ยิ่งชีพปรินต์จม.โชว์ รัฐล้วงข้อมูลปชช. ตะโกนบอกผู้นำเอเปค ประเทศนี้ไม่มีความเป็นส่วนตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3680355

ยิ่งชีพปรินต์จม.โชว์ รัฐล้วงข้อมูลปชช. ตะโกนบอกผู้นำเอเปค ประเทศนี้ไม่มีความเป็นส่วนตัว
 
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศกิจกรรมของกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค 2022
   
เมื่อเวลาราว 18.30 น. นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ ขึ้นเวที โดยนำกระดาษอาร์ตมีนขนาดใหญ่พิมพ์ข้อความแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กว่ามีการใช้โปรแกรมเจาะข้อมูลจากรัฐบาล ซึ่งมีผู้ได้รับอย่างน้อย 26 คน

จากนั้น ตัวแทนจากกลุ่มสังคมนิยมแรงงานขึ้นปราศรัยเรียกร้องความเป็นธรรม วิพากษ์ประเด็นเศรษฐกิจ

---

ชาวมุกดาหาร เว้าอีสานเล่าความเดือดร้อน จากเหมืองแร่ สู่ทวงผืนป่า ล่าสุดเจอกังหันลม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3680386

ชาวมุกดาหาร เว้าอีสานเล่าความเดือดร้อน จากเหมืองแร่ สู่ทวงผืนป่า ล่าสุดเจอกังหันลม
 
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศกิจกรรมของกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค 2022
 
เมื่อเวลาราว 18.50 น. นางสมัย พันธะโคตร ตัวแทนเครือข่ายเจ้าของแร่ มุกดาหาร ขึ้นกล่าวเป็นภาษาอีสาน เล่าถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ว่าเมื่อปี 2559 รัฐบาลเอาเหมืองแร่เข้ามาในพื้นที่ สู้มา 2-3 ปี พอจบ ก็นำโครงการทวงคืนผืนป่าเข้ามาบอกให้ชาวบ้านย้ายจากพื้นที่ ทั้งที่เคยทำมาหากินกันมาก่อนปี 2557  พวกตนสู้อีก 5-6 ปี มีการตั้งคณะทำงานผ่านมา 2 คณะ รัฐบาลลงตรวจสอบพบว่า ชาวบ้านไม่ผิด
 
นางสมัยกล่าวต่อไปว่า ล่าสุด เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เอง มีหมุดมาปักอีก โดยเกี่ยวข้องกับโครงการกังหันลม ชาวบ้านไปยื่นหนังสือ ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่พิพาทมา 5-6 ปี แต่ไม่เป็นผล แต่โครงการกังหันลมยื่นหนังสือ 14 วันได้รับการเห็นชอบ
 
ทั้งนี้ นางสมัย ยังขอให้มีการถอนมติดังกล่าวที่ผ่านการเห็นชอบ โดยระบุว่า ถ้าหากไม่ถอน จะขนลูกหลานไปนอนที่เทศบาล
 
จากนั้น เป็นวงเสวนา ‘วิพากษ์เอเปค 2022 ฟอกเขียวกลุ่มผูกขาด’ โดย นายกอเฉม สะอุ  ตัวแทนกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น, นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ, ‘โน่’ จากกลุ่มราษฎรโขงชีมูน และ นายธารา บัวคำศรี ผอ.กรีนพีซ ประเทศไทย
 
นายจำนงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความชอบธรรม พยายามฟอกตัวเอง ตอนนี้ยังไม่ตอบเลยว่าจะไปอยู่พรรคไหน ดิ้นรนทุกเรื่องให้ตัวเองกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
 
นโยบายจากรัฐบาล ต้องแก้ด้วยนโยบาย ไม่ใช่กฎหมาย ชาวบ้านโดนคดีปิดปาก คนไม่ผิดกลายเป็นผิด เราต้องฟ้องโลกว่าประสบปัญหาอะไรบ้างในประเทศ

---

 
“ตรีชฎา” ตอกซ้ำรบ.ประจานนโยบายกัญชาเสรีพลาดแล้วพลาดอีก  ชี้ เป็นยาเสพติด ไม่ใช่ “ตะไคร้-กะเพรา” วอนเร่งแก้ก่อนสายกว่านี้
https://siamrath.co.th/n/400215

วันที่ 17 พ.ย. 65 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยและประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงออกมาพูดว่า กัญชา ก็คือตะไคร้และใบกะเพรา ตนได้ฟังแล้วสะดุ้ง และคิดว่าประชาชนคนไทยก็คงต้องเอามือทาบอก ไม่เชื่อว่าคนระดับนี้ที่มีตำแหน่งและบทบาทสำคัญในพรรคร่วมรัฐบาลจะพูดในสิ่งที่ทำใหัคนอึ้งทั้งประเทศ ที่มีการเอากัญชาไปเปรียบเทียบกับพืชผักสวนครัวอย่างใบกระเพราและต้นตะไคร้ซึ่งมีประโยชน์ใช้ปรุงอาหาร มีสรรพคุณทางโภชนาการ ส่วนกัญชามีข้อมูลจากเวบไซต์ของกองควบคุมสารเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ในกัญชามีสารเคมี cannabinoids ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท คือ d9- tetrahydrocannabinol (thc) และสารดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 1 ตาม พระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มีสารเสพติด บริโภคเข้าไปทำให้จิตประสาทหลอนได้ จึงทำให้มีการตรากฏหมายเพื่อควบคุมการนำกัญชามาเสพ ใครฝ่าฝืนจะมีโทษ ฤทธิ์ของกัญชาเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย จะแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาที และจะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามกัญชานั้นประโยชน์ในทางการแพทย์ ต้องมีแพทย์ควบคุมปริมาณการใช้ที่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครปฏิเสธ
        
นางสาวตรีชฎากล่าวต่อว่า นายศุภชัย ควรถอนคำพูดและกล่าวขอโทษต่อสังคมเพื่อแสดงความรับผิดชอบในสิ่งผิดพลาดในการสื่อสารสาธารณะออกไปเช่นนั้น สิ่งที่ทำนั้นเป็นไปเพื่อหาทิศทางไปสู่ความชอบธรรมเพื่อให้มองว่ากัญชาคือพืชในตำรับยาอายุวัฒนะไม่ได้ ควรจะยอมรับความเป็นจริงว่า ในประโยชน์ยังมีโทษแฝงอยู่อย่างมากมาย ที่ต้องบอกความจริงกับประชาชนและเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆไม่ได้แฝงประโยชน์อื่นใด สาเหตุที่ฝ่ายค้านไม่สามารถผ่านกฎหมายควบคุมกัญชา กัญชง ได้เพราะวันนี้หลังจากปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดกลายเป็นปัญหาที่เยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายและลูกหลานตกเป็นทาสกัญชาจนเป็นภาพปรากฎทางสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์มากขึ้น ภาพของเด็กนักเรียน 4 คนในชุดนักเรียนที่จังหวัดหนี่ง นั่งเสพกัญชาและข้อความระบุว่า “เด็กนักเรียนมั่วสุมกันทั้งก่อนเข้าเรียนและหลังเลิกเรียน” ยังทำให้ท่านคิดไม่ได้และบอกว่านั่นเป็นหน้าที่ของครูหรือหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูเหมือนเป็นการไม่รับผิดชอบสังคมเอาเสียเลย เพราะนั่นคือ การแก้ปลายเหตุ เพราะต้นเหตุคือ การปล่อยเสรีโดยไม่ได้เตรียมพร้อมรับปัญหาที่เกิดขึ้น ในความเป็นจริงคิดเพียงแต่ผลประโบชน์ทางเศรษฐกิจโดยปล่อยเยาวชนลูกหลานไว้ข้างหลัง
       
นางสาวตรีชฎากล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยและหลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงเด็กและเยาวชนจะพลัดหลง ปรากฏการณ์เด็กและเยาวชนเสพกัญชาเกลื่อนเมืองโดยคิดว่าดีต่อสมองจะตามมา หากเราไม่รีบหยุดกัญชาเสรีเสียตั้งแต่วันนี้  แล้วยกเครื่องการควบคุมป้องกันครั้งใหญ่ ก่อนจะขยายวงไปมากกว่านี้  การบริหารประเทศของรัฐบาลแบบเหลาะๆแหละๆเหมือนเด็กแย่งขนมอยู่ในเวลานี้ พรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้
        
“ การแก้ปัญหากัญชาเสรีของรัฐบาลเหมือนวัวพันหลักที่ปล่อยให้พรรคภูมิใจไทย ที่รับผิดชอบกระทรวงสาธารณสุขไปออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขแก้ไขฉบับเดิม ล่าสุดออกประกาศควบคุมช่อและดอกกัญชา แล้วมาซักฟอกกันเองในที่ประชุม ครม.ระหว่างประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยโดยที่หัวหน้ารัฐบาลนั่งดูดาย ไม่จัดการอะไรให้ได้ข้อยุติ พรรคเพื่อไทยจึงเป็นห่วงอนาคตของเด็กและเยาวชนในวันนี้และวันข้างหน้า  ประชาขนต้องดูแลกันเอง เพราะตอนนี้หวังอะไรจากรัฐบาลไม่ได้แล้ว” นางสาวตรีชฎา กล่าว 

---

 
ชูวิทย์ หอบหลักฐาน กลุ่มทุนจีนสีเทา ลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ให้ตำรวจ แฉมีนักการเมืองโคราชขายเจ็ตให้ ก่อนบินหนี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7370387
 
17 พ.ย. 2565 – ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มทุนสีเทาชาวจีน ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. นำไปเป็นข้อมูลประกอบการปราบปรามกลุ่มนายทุนต่างชาติ ที่ลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย
 
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ต้องการนำข้อมูลมาให้ตำรวจ ขยายผลตรวจสอบทุนจีนผิดกฎหมายที่ยังหลงเหลือในประเทศ เพราะเป็นเรื่องสำคัญซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ นายตู้ ห่าว นายทุนชาวจีนที่หลบหนีไปช่วงเช้าตรู่วันที่ 26 ต.ค. ด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซึ่งซื้อต่อมาจากนักการเมืองใน จ.นครราชสีมา แต่ไม่พบรายชื่อในบันทึกการบิน
 
โดยนายทุนจีนใช้อิทธิพลพัวพันไปถึงเจ้าหน้าที่และนักการเมือง ทั้งที่ปกติ เครื่องบินส่วนตัวจะถูกจอดที่บริษัทการบินย่านดอนเมือง และที่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย แต่เครื่องบินดังกล่าวถูกจอดที่ศูนย์ฝึกการบินพลเรือนที่จำกัดสิทธิ์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
 
ภายในสัปดาห์หน้า ตนจะเปิดเผยข้อมูลของตัวการ และผู้เกี่ยวข้องที่กระทรวงยุติธรรม และศาลอาญา เพื่อเป็นการจองเวรจองกรรม ชดใช้กรรมเก่าที่ตนเคยทำไว้