วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 27

กระทู้คำถาม
วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์  และ  Q 


27

       มื้อเที่ยงนั้นสองหนุ่มสาวเพลิดเพลินกับอาหารทะเลสดๆ จากร้านอาหารของรีสอร์ต ท่ามกลางบรรยากาศหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้างดงาม 

       “อาหารใช้ได้ไหมครับ”

      “ค่ะ อาหารทะเลเขาสดมากเลยนะคะ”

      “อยู่บ้านป่า ไม่มีอาหารทะเลสดๆ ให้คุณทานเลย” ปกป้องออกตัว แค่เขาพรากหล่อนจากครอบครัวมาลำบากอยู่ในป่ากับเขาหลายอาทิตย์เช่นนี้เขาก็รู้สึกผิดมากแล้ว ฉะนั้นสิ่งใดที่เขาจะทำให้เนตริยามีความสุข สนุกสบาย เขาอยากจะทำ โดยเฉพาะรอยยิ้มตาเป็นประกายของหญิงสาวเช่นนั้น เขาอยากเห็นบ่อยๆ  

      เนตริยาอึ้งไปเล็กน้อย มองสบตาคู่นั้น และพิจารณาท่าทางของเขาที่พยายามเอาอกเอาใจ หญิงสาวไม่อยากยอมรับเลยว่าวันนี้เธอมีความสุขมากเพียงไร และความสุขที่เธอได้รับอยู่ในขณะนี้ทำให้เธออยากจะรักษาน้ำใจเขาด้วยการออกตัวเช่นกันว่า

      “ปกติก็ไม่ค่อยได้ทานอาหารทะเลหรอกค่ะถ้าไม่ได้มาเที่ยวทะเล ที่จริงได้ทานของสดสะอาดจากฟาร์มหลังบ้านคุณ ผักปลอดสารพิษแบบนั้น อยู่กรุงเทพฯ​ ไม่ค่อยมีโอกาสหรอกนะคะ”

      ปกป้องยิ้ม รับรู้ได้ว่ากำแพงที่หล่อนเคยตั้งไว้สูงลิ่ว ค่อยๆ ลดระดับลงมาแล้ว ในใจร่ำๆ จะบอกออกไปว่า อีกไม่นานแล้วที่เขาจะพาเธอกลับบ้าน แต่ก็ชะงักไว้ก่อน เขาอยากจะรอจังหวะดีๆ กว่านี้ค่อยบอกหล่อนเพราะมีหลายสิ่งที่เขาต้องอธิบาย

      หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่รีสอร์ตแล้ว ขากลับ ระหว่างทางกลับบ้านปกป้องตั้งใจว่าจะพาเนตริยาไปแวะเที่ยวไร่กาแฟที่อยู่บนเขา ที่เขาเคยเล่าให้ฟัง 
 
     “ถ้าคุณยังไม่เหนื่อย ผมจะพาคุณไปเที่ยวไร่กาแฟบนเขา หรือว่าคุณอยากจะกลับบ้านแล้ว” ปกป้องหันหน้ามาถามคนที่นั่งซ้อนท้าย

     “ยังค่ะ ยังไม่เหนื่อย” เนตริยารีบปฏิเสธเหมือนเด็กที่กลัวจะไม่ได้ไปเที่ยว

     ปกป้องได้ยินดังนั้นก็ยิ้มชอบใจ “ถ้าอย่างนั้นเราไปกันครับ” 

     เป็นวันที่ทั้งสองมีความสุขอย่างยิ่ง ราวกับชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งเริ่มทำความรู้จักกัน ต่างลืมเลือนไปสิ้นว่าทั้งเขาและหล่อนอยู่ในสถานะอะไร 

      มอเตอร์ไซค์วิ่งฝ่าเปลวแดดออกมาจากชายหาดเพื่อขึ้นสู่ถนนใหญ่

      เส้นทางไปยังไร่กาแฟบนภูเขาที่ปกป้องจะพาเนตริยาไปนั้นอยู่ก่อนถึงตลาด แม้จะเป็นถนนขึ้นเขาแต่ก็เป็นถนนลาดยางอย่างดีที่อบต. สร้างให้เพราะเล็งเห็นว่าเป็นการช่วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ชาวไร่จะได้นำเมล็ดกาแฟลงจากเขามาขายในเมืองได้อย่างสะดวก

     “ผมรู้จักกับเจ้าของไร่กาแฟแห่งนี้ เคยแวะมาซื้อกาแฟเขาบ่อยๆ เพราะติดใจรสชาติ คุยไปคุยมาก็เลยถูกคอกัน” ปกป้องเล่า มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้วที่จะต้องทำความรู้จักกับทุกคนในละแวกนี้เพื่อการข่าว ใครจะรู้ว่าการมาทำไร่กาแฟอาจเป็นฉากบังหน้าธุรกิจผิดกฎหมายหรือมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่ก็ได้ 

     เมื่อพวกเขาไปถึงไร่ก็เจอกับเจ้าของพอดี ทั้งหมดต่างทักทายกัน  

     “สวัสดีครับหมอป้อง ไม่ได้เจอกันนานเลย” เจ้าของไร่โอภาปราศรัย

     “สวัสดีครับคุณวิทยา กาแฟที่บ้านหมดพอดีก็เลยแวะมาอุดหนุนนี่ล่ะครับ” แล้วหันไปแนะนำเนตริยา “นี่คุณเนตร มาช่วยงานผม ติดใจกาแฟที่นี่เหมือนกัน เลยขอมาชมไร่”

     “ได้ครับ ยินดี” แล้วเจ้าของไร่ก็เดินนำทั้งสองเข้าไปในไร่ 

     “กาแฟของเราเป็นกาแฟพันธุ์โรบัสต้าครับ หากคุณเนตรสังเกตดูจะเห็นว่าเราใช้เทคนิคการปลูกแบบต้นเตี้ย จะทำให้ได้ผลผลิตมากและคนงานสามารถเก็บได้ง่ายกว่า” เจ้าของไร่หันไปอธิบายให้แขกผู้มาใหม่ฟัง เนตริยารู้สึกทึ่งกับชาวไร่ที่นำความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาการเกษตร ท่าทางเขาไม่ใช่คนพื้นที่ น่าจะเป็นคนที่มีความรู้ ที่ผันตัวเองจากในเมืองมาใช้ชีวิตทำไร่ที่นี่

    “ตอนเด็กๆ เคยไปเที่ยวดอย เห็นพวกชาวเขาปลูกกาแฟต้นสูงๆ ไม่เตี้ยแบบนี้” เนตริยาเล่า

    “เขาอาจจะมีพื้นที่น้อยนะครับ  แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปปลูกแบบต้นเตี้ยหมดแล้ว”

     หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับสังเกตเห็นลวดสลิงที่ถูกขึงยาวขนานไปตามแนวต้นกาแฟต้นแรกจนถึงต้นสุดท้ายที่ปลายแถว ลวดนี้ถูกขึงสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร กิ่งของต้นกาแฟถูกผูกตรึงให้แผ่ออกไปตามแนวระนาบของลวดสลิงนั้น  

     “ต้องใช้ลวดขึงแบบนี้ด้วยหรือคะ ป้องกันต้นกาแฟล้มหรืออย่างไร”

     “ไม่ใช่ครับ คือ การขึงแบบนี้ เพื่อโน้มกิ่งลงมาผูกกับลวด เป็นการบังคับให้ต้นกาแฟแผ่กิ่งออกด้านข้าง พอตรงกลางว่างกิ่งใหม่ก็จะแตกออกมา เป็นการเพิ่มจำนวนกิ่ง เพราะเมล็ดกาแฟจะออกมาตามกิ่ง  ยิ่งมีกิ่งมาก เรายิ่งได้เมล็ดกาแฟมาก”

    “น่าทึ่งมากค่ะ” เนตริยาบอกพร้อมกับทำตาโต

     เจ้าของไร่จึงอธิบายต่อว่า

     “ผมเคยดูรายการช่องดิสคัฟเวอรี่ มีแพทย์ชาวอเมริกันคนหนึ่งแกไปลงทุนทำไร่กาแฟที่ฮาวาย แล้วคิดค้นเทคนิคนี้ขึ้นมา ผมก็เลยติดต่อขอไปดูงานที่นั่น แล้วเอาเทคนิคนี้มาใช้กับไร่ของเรา”

     เป็นความรู้ใหม่ที่ทำให้เนตริยายิ่งทึ่งมากขึ้น และยอมรับว่าถ้าเขาเป็นเพียงชาวไร่ธรรมดาไม่ใช่คนที่มีความรู้มาจากในเมือง ก็คงไม่มีช่องทางที่จะเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ เหล่านี้ได้

     “ตอนนี้กาแฟเริ่มออกดอกแล้วนะครับ มาดูต้นนี้ซิ ดอกเต็มแล้ว”  

       ดอกของต้นกาแฟที่เนตริยาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนั้นเป็นสีขาว ออกดอกมาตามกิ่งอัดแน่นจนขาวโพลนไปหมด

      “โอ สวยจังเลยค่ะ เพิ่งรู้นะคะว่าดอกกาแฟเป็นสีขาว” ท่าทางที่หญิงสาวตื่นเต้นกับความงามของดอกไม้เช่นนั้นทำให้ปกป้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วถามว่า

      “อยากถ่ายรูปไหม ผมถ่ายให้”  

      เนตริยาขยับเข้าไปโพสต์ท่ากับดอกกาแฟแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ ด้วยความลืมตัวคิดว่าตัวเองเป็นนักท่องเที่ยว

     “ถ่ายคู่กันไหมครับ ผมถ่ายให้” วิทยาอาสา 

      คราวนี้เนตริยาชะงักเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวขึ้นมา ปกป้องยิ้มเขิน แต่ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป เขายื่นโทรศัพท์ให้วิทยาแล้วเดินมายืนเคียงข้างหญิงสาว เนตริยาเก้อเขินวางหน้าไม่ถูก 

     “ยิ้มหน่อยครับคุณเนตร” วิทยาเตือนพร้อมกับเล็งกล้อง ปกป้องก้มลงมามองคนข้างๆ ทั้งคู่สบตากันในจังหวะที่วิทยากดชัตเตอร์ “อีกรูปนะครับ กันเสีย”  คราวนี้ทั้งสองมองกล้องวางหน้าปกติ เนตริยาแย้มปากออกมาเล็กน้อย 

     ปกป้องรับโทรศัพท์กลับมากดย้อนดูรูปแล้วยิ้มกับตัวเอง 

    “ไร่นี้มีพื้นที่เท่าไหร่คะ” เนตริยาหันไปคุยกับเจ้าของไร่แก้เก้อ ยังไม่หายเขินกับการถ่ายรูปคู่กับปกป้อง บางทีเจ้าของไร่อาจจะนึกว่าเขาและหล่อนเป็นแฟนกัน ดูรึ ตอนนั้นปกป้องก็รีบเข้ามายืนคู่ทันที ไม่เกรงใจกันบ้าง ไม่ได้อยากมีรูปคู่กับโจรสักนิด เนตริยานึกอย่างแง่งอน 

     “50 ไร่ครับ  แต่รอบๆ บริเวณนี้ก็มีชาวบ้านทำไร่กาแฟอยู่ 2 – 3 ราย ที่เห็นสุดลูกหูลูกตาไปจรดภูเขาลูกโน้น ไม่ได้มีแต่ต้นกาแฟของผมเจ้าเดียวนะครับ”

     เนตริยามองตามมือวิทยาชี้แล้วพยักหน้าเข้าใจ

    เดินชมไร่กันพอหมอปากหอมคอแล้ว วิทยาจึงชวนไปดูโรงงาน

    “พอดีช่วงนี้กาแฟกำลังออกดอก เราผ่านฤดูการเก็บเมล็ดไปแล้ว เหลือแต่การให้ปุ๋ยบำรุงต้น เดี๋ยวเชิญไปดูโรงงานทางโน้นดีกว่านะครับ” 

     โรงงานขนาดกลางนั้น พื้นที่เกินกว่าครึ่งเป็นโกดังเก็บเมล็ดกาแฟที่ตากแห้งแล้วถูกบรรจุอยู่ในกระสอบวางซ้อนๆ กันสูงจรดเพดาน  พื้นที่ส่วนที่เหลือเป็นที่ตั้งของเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟเครื่องใหญ่ และเครื่องบรรจุถุงที่มีคนงาน 5 คน กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น

     เนตริยาได้มาเห็นขั้นตอนการผลิตกาแฟตั้งแต่แรกเริ่มทั้งกระบวนการจากเจ้าของไร่ หล่อนรู้สึกประทับใจกับสิ่งใหม่ที่ได้เรียนรู้ในวันนี้

    “เหนื่อยกันหรือยังครับ แวะไปทานน้ำก่อนนะครับ” แล้ววิทยาก็พาทั้งสองไปที่ร้านกาแฟ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองออกไปเห็นวิวไร่กาแฟลดหลั่นกันไปตามที่ราบเชิงเขาที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาใหญ่น้อย โต๊ะเก้าอี้หลายชุดถูกจัดวางเรียงไปตามขอบระเบียงกลางแจ้ง เพื่อให้ลูกค้านั่งจิบกาแฟชมวิว ชุดเก้าอี้ที่ทำด้วยเหล็กดัดสีขาวเหล่านี้ดูอ่อนหวานตัดกับเบาะผ้าลายดอกไม้สีสันสดใสสไตล์วินเทจ 

     “น่ารักจังเลยค่ะ จัดได้สวยมาก” หญิงสาวหลุดปากชมออกมา หล่อนไม่คิดว่าจะมีร้านกาแฟที่สวยงามดูมีรสนิยมราวกับคาเฟ่เก๋ๆ แถบเขาใหญ่มาอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่ห่างไกลเช่นนี้  “แบบนี้คงจะมีแขกมาเที่ยวที่ไร่บ่อยๆ ซินะคะ” หล่อนคาดเดาจากการที่เจ้าของไร่เปิดร้านกาแฟเช่นนี้

     “ครับ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมไร่เราอยู่เรื่อยๆ ผมทำการตลาดออกสื่อ และทางอินเทอร์เน็ตด้วย”

      พนักงานของร้านนำน้ำเย็นมาเสิร์ฟทันทีที่ทั้งสองนั่งลง

     “คุณเนตรเห็นขั้นตอนในการผลิตเมล็ดกาแฟทั้งหมดแล้ว คงอยากจะชิมกาแฟของเราแล้วใช่ไหมครับ” 

     “ค่ะ เมื่อกี้ตอนอยู่ในโรงงาน หอมกาแฟมากๆ”

     ทั้งคู่ไม่ได้เลือกว่าจะสั่งกาแฟชนิดใด แต่ปล่อยให้เจ้าของไร่จัดกาแฟชนิดที่เขาต้องการจะนำเสนอมาให้ชิม

     ไม่นานพนักงานของร้านยกกาแฟสองถ้วยมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมจากกาแฟร้อนกรุ่นกลิ่นกำจายทำให้เนตริยารู้สึกถึงความสดชื่นขึ้นมาทันที

    “เชิญตามสบายนะครับ ผมขอตัวไปดูงานทางด้านโน้นก่อน” 

     “ขอบคุณที่พาชมไร่นะครับ” 

     “ยินดีครับ” เจ้าของไร่พูดเสร็จก็เดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟ

     “ลองชิมดูสิครับ แล้วคุณจะรู้ว่ากาแฟสดที่นี่อร่อยไม่เหมือนที่อื่น”

     “ใช่ยี่ห้อเดียวกับกาแฟที่ทานที่บ้านใช่ไหมคะ”

     “ครับ แต่เครื่องชงกาแฟของที่นี่เป็นเครื่องใหญ่ ดีกว่าที่บ้านอาจจะทำให้ได้รสชาติที่ดีกว่า”

     เนตริยายกถ้วยกระเบื้องเนื้อดีนั้นขึ้นค่อยๆ จิบกาแฟทีละนิด เมื่อหล่อนสัมผัสรสชาติของกาแฟที่เพิ่งผ่านการคั่วบดใหม่ ทำให้เธอคิดว่านี่คือกาแฟที่หอมและอร่อยที่สุดที่เธอเคยดื่มมา 

     “หอมมากจริงๆ ค่ะ” หล่อนหลับตาพริ้มและทำท่าซึมซับกับรสขมที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ภายในปากของเธอ

      ปกป้องยิ้มเมื่อเห็นภาพนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่