ซัดรัฐบาล 4 ปี ไม่เหลียวแล ร.ร.เอกชน นายกฯ เมืองคอนสุดทน ชวนครูเอกชน 3.5 แสน เทคะแนนให้พรรคที่พร้อมช่วย
https://www.matichon.co.th/education/news_3844499
นายกสมาคม ร.ร.เอกชนเปิดผลสำรวจ ผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอม 3-4 พันล.ทำเจ็บหนักต้องทยอยปิดกิจการ ซัดรัฐบาล 4 ปี ไม่เคยเหลียวแล เมินช่วยค่าอาหารกลางวัน 100% ปล่อยโรงเรียนเคว้งท่ามกลางวิกฤตโควิด ด้านผู้บริหารเอกชนเมืองคอนสุดทน รณรงค์ครูเอกชนกว่า 3.5 แสนคน ลงคะแนนพรรคที่มีนโยบายช่วยโรงเรียนเอกชน ดัดหลัง ‘รัฐบาล-รมต.ศธ.’ ไม่สนใจ ปล่อยโรงเรียนดิ้นเอาตัวรอดเอง
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ดร.
ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) เปิดเผยว่า กรณีกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านออนนุช ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) หลังโรงเรียนแจ้งปิดกิจการล่วงหน้าเพียง 14 วัน ทำให้ผู้ปกครองได้รับผลกระทบ ไม่สามารถหาที่เรียนให้บุตรหลานได้ทัน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 10,000-30,000 บาท ทั้งค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน ค่าเรียนซัมเมอร์นั้น เชื่อว่า สช.จะดำเนินการช่วยเหลือ และหาทางออกต่อไป ทั้งนี้ เห็นว่าทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองกระชั้นชิดเกินไป เพราะตามที่กฎหมายกำหนด โรงเรียนจะต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้าก่อน 120 วัน
“
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ของโรงเรียนเอกชนในปัจจุบัน ว่าอยู่ในสภาวะขาดทุนหรือไม่ ผมมองว่าโรงเรียนเอกชนทุกแห่งเจ็บ และได้รับผลกระทบหนัก ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แล้ว เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โรงเรียนเอกชนทุกแห่งค่อยๆ ฟื้นตัว แต่โรงเรียนเอกชนในกรุงเทพฯ อาจได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะโรงเรียนจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงเรียนเอกชนในต่างจังหวัด ประกอบกับผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอมจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนอาจจะไปต่อไม่ได้” ดร.
ศุภเสฏฐ์ กล่าว
ดร.
ศุภเสฏฐ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ส.ปส.กช.ได้สำรวจโรงเรียนเอกชนว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่พบว่าโรงเรียนจะเจอปัญหาผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอม โดยพบผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอมมากถึง 2-3 พันล้านบาท ที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนพยายามบริหารจัดการเรื่องนี้ เช่น ให้ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมครึ่งหนึ่ง บางแห่งถึงกับยกค่าเทอมให้ผู้ปกครอง เป็นต้น ซึ่งยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษา ครูก็อาจจะได้เงินเดือนไม่เต็มจำนวน แต่โรงเรียนต้องพยายามรักษาตนเองให้อยู่รอด โรงเรียนบางแห่งต้องหาแหล่งเงินกู้ แม้ที่ผ่านมา สช.ให้โรงเรียนเอกชนยื่นกู้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ โดยให้กู้ได้สูงสุดรายละ 3 ล้านบาท แต่บางโรงเรียนไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสามารถเปิดได้ปกติ และหารายได้ด้วยตนเอง ทำให้โรงเรียนมีเงินที่มาบริหารจัดการ และเปิดต่อไปได้
“
ตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด รัฐบาลไม่ช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนเลย ที่ผ่านมาจะช่วยเหลือผู้ปกครอง เช่น คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.และนอก ศธ.ทั้งภาครัฐ และเอกชน ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้น ม.6 และอาชีวศึกษาทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง เมื่อผู้ปกครองได้รับเงิน บางคนเอาไปจ่ายเป็นค่าเทอมให้โรงเรียน แต่บางคนนำไปใช้จ่ายส่วนตัว ขณะที่โรงเรียนเอกชน ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเลย” ดร.
ศุภเสฏฐ์ กล่าว
ดร.
ศุภเสฏฐ์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนเรียกร้องขอเพิ่มเงินอุดหนุนอาหารกลางวันนักเรียน 100% ก็ไม่เคยได้ ในขณะที่นักเรียนต่างชาติที่เรียนในโรงเรียนรัฐ กลับได้รับเงินอุดหนุน 100% อยากถามว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเคยช่วยเหลืออะไรโรงเรียนเอกชนไปแล้วบ้าง ตนอยากให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา เข้าใจใหม่ว่าโรงเรียนเอกชนช่วยจัดการศึกษาให้กับประเทศ และรัฐบาลต้องหาทางช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนด้วย
ด้าน ดร.
ณัฐวุฒิ ภารพบ นายกสมาคมการศึกษาเอกชนนครศรีธรรมราช กล่าวว่า กรณีของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุชปิดกิจการนั้น มองว่าโรงเรียนอาจประสบปัญหาขาดทุนมานาน แต่การแจ้งปิดกิจการควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้าก่อน 120 วัน ซึ่งปัญหานี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เคยสนใจใยดีโรงเรียนเอกชนเลย ที่ผ่านมา 4 ปี มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กี่คนแล้ว ซึ่งทุกคนแทบไม่สนใจใยดีโรงเรียนเอกชนเลย แต่เมื่อเจอปัญหา โรงเรียนเอกชนต้องช่วยเหลือดูแลดิ้นรนกันเองทั้งนั้น
ดร.
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า หลังจากรัฐบาลชุดนี้ประกาศยุบสภา จะรอดูนโยบายพรรคการเมืองต่างๆ หากพรรคไหนที่มีนโยบายช่วยเหลือโรงเรียนเอกชน ส่งเสริมสวัสดิการครูเอกชน หรือมีนโยบายผลักดันเงินอุดหนุนอาหารกลางวันให้นักเรียนโรงเรียนเอกชน จากเดิมที่ได้รับ 28% ให้ได้รับ 100% ตนจะรณรงค์ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน ที่มีกว่า 350,000 คน ให้เลือกพรรคที่มีนโยบายช่วยเหลือครูเอกชนในบัตรเลือกตั้งใบที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเลือกพรรค ให้ลงคะแนนสำหรับพรรคการเมือง ที่ใช้คิดหาสัดส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ส่วนบัตรใบที่ 1 ที่เป็นบัตรเลือก ส.ส.เขต ให้ประชาชนได้ลงคะแนนเลือกบุคคลตามการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาเลือกตามใจชอบ
“
ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนเลย เราต้องดิ้นรนหาทางรอดกันเอง ขณะนี้ทราบว่ามีโรงเรียนเอกชนบางแห่งไปไม่รอด อย่างใน จ.นครศรีธรรมราช ผมทราบว่ามีโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แจ้งผู้ปกครองแล้วว่าปีการศึกษาหน้าขอให้ผู้ปกครองหาที่เรียนให้ลูกใหม่ เพราะโรงเรียนจะปิดแล้ว ทั้งที่จริงๆ แล้ว โรงเรียนเอกชนถือเป็นการจัดการศึกษาที่ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาล จัดการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ” ดร.
ณัฐวุฒิ กล่าว
'ชูวิทย์'ท้าดีจริง ให้หมอ-พยาบาลพี้'กัญชา' ชี้เหรียญมีสองด้าน
https://siamrath.co.th/n/426491
นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว "
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ระบุว่า
กัญชา เหรียญสองด้าน สนองกิเลสพรรคภูมิใจไทย ผมฟังคนรู้มาก แม้กระทั่งหมอแท้ๆ ออกมาสาธยายกัญชาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เหมาะสำหรับคนคลื่นไส้อาเจียน ประสาทวิตก กังวลถึงอัลไซเมอร์
ผมก็ไม่เคยเถียงว่ากัญชาไม่มีด้านดี แต่โทษต่อสุขภาพและสังคมก็มีเช่นกัน กัญชา “มีคุณอนันต์ย่อมมีโทษมหันต์” ป่าวประกาศกันแต่ประโยชน์ตามนโยบาย “กัญชาทางการแพทย์” แต่ที่ไม่บอก คือ “โทษของกัญชา” คนเสพมากเสพน้อยกันอย่างไร? และปัญหาใหญ่ คือ “การควบคุมกัญชา”
จะโปรโมทให้ใช้ ให้ปลูก ให้ขาย แต่ไม่เคยคิดว่ามาตรการควบคุมต้องเป็นอย่างไร ปล่อยให้ขายสะเปะสะปะ ไม่มีปัญญาควบคุม แล้วไปโยนให้ตำรวจทำหน้าที่ ทั้งที่ทุกวันนี้ตำรวจมีงานอาชญากรรมสารพัดต้องปราบปราม คงเห็นว่าตำรวจว่างงานมากนักหรือไง?
นโยบายพรรคภูมิใจไทยเจ้ากระทรวงที่เอาแต่ข้อดีมาอวดอ้าง “ลักไก่” ใช้กฎกระทรวง แต่ไม่ผ่านสภา เพื่อเร่งรัดอวดผลงานเกินเหตุไว้หาเสียง คงได้ฝันไปถึงให้พี้เสรี แต่ก็ไม่เลือก เพราะผลักดันกัญชาเสรีโดยไม่มีมาตรการที่รัดกุมเพียงพอ แล้วโยนภาระหน้าที่ควบคุมปราบปรามไปให้ตำรวจ ละเลยเยาวชนที่ “พี้สันทนาการ”
ข้อดีของกัญชาก็มี แต่จะคุ้มกับการเผยแพร่เกินจริงให้เยาวชนหลงผิดหรือไม่? หากกัญชาดีทางการแพทย์ ก็ให้แพทย์กับเภสัชกรสั่งจ่ายในโรงพยาบาลสิครับ เหมือน “ฝิ่น” เพราะฝิ่นก็ใช้ทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นจะมาขายเสรีให้เสพกันเกลื่อนเหมือนกัญชา หรือนโยบายต่อไปเป็น “ฝิ่นเสรีทางการแพทย์” อีก แค่คิดก็สยองแล้ว
ผลกระทบถึงสังคม เด็ก เยาวชน เป็นยังไง? เคยสำรวจกันไหม? ปากบอกเหมือนเหรียญสองด้าน แต่เอาแค่ข้อดีใส่ปากหมอโฆษกฯ พ่นออกมา แล้วข้อเลว เสพเกิน เสพผิด เสพมากใครตัดสิน ใครควบคุม ช่วยบอกที ทุกวันนี้ลองเดินเข้าร้านกัญชาดูสิครับ จะซื้อมากเท่าไหร่ก็ขายให้ ไร้การควบคุม
แม้แต่ “ยาแผนปัจจุบัน” ยังมีระบุไว้ข้างขวดว่า “กินครั้งละกี่เม็ด วันหนึ่งกินไม่ควรเกินเท่าไหร่?” แล้วทำไมกัญชาไม่ระบุ เสพกันตามใจชอบหรือไงครับ? เยาวชนจะซื้อเคยตรวจเคยถามบ้างไหม? มีกฎสำหรับคนขายที่ขายให้คนป่วยไหม? หรือจะซื้อไปพี้ แยกแยะได้ไหม? มีแต่ขายกันมั่วไปหมดทั้งเยาวชนไปยันคนแก่ เพราะหมอบอกว่าดี ไม่มีลิมิต
ส่วนจะป่วยแบบที่ว่าเป็น อัลไซเมอร์ เข้าไปเดินหาซื้อมันไม่มีหรอกครับ แล้วอีกกว่า 150 ประเทศ ยังถือว่า “กัญชาเป็นยาเสพติด” และไทยเป็นภาคีมีอนุสนธิสัญญาร่วมด้วย จะว่าไง? สหประชาชาติก็ยังถือว่า “กัญชา ฝิ่น” เป็นยาเสพติดอยู่ ทำไมเขาถึงไม่ปลดล็อคล่ะครับ ก็เพราะเขาเห็นถึงโทษด้วยไง และการควบคุมมันทำลำบาก
หากไทยปล่อยให้ขายกันเกลื่อนเมืองแบบนี้ เปิดอล่างฉ่าง เป็นศูนย์กลางกัญชา “สารตั้งต้นยาเสพติดโลก” มันภูมิใจนักใช่ไหม เด็กวัยรุ่น เยาวชน ติดกัญชากันงอมแงม ต่อไปจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงครับ?
ไหนจะปัญหาที่ตามหลังมา ผลของสุขภาพในระยะยาว เพราะเพิ่งมีผลวิจัยอยู่ไม่กี่ปีนี่เอง แต่ผลกระทบต่อสังคมไม่พูดถึง จะรีบเร่งเอาใจตอบสนองเพียงเพราะเป็น “นโยบายของพรรคภูมิใจไทย” เจ้ากระทรวงสาธารณสุขเพื่อเอาไว้หาเสียงเท่านั้นหรือ?
ส่วนปัญหา “บุหรี่ไฟฟ้า” ผมก็ไม่เคยบอกว่ามันมีประโยชน์ เพราะทั้งไฟฟ้า และไม่ไฟฟ้าที่ขายถูกกฎหมาย ยังเขียนแปะหน้าซองถึงอันตรายของบุหรี่ แถมมีรูปสารพัดโรคให้ดูต่างหน้า และไม่ให้โฆษณา แต่กัญชาโฆษณาได้โดยหมอกระทรวงสาธารณสุข แล้วบุหรี่ไฟฟ้าที่ว่าผิดกฎหมาย กลับขายกันเกลื่อนเมือง ทั้งข้าราชการ ประชาชน สูบกันทั่ว จึงควรทำให้ถูกต้อง มีมาตรการควบคุม จัดเก็บภาษีเข้ารัฐดีกว่า
นโยบายกัญชารีบเร่งออกมาจนล้ำหน้าเกินต่างชาติ แต่ทีเรื่องสาธารณสุขให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกคน ยังเดินตามตูดประเทศอื่นเขาไม่ทัน นำหน้าแต่เรื่องกัญชา ผลประโยชน์มันไปตกที่ใครครับ?
เยาวชนไทยมีอัตราการเสพกัญชาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากทุกวันนี้ ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของใครไม่ทราบ? พ่อแม่จะห้ามยังไง บอกเสพดีลูก เสพไปเยอะๆ เพราะหมอเป็นคนบอกเองว่าดีมากๆ ต่อสุขภาพ
เอาอย่างนั้นหรือ?
ไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีหมอจากกระทรวงมายืนยันความดีของกัญชา แต่ไม่พูดถึงข้อเสียที่มีมากเช่นกัน หรือว่าเกรงจะไม่ได้เติบโตในกระทรวงยุครัฐมนตรีชื่ออนุทิน ถึงโปรโมทสุดฤทธิ์กับนโยบาย “กัญชาเพื่อชาติ” ช่วยบอกให้หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนของกระทรวงออกมา “พี้กันหน่อย” เพราะไหนๆ ก็ว่าดีหนักหนา
มันเป็นแค่ “ทางเลือก” จึงควรเลิกโฆษณาเชิญชวนข้อดีเกินเหตุ และควบคุมให้มากต่างหาก ให้เหรียญมันมีสองด้านจริงๆ เถอะ ไม่ใช่มีด้านเดียวเพียงแค่ไปเอาใจพรรคการเมือง แต่ทำเยาวชนติดกัญชากันแบบนี้
"บาปกรรมตายชัก"
ประชาชนที่ลูกติดกัญชากันงอมแงม คงได้ท่อง สัพเพ สัตตา ให้อนุทินฟังกันทุกวัน
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0rVUe1wGY5JyFqGqLBhmz5JMmQqUCULC3p5NdvQZepCGsCF5QWBMdRJLm5CK9bW1Fl
JJNY : ซัดรบ.4ปี ไม่เหลียวแล ร.ร.เอกชน│'ชูวิทย์'ท้าให้หมอ-พยาบาลพี้'กัญชา'│หุ้นสายการบินขาดทุนยับ│เงินบาทจ่ออ่อนค่าทะลุ
https://www.matichon.co.th/education/news_3844499
นายกสมาคม ร.ร.เอกชนเปิดผลสำรวจ ผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอม 3-4 พันล.ทำเจ็บหนักต้องทยอยปิดกิจการ ซัดรัฐบาล 4 ปี ไม่เคยเหลียวแล เมินช่วยค่าอาหารกลางวัน 100% ปล่อยโรงเรียนเคว้งท่ามกลางวิกฤตโควิด ด้านผู้บริหารเอกชนเมืองคอนสุดทน รณรงค์ครูเอกชนกว่า 3.5 แสนคน ลงคะแนนพรรคที่มีนโยบายช่วยโรงเรียนเอกชน ดัดหลัง ‘รัฐบาล-รมต.ศธ.’ ไม่สนใจ ปล่อยโรงเรียนดิ้นเอาตัวรอดเอง
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ดร.ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) เปิดเผยว่า กรณีกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านออนนุช ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) หลังโรงเรียนแจ้งปิดกิจการล่วงหน้าเพียง 14 วัน ทำให้ผู้ปกครองได้รับผลกระทบ ไม่สามารถหาที่เรียนให้บุตรหลานได้ทัน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 10,000-30,000 บาท ทั้งค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน ค่าเรียนซัมเมอร์นั้น เชื่อว่า สช.จะดำเนินการช่วยเหลือ และหาทางออกต่อไป ทั้งนี้ เห็นว่าทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองกระชั้นชิดเกินไป เพราะตามที่กฎหมายกำหนด โรงเรียนจะต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้าก่อน 120 วัน
“เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ของโรงเรียนเอกชนในปัจจุบัน ว่าอยู่ในสภาวะขาดทุนหรือไม่ ผมมองว่าโรงเรียนเอกชนทุกแห่งเจ็บ และได้รับผลกระทบหนัก ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แล้ว เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โรงเรียนเอกชนทุกแห่งค่อยๆ ฟื้นตัว แต่โรงเรียนเอกชนในกรุงเทพฯ อาจได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะโรงเรียนจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงเรียนเอกชนในต่างจังหวัด ประกอบกับผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอมจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนอาจจะไปต่อไม่ได้” ดร.ศุภเสฏฐ์ กล่าว
ดร.ศุภเสฏฐ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ส.ปส.กช.ได้สำรวจโรงเรียนเอกชนว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่พบว่าโรงเรียนจะเจอปัญหาผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอม โดยพบผู้ปกครองค้างจ่ายค่าเทอมมากถึง 2-3 พันล้านบาท ที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนพยายามบริหารจัดการเรื่องนี้ เช่น ให้ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมครึ่งหนึ่ง บางแห่งถึงกับยกค่าเทอมให้ผู้ปกครอง เป็นต้น ซึ่งยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษา ครูก็อาจจะได้เงินเดือนไม่เต็มจำนวน แต่โรงเรียนต้องพยายามรักษาตนเองให้อยู่รอด โรงเรียนบางแห่งต้องหาแหล่งเงินกู้ แม้ที่ผ่านมา สช.ให้โรงเรียนเอกชนยื่นกู้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ โดยให้กู้ได้สูงสุดรายละ 3 ล้านบาท แต่บางโรงเรียนไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสามารถเปิดได้ปกติ และหารายได้ด้วยตนเอง ทำให้โรงเรียนมีเงินที่มาบริหารจัดการ และเปิดต่อไปได้
“ตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด รัฐบาลไม่ช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนเลย ที่ผ่านมาจะช่วยเหลือผู้ปกครอง เช่น คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.และนอก ศธ.ทั้งภาครัฐ และเอกชน ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้น ม.6 และอาชีวศึกษาทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง เมื่อผู้ปกครองได้รับเงิน บางคนเอาไปจ่ายเป็นค่าเทอมให้โรงเรียน แต่บางคนนำไปใช้จ่ายส่วนตัว ขณะที่โรงเรียนเอกชน ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเลย” ดร.ศุภเสฏฐ์ กล่าว
ดร.ศุภเสฏฐ์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนเรียกร้องขอเพิ่มเงินอุดหนุนอาหารกลางวันนักเรียน 100% ก็ไม่เคยได้ ในขณะที่นักเรียนต่างชาติที่เรียนในโรงเรียนรัฐ กลับได้รับเงินอุดหนุน 100% อยากถามว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเคยช่วยเหลืออะไรโรงเรียนเอกชนไปแล้วบ้าง ตนอยากให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา เข้าใจใหม่ว่าโรงเรียนเอกชนช่วยจัดการศึกษาให้กับประเทศ และรัฐบาลต้องหาทางช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนด้วย
ด้าน ดร.ณัฐวุฒิ ภารพบ นายกสมาคมการศึกษาเอกชนนครศรีธรรมราช กล่าวว่า กรณีของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุชปิดกิจการนั้น มองว่าโรงเรียนอาจประสบปัญหาขาดทุนมานาน แต่การแจ้งปิดกิจการควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้าก่อน 120 วัน ซึ่งปัญหานี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เคยสนใจใยดีโรงเรียนเอกชนเลย ที่ผ่านมา 4 ปี มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กี่คนแล้ว ซึ่งทุกคนแทบไม่สนใจใยดีโรงเรียนเอกชนเลย แต่เมื่อเจอปัญหา โรงเรียนเอกชนต้องช่วยเหลือดูแลดิ้นรนกันเองทั้งนั้น
ดร.ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า หลังจากรัฐบาลชุดนี้ประกาศยุบสภา จะรอดูนโยบายพรรคการเมืองต่างๆ หากพรรคไหนที่มีนโยบายช่วยเหลือโรงเรียนเอกชน ส่งเสริมสวัสดิการครูเอกชน หรือมีนโยบายผลักดันเงินอุดหนุนอาหารกลางวันให้นักเรียนโรงเรียนเอกชน จากเดิมที่ได้รับ 28% ให้ได้รับ 100% ตนจะรณรงค์ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน ที่มีกว่า 350,000 คน ให้เลือกพรรคที่มีนโยบายช่วยเหลือครูเอกชนในบัตรเลือกตั้งใบที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเลือกพรรค ให้ลงคะแนนสำหรับพรรคการเมือง ที่ใช้คิดหาสัดส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ส่วนบัตรใบที่ 1 ที่เป็นบัตรเลือก ส.ส.เขต ให้ประชาชนได้ลงคะแนนเลือกบุคคลตามการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาเลือกตามใจชอบ
“ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนเลย เราต้องดิ้นรนหาทางรอดกันเอง ขณะนี้ทราบว่ามีโรงเรียนเอกชนบางแห่งไปไม่รอด อย่างใน จ.นครศรีธรรมราช ผมทราบว่ามีโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แจ้งผู้ปกครองแล้วว่าปีการศึกษาหน้าขอให้ผู้ปกครองหาที่เรียนให้ลูกใหม่ เพราะโรงเรียนจะปิดแล้ว ทั้งที่จริงๆ แล้ว โรงเรียนเอกชนถือเป็นการจัดการศึกษาที่ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาล จัดการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว
'ชูวิทย์'ท้าดีจริง ให้หมอ-พยาบาลพี้'กัญชา' ชี้เหรียญมีสองด้าน
https://siamrath.co.th/n/426491
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ระบุว่า
กัญชา เหรียญสองด้าน สนองกิเลสพรรคภูมิใจไทย ผมฟังคนรู้มาก แม้กระทั่งหมอแท้ๆ ออกมาสาธยายกัญชาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เหมาะสำหรับคนคลื่นไส้อาเจียน ประสาทวิตก กังวลถึงอัลไซเมอร์
ผมก็ไม่เคยเถียงว่ากัญชาไม่มีด้านดี แต่โทษต่อสุขภาพและสังคมก็มีเช่นกัน กัญชา “มีคุณอนันต์ย่อมมีโทษมหันต์” ป่าวประกาศกันแต่ประโยชน์ตามนโยบาย “กัญชาทางการแพทย์” แต่ที่ไม่บอก คือ “โทษของกัญชา” คนเสพมากเสพน้อยกันอย่างไร? และปัญหาใหญ่ คือ “การควบคุมกัญชา”
จะโปรโมทให้ใช้ ให้ปลูก ให้ขาย แต่ไม่เคยคิดว่ามาตรการควบคุมต้องเป็นอย่างไร ปล่อยให้ขายสะเปะสะปะ ไม่มีปัญญาควบคุม แล้วไปโยนให้ตำรวจทำหน้าที่ ทั้งที่ทุกวันนี้ตำรวจมีงานอาชญากรรมสารพัดต้องปราบปราม คงเห็นว่าตำรวจว่างงานมากนักหรือไง?
นโยบายพรรคภูมิใจไทยเจ้ากระทรวงที่เอาแต่ข้อดีมาอวดอ้าง “ลักไก่” ใช้กฎกระทรวง แต่ไม่ผ่านสภา เพื่อเร่งรัดอวดผลงานเกินเหตุไว้หาเสียง คงได้ฝันไปถึงให้พี้เสรี แต่ก็ไม่เลือก เพราะผลักดันกัญชาเสรีโดยไม่มีมาตรการที่รัดกุมเพียงพอ แล้วโยนภาระหน้าที่ควบคุมปราบปรามไปให้ตำรวจ ละเลยเยาวชนที่ “พี้สันทนาการ”
ข้อดีของกัญชาก็มี แต่จะคุ้มกับการเผยแพร่เกินจริงให้เยาวชนหลงผิดหรือไม่? หากกัญชาดีทางการแพทย์ ก็ให้แพทย์กับเภสัชกรสั่งจ่ายในโรงพยาบาลสิครับ เหมือน “ฝิ่น” เพราะฝิ่นก็ใช้ทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นจะมาขายเสรีให้เสพกันเกลื่อนเหมือนกัญชา หรือนโยบายต่อไปเป็น “ฝิ่นเสรีทางการแพทย์” อีก แค่คิดก็สยองแล้ว
ผลกระทบถึงสังคม เด็ก เยาวชน เป็นยังไง? เคยสำรวจกันไหม? ปากบอกเหมือนเหรียญสองด้าน แต่เอาแค่ข้อดีใส่ปากหมอโฆษกฯ พ่นออกมา แล้วข้อเลว เสพเกิน เสพผิด เสพมากใครตัดสิน ใครควบคุม ช่วยบอกที ทุกวันนี้ลองเดินเข้าร้านกัญชาดูสิครับ จะซื้อมากเท่าไหร่ก็ขายให้ ไร้การควบคุม
แม้แต่ “ยาแผนปัจจุบัน” ยังมีระบุไว้ข้างขวดว่า “กินครั้งละกี่เม็ด วันหนึ่งกินไม่ควรเกินเท่าไหร่?” แล้วทำไมกัญชาไม่ระบุ เสพกันตามใจชอบหรือไงครับ? เยาวชนจะซื้อเคยตรวจเคยถามบ้างไหม? มีกฎสำหรับคนขายที่ขายให้คนป่วยไหม? หรือจะซื้อไปพี้ แยกแยะได้ไหม? มีแต่ขายกันมั่วไปหมดทั้งเยาวชนไปยันคนแก่ เพราะหมอบอกว่าดี ไม่มีลิมิต
ส่วนจะป่วยแบบที่ว่าเป็น อัลไซเมอร์ เข้าไปเดินหาซื้อมันไม่มีหรอกครับ แล้วอีกกว่า 150 ประเทศ ยังถือว่า “กัญชาเป็นยาเสพติด” และไทยเป็นภาคีมีอนุสนธิสัญญาร่วมด้วย จะว่าไง? สหประชาชาติก็ยังถือว่า “กัญชา ฝิ่น” เป็นยาเสพติดอยู่ ทำไมเขาถึงไม่ปลดล็อคล่ะครับ ก็เพราะเขาเห็นถึงโทษด้วยไง และการควบคุมมันทำลำบาก
หากไทยปล่อยให้ขายกันเกลื่อนเมืองแบบนี้ เปิดอล่างฉ่าง เป็นศูนย์กลางกัญชา “สารตั้งต้นยาเสพติดโลก” มันภูมิใจนักใช่ไหม เด็กวัยรุ่น เยาวชน ติดกัญชากันงอมแงม ต่อไปจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงครับ?
ไหนจะปัญหาที่ตามหลังมา ผลของสุขภาพในระยะยาว เพราะเพิ่งมีผลวิจัยอยู่ไม่กี่ปีนี่เอง แต่ผลกระทบต่อสังคมไม่พูดถึง จะรีบเร่งเอาใจตอบสนองเพียงเพราะเป็น “นโยบายของพรรคภูมิใจไทย” เจ้ากระทรวงสาธารณสุขเพื่อเอาไว้หาเสียงเท่านั้นหรือ?
ส่วนปัญหา “บุหรี่ไฟฟ้า” ผมก็ไม่เคยบอกว่ามันมีประโยชน์ เพราะทั้งไฟฟ้า และไม่ไฟฟ้าที่ขายถูกกฎหมาย ยังเขียนแปะหน้าซองถึงอันตรายของบุหรี่ แถมมีรูปสารพัดโรคให้ดูต่างหน้า และไม่ให้โฆษณา แต่กัญชาโฆษณาได้โดยหมอกระทรวงสาธารณสุข แล้วบุหรี่ไฟฟ้าที่ว่าผิดกฎหมาย กลับขายกันเกลื่อนเมือง ทั้งข้าราชการ ประชาชน สูบกันทั่ว จึงควรทำให้ถูกต้อง มีมาตรการควบคุม จัดเก็บภาษีเข้ารัฐดีกว่า
นโยบายกัญชารีบเร่งออกมาจนล้ำหน้าเกินต่างชาติ แต่ทีเรื่องสาธารณสุขให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกคน ยังเดินตามตูดประเทศอื่นเขาไม่ทัน นำหน้าแต่เรื่องกัญชา ผลประโยชน์มันไปตกที่ใครครับ?
เยาวชนไทยมีอัตราการเสพกัญชาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากทุกวันนี้ ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของใครไม่ทราบ? พ่อแม่จะห้ามยังไง บอกเสพดีลูก เสพไปเยอะๆ เพราะหมอเป็นคนบอกเองว่าดีมากๆ ต่อสุขภาพ
เอาอย่างนั้นหรือ?
ไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีหมอจากกระทรวงมายืนยันความดีของกัญชา แต่ไม่พูดถึงข้อเสียที่มีมากเช่นกัน หรือว่าเกรงจะไม่ได้เติบโตในกระทรวงยุครัฐมนตรีชื่ออนุทิน ถึงโปรโมทสุดฤทธิ์กับนโยบาย “กัญชาเพื่อชาติ” ช่วยบอกให้หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนของกระทรวงออกมา “พี้กันหน่อย” เพราะไหนๆ ก็ว่าดีหนักหนา
มันเป็นแค่ “ทางเลือก” จึงควรเลิกโฆษณาเชิญชวนข้อดีเกินเหตุ และควบคุมให้มากต่างหาก ให้เหรียญมันมีสองด้านจริงๆ เถอะ ไม่ใช่มีด้านเดียวเพียงแค่ไปเอาใจพรรคการเมือง แต่ทำเยาวชนติดกัญชากันแบบนี้
"บาปกรรมตายชัก"
ประชาชนที่ลูกติดกัญชากันงอมแงม คงได้ท่อง สัพเพ สัตตา ให้อนุทินฟังกันทุกวัน
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0rVUe1wGY5JyFqGqLBhmz5JMmQqUCULC3p5NdvQZepCGsCF5QWBMdRJLm5CK9bW1Fl