วิโรจน์ เย้ยกลับ พท. อย่าห่วง ปชน.อภิปรายเน้นสาระ ไม่เคยถูกครหาขายข้อสอบกิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4939620
วิโรจน์ เย้ยกลับ พท. อย่าห่วง ปชน.อภิปรายเน้นสาระ ไม่เคยถูกครหาขายข้อสอบกิน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ชี้เร็วไปที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ เพราะเพิ่งทำงาน 3 เดือน ว่า พรรคเพื่อไทยเคยเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน น่าจะรู้ดีว่าพรรคเราอภิปรายจะเน้นเนื้อหาสาระ ไม่เคยมีพฤติกรรมพูดกินเวลาจนเพื่อนฝ่ายค้านอดอภิปราย ไม่เคยถูกตั้งข้อสงสัยว่าข้อสอบรั่ว หรือเอาข้อสอบไปขาย ไม่เคยมีกรณีอภิปรายเสียดุเดือดแต่เลือดไม่ไหล และไม่เคยถูกตั้งข้อสงสัยว่าขายข้อสอบกิน การอภิปรายทุกอย่างเน้นเนื้อหาสาระ ย้อนดูตัวอย่าง เช่น กรณีปฏิบัติการไอโอ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ถึงกับกลับบ้านก่อน กรณี หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่นาย
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ถึงกับโดนถอดถอน กรณีวัคซีนเต็มแขน นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข สมัยนั้น ถึงกับดื่มกาแฟ โดยที่ในแก้วไม่มีกาแฟ เป็นต้น
เมื่อถามว่าเชื่อพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นเพราะมั่นใจดีลชั้น 14 นาย
วิโรจน์กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวว่าเปิดซักฟอกเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องการทุจริตมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความด้อยประสิทธิภาพการบริหารงานรัฐบาลมันเกิดขึ้นหรือเปล่า ดังนั้น ที่บอกว่าเร็วเกินไปต้องถามกลับด้วยว่ากลัวหรือเปล่า ถ้าไม่กลัวจริงๆ ต้องบอกมาเลยว่าอภิปรายเมื่อไหร่ก็ได้ พรรคเพื่อไทยอย่าห่วงเรื่องเราไม่มีเนื้อหาอภิปราย เพราะนั่นคือจุดแข็งของพรรคเราว่าความยากของพรรคเพื่อไทยต่างหาก คือจะทำอย่างไรให้ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ตอบชี้แจงต่อสภาได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องใช้แท็บเล็ต เป็นตัวของตัวเอง ชี้แจงด้วยภาวะผู้นำของตัวเองได้
เมื่อถามว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าพรรคประชาชนจะไม่มีข้อมูลอภิปราย นาย
วิโรจน์ตอบว่า พรรคเพื่อไทยเขาคงมั่นใจการดีล แต่ตนมองมือที่ยกผ่านให้ในสภา มันไม่สำคัญเท่ามือที่เชื่อมั่นและกากบาทให้ในคูหาเลือกตั้ง
“
พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในพลังดีล คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่ฝึกมาจากชั้น 14 ว่าดีลได้หมดทุกทางแล้วยังไงก็ยกมือผ่าน ซี่งผมไม่ปฏิเสธว่าก็อาจจะผ่านจริงๆ แต่มันไม่สำคัญเท่ากับการผ่านด้วยความเชื่อมั่นของประชาชนที่ฟังอภิปรายอยู่ อย่ากังวลว่าเราจะใช้เวทีซักฟอกเพียงแค่ด่าทอรัฐบาลโดยไร้เนื้อหาสาระ แต่พรรคประชาชนจะใช้เวทีนี้ในการเสนอแนะรัฐบาล และแสดงศักยภาพว่าเราสามารถเป็นรัฐบาลที่ประชาชนฝากความหวังได้มากกว่า กล้าหาญขับเคลื่อนนโยบายที่คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน พาประเทศไปสู่อนาคตที่ดี แก้ความเหลื่อมล้ำได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทย ดังนั้นแนะนำว่าพรรคเพื่อไทยออกกำลังกายให้แข็งแรง และไปซ้อมให้นายกฯชี้แจงโดยที่ไม่มีแท็บเล็ต สบสายตาเพื่อน ส.ส.ฝ่ายค้านในสภาด้วย” นาย
วิโรจน์กล่าว
เอกชนส่ายหัว ขึ้นแวต 15% โรงแรมโวยโดน 2 เด้ง ลูกค้าจ่ายแพง อาจงดเที่ยว-เพิ่มภาระต้นทุน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4939605
เอกชนส่ายหัว! ขึ้นแวต ธุรกิจโรงแรมเผยกระทบ 2 เด้ง กดกำลังใช้จ่าย-เพิ่มภาระต้นทุน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นาย
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระทรวงการคลังมีแนวทางจะปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่กำลังศึกษาการจัดเก็บจาก 20% เป็น 15% ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กำลังศึกษาเพื่อจูงใจการทำงานในประเทศไทยจะพิจารณาจาก 35% เหลือ 15% และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) หรือภาษีบริโภค ที่ไทยเก็บภาษี 7% จากกำหนดไว้ 10% กำลังศึกษาอาจปรับเป็น 15% นั้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ซึ่งส่วนใหญ่วิตกในเรื่องการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะมีผลกระทบวงกว้างต่อการใช้จ่ายของประชาชน
นาย
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า แวตเกี่ยวพันกับผู้บริโภคและประชาชนโดยรวม หากปรับขึ้นคงไปสะท้อนในราคาสินค้า หรือบริการ ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินเพิ่ม เป็นการกระทบวงกว้างกว่าการทบทวนภาษีนิติบุคคล หรือภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับฐานรายได้ และค่าใช้จ่ายที่นำมาหักลบกัน
นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับแวตนั้น บริษัทมีทั้งการขายและการซื้อซึ่งนำมาหักลบกันได้ เพราะเป็นเรื่องของต้นทุนและค่าใช้จ่าย สำหรับโรงแรมหากปรับแวตจะกระทบ 2 เด้ง ทั้งกำลังใช้จ่ายลูกค้าที่เจอราคาสูงในการซื้อสินค้า หรือบริการ ต้องชะลอการใช้เงินกับการท่องเที่ยวหรือเดินทาง กับผลกระทบต้นทุนและรายได้ของธุรกิจเอง เพราะปกติอัตราห้องพักจะคิดเป็นแบบเหมา ซึ่งแวตอยู่ในนั้น หากปรับขึ้นแวตแต่เราต้องกำหนดห้องพักเท่าเดิมก็เท่ากับต้องแบกรับต้นทุนไว้เอง ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันหากไม่ใช่วันหยุดหรือเทศกาล จำนวนจองห้องพักก็ยังอยู่ในอัตราต่ำ
“
หากต้องมีการปรับขึ้นจริง ไม่ควรจะปรับในอัตราสูงพรวด จาก 7% เป็น 15% คงต้องทยอยปรับเป็นขั้นบันได หรือที่ไทยกำหนดเก็บแวต 10% แต่เลื่อนไว้และเก็บ 7% มาตลอด หากจะทบทวนก็ไม่น่าเกิน 10% ในระยะแรก เพราะในสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อในปัจจุบันและมุมมองต่อปี 2568 ยังไม่ได้ฟื้นตัวได้เต็มที่ บรรยากาศเป็นการระมัดระวังใช้จ่าย และติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเหตุการณ์รุนแรงในตะวันออกยังเป็นแรงกดดันการใช้จ่ายและการฟื้นตัวของธุรกิจ ส่วนภาษีเก็บจากรายได้บุคคล หรือธุรกิจ หากจะทบทวนเหลือในอัตราเดียว รัฐต้องมีคำตอบและอธิบายให้ชัดเจนและเทียบผลการเก็บภาษีในปัจจุบัน รวมถึงผลได้ผลเสียต่างๆ
ส่วนตัวมองว่าการทบทวนภาษีไม่ได้จะทำได้ในเร็วๆ นี้ รัฐอาจต้องการโยนหินถามทาง ดูว่ากระแสจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ธุรกิจเรามองว่ารัฐควรเร่งกระตุ้นใช้จ่ายผ่านมาตรการต่างๆ ออกมาโดยเร็วจะดีที่สุด เพราะใกล้ปีใหม่แล้ว ทั้งผู้บริโภคและคนค้าขายจะได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวกันอย่างไร” นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าว
นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าวถึงบรรยากาศการจองห้องพักก่อนเข้าเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า โรงแรมในกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยอดจองล่วงหน้าถึงเดือนมกราคม 2568 ยังมีต่อเนื่อง และในอัตราเกิน 70-80% โรงแรมในเชียงใหม่บางส่วนอยู่ในอัตรา 90% แล้ว ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วหลังเจอน้ำท่วมใหญ่ ส่วนภาคอื่นๆ รวมถึงจังหวัดในภาคใต้ที่ไม่เจอน้ำท่วม ยังมียอดจองต่อเนื่อง ยกเว้นหาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่พึ่งพานักท่องเที่ยวจากชาวมาเลเซีย ซึ่งเขาก็เจอน้ำท่วมในเวลาใกล้เคียงกับไทย
นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าวว่า หากน้ำลดเร็วภายใน 1 สัปดาห์ เชื่อว่ายอดนักท่องเที่ยวจะกลับมาก่อนปีใหม่ โดยภาพรวมธุรกิจโรงแรมในไทยน่าจะยังดีต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม และเริ่มชะลอตัวในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และเป็นช่วงที่จะรับรู้ว่าเที่ยวหน้าร้อนในไทย เข้าเดือนเมษายนจะคึกคักแค่ไหน ซึ่งต้องไปรวมกับปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐกิจโลก เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการรัฐบาลที่จะออกมาด้วย
“
คนไทยเที่ยวนอกปีใหม่นี้ก็น่าจะยังมีให้เห็นกันอยู่ สำหรับต่างชาติเที่ยวไทย ปลายปีนี้เชื่อว่าดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา เพราะไทยจัดกิจกรรมเยอะ หลายจุดให้เลือก อากาศดี และหลายประเทศที่เจอปัญหาภายใน หรือการเมืองระหว่างประเทศ ไทยมักเป็นประเทศปลายทางที่คนนิยมเข้ามาพักและท่องเที่ยว อย่างในตะวันออกกลาง หรือรัสเซีย ยังมาเที่ยวไทยนาน ส่วนเหตุการณ์ในเกาหลีใต้น่าจะมีผลต่อการเข้ามาท่องเที่ยวของคนเกาหลีมากขึ้นในปลายปีนี้ ส่วนคนไทยไปเกาหลีใต้ในระยะหลังๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก” นาย
เทียนประสิทธิ์กล่าว.
ค่ายรถจีนตีตลาดหนัก ดีลเลอร์รถรายใหญ่ ย่านรังสิต ถอดใจยุติธุรกิจ หันปล่อยเช่าโชว์รูม
https://www.matichon.co.th/economy/auto/news_4939405
ค่ายรถจีนตีตลาดหนัก ดีลเลอร์รถรายใหญ่ ย่านรังสิต ถอดใจยุติธุรกิจ หันปล่อยเช่าโชว์รูม
จากกรณี มิตซู รีพับบลิค ประกาศยุติบทบาทดีลเลอร์ 1 ธันวาคม 2567 นี้ และ จะปิดรับการรับรถเข้าเช็กระยะ ในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้าย
จึงให้ผู้เข้ารับบริการต่างๆ หากมีความประสงค์จะเช็กระยะ เคลมรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ รวมถึงงานซ่อมทุกประเภท สามารถนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ โชว์รูม มิตซูบิชิ ทุกสาขา ทั่วประเทศ ในส่วนของบริการซ่อมสีตัวถัง บริษัทจะดำเนินงานเคลมให้เสร็จก่อน 15 ธันวาคม
ทั้งนี้
ประชาชาติธุรกิจ ได้สอบถามไปยังผู้บริหาร บริษัท มิตซู รีพับบลิค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ อย่างเป็นทางการ (ดีลเลอร์) ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
สาเหตุของการตัดสินใจดังกล่าว เป็นผลเนื่องมากจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งสถานการณ์ของตลาดที่ยังไม่เห็นสัญญาณกลับมาเป็นบวกประกอบกับเทรนด์ของยานยนต์ไทยไฟฟ้าที่มีเติบโต
อีกทั้งมีผู้ประกอบการ หรือดีลเลอร์ค่ายรถจีนให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และผันตัวเองไปเป็นผู้ให้ “
บริการเช่า” โชว์รูมแทน โดยขณะนี้มีค่ายรถยนต์สัญชาติจีนรายใหญ่ได้ติดต่อขอเช่าโชว์รูมเรียบร้อยแล้ว
“
เราได้ตัดสินใจปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจ โดยผันตัวเองจากเป็นดีลเลอร์รถยนต์มาเป็นการปล่อยเช่าพื้นที่โชว์รูมแทนซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันและรายได้ตรงนี้ก็เพียงพอที่ทำให้เราอยู่ได้ในอนาคตด้วย”
สำหรับโชว์รูมมิตซูบิชิ รีพับบลิค ตั้งอยู่ใกล้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (รังสิต) ตรงข้ามเชียงกงรังสิต ถนนพหลโยธินขาออก
ปัตตานี น้ำท่วมหนัก 150 ครอบครัว ต้องอาศัยเต็นท์นอนบนถนน ขาดแคลนน้ำดื่ม ของใช้เสียหายเกลี้ยง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9536083
ปัตตานี น้ำท่วมหนัก 150 ครอบครัว ต้องอาศัยเต็นท์นอนบนถนน นาน 9 วันแล้ว ขาดแคลนน้ำดื่ม ของใช้เสียหายเกลี้ยง ตัดใจทิ้งเป็นซาก
วันที่ 5 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าว จ.ปัตตานี รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ล่าสุด แม้ว่าหลายแห่งระดับน้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ชาวบ้านเริ่มกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ จากเดิมท่วมสูงทั้ง 12 อำเภอ ขณะนี้เหลือเพียง 5 อำเภอ ที่ยังมีน้ำท่วม เนื่องจากอยู่ติดกับแม่น้ำปัตตานี
ในพื้นที่ ม.1 บ.บาซาปาแย ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พบชาวบ้านกว่า 150 หลังคาเรือน ยังคงต้องอาศัยอยู่บนถนนสายยะลา-ปัตตานี โดยใช้เต็นท์เป็นที่อาศัยหลบนอนเป็นเวลา 9 วันแล้ว เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1-2 เมตร เหตุฝนยังตกหนักและมีน้ำเหนือจาก จ.ยะลา เข้าสมทบ
ซึ่งตลอดเส้นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร มีประชาชนกว่า 100 ครอบครัวเข้าอาศัย บางเต็นท์พบว่า มีครอบครัวมากกว่า 1 ครอบครัว เข้าอาศัยร่วมกัน เพราะเต็นท์มีจำนวนไม่เพียงพอ ชาวบ้านบอกว่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ระดับน้ำสูงขนาดนี้และใช้เวลานานกว่าน้ำจะลง
นาง
อามีเนาะ เจะบากา ชาวบ้านพื้นที่ ม.1 บ.บาซาปาแย ต.เขาตูม อ.ยะรัง กล่าวว่า ปกติพื้นที่ตรงนี้จะมีน้ำท่วมสูงเพียงฝั่งเดียว คือฝั่งถนนยะลาไปปัตตานี แต่ปีนี้ท่วมทั้ง 2 ฝั่ง หนักกว่าทุกปีทีผ่านมา ดีที่มีถนน ทำให้ชาวบ้านมีที่พึ่งได้ ถ้าไม่มีถนนก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหน โดยอาศัยบนถนนตั้งแต่วันพุทธที่ผ่านมา
JJNY : 5in1 วิโรจน์ เย้ยกลับพท.│เอกชนส่ายหัวขึ้นแวต│ค่ายรถจีนตีตลาดหนัก│ปัตตานีน้ำท่วมหนัก│จับตา! สนธิสัญญาโสมแดง-หมีขาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4939620
วิโรจน์ เย้ยกลับ พท. อย่าห่วง ปชน.อภิปรายเน้นสาระ ไม่เคยถูกครหาขายข้อสอบกิน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ชี้เร็วไปที่ฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ เพราะเพิ่งทำงาน 3 เดือน ว่า พรรคเพื่อไทยเคยเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน น่าจะรู้ดีว่าพรรคเราอภิปรายจะเน้นเนื้อหาสาระ ไม่เคยมีพฤติกรรมพูดกินเวลาจนเพื่อนฝ่ายค้านอดอภิปราย ไม่เคยถูกตั้งข้อสงสัยว่าข้อสอบรั่ว หรือเอาข้อสอบไปขาย ไม่เคยมีกรณีอภิปรายเสียดุเดือดแต่เลือดไม่ไหล และไม่เคยถูกตั้งข้อสงสัยว่าขายข้อสอบกิน การอภิปรายทุกอย่างเน้นเนื้อหาสาระ ย้อนดูตัวอย่าง เช่น กรณีปฏิบัติการไอโอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ถึงกับกลับบ้านก่อน กรณี หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ถึงกับโดนถอดถอน กรณีวัคซีนเต็มแขน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข สมัยนั้น ถึงกับดื่มกาแฟ โดยที่ในแก้วไม่มีกาแฟ เป็นต้น
เมื่อถามว่าเชื่อพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นเพราะมั่นใจดีลชั้น 14 นายวิโรจน์กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวว่าเปิดซักฟอกเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องการทุจริตมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความด้อยประสิทธิภาพการบริหารงานรัฐบาลมันเกิดขึ้นหรือเปล่า ดังนั้น ที่บอกว่าเร็วเกินไปต้องถามกลับด้วยว่ากลัวหรือเปล่า ถ้าไม่กลัวจริงๆ ต้องบอกมาเลยว่าอภิปรายเมื่อไหร่ก็ได้ พรรคเพื่อไทยอย่าห่วงเรื่องเราไม่มีเนื้อหาอภิปราย เพราะนั่นคือจุดแข็งของพรรคเราว่าความยากของพรรคเพื่อไทยต่างหาก คือจะทำอย่างไรให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ตอบชี้แจงต่อสภาได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องใช้แท็บเล็ต เป็นตัวของตัวเอง ชี้แจงด้วยภาวะผู้นำของตัวเองได้
เมื่อถามว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าพรรคประชาชนจะไม่มีข้อมูลอภิปราย นายวิโรจน์ตอบว่า พรรคเพื่อไทยเขาคงมั่นใจการดีล แต่ตนมองมือที่ยกผ่านให้ในสภา มันไม่สำคัญเท่ามือที่เชื่อมั่นและกากบาทให้ในคูหาเลือกตั้ง
“พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในพลังดีล คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่ฝึกมาจากชั้น 14 ว่าดีลได้หมดทุกทางแล้วยังไงก็ยกมือผ่าน ซี่งผมไม่ปฏิเสธว่าก็อาจจะผ่านจริงๆ แต่มันไม่สำคัญเท่ากับการผ่านด้วยความเชื่อมั่นของประชาชนที่ฟังอภิปรายอยู่ อย่ากังวลว่าเราจะใช้เวทีซักฟอกเพียงแค่ด่าทอรัฐบาลโดยไร้เนื้อหาสาระ แต่พรรคประชาชนจะใช้เวทีนี้ในการเสนอแนะรัฐบาล และแสดงศักยภาพว่าเราสามารถเป็นรัฐบาลที่ประชาชนฝากความหวังได้มากกว่า กล้าหาญขับเคลื่อนนโยบายที่คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน พาประเทศไปสู่อนาคตที่ดี แก้ความเหลื่อมล้ำได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทย ดังนั้นแนะนำว่าพรรคเพื่อไทยออกกำลังกายให้แข็งแรง และไปซ้อมให้นายกฯชี้แจงโดยที่ไม่มีแท็บเล็ต สบสายตาเพื่อน ส.ส.ฝ่ายค้านในสภาด้วย” นายวิโรจน์กล่าว
เอกชนส่ายหัว ขึ้นแวต 15% โรงแรมโวยโดน 2 เด้ง ลูกค้าจ่ายแพง อาจงดเที่ยว-เพิ่มภาระต้นทุน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4939605
เอกชนส่ายหัว! ขึ้นแวต ธุรกิจโรงแรมเผยกระทบ 2 เด้ง กดกำลังใช้จ่าย-เพิ่มภาระต้นทุน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระทรวงการคลังมีแนวทางจะปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่กำลังศึกษาการจัดเก็บจาก 20% เป็น 15% ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กำลังศึกษาเพื่อจูงใจการทำงานในประเทศไทยจะพิจารณาจาก 35% เหลือ 15% และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) หรือภาษีบริโภค ที่ไทยเก็บภาษี 7% จากกำหนดไว้ 10% กำลังศึกษาอาจปรับเป็น 15% นั้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ซึ่งส่วนใหญ่วิตกในเรื่องการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะมีผลกระทบวงกว้างต่อการใช้จ่ายของประชาชน
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า แวตเกี่ยวพันกับผู้บริโภคและประชาชนโดยรวม หากปรับขึ้นคงไปสะท้อนในราคาสินค้า หรือบริการ ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินเพิ่ม เป็นการกระทบวงกว้างกว่าการทบทวนภาษีนิติบุคคล หรือภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับฐานรายได้ และค่าใช้จ่ายที่นำมาหักลบกัน
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับแวตนั้น บริษัทมีทั้งการขายและการซื้อซึ่งนำมาหักลบกันได้ เพราะเป็นเรื่องของต้นทุนและค่าใช้จ่าย สำหรับโรงแรมหากปรับแวตจะกระทบ 2 เด้ง ทั้งกำลังใช้จ่ายลูกค้าที่เจอราคาสูงในการซื้อสินค้า หรือบริการ ต้องชะลอการใช้เงินกับการท่องเที่ยวหรือเดินทาง กับผลกระทบต้นทุนและรายได้ของธุรกิจเอง เพราะปกติอัตราห้องพักจะคิดเป็นแบบเหมา ซึ่งแวตอยู่ในนั้น หากปรับขึ้นแวตแต่เราต้องกำหนดห้องพักเท่าเดิมก็เท่ากับต้องแบกรับต้นทุนไว้เอง ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันหากไม่ใช่วันหยุดหรือเทศกาล จำนวนจองห้องพักก็ยังอยู่ในอัตราต่ำ
“หากต้องมีการปรับขึ้นจริง ไม่ควรจะปรับในอัตราสูงพรวด จาก 7% เป็น 15% คงต้องทยอยปรับเป็นขั้นบันได หรือที่ไทยกำหนดเก็บแวต 10% แต่เลื่อนไว้และเก็บ 7% มาตลอด หากจะทบทวนก็ไม่น่าเกิน 10% ในระยะแรก เพราะในสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อในปัจจุบันและมุมมองต่อปี 2568 ยังไม่ได้ฟื้นตัวได้เต็มที่ บรรยากาศเป็นการระมัดระวังใช้จ่าย และติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเหตุการณ์รุนแรงในตะวันออกยังเป็นแรงกดดันการใช้จ่ายและการฟื้นตัวของธุรกิจ ส่วนภาษีเก็บจากรายได้บุคคล หรือธุรกิจ หากจะทบทวนเหลือในอัตราเดียว รัฐต้องมีคำตอบและอธิบายให้ชัดเจนและเทียบผลการเก็บภาษีในปัจจุบัน รวมถึงผลได้ผลเสียต่างๆ
ส่วนตัวมองว่าการทบทวนภาษีไม่ได้จะทำได้ในเร็วๆ นี้ รัฐอาจต้องการโยนหินถามทาง ดูว่ากระแสจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ธุรกิจเรามองว่ารัฐควรเร่งกระตุ้นใช้จ่ายผ่านมาตรการต่างๆ ออกมาโดยเร็วจะดีที่สุด เพราะใกล้ปีใหม่แล้ว ทั้งผู้บริโภคและคนค้าขายจะได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวกันอย่างไร” นายเทียนประสิทธิ์กล่าว
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวถึงบรรยากาศการจองห้องพักก่อนเข้าเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า โรงแรมในกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยอดจองล่วงหน้าถึงเดือนมกราคม 2568 ยังมีต่อเนื่อง และในอัตราเกิน 70-80% โรงแรมในเชียงใหม่บางส่วนอยู่ในอัตรา 90% แล้ว ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วหลังเจอน้ำท่วมใหญ่ ส่วนภาคอื่นๆ รวมถึงจังหวัดในภาคใต้ที่ไม่เจอน้ำท่วม ยังมียอดจองต่อเนื่อง ยกเว้นหาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่พึ่งพานักท่องเที่ยวจากชาวมาเลเซีย ซึ่งเขาก็เจอน้ำท่วมในเวลาใกล้เคียงกับไทย
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวว่า หากน้ำลดเร็วภายใน 1 สัปดาห์ เชื่อว่ายอดนักท่องเที่ยวจะกลับมาก่อนปีใหม่ โดยภาพรวมธุรกิจโรงแรมในไทยน่าจะยังดีต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม และเริ่มชะลอตัวในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และเป็นช่วงที่จะรับรู้ว่าเที่ยวหน้าร้อนในไทย เข้าเดือนเมษายนจะคึกคักแค่ไหน ซึ่งต้องไปรวมกับปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐกิจโลก เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการรัฐบาลที่จะออกมาด้วย
“คนไทยเที่ยวนอกปีใหม่นี้ก็น่าจะยังมีให้เห็นกันอยู่ สำหรับต่างชาติเที่ยวไทย ปลายปีนี้เชื่อว่าดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา เพราะไทยจัดกิจกรรมเยอะ หลายจุดให้เลือก อากาศดี และหลายประเทศที่เจอปัญหาภายใน หรือการเมืองระหว่างประเทศ ไทยมักเป็นประเทศปลายทางที่คนนิยมเข้ามาพักและท่องเที่ยว อย่างในตะวันออกกลาง หรือรัสเซีย ยังมาเที่ยวไทยนาน ส่วนเหตุการณ์ในเกาหลีใต้น่าจะมีผลต่อการเข้ามาท่องเที่ยวของคนเกาหลีมากขึ้นในปลายปีนี้ ส่วนคนไทยไปเกาหลีใต้ในระยะหลังๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก” นายเทียนประสิทธิ์กล่าว.
ค่ายรถจีนตีตลาดหนัก ดีลเลอร์รถรายใหญ่ ย่านรังสิต ถอดใจยุติธุรกิจ หันปล่อยเช่าโชว์รูม
https://www.matichon.co.th/economy/auto/news_4939405
ค่ายรถจีนตีตลาดหนัก ดีลเลอร์รถรายใหญ่ ย่านรังสิต ถอดใจยุติธุรกิจ หันปล่อยเช่าโชว์รูม
จากกรณี มิตซู รีพับบลิค ประกาศยุติบทบาทดีลเลอร์ 1 ธันวาคม 2567 นี้ และ จะปิดรับการรับรถเข้าเช็กระยะ ในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้าย
จึงให้ผู้เข้ารับบริการต่างๆ หากมีความประสงค์จะเช็กระยะ เคลมรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ รวมถึงงานซ่อมทุกประเภท สามารถนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ โชว์รูม มิตซูบิชิ ทุกสาขา ทั่วประเทศ ในส่วนของบริการซ่อมสีตัวถัง บริษัทจะดำเนินงานเคลมให้เสร็จก่อน 15 ธันวาคม
ทั้งนี้ ประชาชาติธุรกิจ ได้สอบถามไปยังผู้บริหาร บริษัท มิตซู รีพับบลิค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ อย่างเป็นทางการ (ดีลเลอร์) ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
สาเหตุของการตัดสินใจดังกล่าว เป็นผลเนื่องมากจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งสถานการณ์ของตลาดที่ยังไม่เห็นสัญญาณกลับมาเป็นบวกประกอบกับเทรนด์ของยานยนต์ไทยไฟฟ้าที่มีเติบโต
อีกทั้งมีผู้ประกอบการ หรือดีลเลอร์ค่ายรถจีนให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และผันตัวเองไปเป็นผู้ให้ “บริการเช่า” โชว์รูมแทน โดยขณะนี้มีค่ายรถยนต์สัญชาติจีนรายใหญ่ได้ติดต่อขอเช่าโชว์รูมเรียบร้อยแล้ว
“เราได้ตัดสินใจปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจ โดยผันตัวเองจากเป็นดีลเลอร์รถยนต์มาเป็นการปล่อยเช่าพื้นที่โชว์รูมแทนซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันและรายได้ตรงนี้ก็เพียงพอที่ทำให้เราอยู่ได้ในอนาคตด้วย”
สำหรับโชว์รูมมิตซูบิชิ รีพับบลิค ตั้งอยู่ใกล้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (รังสิต) ตรงข้ามเชียงกงรังสิต ถนนพหลโยธินขาออก
ปัตตานี น้ำท่วมหนัก 150 ครอบครัว ต้องอาศัยเต็นท์นอนบนถนน ขาดแคลนน้ำดื่ม ของใช้เสียหายเกลี้ยง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9536083
ปัตตานี น้ำท่วมหนัก 150 ครอบครัว ต้องอาศัยเต็นท์นอนบนถนน นาน 9 วันแล้ว ขาดแคลนน้ำดื่ม ของใช้เสียหายเกลี้ยง ตัดใจทิ้งเป็นซาก
วันที่ 5 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าว จ.ปัตตานี รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ล่าสุด แม้ว่าหลายแห่งระดับน้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ชาวบ้านเริ่มกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ จากเดิมท่วมสูงทั้ง 12 อำเภอ ขณะนี้เหลือเพียง 5 อำเภอ ที่ยังมีน้ำท่วม เนื่องจากอยู่ติดกับแม่น้ำปัตตานี
ในพื้นที่ ม.1 บ.บาซาปาแย ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พบชาวบ้านกว่า 150 หลังคาเรือน ยังคงต้องอาศัยอยู่บนถนนสายยะลา-ปัตตานี โดยใช้เต็นท์เป็นที่อาศัยหลบนอนเป็นเวลา 9 วันแล้ว เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1-2 เมตร เหตุฝนยังตกหนักและมีน้ำเหนือจาก จ.ยะลา เข้าสมทบ
ซึ่งตลอดเส้นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร มีประชาชนกว่า 100 ครอบครัวเข้าอาศัย บางเต็นท์พบว่า มีครอบครัวมากกว่า 1 ครอบครัว เข้าอาศัยร่วมกัน เพราะเต็นท์มีจำนวนไม่เพียงพอ ชาวบ้านบอกว่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ระดับน้ำสูงขนาดนี้และใช้เวลานานกว่าน้ำจะลง
นางอามีเนาะ เจะบากา ชาวบ้านพื้นที่ ม.1 บ.บาซาปาแย ต.เขาตูม อ.ยะรัง กล่าวว่า ปกติพื้นที่ตรงนี้จะมีน้ำท่วมสูงเพียงฝั่งเดียว คือฝั่งถนนยะลาไปปัตตานี แต่ปีนี้ท่วมทั้ง 2 ฝั่ง หนักกว่าทุกปีทีผ่านมา ดีที่มีถนน ทำให้ชาวบ้านมีที่พึ่งได้ ถ้าไม่มีถนนก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหน โดยอาศัยบนถนนตั้งแต่วันพุทธที่ผ่านมา