ท่ามกลางร้าน Slow Bar หรือร้านกาแฟ แนวSpecialtyเกิดขึ้นมากมายในยุค 5-6 ปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสแวะไปหลายร้าน บางร้านทำไม่ถึง Specialty บ้างสวนทางกับราคา บางร้านก็สมราคา แต่สำหรับ Ristretto ร้านนี้เชื่อว่าคอกาแฟจริงจังหลายคนน่าจะรู้จักอยู่แล้ว เพราะเปิดมานานมากๆ
ตัวร้านไม่ใช่ feel cafe สวยงามไปนั่งชิลถ่ายรูป หรือ ไม่ได้นำเสนอหน้าร้านให้เหมือนร้าน Specialty แต่ส่วนตัวบอกเลยว่ารสชาติกาแฟที่ได้ดีกว่าหลายๆร้านที่บอกตัวเองว่าเป็น Specialty
ก่อนโควิดนั้นร้านเปิดให้นั่งได้ตามปกติ นี่คือหน้าร้านก่อนช่วงยุคโควิดประมาณปี 2019 ซึ่งก็ดูยาวนานผ่านกาลเวลามามากๆแล้ว
แต่ปัจจุบันหน้าร้าน ผ่านกาลเวลายาวนานหนักขึ้นเข้าไปอีก เป็นแบบนี้ ซึ่งหลังโควิดซาไม่นาน ร้านจะเปิดเป็นแค่ counter เล็กๆให้เปิดหน้าต่างเพื่อสั่ง Take away เท่านั้น แต่ ณ วันนี้ เข้าไปสั่งในร้านได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีโต๊ะให้นั่งเหมือนเมื่อก่อน
มองข้ามเรื่องการตกแต่งร้านไป สิ่งที่เป็นไฮไลท์จริงๆคือรสชาติกาแฟที่ได้จากร้านนี้ต่างหาก เพราะที่เคยได้ยินมาจากคนรอบตัวที่มีบางคนรู้จักเข้าของร้านเล่าให้ฟังว่า พี่เจ้าของร้านคือตัวจริงเรื่องกาแฟ และพิถีพิถันในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟมาก
เนื่องจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าพี่เจ้าของร้านจะค่อนข้างนิ่งๆ แน่นอนเราไม่ค่อยกล้าถามอะไรซอกแซก เพราะปกติร้านกาแฟที่เราไป เราจะชอบถามว่าใช้เมล็ดประเทศไหนอะไรยังไง แต่ดูจากเมล็ดในโถกาแฟแล้วสีสันสวยงามแบบที่ร้านแนว Specialty ควรจะเป็น
ร้านนี้ไม่ได้มี pour over แนว slow bar จะเป็น speed bar เท่านั้น ซึ่งเมนูประจำของเราคือ Americano ซึ่ง Taste note ที่ได้หลังจิบเข้าไป มันมีความ berry พลุ่งพล่านในปาก เราเลยเดาว่ามันต้องมีเมล็ด Ethiopia อยู่ในนั้น
ความพิเศษของร้านนี้คือไปกี่ครั้งๆ รสชาติที่ออกมาดีงามตลอด ไม่เคยเจอครั้งไหนที่จิบแล้วรู้สึก fail เลย และรสชาติที่กินทั้งแก้วคงที่ตลอด ซึ่งหลายๆร้านจิบไปนิดหน่อยพอกลางๆแก้วเริ่มเจือจางก็มี
แล้วล่าสุดคิดว่า Americano ยังทำออกมาได้รสชาติดีขนาดนี้ เลยอยากลอง Espresso shot ดูว่าจะขนาดไหน สั่งมาทางร้านก็จะเสิร์ฟน้ำเปล่ามาให้จิบล้างปากก่อน เพื่อรับรู้รสชาติกาแฟจริงๆ สรุปคือจิบปุบ ประทับใจมากๆ เหมือนมีพลุระเบิดในปาก ความเปรี้ยวที่ดี ความ Aroma มันพุ่งทั่วปาก after taste คือดีงามมาก
ราคาทั้ง 2 แก้วเท่ากันคือแก้วละ 100 บาท ซึ่งราคาพุ่งมาจาก 2 - 3 เดือนที่แล้วประมาณนึงเลยทีเดียว อาจเพราะเมล็ดกาแฟรอบนี้เปลี่ยนไป หรือราคาขึ้นจริงๆเราไม่แน่ใจเพราะยังไม่กล้าคุยกับพี่เจ้าของร้านใดๆ
แต่ราคานี้รสชาตินี้ คุ้มค่าเกินราคาสำหรับคอกาแฟแน่นอน และถือว่าราคายังเบากว่าร้าน Specialty จ๋าๆทั่วไปที่ราคาเดี๋ยวนี้ 200-300+ ต่อแก้วไปจนถึงเป็น 1,000 ก็มีมาแล้ว
ซึ่งร้าน Ristretto อยู่ลาดพร้าว 71 จอดรถหน้าร้านได้ หรือซอยข้างๆจะมีที่จอดรถเสียเงินอยู่
[CR]Ristretto ลาดพร้าว71 ร้านกาแฟในตำนาน คอกาแฟที่รัก Espresso Americano ต้องไม่พลาดจริงๆ
ท่ามกลางร้าน Slow Bar หรือร้านกาแฟ แนวSpecialtyเกิดขึ้นมากมายในยุค 5-6 ปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสแวะไปหลายร้าน บางร้านทำไม่ถึง Specialty บ้างสวนทางกับราคา บางร้านก็สมราคา แต่สำหรับ Ristretto ร้านนี้เชื่อว่าคอกาแฟจริงจังหลายคนน่าจะรู้จักอยู่แล้ว เพราะเปิดมานานมากๆ
ตัวร้านไม่ใช่ feel cafe สวยงามไปนั่งชิลถ่ายรูป หรือ ไม่ได้นำเสนอหน้าร้านให้เหมือนร้าน Specialty แต่ส่วนตัวบอกเลยว่ารสชาติกาแฟที่ได้ดีกว่าหลายๆร้านที่บอกตัวเองว่าเป็น Specialty
ก่อนโควิดนั้นร้านเปิดให้นั่งได้ตามปกติ นี่คือหน้าร้านก่อนช่วงยุคโควิดประมาณปี 2019 ซึ่งก็ดูยาวนานผ่านกาลเวลามามากๆแล้ว
แต่ปัจจุบันหน้าร้าน ผ่านกาลเวลายาวนานหนักขึ้นเข้าไปอีก เป็นแบบนี้ ซึ่งหลังโควิดซาไม่นาน ร้านจะเปิดเป็นแค่ counter เล็กๆให้เปิดหน้าต่างเพื่อสั่ง Take away เท่านั้น แต่ ณ วันนี้ เข้าไปสั่งในร้านได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีโต๊ะให้นั่งเหมือนเมื่อก่อน
มองข้ามเรื่องการตกแต่งร้านไป สิ่งที่เป็นไฮไลท์จริงๆคือรสชาติกาแฟที่ได้จากร้านนี้ต่างหาก เพราะที่เคยได้ยินมาจากคนรอบตัวที่มีบางคนรู้จักเข้าของร้านเล่าให้ฟังว่า พี่เจ้าของร้านคือตัวจริงเรื่องกาแฟ และพิถีพิถันในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟมาก
เนื่องจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าพี่เจ้าของร้านจะค่อนข้างนิ่งๆ แน่นอนเราไม่ค่อยกล้าถามอะไรซอกแซก เพราะปกติร้านกาแฟที่เราไป เราจะชอบถามว่าใช้เมล็ดประเทศไหนอะไรยังไง แต่ดูจากเมล็ดในโถกาแฟแล้วสีสันสวยงามแบบที่ร้านแนว Specialty ควรจะเป็น
ร้านนี้ไม่ได้มี pour over แนว slow bar จะเป็น speed bar เท่านั้น ซึ่งเมนูประจำของเราคือ Americano ซึ่ง Taste note ที่ได้หลังจิบเข้าไป มันมีความ berry พลุ่งพล่านในปาก เราเลยเดาว่ามันต้องมีเมล็ด Ethiopia อยู่ในนั้น
ความพิเศษของร้านนี้คือไปกี่ครั้งๆ รสชาติที่ออกมาดีงามตลอด ไม่เคยเจอครั้งไหนที่จิบแล้วรู้สึก fail เลย และรสชาติที่กินทั้งแก้วคงที่ตลอด ซึ่งหลายๆร้านจิบไปนิดหน่อยพอกลางๆแก้วเริ่มเจือจางก็มี
แล้วล่าสุดคิดว่า Americano ยังทำออกมาได้รสชาติดีขนาดนี้ เลยอยากลอง Espresso shot ดูว่าจะขนาดไหน สั่งมาทางร้านก็จะเสิร์ฟน้ำเปล่ามาให้จิบล้างปากก่อน เพื่อรับรู้รสชาติกาแฟจริงๆ สรุปคือจิบปุบ ประทับใจมากๆ เหมือนมีพลุระเบิดในปาก ความเปรี้ยวที่ดี ความ Aroma มันพุ่งทั่วปาก after taste คือดีงามมาก
ราคาทั้ง 2 แก้วเท่ากันคือแก้วละ 100 บาท ซึ่งราคาพุ่งมาจาก 2 - 3 เดือนที่แล้วประมาณนึงเลยทีเดียว อาจเพราะเมล็ดกาแฟรอบนี้เปลี่ยนไป หรือราคาขึ้นจริงๆเราไม่แน่ใจเพราะยังไม่กล้าคุยกับพี่เจ้าของร้านใดๆ
แต่ราคานี้รสชาตินี้ คุ้มค่าเกินราคาสำหรับคอกาแฟแน่นอน และถือว่าราคายังเบากว่าร้าน Specialty จ๋าๆทั่วไปที่ราคาเดี๋ยวนี้ 200-300+ ต่อแก้วไปจนถึงเป็น 1,000 ก็มีมาแล้ว
ซึ่งร้าน Ristretto อยู่ลาดพร้าว 71 จอดรถหน้าร้านได้ หรือซอยข้างๆจะมีที่จอดรถเสียเงินอยู่