สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนเราอายุ20ปึ เจอกัอนที่เต้านมตอนอายุ18ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ ม.6 เองแต่ตอนนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับการเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ใครที่ผ่านช่วงมัธยมมาจะรู้ดีว่าช่วง.6คือช่วงเปลี่ยนชีวิต+กับที่เรียนอย่างเดียวจนลืมมันไป พอสอบเข้ามหาลัยได้เราก็ต้องเรียนซึ่งช่วงปี1คือหนักมากก แต่ทีนี้ตอนนอนอยู่มือก็ไปโดนเข้าที่หน้าอก คุณพระก้อนมันใหญ่ขึ้นแต่ทำไงได้ช่วงนั้นคือเรียนหนักมากกก็ต้องเอาเจ้าก้อนนี้ไว้ก่อน ซึ่งเวลาก็ผ่านไป2ปี จนพอปี2เริ่มเรียนไม่หนักมากเลยตัดสิ้นใจเอาว่ะยังไงก็ต้องเอามันออกไม่นั้นมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยและช่วงที่ผ่านมามีอาการเจ็บด้วยเลยตัดสิ้นใจไปหาหมอเองโดยไม่บอกแม่+กับที่เราไปหาข้อมูลมาว่ายังไงก็ต้องผ่าออกเลยค่อยบอกตอนได้วันผ่าแล้วกันถ้าบอกตั้งแต่วันแรกมีหวังไม่เป็นอันทำงาน
วันที่ 27/04/2565 (วันแรกกับการไปหาหมอ)
พอถึงโรงบาลก็ไปที่หน้าเคาน์เตอร์บอกกับพยาบาลว่ามีก้อนเลยให้ไปแผนกศัลยกรรม พอไปก็ยื่นบัตรอะไรเสร็จรอซักประวัติ และรอเรียกเข้าห้องตรวจ เข้าห้องตรวจหมอถามเกี่ยวกับอาการซึ่งเราไม่ตกใจอะไรแต่หมอพูดว่าให้หมอตรวจเต้านมหน่อย คุณพระอายุจะ20ไม่เคยให้ใครดูเต้านมเลยสตั้นไป10วิ ในใจคิดเอาไงดีแต่ก็ดีกว่าให้ก้อนมันอยู่นะ ตัดสินใจเอาวะอายดีกว่าเป็นมะเร็ง พอตรวจเสร็จหมอก็ไม่แน่ใจเลยให้ไปอัลตราซาวด์ดู
วันที่ 03/05/2565
เรามีนัดอัลตราซาวด์ตอนบ่าย ไปที่แผนกรังสี ยื่นใบตรวจที่เคาเตอร์ นั่งรอเขาเรียกพอเขาเรียกให้เราไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดโรงบาล(ถอดชุดชั้นใน)ซึ่งเขาจะยื่นให้ตอนเรียกชื่อ เปลี่ยนเสร็จก็นั่งรอหน้าห้องตรวจ ตอนตรวจหมอก็จะเอาเจลสีฟ้ามาทาตรงเต้านมทั้งสองข้างแล้วเอาเครื่องนวดไปเรื่อยเพื่อหาก้อนที่นม ตรวจเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้ารอผลการตรวจ ซึ่งเราต้องเอากลับด้วยเพื่อเอามาให้หมอดูในวันที่หมอนัด
วันที่ 18/05/2565
มาที่แผนกศัลยกรรมเหมือนเดิมทำขั้นตอนเหมือนเดิมจนหมอเรียกเข้าห้องตรวจหมอก็ดูผลอัลตร้าซาวด์ ก็บอกว่าก้อนมีขนาด6เซน ผิวขรุขระ เป็นเนื้องอกซึ่งเนื้อดีหรือร้ายก็ต้องเจาะชิ้นเนื้อตรวจอีกที
วันที่ 23/06/2565 (ตัดชิ้นเนื้อตรวจ)
พอยื่นใบนัดเสร็จนั่งรอ ก็จะมีพี่พยาบาลเรียกชื่อให้ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดโรงบาล(ถอดชุดชั้นใน+กางเกงใน) แล้วรอเรียกเข้าไปที่ห้องผ่าตัด พอถึงคิวเราหัวใจแทบหยุดเต็นก้าวแรกที่เดินเข้าไปคือหนาวมากก ภาพที่เห็นคือเหมือนในหนังเลยเป็นเตียงอยู่ตรงกลางมีไฟวงกลมข้างบน ในหัวคือเตรียมขึ้นเขียง วิแรกที่เริ่มตัดคือมันไม่เจ็บเจ็บสุดน่าจะตอนฉีดยาชามือหมอคือนิ่งมากก ตัดอะไรเสร็จติดผ้าก๊อซกันน้ำไม่รู้เรียกว่าอะไร พอตอนจะอาบน้ำคือระวังสุดชีวิตกลัวน้ำเข้าบ้างแหละกลัวแผลโดนน้ำบ้างแหละแต่ไม่น่าเชื้อคือน้องทนมากกโดนน้ำเท่าไรไม่หลุด แรกๆหลังยาชาหมดคือปวดแบบที่สุด
วันที่ 06/07/2565 (ฟังผลชิ้นเนื้อ)
เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในหัวกังวลต่างๆนาๆคิดไปแทบทุกอย่างนั่งอยู่ก็อยากร้องไห้ พอหมอเรียกเข้าห้องตรวจ หมอบอกผลการตรวจว่าาาาเป็นเนื้องอกธรรมดา ซึ่งเราแทบจะโล้งใจเลยน้ำตาแทบอยากไหลวันนั้นเรายิ้มแก้มแทบแตก ต่อมาหมอถามว่าจะผ่าออกไหมในหัวคือเอาก้อนนี้ออกสักที รีบตอบทันทีว่า"ผ่าค่ะ" หมอจึงนัดมาตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมในการผ่า
วันที่ 21/09/2565 (ตรวจร่างกาย)
มีนัดช่วงเช้า หมอก็ส่งตัวไปที่แผนกให้คำปรึกษาก่อนเพื่อบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง พอเสร็จก็เดินเรื่องไปยังแผนกต่างๆโดยเรามีตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด
วันที่ 28/09/2565 (ฟังผลตรวจ)
หมอนัดให้ฟังผลตรวจต่างๆโดยทุกอย่างปกติดี หมอจึงจะนัดวันผ่า โดยหมอพูดมาคำแรก"ผ่าวันนี้เลยไหม" คุณพระสตั้นอีกแล้ว ตอบหมอแทบไม่ทันว่าไม่พร้อมเพราะใกล้สอบแล้วเลยขอหมอเลื่อนไปก่อน หมอจึงนัดมาอีกที
วันที่ 09/11/2565
วันนี้ที่รอค่อยก็มาถึงเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมขึ้นเขียง หมอถามพร้อมผ่าไหมเราตอบทันใด"พร้อมค่ะ"หมอจึงจะให้แอดมิดวันนี้เลย แต่!!หมอไม่ให้กลับบ้านแล้วจะเอาเสื้อผ้าไหนละเมื่อหมอเห็นอย่างนั้นจึงสรุปว่าเลื่อนไปผ่าอีกพุธหน้าให้เตรียมทุกอย่างมาให้พร้อม (ปล.เราบอกแม่วันที่ 7 แทบกั้นใจบอก)
วันที่ 16/11/2565 (แอดมิด)
วันขึ้นเขียงก็มาถึงเราไปโรงบาล 7:30 ไปถึง 8:15 พอไปถึงก็ยื่นใบนัดที่แผนกศัลยกรรม ระหว่างรอก็ไปวัดความดันและนั่งรอเขาเรียกชื่อ ตอนซักประวัติเราขอใบรับรองแพทย์ด้วยเพราะต้องใช้ในการลาหยุด และหมอก็เรียกตรวจนั่นนู่นนี่ปกติ พอเสร็จแล้วก็นั่งรอเอาใบแอดมิด แล้วเอาไปยื่นตรงงานทะเบียนเพื่อทำเรื่องแอดมิด+กับเราต้องเอกซเรย์ปอดเนื่องจากที่เคยเอกซเรย์ไปมันหมดอายุแล้วกว่าจะเสร็จก็เลยเข้าไปบ่าย2 พอเสร็จทุกอย่างก็จะมีพี่แผนกเตียงพาเราไปตึกที่เราจะต้องนอนซึ่งได้ตึกที่สะอาดมากกไม่เหมือนโรงบาลรัฐเอาสะเลย พอไปถึงก็กรอกใบนั้นนูนนี่ เสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดโรงบาล (ปล.ถอดออกหมดทั้งเสื้อในและกกน.มันก็จะดูโล้งสักหน่อย) จากนั้นก็มีพี่พยาบาลมาเจาะเลือด+ตรวจโควิด(เกือบตาย) และวัดความดัน เวลา 16:30 มีคนเอาข้าวมาให้กิน(ใครบอกว่าข้าวโรงบาลไม่อร่อยไม่เคยเชื่อจนมาลองเอง กินได้แค่2คำมันทั้งจืดทั้งข้าวแข็ง+กับเวียนหัวด้วยยิ่งไม่อร่อย ปล.ของรัฐช่วงโควิดต้องถือช้อนมาเองหรือไม่ก็มีช้อนให้ซื้อ ดีที่มีพี่ตรงข้ามให้ยื่มช้อนไม่นั้นคงไม่ได้ลิ้มรสกับข้าวเเสนจะเกินคำบรรยาย) หลังจากนั้นก็นอนต่อไป เวลา 17:45 อาบน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็นอนเตรียมขึ้นเขียงพรุ่งนี้เช้า
วันที่ 17/11/2565 (วันผ่าตัด)
เราตื่นนอนตอนประมาณตี5:40 พี่พยาบาลจะเอาเจลอาบน้ำสีแดงมาให้ฆ่าเชื้อถูบริเวณเต้านมกับรักแร้สะส่วนใหญ่(ปล.ห้ามล้างหน้า)อาบน้ำเสร็จแล้วพี่พยาบาลจะเจาะเลือดไปตรวจแล้วให้เรานอนรอหมอมาเช็คอาการ(ห้ามกินอาหารตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน)แล้วพี่เขาจะเอานำเกลือมาเจาะให้ให้เรานอนรอจนหมอมาเช็คอาการนูนนั้นนี้ จนเวลา9:30 มีคนพาไปห้องผ่าตัด(ให้ผู้ปกครองไปด้วย)พอถึงให้ผู้ปกครองรอด้านนอกเราเข้าไปรอข้างในซึ่งมีอีก2คิวที่รอผ่าอยู่ หลับแล้วหลับอีกก็ยังไม่มาจนถึงคิวขึ้นเขียงของเราพี่เขาจะเข็นไปยังห้องผ่าตัดซึ่งเหมือนห้องผ่าตัดในหนังเลยทั้งใหญ่ทั้งหนาว พอขึ้นเตียงจะให้เราถอดเสื้อข้างที่จะผ่าออกแล้วเอาออกซิเจนครอบที่จมูกเราสักพักพี่เขาจะฉีดยาอะไรสักอย่างเข้าไปที่แขนเราจะรู้สึกเย็นๆแสบๆ(คาดว่าน่าจะเป็นยาสลบ)สักพักด้วยความที่เราเจ็บเลยหลับตาพอตื่นขึ้นมาตัวเองก็อยู่ห้องพักฟื้นแล้วซึ่งเหมือนเราแค่กระพริบตาก็เสร็จแล้ว ด้วยความทั้งมึนหัว+กับตาพร่ามัวไปหมดเลยหลับอีกสักพักจนพี่พยาบาลเรียกชื้อถึงตื่น แล้วเข็นเราไปตึกเดิมที่เราเคยมา วินาทีนั้นไม่รู้สึกเจ็บแผลไม่มีอาการข้างเคียงอะไรแล้ว เราก็นอนจนถึงเวลากินข้าวก็กิน อาหารวันนี้คืออร่อยอย่างหน้าแปลก่าจะเพราะเมื่อวานงดอาหารด้วยเลยกินหมด กินข้าวเสร็จแม่ก็ลงไปเอายาและขึ้นมาเช็ดตัวให้เรา เวลา17:00 น. ให้แม่กลับบ้านเราก็เล่นมือถือจน1ทุ่มก็หลับไป ตื่นมาอีกทีเวลา21:00 น. ผ้าที่ปิดแผลไว้มันหลุดแต่ไม่ได้หลุดหมดมันเปิดออกมา+กับวินาทีนั้นรู้สึกอยากร้องไห้ทั้งที่ไม่ได้เหงาอะไรเลย เลยไปเข้าห้องน้ำ นั่งร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว ออกมาก็บอกให้พี่พยาบาลติดเทปให้ใหม่และกินยาพาราเพราะรู้สึกจะเป็นไข้ เราก็หลับๆตื่นๆจนถึงเช้า
วันที่ 18/11/2565
ตื่นมากับเช้าสดใสแผลไม่ค่อยเจ็บแล้ว ตื่นมาก็อาบน้ำ และพี่พยาบาลก็มาทำความสะอาดแผลให้ เวลา7:00 น.ก็กินข้าวปกติ และก็นั่งเล่นมือถือไปเรื่อยๆ พอเวลาใกล้เที่ยงคุณหมอก็มาตรวจถามอาการนั่นนู่นนี่เสร็จก็ให้กลับบ้านได้(โดยงดการใส่ชุดชั้นในจนกว่าจะหายดี ซึ่งมันลำบากมากก) กลับมาก็ได้ยามาทานมียาฆ่าเชื้อกับยาพารา พอถึงบ้านเริ่มมีอาการเจ็บคอ ปวดเนื้อตัวมากกทั้งที่อยู่โรงบาลไม่เป็นแถมปวดแผลมากเลยกินยาแล้วนอน
วันที่ 19/11/2565
ตื่นมามีอาการเจ็บคอ ปวดเนื้อตัว น่าจะเป็นอาการหลังการผ่าตัด แถมปวดแผลมากก กินยากับกินข้าวไปก็ได้เวลาไปล้างแผลที่อนามัยซึ่งต้องไปล้างทุกวัน และมีนัดตัดไหมวันที่ 24นี้
📌📌ผลการตรวจก้อนที่ผ่าออกไปแล้วสรุปเป็นแค่ก้อนธรรมดาค่ะ
ขอสังสัยต่างๆ📬📬
1.ค่าใช้จ่ายเราใช้บัตร30บาทหรืออีกชื่อคือบัตรทอง(ใครไม่แน่ใจสิทธิบัตรสามารถเช็คสิทธิได้ที่google)
2.การไปหาหมอแต่ละครั้งเราจ่ายเพียงแค่30บาท
3.เราตัดไหม(ตอนที่ตัดชิ้นเนื้อตรวจ)ที่อนามัยใกล้บ้าน ไม่มีค่าใช้จ่าย
4.เสื้อผ้าให้แม่กับน้องถือมาให้(ใครที่จะไปโรงบาลรัฐแนะนำให้เอาเสื้อผ้ามาให้ตอนเย็นจะดีที่สุดเพราะจะได้ไม่รอ)
5.ไปโรงบาลเราไปคนเดียวทุกครั้ง
6โรงบาลที่เราไปคือโรงบาลรัฐของจังหวัด
7.สิ่งที่เตรียมไปโรงบาลมี ครีมอาบน้ำ ช้อน แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า ผ้าเช็ดตัว กระดาษทิชชู่ ทิชชู่เปียก สายชาร์จ ยาดม เสื้อผ้าใส่วันออกโรงบาล ร้องเท้าแตะ (ถ้าใครใส่อยู่แล้วก็ไม่ต้องถือไป)
8.นอนโรงบาล3วัน2คืนไปตั้งแต่วันที่16-18 ค่ารักษาแค่30บาท
9.ล้างแผลที่อนามัยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ประสบการณ์เป็นก้อนเนื้อที่เต้านมตอนอายุ 18
วันที่ 27/04/2565 (วันแรกกับการไปหาหมอ)
พอถึงโรงบาลก็ไปที่หน้าเคาน์เตอร์บอกกับพยาบาลว่ามีก้อนเลยให้ไปแผนกศัลยกรรม พอไปก็ยื่นบัตรอะไรเสร็จรอซักประวัติ และรอเรียกเข้าห้องตรวจ เข้าห้องตรวจหมอถามเกี่ยวกับอาการซึ่งเราไม่ตกใจอะไรแต่หมอพูดว่าให้หมอตรวจเต้านมหน่อย คุณพระอายุจะ20ไม่เคยให้ใครดูเต้านมเลยสตั้นไป10วิ ในใจคิดเอาไงดีแต่ก็ดีกว่าให้ก้อนมันอยู่นะ ตัดสินใจเอาวะอายดีกว่าเป็นมะเร็ง พอตรวจเสร็จหมอก็ไม่แน่ใจเลยให้ไปอัลตราซาวด์ดู
วันที่ 03/05/2565
เรามีนัดอัลตราซาวด์ตอนบ่าย ไปที่แผนกรังสี ยื่นใบตรวจที่เคาเตอร์ นั่งรอเขาเรียกพอเขาเรียกให้เราไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดโรงบาล(ถอดชุดชั้นใน)ซึ่งเขาจะยื่นให้ตอนเรียกชื่อ เปลี่ยนเสร็จก็นั่งรอหน้าห้องตรวจ ตอนตรวจหมอก็จะเอาเจลสีฟ้ามาทาตรงเต้านมทั้งสองข้างแล้วเอาเครื่องนวดไปเรื่อยเพื่อหาก้อนที่นม ตรวจเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้ารอผลการตรวจ ซึ่งเราต้องเอากลับด้วยเพื่อเอามาให้หมอดูในวันที่หมอนัด
วันที่ 18/05/2565
มาที่แผนกศัลยกรรมเหมือนเดิมทำขั้นตอนเหมือนเดิมจนหมอเรียกเข้าห้องตรวจหมอก็ดูผลอัลตร้าซาวด์ ก็บอกว่าก้อนมีขนาด6เซน ผิวขรุขระ เป็นเนื้องอกซึ่งเนื้อดีหรือร้ายก็ต้องเจาะชิ้นเนื้อตรวจอีกที
วันที่ 23/06/2565 (ตัดชิ้นเนื้อตรวจ)
พอยื่นใบนัดเสร็จนั่งรอ ก็จะมีพี่พยาบาลเรียกชื่อให้ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดโรงบาล(ถอดชุดชั้นใน+กางเกงใน) แล้วรอเรียกเข้าไปที่ห้องผ่าตัด พอถึงคิวเราหัวใจแทบหยุดเต็นก้าวแรกที่เดินเข้าไปคือหนาวมากก ภาพที่เห็นคือเหมือนในหนังเลยเป็นเตียงอยู่ตรงกลางมีไฟวงกลมข้างบน ในหัวคือเตรียมขึ้นเขียง วิแรกที่เริ่มตัดคือมันไม่เจ็บเจ็บสุดน่าจะตอนฉีดยาชามือหมอคือนิ่งมากก ตัดอะไรเสร็จติดผ้าก๊อซกันน้ำไม่รู้เรียกว่าอะไร พอตอนจะอาบน้ำคือระวังสุดชีวิตกลัวน้ำเข้าบ้างแหละกลัวแผลโดนน้ำบ้างแหละแต่ไม่น่าเชื้อคือน้องทนมากกโดนน้ำเท่าไรไม่หลุด แรกๆหลังยาชาหมดคือปวดแบบที่สุด
วันที่ 06/07/2565 (ฟังผลชิ้นเนื้อ)
เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในหัวกังวลต่างๆนาๆคิดไปแทบทุกอย่างนั่งอยู่ก็อยากร้องไห้ พอหมอเรียกเข้าห้องตรวจ หมอบอกผลการตรวจว่าาาาเป็นเนื้องอกธรรมดา ซึ่งเราแทบจะโล้งใจเลยน้ำตาแทบอยากไหลวันนั้นเรายิ้มแก้มแทบแตก ต่อมาหมอถามว่าจะผ่าออกไหมในหัวคือเอาก้อนนี้ออกสักที รีบตอบทันทีว่า"ผ่าค่ะ" หมอจึงนัดมาตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมในการผ่า
วันที่ 21/09/2565 (ตรวจร่างกาย)
มีนัดช่วงเช้า หมอก็ส่งตัวไปที่แผนกให้คำปรึกษาก่อนเพื่อบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง พอเสร็จก็เดินเรื่องไปยังแผนกต่างๆโดยเรามีตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด
วันที่ 28/09/2565 (ฟังผลตรวจ)
หมอนัดให้ฟังผลตรวจต่างๆโดยทุกอย่างปกติดี หมอจึงจะนัดวันผ่า โดยหมอพูดมาคำแรก"ผ่าวันนี้เลยไหม" คุณพระสตั้นอีกแล้ว ตอบหมอแทบไม่ทันว่าไม่พร้อมเพราะใกล้สอบแล้วเลยขอหมอเลื่อนไปก่อน หมอจึงนัดมาอีกที
วันที่ 09/11/2565
วันนี้ที่รอค่อยก็มาถึงเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมขึ้นเขียง หมอถามพร้อมผ่าไหมเราตอบทันใด"พร้อมค่ะ"หมอจึงจะให้แอดมิดวันนี้เลย แต่!!หมอไม่ให้กลับบ้านแล้วจะเอาเสื้อผ้าไหนละเมื่อหมอเห็นอย่างนั้นจึงสรุปว่าเลื่อนไปผ่าอีกพุธหน้าให้เตรียมทุกอย่างมาให้พร้อม (ปล.เราบอกแม่วันที่ 7 แทบกั้นใจบอก)
วันที่ 16/11/2565 (แอดมิด)
วันขึ้นเขียงก็มาถึงเราไปโรงบาล 7:30 ไปถึง 8:15 พอไปถึงก็ยื่นใบนัดที่แผนกศัลยกรรม ระหว่างรอก็ไปวัดความดันและนั่งรอเขาเรียกชื่อ ตอนซักประวัติเราขอใบรับรองแพทย์ด้วยเพราะต้องใช้ในการลาหยุด และหมอก็เรียกตรวจนั่นนู่นนี่ปกติ พอเสร็จแล้วก็นั่งรอเอาใบแอดมิด แล้วเอาไปยื่นตรงงานทะเบียนเพื่อทำเรื่องแอดมิด+กับเราต้องเอกซเรย์ปอดเนื่องจากที่เคยเอกซเรย์ไปมันหมดอายุแล้วกว่าจะเสร็จก็เลยเข้าไปบ่าย2 พอเสร็จทุกอย่างก็จะมีพี่แผนกเตียงพาเราไปตึกที่เราจะต้องนอนซึ่งได้ตึกที่สะอาดมากกไม่เหมือนโรงบาลรัฐเอาสะเลย พอไปถึงก็กรอกใบนั้นนูนนี่ เสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดโรงบาล (ปล.ถอดออกหมดทั้งเสื้อในและกกน.มันก็จะดูโล้งสักหน่อย) จากนั้นก็มีพี่พยาบาลมาเจาะเลือด+ตรวจโควิด(เกือบตาย) และวัดความดัน เวลา 16:30 มีคนเอาข้าวมาให้กิน(ใครบอกว่าข้าวโรงบาลไม่อร่อยไม่เคยเชื่อจนมาลองเอง กินได้แค่2คำมันทั้งจืดทั้งข้าวแข็ง+กับเวียนหัวด้วยยิ่งไม่อร่อย ปล.ของรัฐช่วงโควิดต้องถือช้อนมาเองหรือไม่ก็มีช้อนให้ซื้อ ดีที่มีพี่ตรงข้ามให้ยื่มช้อนไม่นั้นคงไม่ได้ลิ้มรสกับข้าวเเสนจะเกินคำบรรยาย) หลังจากนั้นก็นอนต่อไป เวลา 17:45 อาบน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็นอนเตรียมขึ้นเขียงพรุ่งนี้เช้า
วันที่ 17/11/2565 (วันผ่าตัด)
เราตื่นนอนตอนประมาณตี5:40 พี่พยาบาลจะเอาเจลอาบน้ำสีแดงมาให้ฆ่าเชื้อถูบริเวณเต้านมกับรักแร้สะส่วนใหญ่(ปล.ห้ามล้างหน้า)อาบน้ำเสร็จแล้วพี่พยาบาลจะเจาะเลือดไปตรวจแล้วให้เรานอนรอหมอมาเช็คอาการ(ห้ามกินอาหารตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน)แล้วพี่เขาจะเอานำเกลือมาเจาะให้ให้เรานอนรอจนหมอมาเช็คอาการนูนนั้นนี้ จนเวลา9:30 มีคนพาไปห้องผ่าตัด(ให้ผู้ปกครองไปด้วย)พอถึงให้ผู้ปกครองรอด้านนอกเราเข้าไปรอข้างในซึ่งมีอีก2คิวที่รอผ่าอยู่ หลับแล้วหลับอีกก็ยังไม่มาจนถึงคิวขึ้นเขียงของเราพี่เขาจะเข็นไปยังห้องผ่าตัดซึ่งเหมือนห้องผ่าตัดในหนังเลยทั้งใหญ่ทั้งหนาว พอขึ้นเตียงจะให้เราถอดเสื้อข้างที่จะผ่าออกแล้วเอาออกซิเจนครอบที่จมูกเราสักพักพี่เขาจะฉีดยาอะไรสักอย่างเข้าไปที่แขนเราจะรู้สึกเย็นๆแสบๆ(คาดว่าน่าจะเป็นยาสลบ)สักพักด้วยความที่เราเจ็บเลยหลับตาพอตื่นขึ้นมาตัวเองก็อยู่ห้องพักฟื้นแล้วซึ่งเหมือนเราแค่กระพริบตาก็เสร็จแล้ว ด้วยความทั้งมึนหัว+กับตาพร่ามัวไปหมดเลยหลับอีกสักพักจนพี่พยาบาลเรียกชื้อถึงตื่น แล้วเข็นเราไปตึกเดิมที่เราเคยมา วินาทีนั้นไม่รู้สึกเจ็บแผลไม่มีอาการข้างเคียงอะไรแล้ว เราก็นอนจนถึงเวลากินข้าวก็กิน อาหารวันนี้คืออร่อยอย่างหน้าแปลก่าจะเพราะเมื่อวานงดอาหารด้วยเลยกินหมด กินข้าวเสร็จแม่ก็ลงไปเอายาและขึ้นมาเช็ดตัวให้เรา เวลา17:00 น. ให้แม่กลับบ้านเราก็เล่นมือถือจน1ทุ่มก็หลับไป ตื่นมาอีกทีเวลา21:00 น. ผ้าที่ปิดแผลไว้มันหลุดแต่ไม่ได้หลุดหมดมันเปิดออกมา+กับวินาทีนั้นรู้สึกอยากร้องไห้ทั้งที่ไม่ได้เหงาอะไรเลย เลยไปเข้าห้องน้ำ นั่งร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว ออกมาก็บอกให้พี่พยาบาลติดเทปให้ใหม่และกินยาพาราเพราะรู้สึกจะเป็นไข้ เราก็หลับๆตื่นๆจนถึงเช้า
วันที่ 18/11/2565
ตื่นมากับเช้าสดใสแผลไม่ค่อยเจ็บแล้ว ตื่นมาก็อาบน้ำ และพี่พยาบาลก็มาทำความสะอาดแผลให้ เวลา7:00 น.ก็กินข้าวปกติ และก็นั่งเล่นมือถือไปเรื่อยๆ พอเวลาใกล้เที่ยงคุณหมอก็มาตรวจถามอาการนั่นนู่นนี่เสร็จก็ให้กลับบ้านได้(โดยงดการใส่ชุดชั้นในจนกว่าจะหายดี ซึ่งมันลำบากมากก) กลับมาก็ได้ยามาทานมียาฆ่าเชื้อกับยาพารา พอถึงบ้านเริ่มมีอาการเจ็บคอ ปวดเนื้อตัวมากกทั้งที่อยู่โรงบาลไม่เป็นแถมปวดแผลมากเลยกินยาแล้วนอน
วันที่ 19/11/2565
ตื่นมามีอาการเจ็บคอ ปวดเนื้อตัว น่าจะเป็นอาการหลังการผ่าตัด แถมปวดแผลมากก กินยากับกินข้าวไปก็ได้เวลาไปล้างแผลที่อนามัยซึ่งต้องไปล้างทุกวัน และมีนัดตัดไหมวันที่ 24นี้
📌📌ผลการตรวจก้อนที่ผ่าออกไปแล้วสรุปเป็นแค่ก้อนธรรมดาค่ะ
ขอสังสัยต่างๆ📬📬
1.ค่าใช้จ่ายเราใช้บัตร30บาทหรืออีกชื่อคือบัตรทอง(ใครไม่แน่ใจสิทธิบัตรสามารถเช็คสิทธิได้ที่google)
2.การไปหาหมอแต่ละครั้งเราจ่ายเพียงแค่30บาท
3.เราตัดไหม(ตอนที่ตัดชิ้นเนื้อตรวจ)ที่อนามัยใกล้บ้าน ไม่มีค่าใช้จ่าย
4.เสื้อผ้าให้แม่กับน้องถือมาให้(ใครที่จะไปโรงบาลรัฐแนะนำให้เอาเสื้อผ้ามาให้ตอนเย็นจะดีที่สุดเพราะจะได้ไม่รอ)
5.ไปโรงบาลเราไปคนเดียวทุกครั้ง
6โรงบาลที่เราไปคือโรงบาลรัฐของจังหวัด
7.สิ่งที่เตรียมไปโรงบาลมี ครีมอาบน้ำ ช้อน แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า ผ้าเช็ดตัว กระดาษทิชชู่ ทิชชู่เปียก สายชาร์จ ยาดม เสื้อผ้าใส่วันออกโรงบาล ร้องเท้าแตะ (ถ้าใครใส่อยู่แล้วก็ไม่ต้องถือไป)
8.นอนโรงบาล3วัน2คืนไปตั้งแต่วันที่16-18 ค่ารักษาแค่30บาท
9.ล้างแผลที่อนามัยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ