“นมัสเต" กันอีกครั้ง กับการมาเที่ยวอินเดียครั้งที่ 2 ของจขกท. ก็อย่างที่คนเค้าพูดกัน "มาอินเดีย ถ้าไม่เกลียดก็รักเลย" สำหรับเราแล้วอินเดียคือประเทศที่น่ารัก ถ้ารักในวัฒนธรรม การใช้ชีวิตแบบดิบๆ สบายๆ ไม่ต้องเยอะ ก็ต้องมาสักครั้งแหละ

ทริปนี้จริงๆเราเดินทางกันช่วงเดือนตุลาที่ผ่านมาปี 2022 จริงๆแล้วเราเดินทางไปเที่ยวเลห์ ลาดักห์กันมาก่อนแล้ว แล้วก็มาต่อพาราณสี
สำหรับใครที่อยากติดตามทริปเลห์เข้าไปชมและให้กำลังใจได้เลยค่ะ https://ppantip.com/topic/41733346

วันแรก
หลังจากนั่งเครื่องจากเลห์มาลงที่เดลี เนื่องจากยังไม่มีไฟล์ตรงไปพาราณสี เราเลยต้องมาต่อเครื่องที่เดลีก่อน แต่ความปวดหัวก็มาเยือน เครื่องบินที่เราจองไว้มาเลื่อน ไม่ใช่เลื่อนแบบหลายชม. นะ เลื่อนไป 1 วันเต็มๆ แล้วแบบเล่นเอาไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว

เราลงเครื่องมา ก็ตั้งใจว่าเอาวะ งั้นเดี๋ยวหารถไปสถานีรถไฟละกัน เพราะราคาตั๋วเครื่องบินมาซื้อก่อนเดินทางตอนนี้คือแพงมาก นั่งรถไฟก็ประหยัดค่ารร.ไปได้1 คืนเพราะเราจะหาเวลาที่เป็นตู้นอน ไปโผล่เช้าที่พาราณสีกัน ตอนนี้ที่สถานีรถไฟคือแน่นมาก ในที่สุดเราก็ได้ตั๋วมา เป็นชั้น 3 AC คือชั้นนี้จะมี3เตียง มีแอร์ มีม่าน ปลอดภัย หายห่วง ใช้เวลาเดินทาง 14 ชั่วโมง จากเดลี 18.30 ถึงพาราณสี 9.00ค่ะ แต่เราต้องไปขึ้นที่สถานี Anand Vihar Terminal เพราะที่เดลีคือเต็มหมด เรานั่งตุ๊กๆ ออกไปนอกเมืองประมาณ 1 ชม. ตุ๊กๆ เรียกราคา 400รูปี ให้ไปเถอะค่ะ ในใจคิดเพราะรถติดมาก และไกลมากด้วย 

อาหารมื้อแรกและมื้อสุดท้ายของวันนี้ เดินเข้าสถานี Anand Vihar มาก่อนเพื่อรอรถไฟมาตอน 18.30 ก็มาหาอะไรกินกันในนี้แหละ ขี้เกียจออกไปไหนแล้ว 

ระหว่างรอรถไฟ ก็เดินสำรวจสถานีกันหน่อย


ในที่สุดรถไฟก็มาแล้ว บรรยากาศบนรถไฟค่ะ ก็จะมีขนม มีน้ำ มีชาร้อนเดินขาย ราคาไม่แพง ตอนแรกก็นั่งปกติค่ะ พอดึกๆหน่อย สักสองสามทุ่มก็จะเริ่มปูเตียง นอนยาวกันแล้วค่ะ

รถไฟอินเดีย ถ้าไม่ดีเลย์ก็ไม่ใช่สินะ เอาซักหน่อยแล้วกัน เกือบๆ2 ชม. และแล้ว 9โมงเช้าเราก็มาถึงพาราณสีแล้ว ความหัวจะปวด ความเยอะก็เริ่มมาเยือน เดินออกมานอกสถานี คนขับรถตุ๊กๆ กูกันเข้ามาวุ่นวายไปหมด นี่ลองเปิด grab ดูว่าราคาเท่าไรจากสถานีรถไฟถึงถนนที่ใกล้ๆโรงแรมที่จองไว้มากที่สุด ต่อราคาไป ใครไม่ให้ก็ต้องทำหยิ่งก่อนค่ะ สุดท้ายก็ได้

นั่งไปสัก5นาที คนขับจอดบอกขอลงไปซื้อหมากก่อน เออ อย่างนี้ก็ได้เหรอ

ขับมาได้ 20นาที เราก็มาลงตรงถนนที่ใกล้รร. เรามีการคุยกับรร.ที่จองไว้ใน booking.com ไว้ก่อนแล้ว คือที่พาราณสีถ้าคุณอยากจะอยู่รร.ที่ติดแม่น้ำคงคา รถจะไม่สามารถเข้าได้ ต้องเดินเข้าไปในซอยซึ่งลึกเอาการอยู่ ไปเองคือหลงชัวร เราไปถึงแล้วก็โทรหารร. เค้าจะส่งคนมารับ พาเราเดินไป 


ถึงแล้ว รร.ที่เราจองคืนนี้ชื่อ Yogg hostel ไม่ได้ติดแม่น้ำมาก แต่มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็น ราคา 700นิดๆต่อคืนมีแอร์ ห้องน้ำส่วนตัว ไม่ได้สะอาดอะไรมากมาย ก็พออยู่ได้ ด้วยความที่โรงแรมมีอายุหลายร้อยปีมากแล้ว อย่าไปหวังกับระบบสาธารณูปโภคนัก ชักโครกต้องกดหลายครั้งหน่อย กว่าจะลง ด้วยโครงสร้างมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราก็ต้องปรับตัวหามันเอง


วันนีคือเหนื่อยมาก ถึงรร.ก็รีบอาบน้ำเลย หลังจากเมื่อคืนอาบทิพย์บนรถไฟมา บ่ายๆก็เดินออกไปหาอะไรกิน หิวมาก ไปเจอร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนึงใกล้ๆรร.และติดแม่น้ำชื่อ Bunny cafe ดูร้านสะอาดสะอ้านแล้วก็เบื่อกับแกงกะหรี่มา 7 วันแล้ว ลองอาหารญี่ปุ่นบ้างแก้เลี่ยน

เดินออกไปนิดหน่อย ก็เจอแม่น้ำคงคาค่ะ ด้วยความที่ช่วงที่เราไปเดือนตุลา 2022 เนี่ย เราขึ้นมาและเราก็ไม่สามารถเดินตามฆาต ระหว่างท่าต่างๆได้ เราจำเป็นต้องเดินเข้าซอยลัดเลาะเอง ซึ่งหลงค่ะ อินเตอร์เนตก็ไม่ค่อยมีสัญญาณเปิด google map ก็ไม่ได้ นั่งกินข้าวอยู่ก็ได้แนะนำไกด์ท้องถิ่นมาเป็นเพื่อนเรา จริงๆเราคิดถูกมาก เพราะระหว่างทางคือเปลี่ยวมาก ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งเข้าไปใหญ่ พอเรามีไกด์เราก็เดินสบายขึ้น ไม่ค่อยมีคนกล้ายุ่ง มาขายของหรืออะไร คิดเสียว่าซื้อความสบายใจ

ไกด์พาเราเดินลัดเลาะไป เย็นนี้ให้เค้าพาท่าที่เผาศพใหญ่ชื่อ Dasaswamedh Ghat หรือ ท่าน้ำอัศวเมธ(ท่าน้ำหลัก) ซึ่งก็เป็นท่าน้ำที่ใช้ทำพิธีอารตีบูชา อาบน้ำและประกอบพิธีแต่เช้าด้วย เราขึ้นไปดูบนแท่นที่เผาศพ แต่ด้วยความเคารพ เราไม่สามารถถ่ายภาพมาได้ ข้างแท่นที่เผาศพค่ะ น้ำกำลังขึ้นเลย
ที่นี่ศพที่ไม่ต้องเผาด้วยไฟจะมีอยู่5ประเภท
1.นักบวช เพราะถือว่ากลุ่มนี้เขาถือพรตบำเพ็ญตนแล้วเป็นคนที่บริสุทธิ์ไม่มีบาป
2.หญิงสาวพรหมจารี คือ สตรีที่ยังไม่ผ่านการแต่งงาน
3.เด็กเล็กทั้งหญิงและชาย เพราะถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่
4.ศพหญิงตายทั้งกลม เพราะถือว่าเด็กในท้องยังบริสุทธิ์
5.ผู้ที่ถูกสัตว์มีพิษเช่นงูกัน และผู้ที่ถูกฟ้าผ่า ก็จะไม่เผาเหมือนกัน

นี่คือฟืนที่เตรียมไว้ใช้ในการเผาศพค่ะ

ตามตรอกซอกซอยต่างๆ

ไกด์พาไปชิม Lassi ชื่อดังที่พาราณสี "Blue Lassi" หรือโยเกิร์ตอินเดีย ที่ร้านนี้คือมีให้เลือกหลายรดชาดมากไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว สตอเบอรี่ อีกมากมาย วันนี้เราลองสั่งมะพร้าวมาค่ะ อร่อยมากเลย หวานๆ มันๆ คนในร้านก็เยอะมาก

ไกด์ของเราค่ะชื่อ Sanju

กินเสร็จสักทุ่มนึง ได้เวลาไปชมพิธีบูชาไฟแล้วค่ะ เนื่องด้วยตอนนี้น้ำขึ้น แต่ก่อนดูฟรี ตอนนี้เราย้ายมาจัดที่ระเบียงริมน้ำ ทำให้ต้องเก็บค่าดูคนละ 200รูปีค่ะ วันนี้คนมาดูเยอะ บ้างก็นั่งดูบนเรือก็มี


ดูไฟเสร็จ ไกด์ก็พาเราเดินกลับรร.ค่ะ จะบอกว่าเดินผ่านตลาดคือคนเยอะมากมาย เยอะแบบสุดๆ


วันที่สอง 
วันนี้ตอนเช้า พอดีเมื่อคืน เราเจอกลุ่มพี่คนไทยตอนดูไฟ เลยชวนกันไปจึ้นเรือดูพระอาทิดย์ขึ้นด้วยกัน เนื่องด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เราต้องใช้เรือที่มีเครื่องยตร์เท่านั้นเพราะน้ำเชี่ยวและอันตรายมาก ราคาเลยสูงเหมือนเค้าต้องแอบๆตำรวจกัน ราคา 800รูปีต่อคน 400บาทไทย ส่วนตัวโอเคนะคะ ครั้งนึงในชีวิต ตีห้าครึ่งเค้าก็มารับหน้ารร. พาไปขึ้นเรือที่ท่า อัศวเมธ ชอบสุดๆ อากาศดีมาก


คนเริ่มมาทำพิธีอาบน้ำตอนเช้ากันแล้วค่ะ ความศรัทธานี่มีอยู่จริง ผู้หญิงผู้ชายมารวมตัวที่นี่กันตอนเช้า ด้วยความเชื่อและความศรัทธาต่อแม่น้ำคงคา

เรือก็ออก เราก็ได้เห็นวิถีชีวิตริมแม่น้ำของคน ผ่านท่าเผาศพ ท่าน้ำต่างๆ คนเยอะค่ะ วิวดีมาก