สวัสดีค่ะ ทริปเที่ยวครั้งนี้ เราเดินทางจาก กรุงเทพ-น่าน-เชียงใหม่ โดยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาในการเที่ยวรวม 6 วัน 5 คืน (16-21 กันยายน 2565)

ช่วงที่เดินทางเป็นช่วงปลายฝนแล้วนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจเที่ยว 2 จังหวัดนี้ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ

เราเดินทางออกจาก กทม. ในเวลา 5.00 น. ขับรถไปเรื่อยๆ เพราะตั้งใจไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เรามาถึงอุทยานประมาณ 11.30 น. ค่าเข้าอุทยานสำหรับผู้ใหญ่(ชาวไทย) ท่านละ 20 บาทและค่ารถ 30 บาท

เมื่อมาถึงภายในอุทยาน ข่าวร้ายคือร้านอาหารมีคนจำวนมากรอรับประทานอยู่ ตอนเเรกเราเข้าใจว่าเป็นเพราะมาช่วงใกล้เที่ยง แต่ความจริงวันนั้นน่าจะมีงานเลี้ยงเกษียณของใครสักคน ไหนๆก็เสียเงินเข้ามาเเล้ว อากาศกำลังดี วิวก็งาม เราเลยเลือกเดินกินลมชมวิวแล้วค่อยไปทานข้างนอกค่ะ

เรามาถึงอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เวลา 17.45 น.ค่ะ เราตั้งใจมานอนเต็นท์ของอุทยานตรงผาชู้ ช่วงนี้ดอยเสมอดาวยังไม่เปิดนะคะ ด้วยความที่ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น เลยมีคนมาพักน้อยค่ะ (ทางอช.มีหมูกะทะชุดละ 400 บาทนะคะเผื่อใครอยากมาฝากท้องเย็นที่นี่) ช่วงกลางคืน อากาศเย็นเเละดาวสวยมากค่ะ 

เราตื่นประมาณ 6 โมงเช้าค่ะ อากาศเย็นสบาย แต่ไม่เจอทะเลหมอกนะคะ 

เดินทางต่อประมาณ 7.30 ระหว่างทางเราผ่านเห็นทางขึ้นไปที่ดอยเสมอดาวอยู่นะคะ คงต้องกลับมาซ้ำอีกรอบ 

เราตั้งใจออกเช้าเพื่อไปไหว้พระที่วัดภูมินทร์ค่ะ (ช่วงนั้นทางวัดมีการซ่อมแซมภายนอกแต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ค่ะ) 

ข้ามถนนเยื้องไปยังฝั่งตรงข้ามเป็นวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ไหว้พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำและเดินชมรอบวัด (มาช่วงเช้าคนไม่เยอะและอากาศดี มีที่จอดรถค่ะ)

เดินไปฝั่งตรงข้ามเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน (อยู่ตรงข้ามวัดภูมินทร์เช่นกัน) ด้านหน้าทางเข้าจะมีซุ้มต้นลีลาวดี ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากันกลายเป็นอุโมงค์ต้นไม้ เป็นระยะทางยาวพอสมควร ใครสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดนะคะ

เราออกมาทานอาหารเช้าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมากและตั้ง GPS เพื่อมาที่ร้านกาแฟไทลื้อ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึง

ร้านอยู่ติดริมนา มีวิวภูเขาด้านหลัง ทางเดินร้านจะมีผ้าทอแขวนแนวยาว สวยจนต้องแวะถ่ายรูปค่ะ

ดื่มด่ำกับโกโก้และกาแฟเป็นที่เรียบร้อย เราออกเดินทางต่อไปที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ตั้งใจไปทานพิซซ่าเห็ดที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน 

ระหว่างรอทางร้านมีบ่อปลาคาร์พ เหมาะสำหรับพาเด็กๆมาให้อาหารปลามากค่ะ

รสชาติใช้ได้เลยค่ะ ที่ร้านมีเมนูอาหารเยอะกว่านี้นะคะ ราคาสำหรับเราคิดว่าไม่เเพงค่ะ ถ้าเทียบกับบรรยากาศระหว่างทาน

มีทางเดินไปยังวังศิลาแลงแต่เราไม่สะดวกเนื่องจากชุดที่สวมใส่เลยพากันเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านสะปัน

ระหว่างทาง เราผ่านจุดชมทิวทัศน์ 1715 - อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นช่วงที่หมอกฝนไล่ตามมา เหมือนอยู่บนเมฆ ถึงกับต้องแวะถ่ายรูป วิวสวยมาก เรียกได้ว่ากล้องไม่สามารถเก็บความสวยได้ทั้งหมดจริงๆ

เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านสะปัน เราเลือกพัก มองว้า ยายทาตาสม ฟาร์มสเตย์ คนละ 600 บาท รวมอาหารเย็น-เช้า

เหตุผลที่เราเลือกที่พักนี้เพราะน้องแมว 4 ตัวที่ทางคุณตาคุณยายเลี้ยงไว้ (เราพกขนมแมวเลียมาฝากน้องด้วย เผื่อใครมาพักอย่าลืมแมวเลียมาฝากน้องนะคะ) มาชมรูปรอบๆที่พักและหมู่บ้านกันค่ะ

คุณตาคุณยายให้ยืมรถมอเตอร์ไซต์ไปขี่รอบหมู่บ้านฟรีค่ะ เรากับแฟนพากันขับดูวิวรอบหมู่บ้านและแวะไป หยุดเวลาคาเฟ่

วิวสวยมากค่ะ แต่ทางขึ้นชัน ใครขับรถไม่คล่อง ยอมเดินเหนื่อยขึ้นมาดีกว่าปลอดภัยดีค่ะ ขับรถชมหมู่บ้านสะปันต่ออีกพักพัก เราก็กลับที่พักกันค่ะ

เมนูช่วงเย็นอร่อยมาก ติดตรงแกงไก่อาจจะเค็มนิดนึง นอกนั้นคือดีเลิศ คุณตาคุณยายให้เติมได้อีกค่ะถ้าทานไม่อิ่ม บรรยากาศช่วงกลางคืนเงียบสงบและเย็นมากค่ะ มีฝนตกแต่ไม่แรงมาก ลุ้นกันกับแฟนว่าจะเจอหมอกพรุ่งนี้ไหม มาชมบรรยากาศตอนเช้ากันค่ะ

อาหารเช้าก็จะมีเด็กน้อยมานั่งกดดันแบบนี้ค่ะ

คุณตาคุณยายมีที่บดกาแฟทั้งแบบครกหินและแบบเครื่องบดให้ด้วย ใครสายคอนเทนต์ อยากทำคลิปท่องเที่ยวเก็บบรรยากาศ น่าจะถูกใจเลยค่ะ

นั่งทานอาหารเเละดื่มด่ำบรรยากาศเรียบร้อยประมาณ 9 โมง เราก็ออกจากที่พัก เพราะต้องเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ต่อ

ระหว่างทางจะผ่าน โค้งพับผ้าและตามด้วยถนนหมายเลข 3 ค่ะ

ถนนหมายเลข 3 ถ้าใครไม่สามารถถ่ายรูปได้ มีตากล้องช่วยถ่ายนะคะ ค่าบริการตามแต่น้ำใจจะให้ (แต่เราถ่ายเองค่ะ)  

เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านแม่กำปอง  ถึงหมู่บ้านฯประมาณ 16.45 น. ค่ะ  เราเลือกพักที่ สําราญชน โฮมสเตย์  ราคา 700 บาท/คน พร้อมอาหารเช้าพนักงานบริการดีมาก (ระหว่างเดินทาง พนักงานโทรมาสอบถามล่วงหน้าเนื่องจากเมื่อคืนวานที่หมู่บ้านฝนตกตลอดวัน จึงอยากให้ระมัดระวังในการขับรถ) มาถึงเเล้วก็เก็บกระเป๋าเข้าที่พักและออกมาเดินเล่นรอบหมู่บ้านค่ะ

เขียวขจีไปหมด มองไปทางไหนก็สดชื่น เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ ประมาณ 6 โมงกว่าๆ ฝนเริ่มเทลงมา เราเลยวิ่งกลับที่พัก เราเลยฝากท้องเมื้อเย็นไว้ที่ หมูกะทะ (ชุดละ 400 บาท) จากทางที่พัก วันนั้นเราชอบมากเลยค่ะ ฝนตกอากาศเย็นแล้วได้นั่งทานหมูกะทะ มันดีต่อใจมากจริงๆ

 วันที่ 4 ขอรีวิวต่อในคอมเมนท์เลยนะคะ