“ พาราณศรี 4000 ปีไฟไม่เคยดับ “…ความเชื่อเรื่องการล้างบาปในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ของอินเดีย

พวกพราหมณ์นิยมเชื่อถือเรื่องการอาบน้ำล้างบาป โดยเชื่อว่าแม่น้ำคงคาโดยเฉพาะที่ท่าเมืองพาราณสีนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถล้างบาปได้ พวกพราหมณ์ จึงพากันลงอาบน้ำล้างบาปอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ถือว่าบาปที่ทำตอนกลางวันล้างด้วยการลงอาบน้ำในตอนเย็น ส่วนบาปที่ทำตอนกลางคืนก็ล้างได้ด้วยการลงอาบน้ำในตอนเช้า ที่เชื่อกันว่ากระแสน้ำในแม่น้ำคงคาศักดิ์สิทธิ์นั้นเพราะเชื่อว่าได้ไหลผ่านเศียรของพระศิวะลงมาท่าน้ำแห่งแม่น้ำคงคาที่เมืองพาราณสี จึงเป็นบุณยสถานของชาวอินเดียทั้งปวงในสมัยนั้น

• ปัจจุบันนี้ก็ยังเชื่อถือกันอยู่และยังเชื่อต่อไปอีกว่า ใครก็ตามที่ตายและได้เผาที่ท่าน้ำเมืองพาราณสีแล้วกวาดกระดูกลงแม่น้ำคงคาก็เป็นอันเชื่อได้ว่าต้องไปสวรรค์แน่นอน พวกเศรษฐีนิยมมาปลูกบ้านทิ้งไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เมื่อป่วยหนักคิดว่าจะไม่รอดแล้วพวกญาติก็จะนำมาที่บ้านริมแม่น้ำ พอตายก็จะได้สะดวกในการเผาที่ริมแม่น้ำและกวาดกระดูกลงแม่น้ำไป

• เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์เคยทรงสนทนากับพวกพราหมณ์ผู้ไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเพื่อล้างบาปเป็นใจความว่า ถ้าต้องการล้างบาปไม่จำเป็นต้องไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ขอให้ชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ คือ เว้นทุจริตทางกาย วาจา ใจ และประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ นั่นแหละคือการอาบน้ำล้างบาปมีในศาสนาของพระองค์ ถ้าประพฤติอยู่ในสุจริตแล้ว แม้น้ำดื่ม น้ำอาบ ธรรมดาก็จะกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย อนึ่ง ถ้าน้ำในแม่น้ำคงคาสามารถล้างบาปได้จริงและอำนวยผลให้ผู้ลงไปอาบไปสวรรค์ได้จริงแล้ว พวก กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีโอกาสไปสวรรค์ได้มากกว่ามนุษย์เพราะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้นตลอดเวลา

เมืองพาราณสี เมืองสี่พันปีที่ไม่เคยหลับ

• เมืองพาราณสี เป็นเมืองที่มีแม่น้ำคงคาจากสรวงสวรรค์ไหลผ่าน เมืองพาราณสีจึงถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด มีผู้คนนับล้านจากทั่วถิ่นอินเดียเดินทางมาประกอบพิธีกรรม ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา

• เมืองพาราณสี เมืองนี้ยังคงเป็นเมืองที่มีเสนห์เฉพาะตนและเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุด ชาวฮินดูที่เลื่อมใสและถือปฎิบัติโดยเคร่งครัดที่จะพากันอาบน้ำชำระร่างกายในแม่น้ำคงคา โดยมีเชื่อกันอย่างจริงจังตลอดมานับพันๆปีว่า หากไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา บาปนั้นจะหมดสิ้นไป และในวันหนึ่งๆจะมีผู้คนพากันไปอาบน้ำล้างบาปกันเต็มท่าน้ำไปหมด โดยเฉพาะท่าอัศวเมธ เมืองพาราณสี

• เมืองพาราณสี ยิ่งวันเพ็ญเดือนสิบสองด้วยแล้ว ชาวฮินดูนับแสนคนจากทั่วทุกสารทิศ จะพากันมุ่งหน้าสู่นครพาราณสี เพียงเพื่อจะล้างบาปที่แม่น้ำคงคา

• สำหรับคนไทยแล้วเมืองพาราณสี คือสถานที่มาแสวงบุญ ส่วนคนอินเดียเมืองพาราณสี คือสถานที่มาล้างบาปและสถานที่เดินทางมาตายที่นี่ ว่ากันว่าชาวฮินดูทุกคนล้วนปราถนาที่จะมาตายและได้เผาศพที่นี่ บางคนรู้ตัวว่าใกล้ตาย ก็จะให้ลูกหลานพามานอนรอความตายที่นี่เลย เพื่อจะได้ไปสู่ภพชาติที่ดีกว่าและบาปจะได้รับการชำระเสียแต่ชาตินี้ บางคนก็สั่งเสียลูกหลานไว้ ให้มาเผาหรือลอยน้ำที่นี่

• ศาสนาพราหมณ์ให้ความสำคัญของแม่น้ำคงคามาก่อนพุทธกาล ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพราะเชื่อกันว่าแม่น้ำคงคาไหลมาจากสวรรค์ทางช้างเผือกดินแดนสุขาวดี

• กล่าวกันว่า แม่คงคาเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระศิวะหรือพระอิศวร เทพประธานบนยอดเขาไกรลาส เขาพระสุเมรุ แม่คงคาไหลผ่านเมืองใด พราหมณ์ผู้นำความเชื่อทางศาสนาฮินดูก็ให้ความสำคัญเมืองนั้น

• จนมีคำกว่าว่า ไฟเผาศพไม่เคยดับมาแต่อดีตกาล อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 4,000 ปี

• น้ำในแม่น้ำคงคา มองดูแล้วสีขุ่น แถมยังมีเศษขยะ ซากศพและสิ่งปฎิกูล แต่ไม่น่าเชื่อว่ามีหลายต่อหลายองค์กรนำน้ำในแม่น้ำคงคาคงคา ไปตรวจพิสูจน์แล้วพบว่าไม่มีสิ่งสกปรก เพราะมีแร่ธาตุบางชนิดที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้

• การล่องแม่น้ำคงคาอยู่ที่ ท่ามณิกรรนิการ์ หรือท่าตุ้มหูพระศิวะ ที่ได้ชื่อว่า ท่าตุ้มหูพระศิวะ เพราะมีเรื่องเล่ากันมาว่า ท่านี้เป็นท่าน้ำที่พระศิวะมาอาบน้ำ เมื่อทรงอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมาจากแม่น้ำ ปรากฎว่าตุ้มหูของพระองค์หล่นหายหาเท่าไรก็ไม่เจอ

• บริเวณท่าแห่งนี้ มีการเผ่าศพทุกวันวันละเป็นสิบๆ ศพ รอบๆ สถานที่แห่งนี้จะมี “โรงแรมแห่งความตาย” เป็นโรงแรมห้องเล็ก ๆ ไว้สำหรับคนที่รอความตายมาพัก และยังมีที่หลบแดดหลบฝนของญาติ ๆ ที่นำศพมาทำพิธี

• ชาวฮินดูเชื่อว่าความตายเป็นการทิ้งสังขารเก่าที่ผุพัง ไปเกิดใหม่ตามแต่บุญกรรมของดวงวิญญาณนั้น คล้ายกับพุทธเราเลยนะคะ ความตายจึงเป็นเรื่องธรรมดา ๆ

• การเผาศพของชาวฮินดูนั้น จะทำกันง่ายๆ เมื่อมีคนตายก็จะใช้ผ้าห่อศพแล้วแบกไปยังริมฝั่งแม่น้ำคงคา ผู้ชายจะห่อด้วยผ้าขาว ส่วนผู้หญิงจะห่อผ้าหลากสี โดยไม่ต้องใส่โลงศพให้ยุ่งยากอะไรเลย มีเพียงแค่แคร่ไม้ใผ่หามเท่านั้น พอหามศพไปถึงแม่น้ำคงคา ก็จะซื้อฟืนกันตรงนั้นมากองไว้

• ก่อนเผาก็เอาศพที่ห่อผ้าจุ่มลงไปในแม่น้ำคงคาแล้วยกขึ้น ทำเช่นนี้ 3 ครั้งบ้าง 5 ครั้งบ้าง เป็นเหตุผลเดียวคือการชำระล้างบาป ตามความเชื่อตั้งแต่สมัยมีชีวิตอยู่ แต่เป็นการล้างบาปครั้งสุดท้าย เพื่อให้ดวงวิญญานได้ไปสู่ดินแดนที่สุขสงบ จากนั้นก็นำศพขึ้นมาวางบนกองฟืน ญาติซึ่งมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่จะมาร่วมพิธีเผาศพที่แม่น้ำคงคา ส่วนผู้หญิงตามประเพณีของชาวฮินดูจะส่งศพที่หน้าบ้านเท่านั้น ญาติ ๆ ก็จะเดินวนรอบๆแล้วจึงจุดไฟเผาศพ เมื่อมอดไหม้ เหลือแต่กระดูกหรือเถ้าถ่าน แล้วก็กวาดลงแม่น้ำคงคาไปเลยไม่มีการเก็บกระดูกอย่างพวกเราชาวพุทธ

• หากเป็นเศรษฐีมีเงินซื้อฟืนเผาได้จนศพหมดมอดไหม้หมด คนรวยจะนิยมใช้ไม้ราคาแพงเป็นฟืนในการเผาศพ เช่นไม้จันทร์ ซึ่งมีการซื้อขายเป็นกิโล

• หากเป็นคนจนมีเงินซื้อฟืนเผาศพเพียงเล็กน้อย คนจนจะซื้อไม้ราคาถูกเช่น ไม้สะเดา ไม้มะม่วง เป็นต้น ศพยังไม่ทันมอดไหม้ ก็จะเขี่ยศพทิ้งแม่น้ำคงคา

• บทสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี จะเป็นราชา มหาราชา หรือยาจกก็ตาม เมื่อตายไปแล้วก็มีสภาพเหมือนกันหมด

*********************************************************

ข้อมูลจาก https://maturada.wordpress.com/34/  เครดิตคุณจิตรา บุรชล

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่