ศาลอาญา ยกฟ้อง คดีชายชุดดำ ภาค 2 ชี้พยานโจทก์เบิกความขัดกันไม่น่าเชื่อถือ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7352588
ศาลอาญา ยกฟ้อง คดีชายชุดดำ ภาค 2 ชี้พยานโจทก์เบิกความขัดกันไม่น่าเชื่อถือ เล็งยื่น อสส.พิจารณาถอนฟ้อง แจงเป็นเหตุการณ์เดียวกันเเต่ถูกฟ้องซ้ำหลายคดี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 พ.ย.65 ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีชายชุดดำ หมายเลขดำ อ.212/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ฟ้อง นาย
กิตติศักด์ หรือ
อ้วน สุ่มศรี และ นาย
ปรีชา อยู่เย็น ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่โดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน , พ.ร.บ.อาวุธสงครามฯ
กรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธปืนและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงไปที่ถ.ข้าวสาร แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร หลายนัดหลายลูก ใส่เจ้าพนักงานทหารและเจ้าหน้าที่อื่นซึ่งตั้งแนวโล่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันเหตุร้ายโดยเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ พ.อ.
ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ได้รับอันตรายทุพพลภาพ ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 24 นายได้รับบาดเจ็บ
โดยวันนี้เบิกตัวจำเลยที่ 1 มาจากเรือนจำส่วนจำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ
โดยศาลพิเคราะห์เเล้วเห็นว่า พยานซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บถูกยิง เห็นจำเลยครั้งแรกในทีวีตามที่ปรากฏเป็นข่าว ก็เบิกความว่าไม่รู้ว่ากระสุนมาจากทิศทางใด และไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ส่วนพยานปากอื่นเบิกความข้อเท็จจริง คล้ายกับพยานโจทก์ข้างต้น ว่าไม่มีผู้ใดพบว่าจำเลยทั้งสองยิงใส่เจ้าหน้าที่ เเม้จะมีพยานบางปากอ้างว่าเห็นจำเลยขับรถตู้ฝ่าวงเข้ามาพร้อมตะโกนด่าพยานเเละมีการเผยเห็นอาวุธสงครามที่อยู่พื้นรถตู้
เเต่พยานปากดังกล่าวเคยไปเบิกความในคดีที่ศาลอาญาใต้ ซี่งเป็นข้อเท็จจริงเดียวกันพยานเคยเบิกความว่าจำไม่ได้ คำเบิกความจึงขัดกันกับที่เบิกความในศาลนี้ เเละไม่มีเหตุผลว่าจำเลยจะขนอาวุธเข้ามาเเละเปิดเผยใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ พยานปากนี้มีน้ำหนักน้อยขัดกับเหตุผล
จากข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันดังกล่าวเกิดเหตุหลายเหตุการณ์มีเสียงกระสุนปืนหลายนัด เเต่ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 2 กระทำผิดเหตุการณ์ใดบ้าง การที่พยานเบิกความว่าจำเลยเคยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ก็มีน้ำหนักน้อยเเละได้ความว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะโดนซ้อมทรมาน พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
นาย
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 2 ไปยิงทหารในวันดังกล่าว เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายจุด และมีเสียงยิงปืนดังต่อเนื่องหลายจุด ซึ่งพยานบุคคลของโจทก์ เบิกความขัดกับพยานในคดีอื่น คำเบิกความพยานโจทก์นั้นจึงไม่น่าเชื่อถือ และ นาย
ธำรงค์ หลักแดน ซึ่งเป็นทนายความ นำพยานหลักฐานเข้าสู้หักล้างทำให้ศาลเห็นว่าคดีนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้จำเลยและลูกสาวได้รับความเดือดร้อน
นาย
วิญญัติ กล่าวต่อว่า จำเลยควรได้รับการปล่อยตัว เพราะศาลยกฟ้องโดยที่ไม่ได้ยกเพราะยกประโยชน์แห่งความสงสัย แต่ศาลยกฟ้องเพราะฟังพยานหลักฐานโจทก์ไม่ได้เลยจึงควรจะปล่อยตัว แต่จำเลยที่ 1 ก็ยังคงถูกขังคดีอื่น ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับจำเลยมา 4-5 คดี และคดีใหม่นี้จะสอบคำให้การวันที่ 22 พ.ย.นี้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนยุติธรรมบ้านเรามันถูกข้ามขั้นตอนและไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างแท้จริง ทำให้ครอบครัวจำเลยเดือดร้อน
เรากำลังปรึกษากันในทีมว่าจะไปยื่นคำร้องขอคววามเป็นธรรม ขอให้ อัยการสูงสุดพิจารณาถอนฟ้องคดี ซึ่งคดีนี้สำนักงานอัยการคดีพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน ตนอยากจะถามว่าใช้ดุลยพินิจอะไรในการสั่งฟ้อง พยานหลักฐานได้มีการกลั่นกรองดีแล้วหรือไม่ ถ้าทำโดยหละหลวมเราก็จะตั้งเรื่องในการยื่นฟ้องกลับต่อพนักงานอัยการ คดีนี้อัยการอาจถูกฟ้องได้ในอนาคต โดยหลังจากนี้เราจะยื่นขอปล่อยชั่วคราวในนัดสอบคำให้การครั้งต่อไป
“ถ้าอัยการสูงสุดทำได้ เราอยากขอให้ท่านถอนฟ้อง หรือให้ความเป็นธรรมในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งแม้คดีจะฟ้องศาลแล้ว แต่อำนาจของท่านสามารถนำกระบวนการเหล่านี้มาพิจารณาใหม่ได้อีก ตอนนี้เราไม่อาจก้าวล่วงว่าอัยการสูงสุดควรทำอย่างไร แต่ท่านใช้ดุลยพินิจของท่านได้ จำเลยที่ 1 ติดในเรือนจำตั้งเเต่ปี 57 เเต่กลับถูกนำเหตุการณ์เดียวกันมาฟ้องซ้ำเเล้ว ซ้ำเล่า“ นาย
วิญญัติ กล่าว
ด้าน น.ส.
จุฑามาศ สุ่มศรี ลูกสาวของจำเลยที่ 1 กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับพ่อ เพราะตนรอเวลานี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาพอตัดสินคดีก็มีคดีใหม่เข้ามา ตอนนี้ยังเหลืออีก 1 คดีเป็นคดีใหม่ที่พ่อยังต้องถูกจองจำอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.4022/2557 หรือคดีชายชุดดำ สำนวนเเรก ซึ่งเป็นคดีที่ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย
กิตติศักดิ์ หรือ
อ้วน สุ่มศรี ชาวกรุงเทพมหานคร, นาย
ปรีชา หรือ
ไก่เตี้ย อยู่เย็น ชาวจังหวัดเชียงใหม่, นาย
รณฤทธิ์ หรือ
นะ สุริชา ชาวจังหวัดอุบลราชธานี, นาย
ชำนาญ หรือ
เล็ก ภาคีฉาย ชาวกรุงเทพมหานคร และ นาง
ปุนิกา หรือ
อร ชูศรี ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ 55, 72, 78 และข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง ที่ชุมชน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
กรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันพาอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด ที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้
อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค 33 หรือ ปืนอาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ทั้งในเวลาเกิดเหตุมีการชุมนุมกันของประชาชนจำนวนมาก
ซึ่งวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธสงครามของกลาง กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 2557 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมพวกจำเลยทั้ง 5 ส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดี
‘สมคิด’ ชี้ ‘ป้อม’ ไม่ยื้อ ‘ตู่’ เรื่องในพรรค พปชร. ไม่มีผลกับเพื่อไทย เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3660238
‘สมคิด’ ปัดตอบปม ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ยื้อ ‘บิ๊กตู่’ ขึ้นแคนดิแดตนายกฯ พปชร. ลั่น ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ไม่ต้องจับมือใคร
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ยื้อหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปอยู่พรรคอื่นว่า ถือเป็นเรื่องภายในพรรค พปชร. ซึ่งคนในพรรค พปชร.หลายคนบอกว่าถ้าจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่อ อาจจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี และจะเป็นปัญหาต่อการปฏิบัติหรือการทำงาน ดังนั้น หากมีการเสนอ พล.อ.ประวิตร ก็จะเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบต่อพรรค พท.อะไรทั้งนั้น เราสนใจเพียงว่าต้องทำงานให้หนักเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นมาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะส่งผลดีต่อพรรค พท.แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะแต่ละพรรคการเมืองก็ต่างชูแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกัน ฉะนั้น จึงไม่มีผลต่อพรรค พท.ไม่ว่าจะชูใคร เราถือว่าทุกคนคือคู่ต่อสู้ทางการเมืองที่จะต้องแข่งขันกันอยู่แล้ว
ถามต่อว่า จะเป็นชนวนรอยร้าวของ 3 ป.และส่งผลกระทบต่อรัฐบาลในช่วงนี้หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า มองว่ามีผลกระทบแน่ อย่างน้อยๆ ถ้าดูตามข่าว 3 ป.ทำตัวเหมือนรักกัน ความจริงเขาก็คงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กันหรอก เพียงต่อหน้าสังคมต้องเป็นพี่เป็นน้อง แต่เรื่องจริงในการบริหารจัดการเห็นได้ชัดว่ามันแตกแยก ข้างในคุณจะสวีตหวานยังไงก็ช่าง แต่การปฏิบัติตัวอย่างนอกมันเห็นได้ชัดอยู่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการจับมือร่วมกันของพรรค พท.และพรรค พปชร. นายสมคิดกล่าวว่า ไม่มีเรื่องดีลระหว่างกัน ยืนยันว่าวันนี้พรรค พท.ยังไม่คิดจะจับมือใครทั้งนั้น เราจะทำแลนด์สไลด์ให้เห็นและเป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียว
ก้าวไกล โต้ เด็กปชป. ปมโดนล็อบบี้ คัดเลือกร้านอาหาร ส.ส. ยัน ไม่ได้รับเงินใคร
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7352554
“ก้าวไกล” ยัน ไม่เคยให้-รับเงินจากใคร หลัง เด็กปชป. กล่าวหา ส.ส.พรรคสีส้ม ทุจริตล็อบบี้กรณีคัดเลือกผู้ประกอบการจัดหาอาหารให้ ส.ส.
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2565 นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวกรณีนาย
วัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง นาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบความโปร่งใส ในการคัดเลือกผู้ประกอบการในการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้กับส.ส. โดยกล่าวหาว่าตัวแทนจากพรรคก้าวไกลในคณะกรรมการคัดเลือก มีการล็อบบี้ให้คัดเลือกผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับว่าจ้างจากสภาผู้แทนราษฎร ในการรับเหมาให้บริการอาหารสำหรับส.ส. จะได้รับการต่อสัญญาแบบรายปี โดยมีคณะกรรมการที่รัฐสภาตั้งขึ้นจากตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ เท่าที่ตนทราบ ร้านที่ได้รับการว่าจ้างในปัจจุบัน เป็นร้านที่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองบางคนในฝั่งรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่แปลกที่การคัดเลือกครั้งนี้ ซึ่งมีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบการจะนำไปสู่การเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และทำให้ต้องออกมาโวยวาย
“
ผมไม่ทราบว่านายวัชระทราบถึงแรงจูงใจแบบนี้หรือไม่ แต่เมื่อมีการออกมาแถลงข่าวแบบนี้ ผมต้องขอยืนยันว่าในกระบวนการคัดเลือกนั้น พรรคก้าวไกลไม่มีการให้เงินทองหรือรับเงินทองจากใคร การคัดเลือกที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่มาจากการพิจารณาโดยคณะกรรมการ จึงเป็นไปได้ที่ผู้ได้รับว่าจ้างรายเดิมอาจไม่ได้รับการคัดเลือก” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นาย
วัชระ ระบุว่าไม่กังวลว่าจะมีปัญหา เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลนั้น พรรคก้าวไกลขอยืนยันเช่นกันว่า พรรคยึดมั่นในคุณค่าระบอบประชาธิปไตย การจับมือกับพรรคการเมืองใดก็ตาม พรรคเหล่านั้นก็ต้องยึดถือในคุณค่าเหล่านี้ด้วย และเป็นบริบทที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นหลักสำคัญที่สุด
JJNY : 5in1 ยกฟ้องคดีชายชุดดำภาค 2| ‘สมคิด’ชี้ไม่มีผลกับพท.| ก้าวไกลโต้เด็กปชป.| ต.ค. เงินเฟ้อยังคงระดับสูง| ศก.จีนหนาว!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7352588
ศาลอาญา ยกฟ้อง คดีชายชุดดำ ภาค 2 ชี้พยานโจทก์เบิกความขัดกันไม่น่าเชื่อถือ เล็งยื่น อสส.พิจารณาถอนฟ้อง แจงเป็นเหตุการณ์เดียวกันเเต่ถูกฟ้องซ้ำหลายคดี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 พ.ย.65 ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีชายชุดดำ หมายเลขดำ อ.212/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายกิตติศักด์ หรืออ้วน สุ่มศรี และ นายปรีชา อยู่เย็น ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่โดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน , พ.ร.บ.อาวุธสงครามฯ
กรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธปืนและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงไปที่ถ.ข้าวสาร แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร หลายนัดหลายลูก ใส่เจ้าพนักงานทหารและเจ้าหน้าที่อื่นซึ่งตั้งแนวโล่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันเหตุร้ายโดยเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ได้รับอันตรายทุพพลภาพ ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 24 นายได้รับบาดเจ็บ
โดยวันนี้เบิกตัวจำเลยที่ 1 มาจากเรือนจำส่วนจำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ
โดยศาลพิเคราะห์เเล้วเห็นว่า พยานซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บถูกยิง เห็นจำเลยครั้งแรกในทีวีตามที่ปรากฏเป็นข่าว ก็เบิกความว่าไม่รู้ว่ากระสุนมาจากทิศทางใด และไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ส่วนพยานปากอื่นเบิกความข้อเท็จจริง คล้ายกับพยานโจทก์ข้างต้น ว่าไม่มีผู้ใดพบว่าจำเลยทั้งสองยิงใส่เจ้าหน้าที่ เเม้จะมีพยานบางปากอ้างว่าเห็นจำเลยขับรถตู้ฝ่าวงเข้ามาพร้อมตะโกนด่าพยานเเละมีการเผยเห็นอาวุธสงครามที่อยู่พื้นรถตู้
เเต่พยานปากดังกล่าวเคยไปเบิกความในคดีที่ศาลอาญาใต้ ซี่งเป็นข้อเท็จจริงเดียวกันพยานเคยเบิกความว่าจำไม่ได้ คำเบิกความจึงขัดกันกับที่เบิกความในศาลนี้ เเละไม่มีเหตุผลว่าจำเลยจะขนอาวุธเข้ามาเเละเปิดเผยใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ พยานปากนี้มีน้ำหนักน้อยขัดกับเหตุผล
จากข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันดังกล่าวเกิดเหตุหลายเหตุการณ์มีเสียงกระสุนปืนหลายนัด เเต่ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 2 กระทำผิดเหตุการณ์ใดบ้าง การที่พยานเบิกความว่าจำเลยเคยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ก็มีน้ำหนักน้อยเเละได้ความว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะโดนซ้อมทรมาน พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 2 ไปยิงทหารในวันดังกล่าว เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายจุด และมีเสียงยิงปืนดังต่อเนื่องหลายจุด ซึ่งพยานบุคคลของโจทก์ เบิกความขัดกับพยานในคดีอื่น คำเบิกความพยานโจทก์นั้นจึงไม่น่าเชื่อถือ และ นายธำรงค์ หลักแดน ซึ่งเป็นทนายความ นำพยานหลักฐานเข้าสู้หักล้างทำให้ศาลเห็นว่าคดีนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้จำเลยและลูกสาวได้รับความเดือดร้อน
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า จำเลยควรได้รับการปล่อยตัว เพราะศาลยกฟ้องโดยที่ไม่ได้ยกเพราะยกประโยชน์แห่งความสงสัย แต่ศาลยกฟ้องเพราะฟังพยานหลักฐานโจทก์ไม่ได้เลยจึงควรจะปล่อยตัว แต่จำเลยที่ 1 ก็ยังคงถูกขังคดีอื่น ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับจำเลยมา 4-5 คดี และคดีใหม่นี้จะสอบคำให้การวันที่ 22 พ.ย.นี้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนยุติธรรมบ้านเรามันถูกข้ามขั้นตอนและไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างแท้จริง ทำให้ครอบครัวจำเลยเดือดร้อน
เรากำลังปรึกษากันในทีมว่าจะไปยื่นคำร้องขอคววามเป็นธรรม ขอให้ อัยการสูงสุดพิจารณาถอนฟ้องคดี ซึ่งคดีนี้สำนักงานอัยการคดีพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน ตนอยากจะถามว่าใช้ดุลยพินิจอะไรในการสั่งฟ้อง พยานหลักฐานได้มีการกลั่นกรองดีแล้วหรือไม่ ถ้าทำโดยหละหลวมเราก็จะตั้งเรื่องในการยื่นฟ้องกลับต่อพนักงานอัยการ คดีนี้อัยการอาจถูกฟ้องได้ในอนาคต โดยหลังจากนี้เราจะยื่นขอปล่อยชั่วคราวในนัดสอบคำให้การครั้งต่อไป
“ถ้าอัยการสูงสุดทำได้ เราอยากขอให้ท่านถอนฟ้อง หรือให้ความเป็นธรรมในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งแม้คดีจะฟ้องศาลแล้ว แต่อำนาจของท่านสามารถนำกระบวนการเหล่านี้มาพิจารณาใหม่ได้อีก ตอนนี้เราไม่อาจก้าวล่วงว่าอัยการสูงสุดควรทำอย่างไร แต่ท่านใช้ดุลยพินิจของท่านได้ จำเลยที่ 1 ติดในเรือนจำตั้งเเต่ปี 57 เเต่กลับถูกนำเหตุการณ์เดียวกันมาฟ้องซ้ำเเล้ว ซ้ำเล่า“ นายวิญญัติ กล่าว
ด้าน น.ส.จุฑามาศ สุ่มศรี ลูกสาวของจำเลยที่ 1 กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับพ่อ เพราะตนรอเวลานี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาพอตัดสินคดีก็มีคดีใหม่เข้ามา ตอนนี้ยังเหลืออีก 1 คดีเป็นคดีใหม่ที่พ่อยังต้องถูกจองจำอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.4022/2557 หรือคดีชายชุดดำ สำนวนเเรก ซึ่งเป็นคดีที่ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ชาวกรุงเทพมหานคร, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น ชาวจังหวัดเชียงใหม่, นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา ชาวจังหวัดอุบลราชธานี, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย ชาวกรุงเทพมหานคร และ นางปุนิกา หรืออร ชูศรี ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ 55, 72, 78 และข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง ที่ชุมชน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
กรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันพาอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด ที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้
อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค 33 หรือ ปืนอาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ทั้งในเวลาเกิดเหตุมีการชุมนุมกันของประชาชนจำนวนมาก
ซึ่งวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธสงครามของกลาง กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 2557 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมพวกจำเลยทั้ง 5 ส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดี
‘สมคิด’ ชี้ ‘ป้อม’ ไม่ยื้อ ‘ตู่’ เรื่องในพรรค พปชร. ไม่มีผลกับเพื่อไทย เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3660238
‘สมคิด’ ปัดตอบปม ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ยื้อ ‘บิ๊กตู่’ ขึ้นแคนดิแดตนายกฯ พปชร. ลั่น ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ไม่ต้องจับมือใคร
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ยื้อหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปอยู่พรรคอื่นว่า ถือเป็นเรื่องภายในพรรค พปชร. ซึ่งคนในพรรค พปชร.หลายคนบอกว่าถ้าจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่อ อาจจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี และจะเป็นปัญหาต่อการปฏิบัติหรือการทำงาน ดังนั้น หากมีการเสนอ พล.อ.ประวิตร ก็จะเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบต่อพรรค พท.อะไรทั้งนั้น เราสนใจเพียงว่าต้องทำงานให้หนักเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นมาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะส่งผลดีต่อพรรค พท.แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะแต่ละพรรคการเมืองก็ต่างชูแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกัน ฉะนั้น จึงไม่มีผลต่อพรรค พท.ไม่ว่าจะชูใคร เราถือว่าทุกคนคือคู่ต่อสู้ทางการเมืองที่จะต้องแข่งขันกันอยู่แล้ว
ถามต่อว่า จะเป็นชนวนรอยร้าวของ 3 ป.และส่งผลกระทบต่อรัฐบาลในช่วงนี้หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า มองว่ามีผลกระทบแน่ อย่างน้อยๆ ถ้าดูตามข่าว 3 ป.ทำตัวเหมือนรักกัน ความจริงเขาก็คงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กันหรอก เพียงต่อหน้าสังคมต้องเป็นพี่เป็นน้อง แต่เรื่องจริงในการบริหารจัดการเห็นได้ชัดว่ามันแตกแยก ข้างในคุณจะสวีตหวานยังไงก็ช่าง แต่การปฏิบัติตัวอย่างนอกมันเห็นได้ชัดอยู่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการจับมือร่วมกันของพรรค พท.และพรรค พปชร. นายสมคิดกล่าวว่า ไม่มีเรื่องดีลระหว่างกัน ยืนยันว่าวันนี้พรรค พท.ยังไม่คิดจะจับมือใครทั้งนั้น เราจะทำแลนด์สไลด์ให้เห็นและเป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียว
ก้าวไกล โต้ เด็กปชป. ปมโดนล็อบบี้ คัดเลือกร้านอาหาร ส.ส. ยัน ไม่ได้รับเงินใคร
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7352554
“ก้าวไกล” ยัน ไม่เคยให้-รับเงินจากใคร หลัง เด็กปชป. กล่าวหา ส.ส.พรรคสีส้ม ทุจริตล็อบบี้กรณีคัดเลือกผู้ประกอบการจัดหาอาหารให้ ส.ส.
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2565 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวกรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบความโปร่งใส ในการคัดเลือกผู้ประกอบการในการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้กับส.ส. โดยกล่าวหาว่าตัวแทนจากพรรคก้าวไกลในคณะกรรมการคัดเลือก มีการล็อบบี้ให้คัดเลือกผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับว่าจ้างจากสภาผู้แทนราษฎร ในการรับเหมาให้บริการอาหารสำหรับส.ส. จะได้รับการต่อสัญญาแบบรายปี โดยมีคณะกรรมการที่รัฐสภาตั้งขึ้นจากตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ เท่าที่ตนทราบ ร้านที่ได้รับการว่าจ้างในปัจจุบัน เป็นร้านที่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองบางคนในฝั่งรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่แปลกที่การคัดเลือกครั้งนี้ ซึ่งมีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบการจะนำไปสู่การเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และทำให้ต้องออกมาโวยวาย
“ผมไม่ทราบว่านายวัชระทราบถึงแรงจูงใจแบบนี้หรือไม่ แต่เมื่อมีการออกมาแถลงข่าวแบบนี้ ผมต้องขอยืนยันว่าในกระบวนการคัดเลือกนั้น พรรคก้าวไกลไม่มีการให้เงินทองหรือรับเงินทองจากใคร การคัดเลือกที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่มาจากการพิจารณาโดยคณะกรรมการ จึงเป็นไปได้ที่ผู้ได้รับว่าจ้างรายเดิมอาจไม่ได้รับการคัดเลือก” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายวัชระ ระบุว่าไม่กังวลว่าจะมีปัญหา เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลนั้น พรรคก้าวไกลขอยืนยันเช่นกันว่า พรรคยึดมั่นในคุณค่าระบอบประชาธิปไตย การจับมือกับพรรคการเมืองใดก็ตาม พรรคเหล่านั้นก็ต้องยึดถือในคุณค่าเหล่านี้ด้วย และเป็นบริบทที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นหลักสำคัญที่สุด