หลายๆคนน่าจะได้เห็นข่าวที่รณรงค์เกี่ยวกับคำพูด ผมเข้าใจทั้ง2ฝ่ายนะครับ ทั้งคนที่เห็นด้วย กับคนที่เสียดสีกลับ ผมจะพูดไปทีละประเด็นนะครับ
ประเด็นที่ 1 โลกหมุนรอบตัวเอง
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่แบบนั้น คือคนเราทุกคนมีปัญหา มีวันที่ดีและไม่ดี บางครั้งมันก็แสดงออกมาทางสีหน้า ซึ่งบางคนก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆแม้จะไปทำงาน แล้วมันเริ่มมาจากการที่มีคนมาทักว่าเป็นไรดูไม่โอเค เราที่กำลังรู้สึกไม่ดี เราก็ดีใจที่มีคนมาทัก เราก็ระบายไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายก็ได้คำตอบแบบห้วนๆกลับมาแล้วหันหลังไป ในความรู้สึกของคนระบาย มันเหมือนคุณอยากรู้เฉยๆว่าเราเป็นอะไร ไม่ได้เป็นห่วงหรืออยากช่วยจริงๆ
(ส่วนในมุมของคนที่เข้าไปเริ่มปรึกษาคนอื่นแล้วโดนพูดอะไรใส่ อันนั้นคนที่จะปรึกษาต้องหาคนที่เขาเป็นห่วงจริงๆ ไม่งั้นเขาก็ไม่ผิดเพราะอยู่ๆคุณจะไปคาดหวังอะไรจากเขามันก็ไม่ถูก)
ประเด็นที่ 2 พูดนั่นก็ผิดพูดนี่ก็ผิด
อันที่จริงมันไม่มีคำพูดไหนผิดหรือถูก มันอยู่ที่เจตนามากกว่า เพราะบางคนเข้ามาเหมือนเป็นห่วง แต่จริงๆแค่อยากรู้เฉยๆ และบางคนที่บอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาได้ แต่พอเข้าไปปรึกษา มันก็ไม่ได้ประโยชน์
ยกตัวอย่างที่ 1 ถ้าคุณอกหักแล้วมีเพื่อน2กลุ่ม คุณจะอยากคุยกับใคร
กลุ่ม1 : เป็นไร อ๋อสู้ๆนะ เข้าใจ ใครๆก็เคยอกหัก อย่าคิดมาก
กลุ่ม2 : เป็นไร อ้าวอกหักหรอ ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน youยังมีพวกเรา เดี๋ยวอาทิตย์หน้า/เดือนหน้าว่าจะไปเที่ยวกัน youจะไปด้วยกันป่าว เออๆเห็นมีร้านบุฟเฟต์เปิดใหม่ ไปกินกันไหม จะได้ไม่อยู่คนเดียว เดี๋ยวเศร้า
ยกตัวอย่างที่2 ถ้าคุณมีปัญหาในบ้าน คุณจะเลือกคุยกับใคร
คนที่ 1 : เป็นไร อ๋อ อย่าคิดมาก ค่อยๆคุยกัน
คนที่ 2 : เป็นไร อ๋อ อยากระบายกับmeไหม เผื่อสบายใจขึ้น แต่ถ้าyouไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ มีไรที่ช่วยได้ก็บอกนะเว้ยเพื่อน
ประเด็นที่ 3 แนะนำไปก็ไม่ทำ
ผมจะยกตัวอย่างเรื่องอกหักละกัน เห็นภาพง่ายดี
ถ้ามีคนมาแนะนำว่า
ออกไปเที่ยวสิ >ในความเป็นจริง> ทำงานอาทิตย์หนึ่ง หยุดแค่1-2วัน 1วันซักผ้าทำงานบ้านก็หมดวันละ รอตอนเย็นเก็บผ้า วันต่อมาจะไปไหน ยิ่งอยู่ในเมืองยิ่งรถติด ไปไกลสุดแค่ห้าง แล้วก็ไปด้วยอารมณ์เศร้าๆ เห็นของที่อยากได้ก็ยิ้มแห้งๆมุมปาก
ออกไปกินบุฟเฟต์หรือของอร่อยสิ >ในความเป็นจริง> เวลาคนกำลังเศร้า มีใครกินอะไรลงไหม ถึงกินได้ จะกินได้เยอะหรือป่าว เศร้าที่ว่าไม่ใช่แค่เรื่องอกหักก็ได้ เศร้าแบบ เสียคนสำคัญอ่ะ ใครจะกินลง
อกหักก็หาใหม่สิ ผู้ชาย/ผู้หญิงบนโลกมีเป็นล้าน >ในความเป็นจริง> ในบางความสัมพันธ์ เราไม่ใช่แค่เสียใจกับการเสียคนรัก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ความทรงจำ เวลา สิ่งที่สร้างกันมา ซึ่งการหาใหม่มันก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะมันใช้เวลา กว่าจะรู้จัก กว่าจะทะเลาะ กว่าจะเข้าใจ กว่าจะมีเวลาร่วมกัน มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
สรุป : มันไม่ใช่ว่าพูดอะไรก็ผิด หรือแนะนำอะไรไปก็ไม่ฟัง บางทีเราทำไปแล้วแต่มันไม่ได้ช่วย ซึ่งเราก็ไม่ได้อยู่ในmoodที่จะพูดคำว่า"ลองทำไปแล้ว" เพราะสุดท้ายเราแค่ต้องการใครสักคนไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง เพื่อน พ่อแม่ หรือคนรอบตัวที่ รับฟังเราจริงๆ และพูดอะไรบางอย่างให้เรารู้ว่าเราไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพัง แสดงความเป็นห่วงโดยไม่ใช้วิธีพูดแบบปัดๆแล้วหันหลังให้ มันจะทำให้คนที่กำลังแย่ รู้สึกว่า "ไม่น่าเล่าเลย มาถามเหมือนเป็นห่วงแล้วก็เดินไปเฉย" ผมว่าถ้าเราไม่พร้อมจะช่วยใคร อย่าถามเลยดีกว่า ปล่อยให้เขาทำใจและอยู่กับตัวเองสักพัก อย่างน้อยมันยังดีกว่าเข้าไปเหมือนห่วงแล้วปล่อยเขาไว้คนเดียว แม้มันจะเป็นการถามตามมารยาท แต่ถ้ามันไม่ได้ช่วยอะไร บางทีมารยาทก็ทำให้อีกคนคิดมากกว่าเดิม ส่วนตัวผมเวลารู้สึกแย่ก็ไม่ค่อยมีใครมาถามอยู่แล้ว และต่อให้มาถาม ผมก็บอกว่าป่าว เพราะพูดไปก็เท่านั้น
สุดท้ายนี้ผมแนะนำให้ทุกคนลองไปฟังคลิป"ซึมเศร้า"ของคุณอตอม นะครับ
ปล.ผมไม่หวังให้ใครโอเคหรือยอมรับสิ่งที่ผมพูด ผมแค่พูดความเป็นจริงและความรู้สึกจริงๆที่บางคนเจอบางคนไม่เจอ
ปัญหาโลกแตกกับคำพูด
ประเด็นที่ 1 โลกหมุนรอบตัวเอง
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่แบบนั้น คือคนเราทุกคนมีปัญหา มีวันที่ดีและไม่ดี บางครั้งมันก็แสดงออกมาทางสีหน้า ซึ่งบางคนก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆแม้จะไปทำงาน แล้วมันเริ่มมาจากการที่มีคนมาทักว่าเป็นไรดูไม่โอเค เราที่กำลังรู้สึกไม่ดี เราก็ดีใจที่มีคนมาทัก เราก็ระบายไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายก็ได้คำตอบแบบห้วนๆกลับมาแล้วหันหลังไป ในความรู้สึกของคนระบาย มันเหมือนคุณอยากรู้เฉยๆว่าเราเป็นอะไร ไม่ได้เป็นห่วงหรืออยากช่วยจริงๆ
(ส่วนในมุมของคนที่เข้าไปเริ่มปรึกษาคนอื่นแล้วโดนพูดอะไรใส่ อันนั้นคนที่จะปรึกษาต้องหาคนที่เขาเป็นห่วงจริงๆ ไม่งั้นเขาก็ไม่ผิดเพราะอยู่ๆคุณจะไปคาดหวังอะไรจากเขามันก็ไม่ถูก)
ประเด็นที่ 2 พูดนั่นก็ผิดพูดนี่ก็ผิด
อันที่จริงมันไม่มีคำพูดไหนผิดหรือถูก มันอยู่ที่เจตนามากกว่า เพราะบางคนเข้ามาเหมือนเป็นห่วง แต่จริงๆแค่อยากรู้เฉยๆ และบางคนที่บอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาได้ แต่พอเข้าไปปรึกษา มันก็ไม่ได้ประโยชน์
ยกตัวอย่างที่ 1 ถ้าคุณอกหักแล้วมีเพื่อน2กลุ่ม คุณจะอยากคุยกับใคร
กลุ่ม1 : เป็นไร อ๋อสู้ๆนะ เข้าใจ ใครๆก็เคยอกหัก อย่าคิดมาก
กลุ่ม2 : เป็นไร อ้าวอกหักหรอ ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน youยังมีพวกเรา เดี๋ยวอาทิตย์หน้า/เดือนหน้าว่าจะไปเที่ยวกัน youจะไปด้วยกันป่าว เออๆเห็นมีร้านบุฟเฟต์เปิดใหม่ ไปกินกันไหม จะได้ไม่อยู่คนเดียว เดี๋ยวเศร้า
ยกตัวอย่างที่2 ถ้าคุณมีปัญหาในบ้าน คุณจะเลือกคุยกับใคร
คนที่ 1 : เป็นไร อ๋อ อย่าคิดมาก ค่อยๆคุยกัน
คนที่ 2 : เป็นไร อ๋อ อยากระบายกับmeไหม เผื่อสบายใจขึ้น แต่ถ้าyouไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ มีไรที่ช่วยได้ก็บอกนะเว้ยเพื่อน
ประเด็นที่ 3 แนะนำไปก็ไม่ทำ
ผมจะยกตัวอย่างเรื่องอกหักละกัน เห็นภาพง่ายดี
ถ้ามีคนมาแนะนำว่า
ออกไปเที่ยวสิ >ในความเป็นจริง> ทำงานอาทิตย์หนึ่ง หยุดแค่1-2วัน 1วันซักผ้าทำงานบ้านก็หมดวันละ รอตอนเย็นเก็บผ้า วันต่อมาจะไปไหน ยิ่งอยู่ในเมืองยิ่งรถติด ไปไกลสุดแค่ห้าง แล้วก็ไปด้วยอารมณ์เศร้าๆ เห็นของที่อยากได้ก็ยิ้มแห้งๆมุมปาก
ออกไปกินบุฟเฟต์หรือของอร่อยสิ >ในความเป็นจริง> เวลาคนกำลังเศร้า มีใครกินอะไรลงไหม ถึงกินได้ จะกินได้เยอะหรือป่าว เศร้าที่ว่าไม่ใช่แค่เรื่องอกหักก็ได้ เศร้าแบบ เสียคนสำคัญอ่ะ ใครจะกินลง
อกหักก็หาใหม่สิ ผู้ชาย/ผู้หญิงบนโลกมีเป็นล้าน >ในความเป็นจริง> ในบางความสัมพันธ์ เราไม่ใช่แค่เสียใจกับการเสียคนรัก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ความทรงจำ เวลา สิ่งที่สร้างกันมา ซึ่งการหาใหม่มันก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะมันใช้เวลา กว่าจะรู้จัก กว่าจะทะเลาะ กว่าจะเข้าใจ กว่าจะมีเวลาร่วมกัน มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
สรุป : มันไม่ใช่ว่าพูดอะไรก็ผิด หรือแนะนำอะไรไปก็ไม่ฟัง บางทีเราทำไปแล้วแต่มันไม่ได้ช่วย ซึ่งเราก็ไม่ได้อยู่ในmoodที่จะพูดคำว่า"ลองทำไปแล้ว" เพราะสุดท้ายเราแค่ต้องการใครสักคนไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง เพื่อน พ่อแม่ หรือคนรอบตัวที่ รับฟังเราจริงๆ และพูดอะไรบางอย่างให้เรารู้ว่าเราไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพัง แสดงความเป็นห่วงโดยไม่ใช้วิธีพูดแบบปัดๆแล้วหันหลังให้ มันจะทำให้คนที่กำลังแย่ รู้สึกว่า "ไม่น่าเล่าเลย มาถามเหมือนเป็นห่วงแล้วก็เดินไปเฉย" ผมว่าถ้าเราไม่พร้อมจะช่วยใคร อย่าถามเลยดีกว่า ปล่อยให้เขาทำใจและอยู่กับตัวเองสักพัก อย่างน้อยมันยังดีกว่าเข้าไปเหมือนห่วงแล้วปล่อยเขาไว้คนเดียว แม้มันจะเป็นการถามตามมารยาท แต่ถ้ามันไม่ได้ช่วยอะไร บางทีมารยาทก็ทำให้อีกคนคิดมากกว่าเดิม ส่วนตัวผมเวลารู้สึกแย่ก็ไม่ค่อยมีใครมาถามอยู่แล้ว และต่อให้มาถาม ผมก็บอกว่าป่าว เพราะพูดไปก็เท่านั้น
สุดท้ายนี้ผมแนะนำให้ทุกคนลองไปฟังคลิป"ซึมเศร้า"ของคุณอตอม นะครับ
ปล.ผมไม่หวังให้ใครโอเคหรือยอมรับสิ่งที่ผมพูด ผมแค่พูดความเป็นจริงและความรู้สึกจริงๆที่บางคนเจอบางคนไม่เจอ