วันนี้วันอาทิตย์ ตื่นมาเหมือนว่าไม่มีวัตถุดิบเขียนกระทู้เพราะของขาด ..
อาแปะก็มานั่งจิบกาแฟดำคิดไปพลางจะสร้างดราม่าอะไรดีน๊อ..
เมื่อวานอาแปะถกเถียงกับสมาชิกขาประจำคนหนึ่ง เค้าว่า"กาม" เป็นสิ่งที่มนุษย์ ไม่ได้เอามาตัดสินนักการเมือง..
อาแปะอ่านแล้วก็สะดุดว่าเป็นทัศนคติที่แปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ถกเถียงในประเด็นนั้น เก็บไว้ในใจไปก่อน
(อาาาาห์...ได้การละมันคือวัตถุดิบ)..
อาแปะเชื่อว่ามีหลายคนนะครับที่พิจารณานักการเมืองด้วยกามตัณหา..
ตัวอย่างก็อาแปะนี้แหละที่พิจารณานักการเมืองด้วยกามตัณหา(องค์ประกอบ)..
อาแปะมีทัศนคติว่า นักการเมืองคนใดที่มากด้วยกามตัณหา คนนั้นก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ.. เมื่อมีภาระค่าใช้จ่ายมาก โอกาสที่จะเกิดความโลภในการแสวงหาทรัพย์ก็มาก.. เมื่อมีโอกาสเกิดความโลภมาก ก็มีโอกาสที่จะทำทุจริตมาก ดังนี้แล้วกามตัณหาในนักการเมืองคนหนึ่งๆ จะเป็นแรงขับดับให้เค้าสามารถทำเรื่องทุจริตได้ในที่สุด
ดังนั้นนักการเมืองคนใดที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย อาแปะจะไม่ให้ราคานะครับ..
และพรรคการเมืองใดที่มีนักการเมืองแบบนี้อยู่หลายคน อาแปะจะไม่ให้ราคาเช่นกัน..
ดังนี้แล้ว กามจึงเป็นข้อมุมมองหนึ่งที่อาแปะใช้ตัดสินนักการเมือง ซึ่งกามตัณหาของคนๆหนึ่งเราสามารถดูได้ง่าย..
แต่"ความหิวในกามตัณหา" ก็มิใช่ปัจจัยเดียวที่อาแปะใช้ตัดสินนักการเมือง..
อาแปะดูที่ความหิวในอำนาจด้วย..
ดูที่ความหิวในเกียรติด้วย..
ดูที่จิตคิดสละอุทิศตนทำงานเพื่อสาธารณะด้วย..
องค์ประกอบสี่ประการนี้แล ที่อาแปะใช้พิจารณานักการเมือง..
และอาแปะก็เชื่อว่า มีมนุษย์อีกหลายคนที่ใช้แรงขับดันในใจมนุษย์ทั้งสี่นี้ ในการพิจารณานักการเมือง..
โดยเฉพาะแรงขับดันที่สี่คือ"จิตที่คิดเสียสละนี้ นักการเมืองคนใดมีมากกว่าแรงขับอื่น อาแปะจะให้ราคามากๆ..
ส่วนแรงขับดันที่ห้า(ละไว้)คือหวัง"นิพพาน" คงไม่มีนักการเมืองคนไหนมีหลอกเนอะ..
เพราะหากหวังซึ่ง"นิพพาน"คนๆนั้นคงไม่มาเล่นการเมือง...แม่นก่อ.?
อมิตพุทธ..
ສະບາຍດີຕອນເຊົ້າວັນພັກທີ່ສົດໃສ.
กาม.., อำนาจ.., เกียรติ.., จิตคิดเสียสละ.., //// แรงขับดันทั้งสี่ของนักการเมือง (ทู้อาแปะบ่นไปงั้นๆวันอาทิตย์)
อาแปะก็มานั่งจิบกาแฟดำคิดไปพลางจะสร้างดราม่าอะไรดีน๊อ..
เมื่อวานอาแปะถกเถียงกับสมาชิกขาประจำคนหนึ่ง เค้าว่า"กาม" เป็นสิ่งที่มนุษย์ ไม่ได้เอามาตัดสินนักการเมือง..
อาแปะอ่านแล้วก็สะดุดว่าเป็นทัศนคติที่แปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ถกเถียงในประเด็นนั้น เก็บไว้ในใจไปก่อน (อาาาาห์...ได้การละมันคือวัตถุดิบ)..
อาแปะเชื่อว่ามีหลายคนนะครับที่พิจารณานักการเมืองด้วยกามตัณหา..
ตัวอย่างก็อาแปะนี้แหละที่พิจารณานักการเมืองด้วยกามตัณหา(องค์ประกอบ)..
อาแปะมีทัศนคติว่า นักการเมืองคนใดที่มากด้วยกามตัณหา คนนั้นก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ.. เมื่อมีภาระค่าใช้จ่ายมาก โอกาสที่จะเกิดความโลภในการแสวงหาทรัพย์ก็มาก.. เมื่อมีโอกาสเกิดความโลภมาก ก็มีโอกาสที่จะทำทุจริตมาก ดังนี้แล้วกามตัณหาในนักการเมืองคนหนึ่งๆ จะเป็นแรงขับดับให้เค้าสามารถทำเรื่องทุจริตได้ในที่สุด
ดังนั้นนักการเมืองคนใดที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย อาแปะจะไม่ให้ราคานะครับ..
และพรรคการเมืองใดที่มีนักการเมืองแบบนี้อยู่หลายคน อาแปะจะไม่ให้ราคาเช่นกัน..
ดังนี้แล้ว กามจึงเป็นข้อมุมมองหนึ่งที่อาแปะใช้ตัดสินนักการเมือง ซึ่งกามตัณหาของคนๆหนึ่งเราสามารถดูได้ง่าย..
แต่"ความหิวในกามตัณหา" ก็มิใช่ปัจจัยเดียวที่อาแปะใช้ตัดสินนักการเมือง..
อาแปะดูที่ความหิวในอำนาจด้วย..
ดูที่ความหิวในเกียรติด้วย..
ดูที่จิตคิดสละอุทิศตนทำงานเพื่อสาธารณะด้วย..
องค์ประกอบสี่ประการนี้แล ที่อาแปะใช้พิจารณานักการเมือง..
และอาแปะก็เชื่อว่า มีมนุษย์อีกหลายคนที่ใช้แรงขับดันในใจมนุษย์ทั้งสี่นี้ ในการพิจารณานักการเมือง..
โดยเฉพาะแรงขับดันที่สี่คือ"จิตที่คิดเสียสละนี้ นักการเมืองคนใดมีมากกว่าแรงขับอื่น อาแปะจะให้ราคามากๆ..
ส่วนแรงขับดันที่ห้า(ละไว้)คือหวัง"นิพพาน" คงไม่มีนักการเมืองคนไหนมีหลอกเนอะ..
เพราะหากหวังซึ่ง"นิพพาน"คนๆนั้นคงไม่มาเล่นการเมือง...แม่นก่อ.?
อมิตพุทธ..
ສະບາຍດີຕອນເຊົ້າວັນພັກທີ່ສົດໃສ.