เป็นกระทู้ที่คิดแล้วคิดอีกว่าจะตั้งกระทู้ถามยังไง ให้คนเข้ามาช่วยตอบพอจะเข้าใจสิ่งที่เราสงสัยและมีคำถามได้
เพราะทั้งหมดมันมาจาก จขกท. เองก็ไม่ได้รู้และเข้าใจอะไรมาก เพียงแค่มีพื้นฐานว่าครอบครัวของแฟนทำธุรกิจอพาร์ตเมนท์อยู่ที่ม.กรุงเทพฯ ที่รังสิต ซึ่งตัวกิจการเองยังมีภาระหนี้ต้องส่งธนาคารอยู่ทุกเดือน เดือนละหลายๆ แสน ทั้งยังเพิ่งจะรีไฟแนนซ์ใหม่กับ ธนาคารแห่งหนึ่งไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งยังเหลือภาระหนี้สินที่ต้องส่งอีกประมาณ 10 ปี แล้ว สำหรับตัวของธุรกิจเองนั้น รายได้ที่ได้แต่ละเดือนยังสามารถนำส่งเงินให้กับธนาคารได้และเหลือกำไรอีกบ้าง แต่ปัญหาที่ทางเรามองเห็นและเป็นกังวลมากที่สุด คงจะเป็นคู่แข่งที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำให้ห้องพักเราจากที่เคยเต็มๆ ก็ว่างไปสัก 10 ห้อง จากทั้งหมด 70 ห้อง และไหนจะช่วงนี้ก็ได้ยินมามากว่าจะเกิดฟองสบู่ ของธุรกิจอสังหาฯแตก อีก ซึ่งที่ลองๆ อ่านดู หลายฝ่ายคาดว่าคงจะอีกไม่กี่ปี
สิ่งที่ จขกท.ได้ศึกษามาบ้างจะกล่าวถึงในแง่ผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ที่กำลังจะสงมือสร้าง กำลังจะสร้างเสร็จซะมากกว่า และตามความเข้าใจ ของ จขกท.ก็เข้าใจว่าเพียงกลุ่มนั้น เพราะราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น แรงงานขาด และธนาคารปล่อยกู้ยากขึ้น ส่วนในมุมของธุรกิจอสังหาฯ ที่สร้างเสร็จ ดำเนินธุรกิจมาแล้ว เช่นเดียวกับอพาร์ทเมนต์ของ จขกท. ก็คงได้รับผลกระทบจากที่จำนวนคู่แข่ง เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจุดนี้พวกเราก็พอจะเข้าใจและมองภาพออกมาจากประสบการณ์จริงแล้ว แต่ที่เราเป็นกังวลอีกก็ คือ หากเกิดฟองสบู่แตก ของธุรกิจอสังหาฯ กิจการของครอบครัวเราจะได้รับผลกระทบอะไรอีก ในด้านใดบ้าง...ควรจะศึกษาหรือเตรียมรับมืออย่างไรบ้างคะ
เนื่องจาก ครอบครัวของแฟนและ จขกท.เอง ก็ไม่ได้มีความรู้ทางการตลาดใดๆ เลย จึงรู้อะไรแบบไม่รู้จริงสักอย่าง และทนเก็บความสงสัยแบบไม่เข้าใจมานานแล้ว จึงตัดสินใจตั้งกระทู้นี้มาถาม และขอคำแนะนำจากผู้รู้ รบกวนช่วยพยายามเข้าใจและให้คำตอบหน่อยนะคะ...หากทำให้รำคาญ ไม่พอใจไป ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบ คำแนะนำ หรือแม้แต่คำตำหนิค่ะ
ฟองสบู่แตก...ธุรกิจอสังหาฯ ขอความรู้ ความกระจ่างจากผู้รู้ทุกคนด้วยค่ะ
เพราะทั้งหมดมันมาจาก จขกท. เองก็ไม่ได้รู้และเข้าใจอะไรมาก เพียงแค่มีพื้นฐานว่าครอบครัวของแฟนทำธุรกิจอพาร์ตเมนท์อยู่ที่ม.กรุงเทพฯ ที่รังสิต ซึ่งตัวกิจการเองยังมีภาระหนี้ต้องส่งธนาคารอยู่ทุกเดือน เดือนละหลายๆ แสน ทั้งยังเพิ่งจะรีไฟแนนซ์ใหม่กับ ธนาคารแห่งหนึ่งไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งยังเหลือภาระหนี้สินที่ต้องส่งอีกประมาณ 10 ปี แล้ว สำหรับตัวของธุรกิจเองนั้น รายได้ที่ได้แต่ละเดือนยังสามารถนำส่งเงินให้กับธนาคารได้และเหลือกำไรอีกบ้าง แต่ปัญหาที่ทางเรามองเห็นและเป็นกังวลมากที่สุด คงจะเป็นคู่แข่งที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำให้ห้องพักเราจากที่เคยเต็มๆ ก็ว่างไปสัก 10 ห้อง จากทั้งหมด 70 ห้อง และไหนจะช่วงนี้ก็ได้ยินมามากว่าจะเกิดฟองสบู่ ของธุรกิจอสังหาฯแตก อีก ซึ่งที่ลองๆ อ่านดู หลายฝ่ายคาดว่าคงจะอีกไม่กี่ปี
สิ่งที่ จขกท.ได้ศึกษามาบ้างจะกล่าวถึงในแง่ผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ที่กำลังจะสงมือสร้าง กำลังจะสร้างเสร็จซะมากกว่า และตามความเข้าใจ ของ จขกท.ก็เข้าใจว่าเพียงกลุ่มนั้น เพราะราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น แรงงานขาด และธนาคารปล่อยกู้ยากขึ้น ส่วนในมุมของธุรกิจอสังหาฯ ที่สร้างเสร็จ ดำเนินธุรกิจมาแล้ว เช่นเดียวกับอพาร์ทเมนต์ของ จขกท. ก็คงได้รับผลกระทบจากที่จำนวนคู่แข่ง เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจุดนี้พวกเราก็พอจะเข้าใจและมองภาพออกมาจากประสบการณ์จริงแล้ว แต่ที่เราเป็นกังวลอีกก็ คือ หากเกิดฟองสบู่แตก ของธุรกิจอสังหาฯ กิจการของครอบครัวเราจะได้รับผลกระทบอะไรอีก ในด้านใดบ้าง...ควรจะศึกษาหรือเตรียมรับมืออย่างไรบ้างคะ
เนื่องจาก ครอบครัวของแฟนและ จขกท.เอง ก็ไม่ได้มีความรู้ทางการตลาดใดๆ เลย จึงรู้อะไรแบบไม่รู้จริงสักอย่าง และทนเก็บความสงสัยแบบไม่เข้าใจมานานแล้ว จึงตัดสินใจตั้งกระทู้นี้มาถาม และขอคำแนะนำจากผู้รู้ รบกวนช่วยพยายามเข้าใจและให้คำตอบหน่อยนะคะ...หากทำให้รำคาญ ไม่พอใจไป ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบ คำแนะนำ หรือแม้แต่คำตำหนิค่ะ