บทที่ 8 เศษเสี้ยวของความทรงจำ
ผมตัดสินใจเดินทางกลับบ้านในเย็นวันนั้นเลย เพราะรู้ดีว่ามีธุระอะไรที่จะต้องไปทำต่อจากนี้อีก เมื่อถึงบ้านทันทีที่เก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยผมก็ออกเดินไปยังบ้านของน้าดาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากบ้านผม คุณคงพอจะเดาถูกว่าที่ผมต้องไปเพราะอะไร ใช่ มิ้นไง มิ้นเป็นลูกสาวคนเดียวน้าดาและน้าดาเองก็ยังเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของแม่ คุณคิดว่าเรื่องมันเกี่ยวพันกันอีรุงตุงนังดีไหมล่ะ ความจริงเรื่องที่มิ้นตายนั้นผมน่ะรู้มาตั้งนานแล้ว เพราะว่าแม่เป็นคนโทรไปบอกตั้งแต่วันที่เกิดเหตุนู้น ผมรู้ดีว่าน้าดาต้องเสียใจมากกับเรื่องนี้ เพราะมิ้นเป็นลูกสาวตนเดียวที่ทั้งขยันและฉลาด และยังเป็นความหวังเดียวของครอบครัว แต่เป็นเพราะความไม่รู้จักโตของผม ที่เอาแต่จมปลักอยู่กับอดีตจนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ใช่ ผมปฎิเสธแม่ไป ไม่ยอมมาร่วมงานศพทั้งๆที่ผมเองก็รู้ดีว่ากำลังใจสำคัญกับมากแค่ไหนในตอนนั้น มันจึงทำให้ผมรู้สึกผิด และไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อต้องการไขความจริงให้กระจ่างในคดีของมิ้น และนิษาที่อาจจะเกี่ยวข้องกัน ผมจึงต้องรวบรวมความกล้าแล้วเช้าไปที่บ้านของเธออีกครั้งเพื่อถามเรื่องนี้
"สวัสดีครับน้าดา"
"อ้าว นที เป็นไงบ้างลูก เมื่อวานน้าเข้าไปหาที่บ้านจะเอาข้าวต้มมัดไปฝากแต่ไม่เจอ เห็นแม่เธอบอกว่าเธอไปกรุงเทพน้าก็นึกว่าจะกลับไปอยู่โน้นเสียแล้ว"
"ยังหรอกครับ แค่กลับไปเคลียธุระเรื่องงานนิดหน่อย"
"แล้วนี่มาหาน้าถึงบ้านมีธุระอะไรหรือเปล่า เข้าไปนั่งรอที่ห้องก่อนสิ ตากผ้าเสร็จแล้วจะตามไป น้ำอยู่ในตู้เย็นเปิดทานได้ตามสบายเลยนะ"
ผมนั่งรอที่ห้องรับแขกอยู่สักสิบนาทีได้ เธอก็เดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับผม
"มีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาน้าที่นี่"
"คือผมอยากจะสอบถามเรื่อง มิ้น หน่อยนะครับ"
"เรื่องมิ้นเหรอ ทำไม ทำไมถึงอยากจะถามเรื่องนั้นล่ะ"
เธอหยุดยิ้มและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"คืออย่างนี้นะครับ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาร่วมงานศพของมิ้น เพราะมัวแต่ทำงานจนลืมนึกไปว่ากำลังใจกับน้าสำคัญมากแค่ไหน และอยากให้น้าเข้าใจว่าผมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ ที่ผมต้องการทราบเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นนอกจากจะไขคดีนี้ให้กระจ่าง"
"เธอตายด้วยอุบัติเหตุจะต้องสืบอะไรกันอีก ฉันคุยเรื่องนี้กับตำรวจไปไม่รู้กี่รอบแล้ว แค่นี้มันยังเจ็บปวดไม่พออีกอย่างนั้นเหรอ"
"ครับ เรื่องนั้นผมทราบดี แต่ดูจากลักษณะการตายและสถานที่เกิดเหตุ ผมว่ามันยังมีอะไรที่น่าสงสัยหลายอย่างและผมคิดว่าน้าดาเองก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน ให้โอกาสผมแก้ตัวและทำเรื่องนี้ให้กระจ่างเถอะนะครับ"
มันได้ผล เธอเงียบไปสักครู่ ก่อนจะรีบออกไปปิดประตูบ้านแล้วกลับมานั่งที่เดิม
"ได้ เธออยากรู้อะไรก็ถามมา แต่เราต้องรีบหน่อย เพราะถ้าน้าเดชของเธอกลับมาได้ยินเรื่องนี้เขาจะต้องไม่พอใจแน่"
"ปมอยากรู้เรื่องในคืนวันที่เกิดเหตุ ก่อนที่เธอจะออกไปข้างนอกนั้นเธอได้ทะเลาะกับใครในบ้านบ้างหรือเปล่า"
"เปล่านี่ เธอมีท่าทางตื่นเต้นนิดหน่อย หลังจากที่วางสายจากเพื่อนของเธอ"
"เพื่อนเหรอ ใช่นิษาหรือเปล่า"
"คิดว่าไม่น่าใช่ คืนนั้นนิษาอยู่ที่หอพักทั้งคืน มิ้นบอกว่าเธอนัดกับเพื่อนเอาไว้ที่โรงเรียน เพราะฉะนั้นคนที่โทรมาจะต้องอยู่ในหมู่บ้าน"
"อาจเป็นแฟนของเธอ"
"ไม่ ไม่มีทางเป็นไอ้หมอนั่นแน่ เดชเขาเคยจับได้ว่ามันแอบขโมยของมิ้น เดชเลยขู่ว่าจะยิงหัวมัน มันเลยไม่กล้ามายุ่มย่ามกับมิ้นอีก"
"อืม เอาล่ะ ใจเย็นๆค่อยๆนึกนะ มิ้นได้บอกหรือเปล่าว่านัดกับเพื่อนเอาไว้ที่ไหน"
"เธอบอกว่านัดเพื่อนเอาไว้ที่โรงเรียน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร"
"แล้วนิษาก็อยู่ที่หอพักในคืนนั้น ?"
"คือ ฉันไม่แน่ใจ แต่ถ้าไม่ได่อยู่ที่หอ ก็ต้องอยู่ที่บ้านแฟนของเธอ แต่สายที่โทรมาในคืนนั้นฉันมั่นใจได้ว่าไม่ใช่นิษาอย่างแน่นอน"
"อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น"
"ฉันรู้จักนิสัยเธอดี เธอไม่เคยมาบอกล่วงหน้าว่าจะมา จะต้องโทรมาก่อนทำไมในเมื่อจะมาที่นี่เมื่อไหรก็ได้เหมือนบ้านตัวเอง อีกอย่างพวกเราไม่เคยมีความลับต่อกัน เรื่องอะไรจะต้องมาปกปิดกันด้วย"
"งั้น มิ้น กับ นิษา ก็คงสนิทกันมาก"
"ใช่ สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว"
"แล้วทำไม มิ้นถึงไม่ไปพักที่หอกับนิษาล่ะ"
"เธออยากไปจะตาย แต่พ่อของเขาไม่ยอมให้ไป เดชน่ะหวงลูกสาวมากถึงกับยอมขับรถรับส่งไปมหาวิทยาลัยทุกวัน เขาไม่ยอมให้ลูกสาวคลาดสายตาหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วาย"
"นี่ครับผ้า เช็ดหน้าซะ"
"ไม่น่าเลย พูดถึงเรื่องนี้ทีไร น้าก็อดร้องไห้ไม่ได้สักที"
"แล้วแฟนของมิ้นล่ะเป็นคนยังไง"
"เขาเรียนที่เดียวกันกับมิ้น แรกๆเขาก็ดูเป็นคนดี ขยันและในระหว่างที่เรียนก็ทำงานไปด้วย เดชเห็นเขาเอาการเอางานดีก็เลยพาเข้าไปเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านด้วย"
"หมอนี่เป็นอาสาด้วยเหรอ ?"
"ใช่ เคยเป็นน่ะ และพอคบกับมิ้นได้ไม่นานมันก็เริ่มออกลาย เริ่มเที่ยวดึก ติดการพนันงอมแงม แถมยังขโมยเงินในบ้านอยู่บ่อยๆ มิ้นทนไม่ไหวก็เลิกกันไป เลิกไปก่อนที่มิ้นจะตายเสียอีก"
"แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ไหนแล้ว"
"ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้สนใจ รู้แต่ว่าพอมิ้นตายมันก็ลาออกจากงานแล้วก็หายหัวไปเลย"
"แล้วเขามีส่วนร่วมในการบุกจับการขนยาเสพติดครั้งใหญ่ในหมู่บ้านหรือเปล่า"
"อย่างไอ้หมอนั้นมีเหรอว่าจะพลาด ชื่อของมันอยู่ในอันดับต้นๆเลยล่ะ"
"ผมเริ่มสงสัยว่าบางที แฟนของมิ้นกับแฟนของนิษาอาจจะรู้จักกัน"
"ก็คงจะเคยเจอกันบ้างแหละ เพราะทั้งมิ้นและนิษาไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เป็นประจำ"
"แล้วนิษารู้ตอนไหนว่ามิ้นตาย"
"ก็คงรู้วันนั้นแหละ แต่ไม่ใช่จากน้าหรอก คงรู้มาจากเพื่อนๆของเธอนั้นแหละ เพราะน้ามัวยุ่งแต่เรื่องงานศพจนไม่ได้โทรไปบอกเธอ งานศพมิ้นยังไม่ทันเสร็จนิษาก็มาผูกคอตายไปเสียอีกคน น่าสงสารจริงๆคงจะทำใจไม่ได้เรื่องมิ้น เพราะทั้งคู่ต่างก็ผูกพันธ์กันมาก"
"พ่อแม่ของนิษาคงจะเสียใจมาก"
"ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อเลยทีเดียวแหละ หลังจากเกิดเรื่องได้เดือนหนึ่งแม่ของนิษาก็ป่วยตายด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเธอก็เสียสติจนถึงกับต้องจับส่งโรงพยาบาล"
"แล้วน้องสาวของเธอล่ะ"
"น้องสาวอะไรกัน นิษาเคยมีน้องสาวที่ไหน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวเหมือนกับมิ้นนี่แหละ"
"จริงเหรอครับ"
"ก็จริงน่ะสิ หัวเราะอะไร"
"เปล่าๆครับ ผมแค่หัวเราะให้กับความโง่ของตัวเองเท่านั้นเอง ขอโทษที่เสียมารยาท ขอให้น้าช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของนิษาให้ผมฟังหน่อย"
"ที่จริงเธอเองก็น่าจะรู้ดี น้าเห็นพวกเธอวิ่งเล่นด้วยกันบ่อยๆสมัยเด็กๆ เธอแก่กว่านิษาไม่กี่ปีเองไม่ใช่เหรอ"
"ขอโทษจริงๆนะครับ แต่ผมจำเรื่องราวในวัยเด็กไม่ได้จริงๆ มีปรากฏในความฝันบ้างเป็นครั้งคราวแต่มันก็ช่างเลือนรางเหลือเกิน"
"ดั้งเดิมมาแล้วทั้งพ่อและแม่ของนิษาต่างก็ไม่ใช่คนที่นี่พวกเขาย้ายมาจากต่างจังหวัด ด้วยความที่พ่อของนิษาเป็นคนขยันและไม่เลือกงานจึงทำให้ในไม่นานก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้าน ส่วนแม่ของเธอก็เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร แต่ก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้าน น้าเองยังเคยจ้างพ่อของนิษาให้มาช่วยงานที่สวนอยู่บ่อยๆ"
"แล้วบ้านของนิษาอยู่ตรงไหนเหรอครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ"
"อยู่ตรงท้ายหมู่บ้านโน่นไง หลังสุดท้ายติดกับภูเขาโน่น ตอนนี้น่ะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้วล่ะ เพราะครอบครัวของนิษาเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ก็เลยไม่มีใครเข้ามาดูแล แล้วเขาก็ลือกันด้วยว่าบ้านหลังนั้นน่ะผีดุมากจนไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เลยล่ะ"
"ขอบคุณน้ามากสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่ก่อนที่ผมจะลากลับอยากจะถามคำถามน้าอีกสักหนึ่งคำถาม คือเรื่องที่มีการบุกจับพวกขนยาน่ะ คุณน้าพอจะทราบบ้างหรือเปล่าครับ"
"เอ เรื่องนี้น้าคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ทำไมไม่ไปถามพ่อเลี้ยงของเธอดูล่ะ เขาอยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นและยังเป็นถึงหัวหน้าพวกอาสาด้วย"
"ไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้าเอ้เคยเป็นตำรวจบ้านด้วย"
"เขาเคยทำอยู่หลายปี จนหลังจากจับพวกขนยาได้ไม่กี่เดือนเขาก็ลาออก แล้วก็มาลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน"
อดีตหลอน ซ่อนอำมหิต (บทที่8)
บทที่ 8 เศษเสี้ยวของความทรงจำ
ผมตัดสินใจเดินทางกลับบ้านในเย็นวันนั้นเลย เพราะรู้ดีว่ามีธุระอะไรที่จะต้องไปทำต่อจากนี้อีก เมื่อถึงบ้านทันทีที่เก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยผมก็ออกเดินไปยังบ้านของน้าดาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากบ้านผม คุณคงพอจะเดาถูกว่าที่ผมต้องไปเพราะอะไร ใช่ มิ้นไง มิ้นเป็นลูกสาวคนเดียวน้าดาและน้าดาเองก็ยังเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของแม่ คุณคิดว่าเรื่องมันเกี่ยวพันกันอีรุงตุงนังดีไหมล่ะ ความจริงเรื่องที่มิ้นตายนั้นผมน่ะรู้มาตั้งนานแล้ว เพราะว่าแม่เป็นคนโทรไปบอกตั้งแต่วันที่เกิดเหตุนู้น ผมรู้ดีว่าน้าดาต้องเสียใจมากกับเรื่องนี้ เพราะมิ้นเป็นลูกสาวตนเดียวที่ทั้งขยันและฉลาด และยังเป็นความหวังเดียวของครอบครัว แต่เป็นเพราะความไม่รู้จักโตของผม ที่เอาแต่จมปลักอยู่กับอดีตจนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ใช่ ผมปฎิเสธแม่ไป ไม่ยอมมาร่วมงานศพทั้งๆที่ผมเองก็รู้ดีว่ากำลังใจสำคัญกับมากแค่ไหนในตอนนั้น มันจึงทำให้ผมรู้สึกผิด และไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อต้องการไขความจริงให้กระจ่างในคดีของมิ้น และนิษาที่อาจจะเกี่ยวข้องกัน ผมจึงต้องรวบรวมความกล้าแล้วเช้าไปที่บ้านของเธออีกครั้งเพื่อถามเรื่องนี้
"สวัสดีครับน้าดา"
"อ้าว นที เป็นไงบ้างลูก เมื่อวานน้าเข้าไปหาที่บ้านจะเอาข้าวต้มมัดไปฝากแต่ไม่เจอ เห็นแม่เธอบอกว่าเธอไปกรุงเทพน้าก็นึกว่าจะกลับไปอยู่โน้นเสียแล้ว"
"ยังหรอกครับ แค่กลับไปเคลียธุระเรื่องงานนิดหน่อย"
"แล้วนี่มาหาน้าถึงบ้านมีธุระอะไรหรือเปล่า เข้าไปนั่งรอที่ห้องก่อนสิ ตากผ้าเสร็จแล้วจะตามไป น้ำอยู่ในตู้เย็นเปิดทานได้ตามสบายเลยนะ"
ผมนั่งรอที่ห้องรับแขกอยู่สักสิบนาทีได้ เธอก็เดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับผม
"มีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาน้าที่นี่"
"คือผมอยากจะสอบถามเรื่อง มิ้น หน่อยนะครับ"
"เรื่องมิ้นเหรอ ทำไม ทำไมถึงอยากจะถามเรื่องนั้นล่ะ"
เธอหยุดยิ้มและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"คืออย่างนี้นะครับ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาร่วมงานศพของมิ้น เพราะมัวแต่ทำงานจนลืมนึกไปว่ากำลังใจกับน้าสำคัญมากแค่ไหน และอยากให้น้าเข้าใจว่าผมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ ที่ผมต้องการทราบเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นนอกจากจะไขคดีนี้ให้กระจ่าง"
"เธอตายด้วยอุบัติเหตุจะต้องสืบอะไรกันอีก ฉันคุยเรื่องนี้กับตำรวจไปไม่รู้กี่รอบแล้ว แค่นี้มันยังเจ็บปวดไม่พออีกอย่างนั้นเหรอ"
"ครับ เรื่องนั้นผมทราบดี แต่ดูจากลักษณะการตายและสถานที่เกิดเหตุ ผมว่ามันยังมีอะไรที่น่าสงสัยหลายอย่างและผมคิดว่าน้าดาเองก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน ให้โอกาสผมแก้ตัวและทำเรื่องนี้ให้กระจ่างเถอะนะครับ"
มันได้ผล เธอเงียบไปสักครู่ ก่อนจะรีบออกไปปิดประตูบ้านแล้วกลับมานั่งที่เดิม
"ได้ เธออยากรู้อะไรก็ถามมา แต่เราต้องรีบหน่อย เพราะถ้าน้าเดชของเธอกลับมาได้ยินเรื่องนี้เขาจะต้องไม่พอใจแน่"
"ปมอยากรู้เรื่องในคืนวันที่เกิดเหตุ ก่อนที่เธอจะออกไปข้างนอกนั้นเธอได้ทะเลาะกับใครในบ้านบ้างหรือเปล่า"
"เปล่านี่ เธอมีท่าทางตื่นเต้นนิดหน่อย หลังจากที่วางสายจากเพื่อนของเธอ"
"เพื่อนเหรอ ใช่นิษาหรือเปล่า"
"คิดว่าไม่น่าใช่ คืนนั้นนิษาอยู่ที่หอพักทั้งคืน มิ้นบอกว่าเธอนัดกับเพื่อนเอาไว้ที่โรงเรียน เพราะฉะนั้นคนที่โทรมาจะต้องอยู่ในหมู่บ้าน"
"อาจเป็นแฟนของเธอ"
"ไม่ ไม่มีทางเป็นไอ้หมอนั่นแน่ เดชเขาเคยจับได้ว่ามันแอบขโมยของมิ้น เดชเลยขู่ว่าจะยิงหัวมัน มันเลยไม่กล้ามายุ่มย่ามกับมิ้นอีก"
"อืม เอาล่ะ ใจเย็นๆค่อยๆนึกนะ มิ้นได้บอกหรือเปล่าว่านัดกับเพื่อนเอาไว้ที่ไหน"
"เธอบอกว่านัดเพื่อนเอาไว้ที่โรงเรียน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร"
"แล้วนิษาก็อยู่ที่หอพักในคืนนั้น ?"
"คือ ฉันไม่แน่ใจ แต่ถ้าไม่ได่อยู่ที่หอ ก็ต้องอยู่ที่บ้านแฟนของเธอ แต่สายที่โทรมาในคืนนั้นฉันมั่นใจได้ว่าไม่ใช่นิษาอย่างแน่นอน"
"อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น"
"ฉันรู้จักนิสัยเธอดี เธอไม่เคยมาบอกล่วงหน้าว่าจะมา จะต้องโทรมาก่อนทำไมในเมื่อจะมาที่นี่เมื่อไหรก็ได้เหมือนบ้านตัวเอง อีกอย่างพวกเราไม่เคยมีความลับต่อกัน เรื่องอะไรจะต้องมาปกปิดกันด้วย"
"งั้น มิ้น กับ นิษา ก็คงสนิทกันมาก"
"ใช่ สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว"
"แล้วทำไม มิ้นถึงไม่ไปพักที่หอกับนิษาล่ะ"
"เธออยากไปจะตาย แต่พ่อของเขาไม่ยอมให้ไป เดชน่ะหวงลูกสาวมากถึงกับยอมขับรถรับส่งไปมหาวิทยาลัยทุกวัน เขาไม่ยอมให้ลูกสาวคลาดสายตาหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วาย"
"นี่ครับผ้า เช็ดหน้าซะ"
"ไม่น่าเลย พูดถึงเรื่องนี้ทีไร น้าก็อดร้องไห้ไม่ได้สักที"
"แล้วแฟนของมิ้นล่ะเป็นคนยังไง"
"เขาเรียนที่เดียวกันกับมิ้น แรกๆเขาก็ดูเป็นคนดี ขยันและในระหว่างที่เรียนก็ทำงานไปด้วย เดชเห็นเขาเอาการเอางานดีก็เลยพาเข้าไปเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านด้วย"
"หมอนี่เป็นอาสาด้วยเหรอ ?"
"ใช่ เคยเป็นน่ะ และพอคบกับมิ้นได้ไม่นานมันก็เริ่มออกลาย เริ่มเที่ยวดึก ติดการพนันงอมแงม แถมยังขโมยเงินในบ้านอยู่บ่อยๆ มิ้นทนไม่ไหวก็เลิกกันไป เลิกไปก่อนที่มิ้นจะตายเสียอีก"
"แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ไหนแล้ว"
"ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้สนใจ รู้แต่ว่าพอมิ้นตายมันก็ลาออกจากงานแล้วก็หายหัวไปเลย"
"แล้วเขามีส่วนร่วมในการบุกจับการขนยาเสพติดครั้งใหญ่ในหมู่บ้านหรือเปล่า"
"อย่างไอ้หมอนั้นมีเหรอว่าจะพลาด ชื่อของมันอยู่ในอันดับต้นๆเลยล่ะ"
"ผมเริ่มสงสัยว่าบางที แฟนของมิ้นกับแฟนของนิษาอาจจะรู้จักกัน"
"ก็คงจะเคยเจอกันบ้างแหละ เพราะทั้งมิ้นและนิษาไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เป็นประจำ"
"แล้วนิษารู้ตอนไหนว่ามิ้นตาย"
"ก็คงรู้วันนั้นแหละ แต่ไม่ใช่จากน้าหรอก คงรู้มาจากเพื่อนๆของเธอนั้นแหละ เพราะน้ามัวยุ่งแต่เรื่องงานศพจนไม่ได้โทรไปบอกเธอ งานศพมิ้นยังไม่ทันเสร็จนิษาก็มาผูกคอตายไปเสียอีกคน น่าสงสารจริงๆคงจะทำใจไม่ได้เรื่องมิ้น เพราะทั้งคู่ต่างก็ผูกพันธ์กันมาก"
"พ่อแม่ของนิษาคงจะเสียใจมาก"
"ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อเลยทีเดียวแหละ หลังจากเกิดเรื่องได้เดือนหนึ่งแม่ของนิษาก็ป่วยตายด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเธอก็เสียสติจนถึงกับต้องจับส่งโรงพยาบาล"
"แล้วน้องสาวของเธอล่ะ"
"น้องสาวอะไรกัน นิษาเคยมีน้องสาวที่ไหน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวเหมือนกับมิ้นนี่แหละ"
"จริงเหรอครับ"
"ก็จริงน่ะสิ หัวเราะอะไร"
"เปล่าๆครับ ผมแค่หัวเราะให้กับความโง่ของตัวเองเท่านั้นเอง ขอโทษที่เสียมารยาท ขอให้น้าช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของนิษาให้ผมฟังหน่อย"
"ที่จริงเธอเองก็น่าจะรู้ดี น้าเห็นพวกเธอวิ่งเล่นด้วยกันบ่อยๆสมัยเด็กๆ เธอแก่กว่านิษาไม่กี่ปีเองไม่ใช่เหรอ"
"ขอโทษจริงๆนะครับ แต่ผมจำเรื่องราวในวัยเด็กไม่ได้จริงๆ มีปรากฏในความฝันบ้างเป็นครั้งคราวแต่มันก็ช่างเลือนรางเหลือเกิน"
"ดั้งเดิมมาแล้วทั้งพ่อและแม่ของนิษาต่างก็ไม่ใช่คนที่นี่พวกเขาย้ายมาจากต่างจังหวัด ด้วยความที่พ่อของนิษาเป็นคนขยันและไม่เลือกงานจึงทำให้ในไม่นานก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้าน ส่วนแม่ของเธอก็เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร แต่ก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้าน น้าเองยังเคยจ้างพ่อของนิษาให้มาช่วยงานที่สวนอยู่บ่อยๆ"
"แล้วบ้านของนิษาอยู่ตรงไหนเหรอครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ"
"อยู่ตรงท้ายหมู่บ้านโน่นไง หลังสุดท้ายติดกับภูเขาโน่น ตอนนี้น่ะกลายเป็นบ้านร้างไปแล้วล่ะ เพราะครอบครัวของนิษาเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ก็เลยไม่มีใครเข้ามาดูแล แล้วเขาก็ลือกันด้วยว่าบ้านหลังนั้นน่ะผีดุมากจนไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เลยล่ะ"
"ขอบคุณน้ามากสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่ก่อนที่ผมจะลากลับอยากจะถามคำถามน้าอีกสักหนึ่งคำถาม คือเรื่องที่มีการบุกจับพวกขนยาน่ะ คุณน้าพอจะทราบบ้างหรือเปล่าครับ"
"เอ เรื่องนี้น้าคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ทำไมไม่ไปถามพ่อเลี้ยงของเธอดูล่ะ เขาอยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นและยังเป็นถึงหัวหน้าพวกอาสาด้วย"
"ไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้าเอ้เคยเป็นตำรวจบ้านด้วย"
"เขาเคยทำอยู่หลายปี จนหลังจากจับพวกขนยาได้ไม่กี่เดือนเขาก็ลาออก แล้วก็มาลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน"