https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1
...
แบบที่-1: เห็นว่า...กามที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือกามนี้หละดับทุกข์ทั้งมวล
แบบที่-2: เห็นว่า...ฌานที่1..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่1..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่1มันปรานีตกว่ากามสุข
แบบที่-3: เห็นว่า...ฌานที่2..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่2..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่2มันปรานีตกว่าฌานที่1
แบบที่-4: เห็นว่า...ฌานที่3..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่3..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่3มันปรานีตกว่าฌานที่2
แบบที่-5: เห็นว่า...ฌานที่4..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่4..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่4มันปรานีตกว่าฌานที่3
..
อิเมหิ โข เต ภิกฺขเว สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา
สโต สตฺตสฺส ปรมทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิ ฯ
(...ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่านั้น มีทิฏฐิว่านิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า
นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่ง
ของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุ ๕ ประการนี้แล...)
เย หิ เกจิ ภิกฺขเว สมณา วา พฺราหฺมณา วา ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา
สโต สตฺตสฺส
ปรมทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ สพฺเพ เต อิเมเหว ปญฺจหิ
วตฺถูหิ ฯเปฯ เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุ ํ ฯ
(...ดูกรภิกษุทั้งหลายก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
มีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่ง
ของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๕ ประการนี้เท่านั้น
หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ไม่มี....)
สรุปว่า... มีกลุ่มของสมณพราหมณ์.. ที่คิดว่า.. ความทุกข์ในโลกทั้งหลายมันดับได้ด้วย
กามสุข...หรือ..ฌานในระดับต่างๆ ซึ่งมันมีความระเอียดปรานีตต่างกัน...
ผู้ที่ทำฌานไม่ได้.. ก็เห็นว่าการดับทุกข์ก็คือการแสวงหากามมาเพื่อดับทุกข์ที่ตนประสพ
พวกที่ได้ฌาน.. ก็เห็นว่าฌานนี้ที่เราได้นี่หละคือการดับทุกข์.. เพราะว่าได้สุขและอุเบกขาจากฌาน
เวทนาอันเป็นทุกข์ก็จะดับไป..
แต่เขาเหล่านั้น.. คือ.. ปุถุชนผู้ที่มิได้สดับ..
เมื่อสุขเวทนา..ถูกต้องอยู่..ไม่ว่าจะเป็นกามสุข..หรือ..สุขจากฌาน เขาเหล่านั้นก็จะติดใจ
ตามติด...ไม่ทราบว่ามันเป็นของไม่เที่ยง.. 👈..ด้วยเหตุนี้.." ราคนุสัย "...ก็จะนอนตามปุถุชนเหล่านนี้
ส่วน..ปุถุชนผู้ที่มิได้สดับ..
เมื่ออุเบกขาในฌาน4..ถูกต้องอยู่.. เขาเหล่านั้นก็จะติดใจตามติด...
ไม่ทราบว่ามันเป็นของไม่เที่ยง.. 👈..ด้วยเหตุนี้.." อวิชชานุสัย "...ก็จะนอนตามปุถุชนเหล่านนี้
พวกที่มีทิฏฐินิพพานในปัจจุบันด้วยเหตุ 5 ประการนี้.. จะจัดให้เป็นพวก " สัสสตทิฏฐิ "..หรือ " อุจจเฉททิฏฐิ "..
หรือไม่ อันนี้มันก็น่าจะขึ้นอยู่ว่า.. เขาเห็นว่า " ปัจจุบัน..หรือ...อนาคต "....เขานั้นจะยังมีอยู่อย่างเที่ยงแท้..
หรือว่า...ขาดสูญกันในชาตินี้...
หากเขาเห็นว่า... ความสุขในปัจจบัน..คือ..นิพพาน
แต่ภายหลังการตาย..ก็หมดกันไม่มีอะไรๆ👈..อันนี้จะเป็น..อุจเฉททิฏฐิ
แต่หากเขาเห็นว่า... ความสุขในปัจจบัน..คือ..นิพพาน
แต่ภายหลังการตาย..เขาก็จะยังอยู่เป็นผู้เที่ยงอย่างนี้👈..อันนี้จะเป็น..อุจเฉททิฏฐิ
=======
ส่วนพวก "
แม้นปัจจุบัน..ก็ไม่มีเรา เราไม่มี " <---พวกนี้ก็ " อุจเฉททิฏฐิ " ...ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห้เลย..
สัตว์ "ตอนที่ 85 :ทิฏฐิ62...ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ๕..สรุป..
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=9&item=26&items=25&preline=1
...
แบบที่-1: เห็นว่า...กามที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือกามนี้หละดับทุกข์ทั้งมวล
แบบที่-2: เห็นว่า...ฌานที่1..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่1..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่1มันปรานีตกว่ากามสุข
แบบที่-3: เห็นว่า...ฌานที่2..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่2..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่2มันปรานีตกว่าฌานที่1
แบบที่-4: เห็นว่า...ฌานที่3..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่3..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่3มันปรานีตกว่าฌานที่2
แบบที่-5: เห็นว่า...ฌานที่4..ที่ได้ในปัจจุปัน...คือนิพพาน คือฌานที่4..นี้หละดับทุกข์ทั้งมวล..
เพราะฌานที่4มันปรานีตกว่าฌานที่3
..
อิเมหิ โข เต ภิกฺขเว สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา
สโต สตฺตสฺส ปรมทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิ ฯ
(...ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่านั้น มีทิฏฐิว่านิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า
นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุ ๕ ประการนี้แล...)
เย หิ เกจิ ภิกฺขเว สมณา วา พฺราหฺมณา วา ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส
ปรมทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ สพฺเพ เต อิเมเหว ปญฺจหิ
วตฺถูหิ ฯเปฯ เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุ ํ ฯ
(...ดูกรภิกษุทั้งหลายก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
มีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๕ ประการนี้เท่านั้น
หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ไม่มี....)
สรุปว่า... มีกลุ่มของสมณพราหมณ์.. ที่คิดว่า.. ความทุกข์ในโลกทั้งหลายมันดับได้ด้วย
กามสุข...หรือ..ฌานในระดับต่างๆ ซึ่งมันมีความระเอียดปรานีตต่างกัน...
ผู้ที่ทำฌานไม่ได้.. ก็เห็นว่าการดับทุกข์ก็คือการแสวงหากามมาเพื่อดับทุกข์ที่ตนประสพ
พวกที่ได้ฌาน.. ก็เห็นว่าฌานนี้ที่เราได้นี่หละคือการดับทุกข์.. เพราะว่าได้สุขและอุเบกขาจากฌาน
เวทนาอันเป็นทุกข์ก็จะดับไป..
แต่เขาเหล่านั้น.. คือ.. ปุถุชนผู้ที่มิได้สดับ..
เมื่อสุขเวทนา..ถูกต้องอยู่..ไม่ว่าจะเป็นกามสุข..หรือ..สุขจากฌาน เขาเหล่านั้นก็จะติดใจ
ตามติด...ไม่ทราบว่ามันเป็นของไม่เที่ยง.. 👈..ด้วยเหตุนี้.." ราคนุสัย "...ก็จะนอนตามปุถุชนเหล่านนี้
ส่วน..ปุถุชนผู้ที่มิได้สดับ..
เมื่ออุเบกขาในฌาน4..ถูกต้องอยู่.. เขาเหล่านั้นก็จะติดใจตามติด...
ไม่ทราบว่ามันเป็นของไม่เที่ยง.. 👈..ด้วยเหตุนี้.." อวิชชานุสัย "...ก็จะนอนตามปุถุชนเหล่านนี้
พวกที่มีทิฏฐินิพพานในปัจจุบันด้วยเหตุ 5 ประการนี้.. จะจัดให้เป็นพวก " สัสสตทิฏฐิ "..หรือ " อุจจเฉททิฏฐิ "..
หรือไม่ อันนี้มันก็น่าจะขึ้นอยู่ว่า.. เขาเห็นว่า " ปัจจุบัน..หรือ...อนาคต "....เขานั้นจะยังมีอยู่อย่างเที่ยงแท้..
หรือว่า...ขาดสูญกันในชาตินี้...
หากเขาเห็นว่า... ความสุขในปัจจบัน..คือ..นิพพาน
แต่ภายหลังการตาย..ก็หมดกันไม่มีอะไรๆ👈..อันนี้จะเป็น..อุจเฉททิฏฐิ
แต่หากเขาเห็นว่า... ความสุขในปัจจบัน..คือ..นิพพาน
แต่ภายหลังการตาย..เขาก็จะยังอยู่เป็นผู้เที่ยงอย่างนี้👈..อันนี้จะเป็น..อุจเฉททิฏฐิ
=======
ส่วนพวก " แม้นปัจจุบัน..ก็ไม่มีเรา เราไม่มี " <---พวกนี้ก็ " อุจเฉททิฏฐิ " ...ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห้เลย..