คุณแม่ล้มป่วยและเสียชีวิตกะทันหัน เรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้น 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาครับ
อมทุกข์มาตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่ก็ต้องก้าวต่อไป ทำงานประจำไปด้วยและดูธุรกิจอสังหาฯที่บ้านต่อด้วย (เพิ่งเรียนจบได้ 2 ปี ตอนนี้อายุ 25)
แม่มีเลขาอยู่หนึ่งคน ทำงานกับแม่มา 15 ปีและเห็นเราตั้งแต่เด็กๆ เค้ารู้เรื่องภายในบริษัทเยอะมากๆ
ไม่แน่ใจก่อนหน้านี้เค้าทำงานยังไงกับแม่ แต่ค้าสร้างเรื่องปวดหัวให้เราเยอะมากๆ:
1. ไปปล่อยข่าวว่าแม่เราป่วยหนัก จนช่างหลายๆคนมารุมทึ้งเบิกเงินจากเราในวันแรกที่เรื่องเกิดเลย
อ้างว่าช่างก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ซึ่งเราก็โอนๆปิดหนี้ไป แต่พอไปตรวจดูงานที่เค้าเบิกกันทั้งหลายปรากฏว่า... งานชุ่ยขีดสุด
ทำไมเค้าไม่ protect ผลประโยชน์ของบ. ก่อนอันดับแรก ไปสงสารช่างทั้งๆที่ยังไม่เห็นผลงานด้วยซ้ำ แล้วเราที่เพิ่งเสียแม่ไปทำไมเค้าไม่สงสาร นี่ใครจ่ายเงินเดือนให้เค้ากันแน่ ช่าง หรือ บ.?
2. ทำงานไม่เป็นระบบมากๆ พูดอะไรก็ไม่เคลียร์ซักอย่างต้องคอยถามซ้ำ พอถามซ้ำก็มีการชักเสียงใส่และอ้างตลอดว่า แม่นู่นแม่นี่
3. เราตัดสินใจให้ผู้ช่วยแม่ (คนละคนกับเลขาคนนี้นะครับ) ช่วยดูงานในส่วนนี้ด้วยเพราะน้าเลขาคนนี้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพขีดสุด 2คนช่วยกันจะได้ทำอะไรดูเป็นที่เป็นทางมากขึ้นเพราะผมก็ยังต้องทำทั้งงานศพ งานประจำ สุขภาพจิตก็แย่ ปราฏว่าน้าเลขางอนตุ๊บป่อง ไม่ตอบไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ 2 วัน แถมโทรไปด่าผู้ช่วยแม่ว่าข้ามหน้าข้ามตาเค้า และไปบอกคนอื่นว่าเราไม่เคารพเค้าเลย "เราทำให้เค้านั่งน้ำตาซึม 2 วัน"
4. ไปบอกพ่อ(ที่ทิ้งครอบครัวเราไป12ปีแล้ว) เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นมีตัวละครเพิ่ม สิ่งแรกที่พ่อถามเลยคือเรื่องธุรกิจอสังหาฯที่เค้าถอนตัวหนีไปเมื่อ10กว่าปีก่อนตอนที่มีปัญหา...
5. ไปตำหนิเราให้ธนาคารที่ทำธุรกรรมกับแม่ ก่อนหน้านี้เราไม่พร้อมคุยกับธนาคารเพราะสภาพจิตใจแย่มาก เลยฝากบอกน้าเลขาไปบอก ถ้าสะดวกเมื่อไรจะรีบติดต่อไปทันที ขออภัยด้วยและขอบคุณที่เกื้อกูลธุรกิจมาโดยตลอด ปรากฏว่าน้าเลขาหาว่าเราหักหน้าเค้าที่เราไม่ยอมคุยกับธนาคาร เค้าดูแย่ เลยไปเมาท์กับธนาคารว่าเราไม่ให้เกียรติทั้งเค้าและธนาคารเลย เรื่องวนมาถึงเราเพราะธนาคารโทรมาบอกว่า เค้าไม่ได้คิดว่าเราหักหน้าเค้า ซึ่งเราก็ งง เพรนะเราก็ไม่ได้หักหน้าใครเหมือนกัน (วันนั้นงานศพคืนแรกที่เราไม่ไปเพราะทำใจไม่ได้จนนอนร้องไห้อยู่บ้าน แต่ก็ งง ใจกับธนาคารเหมือนกันว่าจะมาคุยเรื่องธุรกรรมในงานศพอะนะ)
6. คำพูดติดปากคือ "พี่ก็ทำงานกับแม่น้องมานาน" ได้ยินทุกวัน วันละ 10 รอบ
7. ไปไซโคให้ญาติเราไม่ไว้ใจผู้ช่วยแม่เราที่ตอนนี้มาช่วยดูเพิ่ม จนญาติเรามาตำหนิเราว่า ให้คนนอกดูงานเยอะเกินไประวังโดนดี พี่คนนี้ทำมาเกือบ 20 ปี
ควรจะไว้ใจเค้า ชอบกดดันผู้ช่วยแม่เรา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องห้ามตัดหน้าเค้า แต่ไม่ใช่เรื่องเนื้องาน (เพราะผู้ช่วยแม่ทำงานดีกว่าเยอะ)
8. ล่าสุดงอนหายไปอีกแล้ว เพราะเราบอกเค้าให้ติดต่อกับผู้ช่วยแม่เพราะผู้ช่วยแม่จะคีย์เข้าในคอม (ซึ่งเค้าทำไม่เป็น) และเราจะได้มาเช็ครวดเดียว สิ่งที่เค้าทำคือไปดุผู้ช่วยแม่ครับ แต่ไม่ได้คุยเรื่องงาน
เค้าเป็นทรัพยการบุคคลที่สำคัญมาก มีอะไรหลายอย่างที่เค้ารู้และคอยจัดการให้ ซึ่งผมนับถือเค้า ไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าหรืออะไรเลย พูด ครับ/รบกวนช่วย/ขอบคุณครับ ตลอด แต่กลายเป็นเค้าไม่รักษาผลประโยชน์ให้ผมเลย มองว่าตัวเองสำคัญ และสุดท้ายทำให้ทุกอย่างให้ยากขึ้นไปหมด... คิดว่าถ้าคุยกับเค้าเค้าก็งอนหรือเอาเราไปคุยไม่ดีอีก หรือบางทีอาจคิดโกงในส่วนที่เราไม่เข้าใจ 100% หรือไปปล่อยข่าวอีก....
ทำไงดีครับ ตอนนี้เหนื่อยมากๆกับชีวิต รู้สึกแก่ขึ้น 10 ปีภายใน 2 อาทิตย์
ต้องเข้ามาดูแลกิจการต่อจากแม่ พนักงานเก่าแก่ของแม่ไม่เคารพแถมสร้างเรื่องปวดหัว
อมทุกข์มาตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่ก็ต้องก้าวต่อไป ทำงานประจำไปด้วยและดูธุรกิจอสังหาฯที่บ้านต่อด้วย (เพิ่งเรียนจบได้ 2 ปี ตอนนี้อายุ 25)
แม่มีเลขาอยู่หนึ่งคน ทำงานกับแม่มา 15 ปีและเห็นเราตั้งแต่เด็กๆ เค้ารู้เรื่องภายในบริษัทเยอะมากๆ
ไม่แน่ใจก่อนหน้านี้เค้าทำงานยังไงกับแม่ แต่ค้าสร้างเรื่องปวดหัวให้เราเยอะมากๆ:
1. ไปปล่อยข่าวว่าแม่เราป่วยหนัก จนช่างหลายๆคนมารุมทึ้งเบิกเงินจากเราในวันแรกที่เรื่องเกิดเลย
อ้างว่าช่างก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ซึ่งเราก็โอนๆปิดหนี้ไป แต่พอไปตรวจดูงานที่เค้าเบิกกันทั้งหลายปรากฏว่า... งานชุ่ยขีดสุด
ทำไมเค้าไม่ protect ผลประโยชน์ของบ. ก่อนอันดับแรก ไปสงสารช่างทั้งๆที่ยังไม่เห็นผลงานด้วยซ้ำ แล้วเราที่เพิ่งเสียแม่ไปทำไมเค้าไม่สงสาร นี่ใครจ่ายเงินเดือนให้เค้ากันแน่ ช่าง หรือ บ.?
2. ทำงานไม่เป็นระบบมากๆ พูดอะไรก็ไม่เคลียร์ซักอย่างต้องคอยถามซ้ำ พอถามซ้ำก็มีการชักเสียงใส่และอ้างตลอดว่า แม่นู่นแม่นี่
3. เราตัดสินใจให้ผู้ช่วยแม่ (คนละคนกับเลขาคนนี้นะครับ) ช่วยดูงานในส่วนนี้ด้วยเพราะน้าเลขาคนนี้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพขีดสุด 2คนช่วยกันจะได้ทำอะไรดูเป็นที่เป็นทางมากขึ้นเพราะผมก็ยังต้องทำทั้งงานศพ งานประจำ สุขภาพจิตก็แย่ ปราฏว่าน้าเลขางอนตุ๊บป่อง ไม่ตอบไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ 2 วัน แถมโทรไปด่าผู้ช่วยแม่ว่าข้ามหน้าข้ามตาเค้า และไปบอกคนอื่นว่าเราไม่เคารพเค้าเลย "เราทำให้เค้านั่งน้ำตาซึม 2 วัน"
4. ไปบอกพ่อ(ที่ทิ้งครอบครัวเราไป12ปีแล้ว) เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นมีตัวละครเพิ่ม สิ่งแรกที่พ่อถามเลยคือเรื่องธุรกิจอสังหาฯที่เค้าถอนตัวหนีไปเมื่อ10กว่าปีก่อนตอนที่มีปัญหา...
5. ไปตำหนิเราให้ธนาคารที่ทำธุรกรรมกับแม่ ก่อนหน้านี้เราไม่พร้อมคุยกับธนาคารเพราะสภาพจิตใจแย่มาก เลยฝากบอกน้าเลขาไปบอก ถ้าสะดวกเมื่อไรจะรีบติดต่อไปทันที ขออภัยด้วยและขอบคุณที่เกื้อกูลธุรกิจมาโดยตลอด ปรากฏว่าน้าเลขาหาว่าเราหักหน้าเค้าที่เราไม่ยอมคุยกับธนาคาร เค้าดูแย่ เลยไปเมาท์กับธนาคารว่าเราไม่ให้เกียรติทั้งเค้าและธนาคารเลย เรื่องวนมาถึงเราเพราะธนาคารโทรมาบอกว่า เค้าไม่ได้คิดว่าเราหักหน้าเค้า ซึ่งเราก็ งง เพรนะเราก็ไม่ได้หักหน้าใครเหมือนกัน (วันนั้นงานศพคืนแรกที่เราไม่ไปเพราะทำใจไม่ได้จนนอนร้องไห้อยู่บ้าน แต่ก็ งง ใจกับธนาคารเหมือนกันว่าจะมาคุยเรื่องธุรกรรมในงานศพอะนะ)
6. คำพูดติดปากคือ "พี่ก็ทำงานกับแม่น้องมานาน" ได้ยินทุกวัน วันละ 10 รอบ
7. ไปไซโคให้ญาติเราไม่ไว้ใจผู้ช่วยแม่เราที่ตอนนี้มาช่วยดูเพิ่ม จนญาติเรามาตำหนิเราว่า ให้คนนอกดูงานเยอะเกินไประวังโดนดี พี่คนนี้ทำมาเกือบ 20 ปี
ควรจะไว้ใจเค้า ชอบกดดันผู้ช่วยแม่เรา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องห้ามตัดหน้าเค้า แต่ไม่ใช่เรื่องเนื้องาน (เพราะผู้ช่วยแม่ทำงานดีกว่าเยอะ)
8. ล่าสุดงอนหายไปอีกแล้ว เพราะเราบอกเค้าให้ติดต่อกับผู้ช่วยแม่เพราะผู้ช่วยแม่จะคีย์เข้าในคอม (ซึ่งเค้าทำไม่เป็น) และเราจะได้มาเช็ครวดเดียว สิ่งที่เค้าทำคือไปดุผู้ช่วยแม่ครับ แต่ไม่ได้คุยเรื่องงาน
เค้าเป็นทรัพยการบุคคลที่สำคัญมาก มีอะไรหลายอย่างที่เค้ารู้และคอยจัดการให้ ซึ่งผมนับถือเค้า ไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าหรืออะไรเลย พูด ครับ/รบกวนช่วย/ขอบคุณครับ ตลอด แต่กลายเป็นเค้าไม่รักษาผลประโยชน์ให้ผมเลย มองว่าตัวเองสำคัญ และสุดท้ายทำให้ทุกอย่างให้ยากขึ้นไปหมด... คิดว่าถ้าคุยกับเค้าเค้าก็งอนหรือเอาเราไปคุยไม่ดีอีก หรือบางทีอาจคิดโกงในส่วนที่เราไม่เข้าใจ 100% หรือไปปล่อยข่าวอีก....
ทำไงดีครับ ตอนนี้เหนื่อยมากๆกับชีวิต รู้สึกแก่ขึ้น 10 ปีภายใน 2 อาทิตย์