Suntanglife : ผ่าตัดส่องกล้อง เย็บซ่อมหมอนรองกระดูกหัวเข่าฉีกขาด

สวัสดีค่ะ วันนี้หัวข้ออาจจะมาแปลกนิดหน่อย แต่เป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คนแน่นอน
พักเรื่องเที่ยว แล้วมาอ่านผลที่ (อาจจะ) เกิดจากการเที่ยวกันนะคะ
จะแท็กแค่หมอนรองกระดูก แต่มันมีทับเส้นมาด้วย ขออภัยนะคะ ของเราไม่ใช่เคสทับเส้นประสาทค่ะ

เราจะเล่าตั้งแต่วันแรกที่เราเริ่มมีอาการ การรักษาที่ได้รับระหว่างรอผ่า วันที่ ADMIT และหลังออกจาก รพ. เลยค่ะ
ตอนเราจะผ่า เราหาข้อมูลคือมีน้อยมากค่ะ มีแต่คนอยากรู้ แต่ไม่ค่อยมีข้อมูล
ขอให้กระทู้นี้เป็นทางเลือกสำหรับใครหลายๆ คน ที่ยังลังเลว่าจะผ่า หรือไม่ผ่า นะคะ

กระทู้ที่เคยรีวิว
Suntanglife : รีวิว 42 แหล่งเชคอิน Singapore ใน 5 วัน 4 คืน กับงบ 7,000 บาท!
https://ppantip.com/topic/37466253
Suntanglife : บ้านบางเขน แหล่งฮิพๆ ของคนชิคๆ
https://ppantip.com/topic/36556332
Suntanglife : Work & Travel : Xanterra Glacier National Park : ยิ่งกว่าการได้เงินคือการได้ความสุข
https://ppantip.com/topic/38130197
Suntanglife : 8 วัน พิชิต 3 ภูเขาในจีน YADING, SHANGRI-LA, LI JIANG, KUN MING กับงบ 16,000 บาท!
https://ppantip.com/topic/38481364
Suntanglife : ผ่าตัดส่องกล้อง เย็บซ่อมหมอนรองกระดูกหัวเข่าฉีกขาด
https://ppantip.com/topic/41098271
Suntanglife : How to become an Au Pair / How to rematch / How to decide
https://ppantip.com/topic/41777258

ย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 ก่อนเจ้า Covid ตัวร้ายจะโผล่มา เราไปเที่ยวไต้หวันมาค่ะ และได้ไปปีนเขา Elephant เพื่อดูตึก Taipei
ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ทางขึ้นเป็นขั้นบันไดสูง-ต่ำสลับกันไป รวมๆ ความสูงน่าจะประมาณตึก 30 - 40 ชั้น
ทางจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทางขึ้นเลยค่ะ (ยืมรูปในเน็ตมานะคะ)

ซึ่งตอนขึ้น ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เพราะปกติดูจากกระทู้เก่าๆ เราจะรู้ว่าเราปีนเขา เดินเขาบ่อยมากกกกกก
และเราก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเราเช่นกันค่ะ เพราะเราออกกำลังกาย วิ่ง เล่นบาส เอาทุกอย่าง ชะล่าใจค่ะ

ปัญหาเกิดตอนเดินลงเขาค่ะ... เราเดินสลับวิ่งลง เพราะเริ่มมืดมากแล้ว บวกกับนัดเพื่อนชาวไต้หวันไปหาอะไรกินต่อ
ตอนที่ลงมาถึงชั้นล่างสุด เราก้าวขาไม่ออกเลยค่ะ หรือเรียกง่ายๆ ว่า "เข่าล็อค"

อาการเบื้องต้นคือ ถ้าเรายืดขาสุดๆ อยู่ เราจะงอแล้วเจ็บมาก แต่พอฝืนงอจนงอได้ พอจะยืดขาตรงอีก ก็เจ็บอีกค่ะ

เราก็ยังคิดแง่ดีว่าคงเป็นอาการกล้ามเนื้อตึงเหมือนเวลาเราเล่นบาสเสร็จใหม่ๆ กินยาคลายกล้ามเนื้อก็คงดีขึ้น
และมันดีขึ้นจริงๆ ค่ะ แทบไม่เจ็บอีกประมาณ 1-2 เดือน พอเดือนมกราคม 2563 เราจึงไปเดินเขาช้างเผือก
ถ้าใครเคยไปคงรู้ว่าจองยากมากกกกกกก เพราะฉะนั้น จองได้แล้ว ก็ต้องไปค่ะ แต่ขณะเดินนั้น เราเสียวหัวเข่ามากค่ะ
แฟนจึงบอกแกมบังคับว่ากลับกรุงเทพต้องไปหาหมอทันที

( ระหว่าง 1-2 เดือนที่ไม่เจ็บ เรามีไปภูเก็ต เดินป่าอุทัยฯ ตราด เชียงใหม่ ไปเที่ยวอีกหลายที่มากๆ ก็ไม่รู้สึกค่ะ)

Timeline การรักษาตลอดเกือบ 2 ปีนะคะ (นานเพราะติดโควิด ห้องผ่าตัด รพ.รัฐ ไม่เปิดค่ะ)
24 กุมภาพันธ์ 2563 : ไปหาหมอครั้งแรกค่ะ หมอจับเข่า ขยับข้อต่อดู มีเสียงกระดูกก๊อก และแนะนำให้กินสารบำรุงข้อเข่า ระหว่างรอคิว MRI ค่ะ

17 มีนาคม 2563 : ไป MRI หรือสแกนหัวเข่าอย่างละเอียดค่ะ (เบิกประกันสังคมได้ค่ะ)
29 พฤษภาคม 2563 : ส่งตัวไปอีก รพ. เพื่อปรึกษาอาจารย์หมอด้านข้อเข่าค่ะ เพราะจากผล MRI มีการประเมินออกเป็น 2 กรณี คือ หมอนรองฉีก กับ ผิวสะบ้าอักเสบ ซึ่งอาจารย์หมอบอกว่าเคสเราไม่หนัก แค่ผิวสะบ้าอักเสบ ไม่ต้องผ่า ตอนนั้นเราน้ำตาไหลเลยค่ะ เพราะเรามั่นใจว่ามันฉีกแน่ๆ มันเสียวเข่าทุกครั้งที่เดิน และเราเสียใจกับคำพูดหมอที่ว่า มีคนเป็นหนักกว่าคุณ ยังไม่ได้ผ่าเลย ไว้ไม่ไหวค่อยกลับมา... นี่คือคำตอบของคนเป็นอาจารย์หมอค่ะ

9 กรกฎาคม 2563 : ฉีดยาเพิ่มน้ำในข้อเข่า (รพ.แรกที่ไปหาค่ะ) คือ รพ. ยังไม่เปิดห้องผ่า คุณหมอจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่พอจะช่วยบรรเทาเราได้ค่ะ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ยาที่ฉีดต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันเข็มละ 1 หรือ 2 สัปดาห์ (จำไม่ค่อยได้ค่ะ แต่ไม่เกินนี้) เมื่อครบ 3 เข็ม คุณหมอจะประเมินอีกทีค่ะ (ช่วง 1-2 วันที่ฉีด ให้งดเดินนะคะ หรือเดินให้น้อยที่สุดค่ะ)

5 มีนาคม 2564 : 1 ปีผ่านไปนับตั้งแต่ MRI ครั้งแรก จะเป็นการกินยาระงับปวด และรักษาเบื้องต้น เพราะห้องผ่าไม่เปิดจริงๆ ซึ่งเราก็เข้าใจได้ค่ะ หมอ พยาบาล ต้องรับมือกับผู้ป่วย Covid กันหนักมาก การที่เราจะไปผ่าช่วงนั้น มันก็เสี่ยงกับตัวเราด้วยที่อาจจะติดเชื้อจาก รพ. เมื่อครบ 1 ปี อาการเรามีแต่แย่ลงค่ะ หมอจึงให้ไป MRI ใหม่เป็นครั้งที่ 2

25 มิถุนายน 2564 : มีไปหาอาจารย์หมอ (เปลี่ยนคน) ซึ่งไฟนอลแล้ว สรุปเราต้องผ่าค่ะ แต่ห้องผ่า รพ. รัฐ ก็ยังไม่เปิดอยู่ดี และช่วงนี้เป็นช่วงที่พ่อเราผ่าตัดสมอง เราจึงต้องดูแลในส่วนของพ่อก่อน ทำให้ไม่ได้ไปหาหมอ หรือรับการรักษาใดๆ เพราะมันทำไรไม่ได้ค่ะ นอกจากรอ...

13 กันยายน 2564 : เราตัดสินใจจะลองย้ายสิทธิประกันสังคมมา รพ.เอกชนค่ะ ตอนเช้าเรานัดพบหมอเข่าที่ รพ.ศิครินทร์ ลาซาล หมอบอกถ้าย้ายได้ จะทำเรื่องผ่าให้ด่วนค่ะ (เราต้องบินไปทำงานต่างประเทศเดือนธันวาคมค่ะ) เราจึงตัดสินใจการกดย้ายสิทธิประกันสังคมในแอพ จริงๆ ไม่ใช่ช่วงที่จะย้ายได้ แต่เราย้ายบ้านค่ะ เลยลองกดดู บวกกับไปที่ประกันสังคมเพื่อยื่นใบรับรองแพทย์ขอย้ายค่ะ...แต่โชคชะตาไม่เข้าข้างในวันนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ให้ย้าย แค่เพราะไม่ใช่ช่วงที่ย้ายได้ (ขาตูจะหักแล้วมั้ยยยยย ฮ่วยยย!)

20 กันยายน 2564 : ยอมรับว่าหมดหวังไปแล้วค่ะ คิดมากถึงขั้นว่าจะไปเป็นอะไรที่ต่างประเทศมั้ยนะ.. แต่อยู่ดีๆ ก็มีข้อความจากประกันสังคมแจ้งว่าเราได้ย้ายสิทธิค่ะ ซึ่งเราได้ย้ายจากที่เราลองกดในแอพค่ะ ดีใจมากค่ะ เพราะเป็นวันที่ทางสถานทูตตอบรับขอคิวสัมภาษณ์วีซ่าด่วนให้เราพอดี วันนั้นแฮปปี้สุดๆ เลยค่ะ

22 กันยายน 2564 : หลังจากได้รับการตอบรับย้ายสิทธิ เราจึงรีบจองคิวพบหมอที่ศิครินทร์ทันทีค่ะ คุณหมอยื่นสิทธิและเขียนกำกับให้เราว่าขอด่วน เราใช้สิทธิประกันกลุ่มของบริษัท ร่วมกับประกันสังคมค่ะ เวลาจะไปหาหมอ ก็จะใช้ประกันกลุ่ม จะเร็วกว่า เจอหมอได้เลย ไม่ต้องไปคอยตามประกันสังคม

15 ตุลาคม 2564 : ผ่านไป 3 สัปดาห์ สิทธิก็อนุมัติค่ะ (นานเพราะประกันสังคมค่ะ บางคนอาจต้องรอหลายเดือนด้วย) เราจึงทำการจองวันผ่าคือ 19 ตุลาคม ค่ะ

18 ตุลาคม 2564 : มีนัดตรวจ Covid ก่อนผ่าตัดค่ะ ค่าใช้จ่าย 2,500 ไม่รวมในประกันใดๆ ควักเองค่ะ

19 ตุลาคม 2564 : ADMIT ค่ะ รอผ่าตอน 16.00 น. ขั้นตอนมีดังนี้ค่ะ
- 08.00 น. นัดเจาะเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ เอ็กซเรย์ปอด งดอาหารและน้ำ ตั้งแต่ 8 โมงเป็นต้นไปค่ะ (พอถึงตอนผ่าก็จะงดครบ 8 ชม. พอดี)
- 13.30 น. เรียกขึ้นห้องพักค่ะ เราเลือกห้องรวม 3 เตียง งดเยี่ยม งดเฝ้า (ถ้าใครจะเอาห้องเดี่ยว ญาตินอนเฝ้าได้นะคะ แต่จ่ายเพิ่ม 4,xxx) ระหว่างนั้นก็เปลี่ยนชุด และมีพยาบาลมาเจาะน้ำเกลือให้ค่ะ ส่วนตัวบริจาคเลือดมาเกือบ 30 ครั้ง ไม่เจ็บเท่าเจาะน้ำเกลือครั้งเดียวค่ะ ยอมแล้ว T__T
ให้กำลังใจตัวเองค่ะ เหงามาก 55555555555 ระหว่างรอผ่า 2 ชม. ก็ใส่หูฟัง เล่นเกมวนไปค่ะ

- 15.30 น. เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยค่ะ เจ้าหน้าที่จะมาเข็นไปห้องผ่าตัด
- 16.10 น. เป็นเวลาสุดท้ายที่เราเห็นในห้องผ่าตัดค่ะ ก่อนจะเริ่มให้พลิกตัว ให้ยาสลบ แล้วเราก็ไม่รู้ตัวอีกเลยค่ะ ผ่านไปประมาณ 3 ชม. เราก็ตื่นอยู่ในห้องสังเกตอาการค่ะ พอไม่มีอะไรผิดปกติ ก็กลับไปพักที่ห้องพักค่ะ
- 20.00 น. พยาบาลเข้ามาถามว่าจะทานอะไร ตามสั่งหรือข้าวต้ม สั่งตามสั่งไปค่ะ แต่ร้านปิด เลยได้ข้าวต้มมา แต่ ณ ตอนนั้นคือหิวมากจนกินไม่ลงค่ะ กินได้ไม่ถึงครึ่งเลยค่ะ ก็กินยาและหลับไปค่ะ
20 ตุลาคม 2564 : ผ่านไป 1 คืน ขาตึงมากค่ะ ตื่นมาตอน 06.00 น. หิวมาก แต่ข้าวยังไม่เสิร์ฟ มีซุกขนมปังไว้ก่อนเข้าห้อง เลยพอประทังชีวิตค่ะ อิอิ
- 10.00 น. เราไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยตั้งแต่เมื่อวานก่อนเข้าห้องผ่าตัด พยาบาลเอากระโถนให้ แต่เราปัสสาวะไม่ออกค่ะ ใส่แพมเพิธให้ก็ไม่ออก มันไม่ชินค่ะ สุดท้ายพยาบาลเลยต้องเอา Walker มาให้เราเดินไปห้องน้ำค่ะ ซึ่งขาข้างที่ผ่า ห้ามลงน้ำหนักเด็ดขาดนะคะ

- ประมาณช่วงบ่ายๆ หมอและพยาบาลก็ถามว่าจะกลับบ้านเลยมั้ย ปวดมากมั้ย เราเลยเอาชัวร์ ขอนอนอีกคืนดีกว่า (นอนฟรี กินฟรี เอาซะหน่อยอะ ล้อเล่น)
- ทั้งวันก็ไม่มีไรค่ะ ตื่น กิน นอน วนไป นี่คือหน้าตาอาหารที่เราได้ทานทั้งหมดนะคะ อร่อยมากค่ะบอกเลยยยย ฟินๆ ไปสองวัน
- ทั้งวันจะมีเจลเย็นมาประคบให้ตลอดนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่