Suntanglife : How to become an Au Pair / How to rematch / How to decide

กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวอะไรก็ตามที่อยากรีวิว 555555
กระทู้สุดท้ายที่รีวิว คือ ผ่าตัดซ่อมหมอนรองกระดูกเข่า แล้วที่หายไป 1 ปีเต็มๆ ยังไม่ตายเด้อออ
แต่!! Visa was approved! I'm in America ค่าาาาา


กระทู้นี้ก็จะมาเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ ตลอด 1 ปีของการเป็นออแพร์
แต่ไม่ใช่ออแพร์ธรรมดา...แต่เป็นออแพร์ 3 บ้านใน 1ปี เพี้ยนขำหนักมาก

หลายคนคงคิดว่าเห้ยยย ! ทำไม Rematch ตั้งสองรอบแหนะ..
หลายคนอาจจะทราบว่าโครงการนี้เราต้องไปอยู่อาศัยกับครอบครัวคนอื่น
มันก็อาจจะง่าย หรือยาก แล้วแต่สถานการณ์ไป
สำหรับเรา อยู่ที่ไหนแล้วสบายใจ ก็อยู่ ไม่สบายใจ ก็ออกจ้า

*** เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้มาจากเราคนเดียวนะคะ เป็นการรวบรวมเรื่องราวจากออแพร์คนอื่นๆ ด้วย ***
ออแพร์หลายคนทักหาเรา ปรึกษา และเล่าเรื่องราวต่างๆ เรานำมารีวิวให้ เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ

กระทู้ที่เคยรีวิว
Suntanglife : รีวิว 42 แหล่งเชคอิน Singapore ใน 5 วัน 4 คืน กับงบ 7,000 บาท!
Suntanglife : บ้านบางเขน แหล่งฮิพๆ ของคนชิคๆ
Suntanglife : Work & Travel : Xanterra Glacier National Park : ยิ่งกว่าการได้เงินคือการได้ความสุข
Suntanglife : 8 วัน พิชิต 3 ภูเขาในจีน YADING, SHANGRI-LA, LI JIANG, KUN MING กับงบ 16,000 บาท!
Suntanglife : ผ่าตัดส่องกล้อง เย็บซ่อมหมอนรองกระดูกหัวเข่าฉีกขาด
Suntanglife : How to become an Au Pair / How to rematch / How to decide

หัวข้อต่างๆ ในกระทู้
1. จุดเริ่มต้นในการเลือกโครงการ Aupair แล้วทำไมต้องเป็น Au pair in America
2. Aupair คืออะไร แล้วจะได้อะไรจากโครงการ
3. ระยะเวลาดำเนินเอกสาร เอกสารที่ต้องใช้ การเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก และค่าใช้จ่าย
4. เหตุผลที่เลือก Match / Rematch บ้านที่ 1 (ทำกับบ้านนี้ 4 เดือน)
5. เหตุผลที่เลือก Match / Rematch บ้านที่ 2 (ทำกับบ้านนี้ 6 เดือน)
6. เหตุผลที่เลือก Match บ้านที่ 3 (จบโครงการปีแรกกับบ้านนี้ และ Extend 6 เดือน)
7. ตอนไหนที่เราจะรู้ว่าต้องขยายโครงการ (Extension)
8. รายได้ Au pair พอใช้ในอเมริกาจริงหรอ
9. สิ่งที่อยากบอก Au pair รุ่นต่อๆ ไป
10. แผนหลังจบโครงการ

1. จุดเริ่มต้นในการเลือกโครงการ Aupair แล้วทำไมต้องเป็น Au pair in America


จากกระทู้ข้างบนที่เราเคยรีวิว คือเราเคยมาอเมริกาแล้วรอบนึง กับโครงการ "Work & Travel" เมื่อปี 2018
แล้วเรามีแต่ประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ในอเมริกา
และเมื่อเรากลับไปประเทศไทย มันทำให้เราเห็นความแตกต่างของการใช้ชีวิต และความ Unfair ต่างๆ ในบ้านเรา
เราเลยพยายามหาทุกทางที่จะได้กลับมาอเมริกาอีกครั้ง ซึ่งตัวเลือกก็มีหลายอย่าง เช่น
- แต่งงาน : อันนี้เราตัดทิ้งอันแรกเลย 555555 ไม่ใช่แอนตี้นะ แต่สำหรับเรา การแต่งงานมันคือเรื่องใหญ่ แล้วเราก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดว่าแต่งเพื่อใบเขียว ถ้าจะแต่งกับใครสักคน เราอยากอยู่กับคนที่เราอยากอยู่ด้วยจริงๆ รักเขาจริงๆ ค่ะ
- Work & Travel : อันนี้จะมาได้เฉพาะคนที่มีสถานะเป็นนักศึกษาอยู่เท่านั้น ตอนเรามาก็คือจบปี 4 แล้ว เลยมาได้ครั้งเดียว
- Student : อันนี้ใช้เงินมหาศาลค่ะ ในการเป็นนักเรียนต่างชาติของเขา เราจนค่ะ ขอผ่าน
- นักลงทุน : แค่เงินจะไปเรียนยังไม่มีปัญญา จะเอาที่ไหนไปลงทุนล่ะ
- ลูกจ้าง : มีสองแบบ แบบจ้างคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ กับลูกจ้างที่ไปทำงานที่คนอเมริกันไม่ทำ อันนี้ต้องหาสปอนเซอร์ในอเมริกาทำเรื่องให้ เราไม่รู้จักใครที่มีธุรกิจที่นั่น
จากการที่ลองศึกษาไปเรื่อยๆ ก็มีคนมารีวิว Au pair เป็นพี่เลี้ยงเด็ก อาศัยกับโฮสต์ กินฟรี อยู่ฟรี เที่ยวฟรี (ถ้าโฮสต์พาไป)
เห้ยยยย !! อันนี้ตอบโจทย์คนจนแบบดิฉันมากค่ะ ใช้เงินทั้งหมดไม่เกิน 50,000 ขึ้นอยู่กับเลือกเอเจ้นไหน
แต่... ณ ตอนนั้นคือ ตูจะเลี้ยงเด็กได้จริงๆ หรอวะ 5555555555 เราเป็นลูกคนสุดท้อง ไม่เคยมีน้อง เคยเลี้ยงหลานอยู่แปบนึง
แต่มักจะบอกตัวเองว่าไม่ใช่คนรักเด็ก ก็เกือบจะตัดโครงการนี้ทิ้งเหมือนกันนะ
แต่จุดพลิกมันอยู่ที่เราไปเจอว่ามีออแพร์ในสวิตเซอร์แลนด์! คือเป็นประเทศในฝันที่เราอยากไปสักครั้งในชีวิต
ถ้าได้ไปอยู่เป็นปีๆ มันคงฟินมากอะ เราเลยเริ่มหาว่าเอเจ้นไหนที่มีส่งไปสวิต ก็สมัคร เตรียมการ จนถึงขั้นออนไลน์
แต่ช่วงนั้นคือในปี 2019 อ่านแล้วคุ้นๆ ไหม ว่าปีนี้เกิดเหตุการณ์อะไร.... ใช่จ่ะ COVID ตัวร้าย ช่วงปลายปี ปิ ด ป ร ะ เ ท ศ
แล้วประเทศนี้รับแค่คนอายุไม่เกิน 25 ตอนนั้นเราอีก 6 เดือนจะ 25 พอดี ก็เลยต้องพับสวิตเซอร์แลนด์ไว้ในความฝันต่อไป

แล้วทำไมไม่ไปประเทศอื่นล่ะ มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องอเมริกาอีก?
ใช่ค่ะ ออแพร์มีหลายประเทศมากๆ แต่รายได้แต่ละประเทศต่างกันค่ะ
ในยุโรป รายได้ตกเดือนละ 16,000 - 23,000 สวิตเซอร์แลนด์ 24,000 อเมริกา 25,000 - 27,000
เราเพิ่งซื้อบ้าน ต้องผ่อนเดือนละ 20,000... อ่านแค่นี้ น่าจะรู้แล้วเนาะ555555555 อีกเหตุผลคือเราเที่ยวในอเมริกามามากกว่า 10 รัฐ
ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับประเทศนี้ เลยคิดว่าการไปใช้ชีวิตในที่ๆ คุ้นเคย กับรายได้ที่พอจะคุ้มค่า คงเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

2. Aupair คืออะไร แล้วจะได้อะไรจากโครงการ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ขอไขให้กระจ่างอีกทีแล้วกัน
- พี่เลี้ยงเด็ก : อันนี้แน่นอนค่ะ มาดูแลน้องๆ จะ 1,2,3,4,5,... คน ก็อยู่ที่ว่าเราเลือก Match กับบ้านที่มีลูกกี่คน (แนะนำไม่เกิน 3 กำลังดีนะคะ)
- พี่สาวน้องๆ : สำหรับเรา เรามาโครงการ มาทำหน้าที่เลี้ยงลูกให้เค้าก็จริง แต่เราไม่ใช่สายเดินตามน้อง หรือทำตามคำสั่งโฮสต์อย่างเดียว เราถือว่าน้องๆ เป็นน้องเรา ที่เราต้องดูแล และสอน รวมถึงดุไปพร้อมๆ กัน ออแพร์หลายคนอาจจะเกรงใจโฮสต์ ไม่กล้าดุน้อง คอยแต่ทำสิ่งที่เขาบอกให้ทำ อันนี้เรามองว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เหมือนมาทำหน้าที่จบ รับเงิน แค่นั้น
- ลูกของโฮต์(?) : บางคนโชคดีได้โฮสต์ที่รักเราเหมือนลูกจริงๆ แคร์เราเหมือนลูก แต่น้อยมากค่ะ ที่จะเจอแบบนั้น จากที่หลายคนคงเห็นว่า Rematch กันเป็นว่าเล่น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกหรือไม่ดีนะ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ากันได้ดี บางครอบครัวก็ใช้งานเราคุ้มแบบเราก็แค่ Employee บางคนก็แทบไม่สนใจว่าเราจะได้ไปเรียนมั้ย สนแค่เธอต้องทำงานให้คุ้มที่ฉันจ้างมา เน้นสะดวกเขา ลำบากเรา
- แม่บ้าน(?) : สำหรับออแพร์ ตามสัญญาคือทำความสะอาดเล็กน้อย เช่น ส่วนของน้อง หรือโซนที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องครัว แต่บางบ้านก็โยนให้เป็นหน้าที่เราเลยก็มีค่ะ

เอาเป็นว่าหน้าที่ออแพร์ก็คร่าวๆ ตามข้างต้น ขึ้นอยู่กับว่าโฮสต์ดูแลเราให้เป็นแบบไหน และความรู้สึกของเราตอนทำงานกับเค้า เป็นแบบไหน

Benefits ที่ออแพร์จะได้รับ
1. รายได้ 195.75 ต่อสัปดาห์ (บางบ้านให้มากกว่านี้ ลองดีลดู) ภายใต้การทำงานไม่เกินวันละ 10 ชม. หรือไม่เกิน 45 ชม. ต่อสัปดาห์
2. วันหยุดตามกฎ 1.5 วัน ซึ่งควรจะเป็นวันเสาร์ครึ่งวัน และวันอาทิตย์เต็มวัน แต่บางบ้านก็อาจขอสลับเป็นวันอื่น ขึ้นอยู่กับตกลงกัน หรือหยุด ส อา
3. ค่าเรียน $500 ต่อปี (ต่อได้สูงสุด 2 ปี ยกเว้นช่วง Covid ได้ 3 ปีเป็นกรณีพิเศษ)
4. ที่พักฟรี อาหารฟรี (ยกเว้นถ้าออกไปเที่ยวเอง หรือ Vacation ก็หาเองเด้อ บางคนเจอโฮสต์ใจดีก็ให้ค่าขนมติดตัว)
5. ประกันสุขภาพ (ไม่มีทำฟันนะ ทำจากไทยไปเด้อออ และบางกรณีก็ไม่ครอบคลุม อ่านให้ละเอียด เค้าจะระบุกรณีต่างๆ ไว้ในใบที่ได้รับ)
6. ถ้าขับรถได้ ก็ยืมรถโฮสต์ได้ ใกล้ไกลแล้วแต่ตกลงกัน ถ้าใกล้ๆ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าแก๊ส ถ้าไกล ก็ช่วยเค้าเติมหน่อย
7. ค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ ฟรี (ถ้าอยู่จบโครงการ)
8. บางบ้านออกค่า Uber ให้ เวลาไปเรียน หรือไป Meeting บางบ้านมีบัตรเครดิตให้ซื้อของกินของใช้แบบจัดเต็ม แต่ไม่ใช่ทุกบ้าน บางบ้านถึงขั้นขอดูใบเสร็จและตัดรายการที่เค้าไม่จ่ายออก
9. ค่าซิมโทรศัพท์ Unlimited ไม่เกินเดือนละ 50 จะใช้แพลนร่วมกับโฮสต์ก็ได้ หรือจะขอซิมแยกก็ได้ ถ้าใช้โปรเกิน 50 ส่วนต่างก็ต้องจ่ายเอง ซึ่งก็อยากแนะนำว่าให้ใช้แยกดีกว่า เวลากรณีต้องรีแมช ย้ายบ้าน จะได้ไม่ต่องวุ่นวายคอยเปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนซิม ตอนนี้โฮสต์เราโอนเงินให้แทน เราก็จัดการจ่ายของเราเอง
10. ประโยชน์แฝงที่ได้รับ คือการได้ฝึกภาษาอังกฤษ เรียนรู้วัฒนธรรม เที่ยว โบนัสก็คง...เจอเนื้อคู่ 5555 ซึ่งฉันอยู่มา 1 ปี ไม่มีจ่ะ เลือกเยอะนัก T_T หรือบางคนพบเจอทางของตัวเองในการเรียนต่อ หรือทำธุรกิจ ก็ต่อยอดเปลี่ยนวีซ่า เดินตามฝันของตัวเองค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่