บทที่ 18 แผนซ้อนแผน
ท่ามกลางความมืดอันหนาวเหน็บของฤดูเหมันต์ วรรณภพออกมาเดินเตร็ดเตร่ในอาณาเขตสวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่ของบ้านวรภักดิ์ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันเป็นเวลาเทื่ยงคืนสิบห้านาทีแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเอามือป้องปากรับเอาลมหายใจอุ่นๆนั้นเพื่อบรรเทาอาการหนาวสั่น สวบ! สวบ! เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังเดินแหวกพุ่มไม้ตรงมาที่เขา เสียงนั้นค่อยๆดังชัดเจนขึ้นทุกขณะ
“ คุณวรรณภพคะ ทางนี้ค่ะ ”
วรรณภพรีบหันกลับไปมองที่ด้านหลังทันที ป้าสุณีนั้นเองหล่อนยืนแอบอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ ว่าไงป้า ทำเอาฉันตกใจหมดเลย ” เขารีบเดินตรงไปหาหล่อนทันที
“ แน่ใจว่าไม่มีใครตามคุณมานะคะ ”
“ ไม่มีหรอกฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เอาล่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมาฉันจะรีบกลับไปนอนแล้ว ”
“ เรื่องการตายของนังน้อยน่ะสิคะ ”
“ ทำไมล่ะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันฆ่าตัวตายป้าจะสงสัยอะไรอีก ”
“ ก็มันน่าสงสัยไหมล่ะคะ ฆ่าตัวตายโดยการกินสารหนูมากมายขนาดนั้น แต่ภายในห้องกับไม่มีร่อยรอยอะไรที่เกี่ยวกับสารหนูเลยเนื่ยนะ ”
“ แล้วยังไง ห้องปิดตายซะขนาดนั้น ใครจะเข้าไปทำอะไรหล่อนได้ ”
“ เรื่องนั้นเข้าใจได้ไม่ยากหรอกค่ะ เพราะตอนที่พวกดิฉันพังประตูเข้าใปภายในห้อง ดิฉันมั่นใจว่าไม่เห็นลูกกุญแจวางอยู่บนโต๊ะเลย แต่หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในห้องแล้วดิฉันกลับเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะเฉยเลย ”
“ ป้ามั่นใจนะ ” วรรณภพยังคงมีทีท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ มั่นใจสิคะ ก็โต๊ะเครื่องแป้งนั่นมันใกล้กับทางเข้าพอดี เปิดประตูออกมาก็เห็นแล้ว ถึงดิฉันจะแก่แต่หูตาก็ยังไม่ฝ้าฟางหรอกนะคะ ”
“ อืม งั้นก็แสดงว่าลูกกุญแจไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่แรก มันถูกล็อคจากด้านนอก ”
“ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากการฆาตกรรม ”
“ และตัวฆาตกรก็อยู่ในบ้านเรา ” เขาพูดต่อโดยที่ไม่ต้องถาม
ถึงตรงนี้ทั้งคู่ต่างก็เงียบเสียงลงไป ยามดึกสงัดเช่นนี้ไม่มีแม้กระทั่งเสียงจั๊กจั่นร้องได้ยินแต่เสียงลมหนาวกระทบกับกิ่งไม้โยกไหวไปมา
“ แล้วจะให้ฉันทำยังไง " วรรณภพเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบนั้น
“ ดิฉันจะลงมือสืบเรื่องนี้เองค่ะ”
“ นี่ป้าจะบ้าไปแล้วเหรอนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ ปล่อยให้ตำรวจจัดการดีกว่า ”
“ ไม่ทันแล้วล่ะค่ะเพราะตอนนี้ตำรวจได้สรุปคดีไปแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ศพก็ถูกเผาไปหมดเรียบร้อยแล้วแถมหลักฐานก็ถูกทำลายจนเกือบหมด ”
“ แล้วเราจะทำยังไงได้ละ ฉันไม่อยากให้ป้าต้องเอาตัวเองเข้าไปเสื่ยงหรอกนะ ”
“ มันก็พอมีวิธีอยู่บ้างขึ้นอยู่กับว่า คุณจะจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ”
“ จริงจังสิป้าไม่มีใครอยากให้มีฆาตกรมาอยู่ในบ้านของตัวเองหรอก เรื่องนี้ฉันเองก็อยากจะรู้ความจริงพอๆกับป้านั้นแหละ ”
“ งั้นก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ ในเมื่อทำด้วยตัวเองไม่ได้แต่เราก็ยังจ้างให้คนอื่นทำแทนได้นี่ค่ะ ”
“ แล้วเราจะไปจ้างใครล่ะป้า "
" เราจะจ้างนักสืบเอกชนค่ะ อาจจะหน้าเลือดไปหน่อยแต่พวกนี้ก็เก็บความลับได้ดี และมีฝีมือไม่แพ้พวกตำรวจเลยนะคะ
วรรณภพเริ่มจะเห็นด้วยกับความคิดที่มีเหตุผลของหล่อน
“ งั้นตกลงตามนั้น พรุ่งนี้ป้าก็ไปติดต่อหานักสืบเอกชนเก่งๆมาก็แล้วกัน เรื่องค่าใช้จ่ายผมจะจัดการให้ทั้งหมด ”
“ เรื่องนักสืบดิฉันมีรายชื่ออยู่ในหัวแล้วล่ะค่ะ ”
“ แล้วก็อย่ากระโตกกระตากล่ะ เราจะเสื่ยงให้ใครมารู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด ”
“ ดิฉันกลัวก็แต่คุณเท่านั้นแหละค่ะ ” หล่อนพูดเป็นนัย แต่ดูเหมือนวรรณภพจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงแยกกัน ต่างคนต่างเดินหายเข้าไปในความมืดเหมือนกับตอนที่พวกเขามา
เยาวภาเดินมาถึงสำนักงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า หล่อนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นรถประจำตัวของบรรจง และเอกภพจอดอยู่ก่อนแล้วที่หน้าบริษัท เยาวภาเปิดประตูเข้าไปยังห้องทำงานหล่อนเห็นนักสืบหนุ่ม กำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา
“ วันนี้นึกขลังอะไรถึงได้มาที่บริษัทแต่เช้าคะ ”
“ อ้าว ว่าไงเยาวภา ใหนๆก็เข้ามาแล้วช่วยชงกาแฟให้ฉันสักแก้วเถอะ " เขายิ้มทักทายหล่อนอย่างอารมณ์ดี
“ บรรจงไปไหนเหรอคะ เห็นรถของเขาจอดอยู่ที่หน้าตึก ” หล่อนพูดขณะที่กำลังรินกาแฟใส่แก้ว
." นี่ค่ะ " หล่อนวางถ้วยกาแฟให้เขาแล้วออกไปยืนมองที่หน้าต่าง
“ ฉันใช้มันออกไปทำงานข้างนอกน่ะ เดี้ยวก็กลับมาแล้วล่ะ ”
“ รถสตู๊ดเก๋งสีดำคันนั้นมาจอดที่เดิมอีกแล้วล่ะค่ะ ” หล่อนพูดพลางชี้ให้เขาดูที่นอกหน้าต่าง
“ เยาวภา ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอร้องให้เธอช่วยหน่อย ” คราวนี้เอกภพพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“ เอ้ะ เรื่องอะไรเหรอคะ ” หล่อนหันกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่แปลกใจ
เอกภพเริ่มเล่าแผนการณ์อะไรบางอย่างให้หล่อนฟัง ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ประมาณยี่สิบนาที เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดังขึ้น
“ เข้ามา ! ” เอกภพพูดเสียงดังกังวาน
บรรจงนั่นเองเขาเดินเข้ามาแล้วล้วงเอาห่อพลาสติก อะไรห่อหนึ่งออกมาจากข้างในเสื้อโค๊ท
“ มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งลายนิ้วมือเอาไว้นะ ” เอกภพหยิบห่อพลาสติห่อนั้นมาวางบนโต๊ะ
“ มั่นใจครับ ผมใส่ถุงมืออยู่ตลอด ”
“ เอาล่ะที่นี้ก็เหลือแค่รอเวลา ” พูดจบเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะพูดอะไรต่อ
“ อ้อ ฉันมีอะไรจะใช้แกอีกอย่างหนึ่ง ช่วงเช้านี้ไม่มีงานสำคัญอะไร ฉันอยากให้แกกลับไปที่บ้านวรภักดิ์อีกครั้งหนึ่ง ไปดูว่าที่นั้นมีหรือเคยมีรถโฟร์คสวาเก้นสีเหลืองอ่อนหรือเปล่า สอบถามมาให้ได้ความจริง ” เขายื่นธนบัตรใบละร้อยใหม่เอื่อมให้บรรจงหนึ่งฉบับ
“ แหม ลองติดรางวัลแบบนี้ให้ไปลงนรกที่ไหนผมก็ไปทั้งนั้นแหละครับ ” พูดจบแล้วเค้าก็หันมายักคิ้วใส่เยาวภา แต่แล้วก็ต้องรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นหล่อนคว้าถ้วยกาแฟทำท่าจะเขวื่ยงใส่เค้า
บทที่ 18 แผนซ้อนแผน
ท่ามกลางความมืดอันหนาวเหน็บของฤดูเหมันต์ วรรณภพออกมาเดินเตร็ดเตร่ในอาณาเขตสวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่ของบ้านวรภักดิ์ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันเป็นเวลาเทื่ยงคืนสิบห้านาทีแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเอามือป้องปากรับเอาลมหายใจอุ่นๆนั้นเพื่อบรรเทาอาการหนาวสั่น สวบ! สวบ! เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังเดินแหวกพุ่มไม้ตรงมาที่เขา เสียงนั้นค่อยๆดังชัดเจนขึ้นทุกขณะ
“ คุณวรรณภพคะ ทางนี้ค่ะ ”
วรรณภพรีบหันกลับไปมองที่ด้านหลังทันที ป้าสุณีนั้นเองหล่อนยืนแอบอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ ว่าไงป้า ทำเอาฉันตกใจหมดเลย ” เขารีบเดินตรงไปหาหล่อนทันที
“ แน่ใจว่าไม่มีใครตามคุณมานะคะ ”
“ ไม่มีหรอกฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เอาล่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมาฉันจะรีบกลับไปนอนแล้ว ”
“ เรื่องการตายของนังน้อยน่ะสิคะ ”
“ ทำไมล่ะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันฆ่าตัวตายป้าจะสงสัยอะไรอีก ”
“ ก็มันน่าสงสัยไหมล่ะคะ ฆ่าตัวตายโดยการกินสารหนูมากมายขนาดนั้น แต่ภายในห้องกับไม่มีร่อยรอยอะไรที่เกี่ยวกับสารหนูเลยเนื่ยนะ ”
“ แล้วยังไง ห้องปิดตายซะขนาดนั้น ใครจะเข้าไปทำอะไรหล่อนได้ ”
“ เรื่องนั้นเข้าใจได้ไม่ยากหรอกค่ะ เพราะตอนที่พวกดิฉันพังประตูเข้าใปภายในห้อง ดิฉันมั่นใจว่าไม่เห็นลูกกุญแจวางอยู่บนโต๊ะเลย แต่หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในห้องแล้วดิฉันกลับเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะเฉยเลย ”
“ ป้ามั่นใจนะ ” วรรณภพยังคงมีทีท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ มั่นใจสิคะ ก็โต๊ะเครื่องแป้งนั่นมันใกล้กับทางเข้าพอดี เปิดประตูออกมาก็เห็นแล้ว ถึงดิฉันจะแก่แต่หูตาก็ยังไม่ฝ้าฟางหรอกนะคะ ”
“ อืม งั้นก็แสดงว่าลูกกุญแจไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่แรก มันถูกล็อคจากด้านนอก ”
“ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากการฆาตกรรม ”
“ และตัวฆาตกรก็อยู่ในบ้านเรา ” เขาพูดต่อโดยที่ไม่ต้องถาม
ถึงตรงนี้ทั้งคู่ต่างก็เงียบเสียงลงไป ยามดึกสงัดเช่นนี้ไม่มีแม้กระทั่งเสียงจั๊กจั่นร้องได้ยินแต่เสียงลมหนาวกระทบกับกิ่งไม้โยกไหวไปมา
“ แล้วจะให้ฉันทำยังไง " วรรณภพเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบนั้น
“ ดิฉันจะลงมือสืบเรื่องนี้เองค่ะ”
“ นี่ป้าจะบ้าไปแล้วเหรอนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ ปล่อยให้ตำรวจจัดการดีกว่า ”
“ ไม่ทันแล้วล่ะค่ะเพราะตอนนี้ตำรวจได้สรุปคดีไปแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ศพก็ถูกเผาไปหมดเรียบร้อยแล้วแถมหลักฐานก็ถูกทำลายจนเกือบหมด ”
“ แล้วเราจะทำยังไงได้ละ ฉันไม่อยากให้ป้าต้องเอาตัวเองเข้าไปเสื่ยงหรอกนะ ”
“ มันก็พอมีวิธีอยู่บ้างขึ้นอยู่กับว่า คุณจะจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ”
“ จริงจังสิป้าไม่มีใครอยากให้มีฆาตกรมาอยู่ในบ้านของตัวเองหรอก เรื่องนี้ฉันเองก็อยากจะรู้ความจริงพอๆกับป้านั้นแหละ ”
“ งั้นก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ ในเมื่อทำด้วยตัวเองไม่ได้แต่เราก็ยังจ้างให้คนอื่นทำแทนได้นี่ค่ะ ”
“ แล้วเราจะไปจ้างใครล่ะป้า "
" เราจะจ้างนักสืบเอกชนค่ะ อาจจะหน้าเลือดไปหน่อยแต่พวกนี้ก็เก็บความลับได้ดี และมีฝีมือไม่แพ้พวกตำรวจเลยนะคะ
วรรณภพเริ่มจะเห็นด้วยกับความคิดที่มีเหตุผลของหล่อน
“ งั้นตกลงตามนั้น พรุ่งนี้ป้าก็ไปติดต่อหานักสืบเอกชนเก่งๆมาก็แล้วกัน เรื่องค่าใช้จ่ายผมจะจัดการให้ทั้งหมด ”
“ เรื่องนักสืบดิฉันมีรายชื่ออยู่ในหัวแล้วล่ะค่ะ ”
“ แล้วก็อย่ากระโตกกระตากล่ะ เราจะเสื่ยงให้ใครมารู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด ”
“ ดิฉันกลัวก็แต่คุณเท่านั้นแหละค่ะ ” หล่อนพูดเป็นนัย แต่ดูเหมือนวรรณภพจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงแยกกัน ต่างคนต่างเดินหายเข้าไปในความมืดเหมือนกับตอนที่พวกเขามา
เยาวภาเดินมาถึงสำนักงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า หล่อนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นรถประจำตัวของบรรจง และเอกภพจอดอยู่ก่อนแล้วที่หน้าบริษัท เยาวภาเปิดประตูเข้าไปยังห้องทำงานหล่อนเห็นนักสืบหนุ่ม กำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา
“ วันนี้นึกขลังอะไรถึงได้มาที่บริษัทแต่เช้าคะ ”
“ อ้าว ว่าไงเยาวภา ใหนๆก็เข้ามาแล้วช่วยชงกาแฟให้ฉันสักแก้วเถอะ " เขายิ้มทักทายหล่อนอย่างอารมณ์ดี
“ บรรจงไปไหนเหรอคะ เห็นรถของเขาจอดอยู่ที่หน้าตึก ” หล่อนพูดขณะที่กำลังรินกาแฟใส่แก้ว
." นี่ค่ะ " หล่อนวางถ้วยกาแฟให้เขาแล้วออกไปยืนมองที่หน้าต่าง
“ ฉันใช้มันออกไปทำงานข้างนอกน่ะ เดี้ยวก็กลับมาแล้วล่ะ ”
“ รถสตู๊ดเก๋งสีดำคันนั้นมาจอดที่เดิมอีกแล้วล่ะค่ะ ” หล่อนพูดพลางชี้ให้เขาดูที่นอกหน้าต่าง
“ เยาวภา ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอร้องให้เธอช่วยหน่อย ” คราวนี้เอกภพพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“ เอ้ะ เรื่องอะไรเหรอคะ ” หล่อนหันกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่แปลกใจ
เอกภพเริ่มเล่าแผนการณ์อะไรบางอย่างให้หล่อนฟัง ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ประมาณยี่สิบนาที เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดังขึ้น
“ เข้ามา ! ” เอกภพพูดเสียงดังกังวาน
บรรจงนั่นเองเขาเดินเข้ามาแล้วล้วงเอาห่อพลาสติก อะไรห่อหนึ่งออกมาจากข้างในเสื้อโค๊ท
“ มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งลายนิ้วมือเอาไว้นะ ” เอกภพหยิบห่อพลาสติห่อนั้นมาวางบนโต๊ะ
“ มั่นใจครับ ผมใส่ถุงมืออยู่ตลอด ”
“ เอาล่ะที่นี้ก็เหลือแค่รอเวลา ” พูดจบเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะพูดอะไรต่อ
“ อ้อ ฉันมีอะไรจะใช้แกอีกอย่างหนึ่ง ช่วงเช้านี้ไม่มีงานสำคัญอะไร ฉันอยากให้แกกลับไปที่บ้านวรภักดิ์อีกครั้งหนึ่ง ไปดูว่าที่นั้นมีหรือเคยมีรถโฟร์คสวาเก้นสีเหลืองอ่อนหรือเปล่า สอบถามมาให้ได้ความจริง ” เขายื่นธนบัตรใบละร้อยใหม่เอื่อมให้บรรจงหนึ่งฉบับ
“ แหม ลองติดรางวัลแบบนี้ให้ไปลงนรกที่ไหนผมก็ไปทั้งนั้นแหละครับ ” พูดจบแล้วเค้าก็หันมายักคิ้วใส่เยาวภา แต่แล้วก็ต้องรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นหล่อนคว้าถ้วยกาแฟทำท่าจะเขวื่ยงใส่เค้า