เพื่อไทย ชี้ค่าแรงขึ้นควบคู่รายได้ วอนผู้ประกอบการมองภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7406339
เพื่อไทย ชี้ค่าแรงขึ้นควบคู่รายได้ วอนผู้ประกอบการมองภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ ประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.65 นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ผู้ประกอบการมีข้อกังวลเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศไทยมีแนวโน้มยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดว่า
หากพิจารณาเพียงมุมต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นเพียงด้านเดียว โดยรายได้ไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ในหมวกของผู้ประกอบการเองก็คงต้องกังวลและสามารถเข้าใจได้ว่า พรรคพท.กำลังจะหาเสียงแบบผลักภาระให้กับภาคเอกชน ในข้อเท็จจริงแล้วหากพรรคพท.เป็นรัฐบาล สิ่งที่จะดำเนินการควบคู่กันไปคือการหารายได้ให้กับประเทศ ดังนี้
1. การปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นการปรับตามค่าครองชีพ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ หากพท.เป็นรัฐบาลจะส่งเสริมให้ผู้กอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME มีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้มากขึ้น ผู้ประกอบการก็สามารถจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับการปรับค่าแรงไม่ได้ขึ้นทีเดียว จะปรับขึ้นตามเพดานสูงสุดในปี 2570 คืออีก 5 ปีข้างหน้า ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการจึงจะมีเวลาปรับตัว
2. หากพรรคพท.เป็นรัฐบาล ประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตย จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น ผ่านการยกระดับอุตสาหกรรมเปลี่ยนจากประเทศที่ดึงดูดนักลงทุนจากค่าแรงที่ถูกเป็นแรงงานศักยภาพสูง ซึ่งพท.จะผลักดันนโยบายเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค เพื่อมาต่อยอดกลุ่มธุรกิจ SME ในไทยที่เน้นนวัตกรรม และเทคโนโลยี ให้เกิดการสร้างรายได้ใหม่ เกิดการสร้างงานใหม่จำนวนมากที่ใช้และถ่ายทอดทักษะแรงงานขั้นสูงให้กับแรงงานไทย
3. ภายใต้การนำของรัฐบาลพท. ภาคการเกษตร ภาคบริการและการท่องเที่ยวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถจ่ายต้นทุนค่าแรง และค่าครองชีพอื่นๆที่เพิ่มขึ้นได้ตามไปด้วย
4. ที่ผ่านมาสมัยรัฐบาล น.ส.
ยิ่งลักษณ์มีการผ่อนปรนภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ในปีแรก และในปีต่อมาเป็น 20% เพื่อชดเชยกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น พรรคพท.ในวันนี้ก็มีแนวคิดที่ออกมาตรการส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนและผู้ประกอบการ SME ด้วยเช่นกัน
5. พรรคพท.ยังมีแนวคิดที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะให้กับแรงงาน ที่ยังคงมีทักษะไม่สูงมากนัก และเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต
“
หากเรามองประเทศในวันนี้ภายใต้การนำของรัฐบาลประยุทธ์ที่กักขังศักยภาพของประเทศไทยเอาไว้ การขึ้นค่าแรงก็ทำให้ผู้ประกอบการไปไม่รอด แต่การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำภายใต้การนำของรัฐบาลพท.ไม่ได้เป็นการผลักภาระให้เอกชน แต่เป็นการร่วมมือกันกับภาครัฐที่มีเคยประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจมาแล้วในอดีต เพื่อกลับมาสร้างรายได้ให้ประเทศ ให้ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนอีกครั้ง จึงอยากขอร้องให้ผู้ประกอบการมองภาพใหญ่ของประเทศด้วยแพคเกจนโยบายที่นำเสนอโดยรวมซึ่งทำหน้าที่เสมือนฟันเฟืองต่างๆของรถยนต์ร่วมกัน การจะขับเคลื่อนประเทศได้นั้น คงใช้เพียงเฟืองตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้” นาย
กฤษฎา กล่าว
ก้าวไกล ผุดนโยบายปฏิรูปสีกากี ให้ประชาชนร่วมประเมินตำรวจ เลิกบังคับหัวเกรียน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7406863
ก้าวไกล ผุดนโยบายปฏิรูปสีกากี ให้ประชาชนร่วมประเมินตำรวจ เลิกบังคับหัวเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาอบรมด้านสิทธิมนุษยชน
ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย “
ราชการไทยก้าวหน้า” โดยมี นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมแถลง
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ได้เสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน “
ระดับประเทศ” ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา
ขณะที่ในระดับจังหวัด จะมี คณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด ซึ่งองค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้น ๆ หรือไม่ และช่วยประเมินคุณภาพการทำงานของตำรวจในจังหวัด
ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรคก้าวไกล เสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจ โดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง
นอกจากนี้ ยังเสนอเปิดให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาตรี ได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตำรวจรุ่นหลัง เปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ ผลักดันให้มีตำรวจหญิงทุกโรงพัก เพื่อเป็นพื้นที่อุ่นใจสำหรับเหยื่อผู้ถูกคุกคามทางเพศ ยกเลิกการบังคับตำรวจตัดผมเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาเป็นการอบรมด้านสิทธิมนุษยชน และคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคม
ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้เลือกพรรคก้าวไกล แล้วตำรวจไทยจะไม่สิ้นหวังเหมือนที่ผ่านมา
ชัชชาติ คุย ‘ไจก้า’ หารือแก้จราจร ดันขนส่งอัจฉริยะ 4.0 หนุนศักยภาพสิ่งแวดล้อม
https://www.matichon.co.th/local/news_3716995
ผู้ว่าฯ กทม. หารือ JICA สานความร่วมมือด้านการจราจรและสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับ Mr.
SUZUKI Kazuya หัวหน้าคณะผู้แทนคนใหม่ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น สำนักงานประเทศไทย (Japan International Cooperation Agency : JICA) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือแนวทางสานต่อการทำงานร่วมกันและกระชับความร่วมมือระหว่าง JICA และกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ มีประเด็นในการหารือและแลกเปลี่ยนแนวคิดความที่สามารถเป็นไปได้ของ 2 หน่วยงาน โดยเฉพาะด้านการจราจรและขนส่งและด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมศักยภาพองค์กรเพื่อการดำเนินการตามแผนแม่บทของกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2556-2566 โครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครด้วยการติดตั้งระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรเป็นพื้นที่ (Area Traffic Control : ATC) และโครงการยุทธศาสตร์ระบบขนส่งอัจฉริยะสำหรับประเทศไทย 4.0
สำหรับวันนี้ นาย
วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นาย
พรพรหม ณ.ส. วิกิจเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นาย
ประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นาย
ไทภัทร ธนสมบัติกุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง นาย
คาวะเบะ ริวอิจิ (Mr. KAWABE Ryouichi) ผู้แทนอาวุโสJICA Thailand นาย
คิตะกะวะ ยูกิ (Mr. KITAGAWA Yuki) ผู้แทนอาวุโสJICA Thailand นาย
เอ็นโดะ ยะซุยุกิ (Mr. ENDO Yasuyuki) ผู้แทน JICA Thailand นางสาว
จามรี แย้มกลิ่นฟุ้ง เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส JICA Thailand นางสาว
สุภัค ซื่อสุทธิกุล เจ้าหน้าที่โครงการ JICA Thailand และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ
ยะลา อ่วม! ฝนถล่มข้ามคืน ท่วม 2 อำเภอ เตือนบ้านริมคลองยะหา ขนของขึ้นที่สูง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7407296
ยะลา อ่วม! ฝนถล่มข้ามคืน ท่วม 2 อำเภอ เตือนบ้านริมคลองยะหา เตรียมขนของขึ้นที่สูง ขอให้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าว จ.ยะลา รายงานว่า จากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ของ จ.ยะลา ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) จนถึงวันนี้ ล่าสุดหลายพื้นที่ได้เกิดน้ำท่วมขังเข้าบ้านเรือนประชาชนแล้ว โดยปริมาณฝน 24 ชั่วโมงสูงสุดที่ อ.เมืองยะลา (สถานีสะพานท่าสาป) รวม 175 มม. มีพื้นที่น้ำท่วมใน 2 อำเภอ คือ ต.บุดี อ.เมืองยะลา น้ำท่วมผิวจราจร ถนนทางหลวงสาย 4063 ยะลา-รามัน จำนวน 4 จุด คือหมู่ที่ 3 หน้าโรงเรียนจือนือแร หมู่ที่ 5 บริเวณทางเข้าบ้านไบค์ หมู่ที่ 7 สามแยกปารามีแต และหมู่ที่ 9 บ้านนิบง
ด้านเทศบาลตำบลบุดีได้นำแผงกั้นจราจรและติดป้ายแจ้งเตือน ไปปิดกั้นบริเวณที่น้ำท่วมผิวทางแล้ว รถสามารถสัญจรได้ด้วยความระมัดระวัง ส่วนบ้านซีเซะใน หมู่ที่ 5 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา น้ำท่วมสะพานทางเข้าหมู่บ้านสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ประชาชนได้เลี่ยงไปใช้เส้นทางสำรองสายปาจอ
ขณะที่โครงการชลประทานยะลาแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองยะหา บริเวณบ้านกาบุ ตำบลยะหา บ้านอาบอ บ้านละแอ บ้านตาเปาะ บ้านกือยา บ้านชะเมาะ บ้านกูแบรายอ ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา เตรียมขนของย้ายของขึ้นที่สูงพร้อมเตรียมรับสถานการณ์ระดับน้ำล้นตลิ่ง ทั้งนี้ขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
JJNY : 5in1 เพื่อไทยชี้ค่าแรงขึ้นควบคู่รายได้│ก้าวไกลผุดปฏิรูปสีกากี│ชัชชาติคุย‘ไจก้า’ แก้จราจร│ยะลาอ่วม│มหาเศรษฐีลดวูบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7406339
เพื่อไทย ชี้ค่าแรงขึ้นควบคู่รายได้ วอนผู้ประกอบการมองภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ ประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.65 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ผู้ประกอบการมีข้อกังวลเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศไทยมีแนวโน้มยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดว่า
หากพิจารณาเพียงมุมต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นเพียงด้านเดียว โดยรายได้ไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ในหมวกของผู้ประกอบการเองก็คงต้องกังวลและสามารถเข้าใจได้ว่า พรรคพท.กำลังจะหาเสียงแบบผลักภาระให้กับภาคเอกชน ในข้อเท็จจริงแล้วหากพรรคพท.เป็นรัฐบาล สิ่งที่จะดำเนินการควบคู่กันไปคือการหารายได้ให้กับประเทศ ดังนี้
1. การปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นการปรับตามค่าครองชีพ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ หากพท.เป็นรัฐบาลจะส่งเสริมให้ผู้กอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME มีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้มากขึ้น ผู้ประกอบการก็สามารถจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับการปรับค่าแรงไม่ได้ขึ้นทีเดียว จะปรับขึ้นตามเพดานสูงสุดในปี 2570 คืออีก 5 ปีข้างหน้า ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการจึงจะมีเวลาปรับตัว
2. หากพรรคพท.เป็นรัฐบาล ประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตย จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น ผ่านการยกระดับอุตสาหกรรมเปลี่ยนจากประเทศที่ดึงดูดนักลงทุนจากค่าแรงที่ถูกเป็นแรงงานศักยภาพสูง ซึ่งพท.จะผลักดันนโยบายเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค เพื่อมาต่อยอดกลุ่มธุรกิจ SME ในไทยที่เน้นนวัตกรรม และเทคโนโลยี ให้เกิดการสร้างรายได้ใหม่ เกิดการสร้างงานใหม่จำนวนมากที่ใช้และถ่ายทอดทักษะแรงงานขั้นสูงให้กับแรงงานไทย
3. ภายใต้การนำของรัฐบาลพท. ภาคการเกษตร ภาคบริการและการท่องเที่ยวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถจ่ายต้นทุนค่าแรง และค่าครองชีพอื่นๆที่เพิ่มขึ้นได้ตามไปด้วย
4. ที่ผ่านมาสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการผ่อนปรนภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ในปีแรก และในปีต่อมาเป็น 20% เพื่อชดเชยกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น พรรคพท.ในวันนี้ก็มีแนวคิดที่ออกมาตรการส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนและผู้ประกอบการ SME ด้วยเช่นกัน
5. พรรคพท.ยังมีแนวคิดที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะให้กับแรงงาน ที่ยังคงมีทักษะไม่สูงมากนัก และเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต
“หากเรามองประเทศในวันนี้ภายใต้การนำของรัฐบาลประยุทธ์ที่กักขังศักยภาพของประเทศไทยเอาไว้ การขึ้นค่าแรงก็ทำให้ผู้ประกอบการไปไม่รอด แต่การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำภายใต้การนำของรัฐบาลพท.ไม่ได้เป็นการผลักภาระให้เอกชน แต่เป็นการร่วมมือกันกับภาครัฐที่มีเคยประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจมาแล้วในอดีต เพื่อกลับมาสร้างรายได้ให้ประเทศ ให้ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนอีกครั้ง จึงอยากขอร้องให้ผู้ประกอบการมองภาพใหญ่ของประเทศด้วยแพคเกจนโยบายที่นำเสนอโดยรวมซึ่งทำหน้าที่เสมือนฟันเฟืองต่างๆของรถยนต์ร่วมกัน การจะขับเคลื่อนประเทศได้นั้น คงใช้เพียงเฟืองตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้” นายกฤษฎา กล่าว
ก้าวไกล ผุดนโยบายปฏิรูปสีกากี ให้ประชาชนร่วมประเมินตำรวจ เลิกบังคับหัวเกรียน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7406863
ก้าวไกล ผุดนโยบายปฏิรูปสีกากี ให้ประชาชนร่วมประเมินตำรวจ เลิกบังคับหัวเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาอบรมด้านสิทธิมนุษยชน
ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย “ราชการไทยก้าวหน้า” โดยมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมแถลง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ได้เสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน “ระดับประเทศ” ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา
ขณะที่ในระดับจังหวัด จะมี คณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด ซึ่งองค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้น ๆ หรือไม่ และช่วยประเมินคุณภาพการทำงานของตำรวจในจังหวัด
ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรคก้าวไกล เสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจ โดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง
นอกจากนี้ ยังเสนอเปิดให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาตรี ได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตำรวจรุ่นหลัง เปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ ผลักดันให้มีตำรวจหญิงทุกโรงพัก เพื่อเป็นพื้นที่อุ่นใจสำหรับเหยื่อผู้ถูกคุกคามทางเพศ ยกเลิกการบังคับตำรวจตัดผมเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาเป็นการอบรมด้านสิทธิมนุษยชน และคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคม
ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้เลือกพรรคก้าวไกล แล้วตำรวจไทยจะไม่สิ้นหวังเหมือนที่ผ่านมา
ชัชชาติ คุย ‘ไจก้า’ หารือแก้จราจร ดันขนส่งอัจฉริยะ 4.0 หนุนศักยภาพสิ่งแวดล้อม
https://www.matichon.co.th/local/news_3716995
ผู้ว่าฯ กทม. หารือ JICA สานความร่วมมือด้านการจราจรและสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับ Mr. SUZUKI Kazuya หัวหน้าคณะผู้แทนคนใหม่ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น สำนักงานประเทศไทย (Japan International Cooperation Agency : JICA) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือแนวทางสานต่อการทำงานร่วมกันและกระชับความร่วมมือระหว่าง JICA และกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ มีประเด็นในการหารือและแลกเปลี่ยนแนวคิดความที่สามารถเป็นไปได้ของ 2 หน่วยงาน โดยเฉพาะด้านการจราจรและขนส่งและด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมศักยภาพองค์กรเพื่อการดำเนินการตามแผนแม่บทของกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2556-2566 โครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครด้วยการติดตั้งระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรเป็นพื้นที่ (Area Traffic Control : ATC) และโครงการยุทธศาสตร์ระบบขนส่งอัจฉริยะสำหรับประเทศไทย 4.0
สำหรับวันนี้ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพรพรหม ณ.ส. วิกิจเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นายไทภัทร ธนสมบัติกุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง นายคาวะเบะ ริวอิจิ (Mr. KAWABE Ryouichi) ผู้แทนอาวุโสJICA Thailand นายคิตะกะวะ ยูกิ (Mr. KITAGAWA Yuki) ผู้แทนอาวุโสJICA Thailand นายเอ็นโดะ ยะซุยุกิ (Mr. ENDO Yasuyuki) ผู้แทน JICA Thailand นางสาวจามรี แย้มกลิ่นฟุ้ง เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส JICA Thailand นางสาวสุภัค ซื่อสุทธิกุล เจ้าหน้าที่โครงการ JICA Thailand และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ
ยะลา อ่วม! ฝนถล่มข้ามคืน ท่วม 2 อำเภอ เตือนบ้านริมคลองยะหา ขนของขึ้นที่สูง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7407296
ยะลา อ่วม! ฝนถล่มข้ามคืน ท่วม 2 อำเภอ เตือนบ้านริมคลองยะหา เตรียมขนของขึ้นที่สูง ขอให้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าว จ.ยะลา รายงานว่า จากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ของ จ.ยะลา ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) จนถึงวันนี้ ล่าสุดหลายพื้นที่ได้เกิดน้ำท่วมขังเข้าบ้านเรือนประชาชนแล้ว โดยปริมาณฝน 24 ชั่วโมงสูงสุดที่ อ.เมืองยะลา (สถานีสะพานท่าสาป) รวม 175 มม. มีพื้นที่น้ำท่วมใน 2 อำเภอ คือ ต.บุดี อ.เมืองยะลา น้ำท่วมผิวจราจร ถนนทางหลวงสาย 4063 ยะลา-รามัน จำนวน 4 จุด คือหมู่ที่ 3 หน้าโรงเรียนจือนือแร หมู่ที่ 5 บริเวณทางเข้าบ้านไบค์ หมู่ที่ 7 สามแยกปารามีแต และหมู่ที่ 9 บ้านนิบง
ด้านเทศบาลตำบลบุดีได้นำแผงกั้นจราจรและติดป้ายแจ้งเตือน ไปปิดกั้นบริเวณที่น้ำท่วมผิวทางแล้ว รถสามารถสัญจรได้ด้วยความระมัดระวัง ส่วนบ้านซีเซะใน หมู่ที่ 5 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา น้ำท่วมสะพานทางเข้าหมู่บ้านสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ประชาชนได้เลี่ยงไปใช้เส้นทางสำรองสายปาจอ
ขณะที่โครงการชลประทานยะลาแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองยะหา บริเวณบ้านกาบุ ตำบลยะหา บ้านอาบอ บ้านละแอ บ้านตาเปาะ บ้านกือยา บ้านชะเมาะ บ้านกูแบรายอ ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา เตรียมขนของย้ายของขึ้นที่สูงพร้อมเตรียมรับสถานการณ์ระดับน้ำล้นตลิ่ง ทั้งนี้ขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด