยมกำลังพล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7426126

ส.ส.ก้าวไกล จี้ถามสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซัด บิ๊กตู่ เป็นนายกฯมา 8 ปี หน่วยงานที่เติบโตยังดูแลให้ดีไม่ได้ ยุทธพงศ์ ขยี้ซ้ำ ไปเยี่ยมกำลังพลบ้างหรือไม่
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 ธ.ค.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางกลางทะเล ขอให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่มาตอบแทนนายกฯ อธิบายไทม์ไลน์เหตุการณ์ อุปกรณ์ช่วยกำลังพลให้รอดชีวิต และเรือหลวงสุโขทัย อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ใช้งบประมาณซ่อมบำรุงมากน้อยแค่ไหน และเข้าซ่อมบำรุงครั้งล่าสุดเมื่อไหร่
  
นายณัฐชา กล่าวว่า ภารกิจใดที่จำเป็นต้องออกเรือไปในช่วงเวลามรสุม ใครเป็นคนออกหนังสือสั่งการ ตนสงสัยว่าการออกลาดตะเวน ทั้งที่ชูชีพและแพยางมีไม่พอให้กำลังพลบนเรือ จะไปช่วยเรืออื่นที่อับปางอย่างไร สุดท้ายใครรับผิดชอบกับการสูญเสียกำลังพล ทรัพยากร ขวัญกำลังใจของกำลังพลและครอบครัว
 
รมว.กลาโหม เป็นนายกฯ 8 ปีเต็ม มีอำนาจล้นฟ้า แต่บริหารราชการในหน่วยงานที่ท่านเกิดและเติบโตให้ดี ยังไม่ได้เลย ท่านจะไปบริหารประเทศให้ดีขึ้น อีก 2 ปีที่เหลืออยู่ได้อย่างไร ทำมา 8 ปีแล้วบ้านท่านเองยังมีปัญหา ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในกองทัพ ถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปกองทัพแล้วหรือยัง” นายณัฐชา กล่าว
 
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงโดยไล่เลียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าได้สั่งการให้กองทัพเรือตรวจสอบเรื่องเสื้อชูชีพ อุปกรณ์ช่วยชีวิตทางทะเลให้กระจ่างและชี้แจงต่อสังคมแล้ว
 
ส่วนการซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัย ได้ซ่อมบำรุงใหญ่เมื่อ ปี 2561-2563 และรับกลับมาปี 2564 งบประมาณซ่อมบำรุงที่กองทัพเรือได้รับ โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงเรือ เฉลี่ยปีละ 1,300 ล้านบาท สำหรับปี 2566 ได้รับจัดสรรงบ 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้ อายุการใช้งานเรือของกองทัพเรือเฉลี่ยส่วนใหญ่เกิน 30 ปีขึ้นไป ส่วนอายุเรือรบหลักอยู่ที่ 40 ปี ฉะนั้น สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้เรืออับปางต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
 
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. เรือรบหลวงสุโขทัยปฏิบัติภารกิจลาดตะเวน ในสภาพอากาศที่คลื่นลมแรง และก่อนออกภารกิจ จะประเมินสถานการณ์จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งนี้ เราได้ฝึกซ้อมตลอดเวลา และก่อนออกเรือจะชี้แจงกำลังพลถึงการปฏิบัติงานบนเรือ แต่กรณีกำลังพลที่ร่วมเดินทางไปชุมพร ต้องให้กองทัพเรือสอบข้อเท็จจริงว่า กำลังพลเหล่านั้นได้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และปฏิบัติตัวอย่างไร เรื่องการอยู่รอดในภาวะฉุกเฉินมีการฝึกตามวงรอบอยู่แล้ว
 
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าชูชีพบนเรือมีจำนวนหนึ่ง ไว้สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราจะสอบสวนข้อเท็จจริงว่า อุปกรณ์ต่างๆ ถูกใช้ทั้งหมดครบถ้วนหรือไม่ แพชูชีพ ที่ติดอยู่กับเรือหลวงสุโขทัย ปล่อยลงไปในทะเลได้หรือไม่ เรือเล็กลงไปได้หรือไม่ ตรงนี้กองทัพเรือต้องดำเนินการให้กระจ่าง และได้เน้นย้ำ ผบ.ทร.ว่า การสอบสวนจะต้องให้ประชาชนได้เข้าใจและรับทราบข้อเท็จจริงด้วย และกำลังพล 70 กว่านายที่ต้องให้ปากคำนั้น ทุกคนอยู่ในเหตุการณ์จริง ดังนั้น การจะทำให้เหตุการณ์นั้นไม่จริงคงไม่เป็นได้ยาก
 
จากนั้นเป็นกระทู้ถามสดของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ถามในเรื่องเดียวกันว่า มีข้อสังสัยว่าในสถานการณ์ที่มีพายุ กรมอุตุนิยมวิทยาไม่ได้เตือนอะไรเลยหรือว่า มีพายุ มีคลื่นลมขนาดใหญ่ และไม่มีการเฉพาะเรือหลวงที่ล่ม ยังมีเรือพาณิชย์และเรือประมงอีก 2-3 ลำที่ล่มในเหตุการณ์นี้ จึงอยากถามนายกฯว่า กรมอุตุฯ จะต้องรับผิดชอบอย่างไร
 
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เครื่องยนต์ดับ มาจากเครื่องยนต์ที่ใช้ปั่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เอ็มทียู ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นเดียวกับที่จะใส่ในเรือดำน้ำลำแรก ที่กำลังต่ออยู่ในประเทศจีน จึงอยากถามว่าขนาดเรือที่อยู่บนน้ำยังเกิดความสูญเสียขนาดนี้ ถ้าใต้น้ำใครจะรับผิดชอบ ท่านยังจะใช้เครื่องยนต์จะติดเรือดำน้ำ ซีเฮชดี ที่รัฐบาลจีนจะเอามาเปลี่ยนแทนเครื่องเอ็มทียู อีกหรือไม่ และตั้งแต่เกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เคยไปเยี่ยมกำลังพล ไม่เคยไปตรวจดูสถานการณ์เลย อยากถามว่าเพราะเหตุใดนายกฯถึงไม่สนใจเรื่องนี้เลย
 
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า ก่อนออกปฏิบัติการ กองทัพเรือต้องศึกษาสภาพอากาศ มีการวางแผน ประเมินสถานการณ์ว่าในสภาวะแบบนี้ กองทัพเรือสามารถปฏิบัติภารกิจได้หรือไม่ เมื่อประเมินแล้วด้วยประสิทธิภาพขีดความสามารถของเรือก็สามารถปฏิบัติภารกิจได้ และเมื่อพบคลื่นลมแรง เรือก็พยายามจะหลบลมแรง แต่ด้วยสภาพอากาศจึงประสบปัญหาก่อน
 
รมช.กลาโหม กล่าวว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ได้รายงานถึงนายกฯ ซึ่งนายกฯได้ติดตามและสั่งการตลอดให้ดูแลโดยเฉพาะเรื่องชีวิตและความปลอดภัยกำลังพลของกองทัพเรือทุกคน โดยมอบให้ตน ไปติดตามสถานการณ์และเยี่ยมครอบครัวกำลังพล และช่วยเหลือ นอกจากนั้นนายกฯได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเข้าไปดำเนินการค้นหากำลังพลทั้ง 23 คน ให้พบโดยเร็ว ซึ่งนายกฯก็ติดตามสถานการณ์และสั่งการมาโดยต่อเนื่อง
 
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า เรือดำน้ำและเครื่องยนต์ เอ็มทียู เป็นเครื่องที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ถึงปัจจุบัน กองทัพเรือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นเอ็มทียูของจีน โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษารายละเอียดให้ชัดเจน ถึงประสิทธิภาพของเครื่อง และวางแผนไปดูถึงโรงงานผลิต ขีดความสามารถ เพื่อมาวิเคราะห์อีกครั้ง โดยต้องได้เครืองที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้ในเรือดำน้ำได้ ช่วงเดือน ม.ค.หรือเม.ย. 66 จะเดินทางถึงแหล่งผลิต เพื่อดูมาตรฐาน การดำเนินงาน ที่สำคัญเครื่องที่ผลิดโดยประเทศจีนอาจต้องใช้ในยุทโธปกรณ์ของจีนด้วย ยืนยันว่าจะต้องใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด


 
ปริญญา อัดผบ.ทร. ตรรกะอันตราย พูดเรื่องชูชีพ ชี้คนบนเรือต้องมีใส่ ไม่ใช่มีไม่พอ ไม่ใช่ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3738258
 
ปริญญา อัดผบ.ทร. ตรรกะอันตราย พูดเรื่องชูชีพ ชี้คนบนเรือต้องมีใส่ ไม่ใช่มีไม่พอ ไม่ใช่ปัญหา
 
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่มว่า
  
ทำไมเรือหลวงสุโขทัยจึงอับปาง ก็เรื่องหนึ่ง
แต่เรื่องที่อาจจะสำคัญยิ่งกว่าคือ ทำไมลูกเรือ 30 คน ไม่มีเสื้อชูชีพ?

ท่านผู้บัญชาการทหารเรือแถลงว่า คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพ 30 คนได้รับความช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือจำนวน 18 คนแล้ว มี 12 คนที่ยังอยู่ในทะเล และก็มี 18 คนที่มีเสื้อชูชีพที่ยังอยู่ในทะเล ดังนั้น “อย่ามองว่าคนไม่มีเสื้อชูชีพจะเสียชีวิตทั้งหมด” และ “การมีเสื้อชูชีพไม่ได้หมายความว่าจะรอดชีวิต” ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการอธิบายที่มีปัญหามาก
 
เพราะเท่ากับบอกว่า มีเสื้อชูชีพหรือไม่มีเสื้อชูชีพก็ไม่ต่างกัน และดังนั้นการที่เสื้อชูชีพไม่พอจึงไม่ใช่ปัญหา พูดแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่า การไม่ใส่หมวกกันน็อคไม่ได้แปลว่าจะตายทั้งหมด และคนใส่หมวกกันน็อคที่ตายก็มี และดังนั้นใส่หมวกกันน็อคหรือไม่จึงไม่สำคัญ ซึ่งเป็นตรรกะที่ผิดและอันตรายมาก
 
คนไม่ใส่เสื้อชูชีพจะเสียชีวิตเพราะจมน้ำ ต่อให้ว่ายน้ำแข็งโดยเฉลี่ยก็อยู่ได้สัก 10 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าใส่เสื้อชูชีพจะไม่เสียชีวิตเพราะจมน้ำ แต่เสียชีวิตเพราะอยู่ในน้ำนานเกินไป ซึ่งคำถามก็คือ ทำไมช่วยขึ้นมาได้ช้า ทำไมกองทัพเรือประเทศอื่นอาสาช่วยแล้วทำไมเราจึงไม่รับความช่วยเหลือ นี่ต่างหากคือประเด็น ไม่ใช่บอกว่าถึงใส่เสื้อชูชีพก็ยังช่วยขึ้นเรือไม่ได้ ดังนั้น ใส่เสื้อชูชีพหรือไม่ใส่เสื้อชูชีพจึงไม่ต่างกันเช่นนี้
 
เอาคนลงเรือเสื้อชูชีพต้องใส่ทุกคนครับ แบบเดียวกับขี่มอเตอร์ไซค์ต้องใส่หมวกกันน็อค ขับรถต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ถ้าเสื้อชูชีพไม่พอจำนวนคน ก็ต้องให้ลงเรือเท่าที่เสื้อชูชีพมีครับ ไม่ใช่ให้คนลงเรือเกินเสื้อชูชีพไปตั้ง 30 คนเช่นนี้ ขนาดผมจัดกิจกรรมพายเรือในแม่น้ำที่ไม่ได้มีคลื่นลมแรงผมยังรู้เลย ทำไมท่าน ผบ.กองทัพเรือไม่รู้ล่ะครับ
 
ผมเชื่อว่าท่านรู้ ที่ท่านพูดแบบนี้จึงดูเป็น การแก้ตัว มากกว่า การแก้ไข ที่สังคมอยากฟัง นอกจากสาเหตุเรือจม คือกองทัพเรือต้องแถลงว่า จากนี้ไปเหตุการณ์เสื้อชูชีพไม่พอคนจะไม่เกิดขึ้นอีกครับ

ขอให้ผู้ประสบภัยที่ยังอยู่ในทะเลปลอดภัยทุกคน และขอให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังทำงานอย่างหนักในการค้นหาและให้ความช่วยเหลือครับ
 
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid031dYWxXvTEDccyTnU8hY5VqvgKciLmYeQvQ8JdhsJ53YZXLBD6wSseVABA72fLMuRl


 
เด็กเสรีรวมไทย อัดบิ๊กตู่ เล่นการเมืองเอาแต่ได้ หลัง ตั้งพีระพันธุ์ เป็นเลขานายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3738551
 
“นภาพร” ชี้การตั้ง “พีระพันธุ์” เป็นเลขาฯนายกฯ คือการเล่นการเมืองแบบเอาแต่ได้ของ “ประยุทธ์” ยันของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้คือ “ผู้นำใหม่” ไม่ใช่มาตรการเก่าของรัฐบาล
 
น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไม่แน่ใจว่ามาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลแถลงจะเรียกว่าของขวัญปีใหม่ได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นมาตรการเดิม ๆ ที่ไม่มีผลทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น แทนที่รัฐบาลจะลดค่าน้ำมันหรือค่าไฟฟ้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพที่ขึ้นสูงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไปเอามาตรการยิบย่อยที่แต่ละกระทรวงต้องดำเนินการอยู่แล้วมาประกาศเป็นของขวัญ

คนไทยอยากได้โครงการคนละครึ่งเพื่อจับจ่ายใช้สอยช่วงปีใหม่ แต่สิ่งที่ได้คือการขึ้นค่าไฟภาคอุตสากรรมที่สุดท้ายชาวบ้านก็ต้องรับกรรมจากราคาสินค้าที่แพงขึ้นอยู่ดี พอผู้ประกอบการไปเรียกร้องให้ทบทวน รัฐบาลก็บอกว่าเดี๋ยวจะหามาตรการอื่น ๆ มาชดเชย แทนที่จะคิดให้ครบตั้งแต่ทีแรกกลับมาสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ไปเรื่อย ๆ แถมยังกล้าเอามาตรการเก่า ๆ มาเป็นของขวัญอีก อย่างนี้จะไม่ให้คนเบื่อหน่ายได้อย่างไร” น.ส.นภาพรกล่าว
 
น.ส.นภาพรยังกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นเลขาธิการนายกฯ ทั้งที่กำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้งว่าเป็นการเล่นการเมืองแบบเอาแต่ได้ของ พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่แปลกที่จะกล้าตั้งหัวหน้าพรรคที่ตัวเองกำลังจะไปอยู่ด้วยมาเป็นเลขาธิการนายกฯ โดยไม่แยแสสนใจคนในพรรคพลังประชารัฐที่หนุนให้ตัวเองเป็นนายกฯมาจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้นำแบบนี้นะหรือที่จะกล้าคิดและทำทุกอย่างเพื่อประชาชน
 
สิ่งที่คนไทยอยากได้เป็นของขวัญปีใหม่คือผู้นำใหม่หรือรัฐบาลใหม่ที่สามารถแก้ปัญหาหรือสร้างความหวังให้กับประชาชนได้ ไม่ใช่นายกฯคนเก่าหรือมาตรการเก่า ๆ ที่มองไม่เห็นอนาคตเช่นนี้ ซึ่งเชื่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส คือ 1 ในแคนดิเดตนายกฯ ที่ชาวบ้านอยากให้มาจัดการปัญหาทุจริตหรือปัญหายาเสพติดเนื่องจากเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ ใครที่ไม่ชอบอิทธิพลมืด ใครไม่ต้องการคอรัปชั่น ใครต่อต้านยาเสพติด “คุณคือเพื่อนเสรีพิศุทธ์” น.ส.นภาพรกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่