สวัสดีค่ะ...
จะเกิดอะไรขึ้น...
เมื่อชีสแสนอร่อย กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความเสี่ยง ความอันตราย และอุบัติการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
หรือเรียกอีกอย่างว่า "เนยแข็งแห่งหายนะ"
โดยทั่วไป แวดวงการบิน หรือ ทางการแพทย์
จะมีการหยิบยกทฤษฎีนี้เป็นพื้นฐาน
เพื่อให้คนในองค์กรเรียนรู้ และตระหนักถึงความปลอดภัย
ของทั้งตัวเราเอง และ คนอื่น ๆ
รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว
แต่บางอย่างที่เกินกว่าจะคาดเดา
การมีต่อมเอ๊ะ รู้จักช่างสังเกต ใส่ใจ
และเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น...
ค่ะ...
ถ้าตามทฤษฎีแล้ว
เหมือนจะทำได้ และ สัมฤทธิ์ผล
แต่แท้ที่จริง
มีบางสิ่งบางอย่าง ที่เราควบคุมไม่ได้
To err is human...
ซึ่งก็คือ ตัวเราเองนี่ล่ะ
ที่เป็นหนึ่งในแผ่นชีส
และทำให้ Swiss Cheese Model เกิดขึ้น
จนเสียเซลฟ์ไปเป็นปี ๆ เลย...
เราชอบดูรายการอาหาร ตามเพจต่าง ๆ แล้วก็ลองทำตาม
กินได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ตามสภาพไป
ครั้งนึง
คุณแม่เราไปต่างจังหวัด
พี่สาวเราเข้านอนเร็ว
เหลือเราและน้องสาวอยู่กันสองคน
หิวข้าวกันมากมาย
จะออกไปกินนอกบ้านก็หงอยเหงา
สองคนคงไม่เฮฮาเท่าไหร่นัก
เปิดตู้เย็น มีเส้นใหญ่ พริกขี้หนู ใบกะเพรา
ไข่ และ หมู มีประจำตู้อยู่แล้ว...
เมนูที่เราคิดไว้คือ
"เส้นใหญ่ขี้เมาห่อไข่"
เอาล่ะ...
กระทะ Korea King ที่ซื้อมา ได้ออกงานซะที...
เราทำตามสูตรเป๊ะ...
ที่เพิ่มก็คือ พริกขี้หนูสวน และ พริกไทย
โปรยลงไป ให้สมกับความเป็นผัดขี้เมาสักหน่อย
ขอโชว์ผลงานค่ะ...
ก่อนห่อไข่...
แล้วก็ได้แค่ห่ม เพราะข้างในเต็มเอี๊ยด ไม่สามารถห่อได้...
ก็กินกันไป เม้าท์มอยกันไป
กินคนละ 2 จาน
ไข่ห่อ ใช้ 2 ฟอง / 1 จาน
เราสองคนพี่น้อง ก็ไข่ 4 ฟอง และ เส้นใหญ่เกือบ 1 กิโลกรัม...
ประมาณเที่ยงคืน
น้องเรามีไข้ ถ่ายท้อง แถมอาเจียนพุ่ง
สีเขียว ๆ อย่างกับใบกะเพราที่กินไปเมื่อตอนเย็นนั่นแหละ
จับตัวร้อนจี๋เลย
ก็พากันไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน
สรุปต้องให้น้ำเกลือ และ Admit 3 วัน
เฮ้ยยย...
อยากจะกรีดร้อง
ความผิดของเราใช่ไหมที่ทำอาหารให้น้องกินเนี่ย
ถ้าออกไปกินนอกบ้าน หรือ โทรสั่งมากิน น้องเราคงไม่ต้องเข้ารพ. อย่างนี้หรอก
เรานึกแบบนั้นมาตลอดเลยนะ
รู้สึกผิดจริง ๆ
แล้ว...
Swiss Cheese Model ก็แว้บมาในหัวสมอง
เมื่อรูทุกรู มันเรียงซ้อนกัน หายนะก็โผล่มาจ๊ะเอ๋...
รูแรก --- คุณแม่ไม่อยู่บ้าน
รู 2 --- เราทำอาหารกินเอง
รู 3 --- ใส่พริก และ เพิ่มพริกไทย
รู 4 --- ปริมาณอาหารที่มากเกินสำหรับ 2 คน
รู 5 --- ร่างกายน้องเราไม่เต็ม 100 นอนดึกเป็นประจำ
เมื่อทุกอย่างมันมารวมตัวกัน = เคราะห์หามยามร้าย สิ้นดี!!!
จนถึงทุกวันนี้
เราหลีกเลี่ยงการจับตะหลิว และ ทำอาหารไปเลย
(ล่าสุดที่ลองทำ ก็ รากบัวยัดไส้ข้าวเหนียวเมื่อเดือนก่อน)
ออกไปกินข้าวนอกบ้านง่ายกว่า
หรือก็เป็นฝีมือคุณแม่ อร่อยแน่นอน
ทุกคนในบ้าน ขำและเห็นเป็นเรื่องตลก
คุณแม่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
พี่สาวเราบอกว่า โชคดีที่ตอนนั้นนอนเร็ว (อาเระ...?!?)
ส่วนน้องคนเล็กเรา บอกว่าคงกินมากไป ธาตุไฟเลยเข้าแทรก
แต่สำหรับเรา เหมือนตราปั๊มว่า
"แก...ทำให้น้องป่วย!!!"
มันหลอกหลอนมากนะ
ที่เห็นน้องป่วยไข้ตรงหน้า จากอาหารที่เราทำ
เล่าให้เพื่อนฟัง ก็บอกว่าเราคิดมากเกินไป...
ว่าแต่... มีใครอ่านถึงตรงนี้ไหมคะ 55555
อย่าลืมนะคะ
กันไว้ดีกว่าแก้
Swiss Cheese Model
มีใครเคยเจอแบบเราไหมเอ่ย...
มาแชร์กันบ้างได้นะคะ
อยากอ่าน
Swiss Cheese Model ที่เกิดขึ้นจากฝีมือฉันเอง 🧀🧀🧀
จะเกิดอะไรขึ้น...
เมื่อชีสแสนอร่อย กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความเสี่ยง ความอันตราย และอุบัติการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
หรือเรียกอีกอย่างว่า "เนยแข็งแห่งหายนะ"
โดยทั่วไป แวดวงการบิน หรือ ทางการแพทย์
จะมีการหยิบยกทฤษฎีนี้เป็นพื้นฐาน
เพื่อให้คนในองค์กรเรียนรู้ และตระหนักถึงความปลอดภัย
ของทั้งตัวเราเอง และ คนอื่น ๆ
รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว
แต่บางอย่างที่เกินกว่าจะคาดเดา
การมีต่อมเอ๊ะ รู้จักช่างสังเกต ใส่ใจ
และเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น...
ค่ะ...
ถ้าตามทฤษฎีแล้ว
เหมือนจะทำได้ และ สัมฤทธิ์ผล
แต่แท้ที่จริง
มีบางสิ่งบางอย่าง ที่เราควบคุมไม่ได้
To err is human...
ซึ่งก็คือ ตัวเราเองนี่ล่ะ
ที่เป็นหนึ่งในแผ่นชีส
และทำให้ Swiss Cheese Model เกิดขึ้น
จนเสียเซลฟ์ไปเป็นปี ๆ เลย...
เราชอบดูรายการอาหาร ตามเพจต่าง ๆ แล้วก็ลองทำตาม
กินได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ตามสภาพไป
ครั้งนึง
คุณแม่เราไปต่างจังหวัด
พี่สาวเราเข้านอนเร็ว
เหลือเราและน้องสาวอยู่กันสองคน
หิวข้าวกันมากมาย
จะออกไปกินนอกบ้านก็หงอยเหงา
สองคนคงไม่เฮฮาเท่าไหร่นัก
เปิดตู้เย็น มีเส้นใหญ่ พริกขี้หนู ใบกะเพรา
ไข่ และ หมู มีประจำตู้อยู่แล้ว...
เมนูที่เราคิดไว้คือ
"เส้นใหญ่ขี้เมาห่อไข่"
เอาล่ะ...
กระทะ Korea King ที่ซื้อมา ได้ออกงานซะที...
เราทำตามสูตรเป๊ะ...
ที่เพิ่มก็คือ พริกขี้หนูสวน และ พริกไทย
โปรยลงไป ให้สมกับความเป็นผัดขี้เมาสักหน่อย
ขอโชว์ผลงานค่ะ...
ก่อนห่อไข่...
แล้วก็ได้แค่ห่ม เพราะข้างในเต็มเอี๊ยด ไม่สามารถห่อได้...
ก็กินกันไป เม้าท์มอยกันไป
กินคนละ 2 จาน
ไข่ห่อ ใช้ 2 ฟอง / 1 จาน
เราสองคนพี่น้อง ก็ไข่ 4 ฟอง และ เส้นใหญ่เกือบ 1 กิโลกรัม...
ประมาณเที่ยงคืน
น้องเรามีไข้ ถ่ายท้อง แถมอาเจียนพุ่ง
สีเขียว ๆ อย่างกับใบกะเพราที่กินไปเมื่อตอนเย็นนั่นแหละ
จับตัวร้อนจี๋เลย
ก็พากันไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน
สรุปต้องให้น้ำเกลือ และ Admit 3 วัน
เฮ้ยยย...
อยากจะกรีดร้อง
ความผิดของเราใช่ไหมที่ทำอาหารให้น้องกินเนี่ย
ถ้าออกไปกินนอกบ้าน หรือ โทรสั่งมากิน น้องเราคงไม่ต้องเข้ารพ. อย่างนี้หรอก
เรานึกแบบนั้นมาตลอดเลยนะ
รู้สึกผิดจริง ๆ
แล้ว...
Swiss Cheese Model ก็แว้บมาในหัวสมอง
เมื่อรูทุกรู มันเรียงซ้อนกัน หายนะก็โผล่มาจ๊ะเอ๋...
รูแรก --- คุณแม่ไม่อยู่บ้าน
รู 2 --- เราทำอาหารกินเอง
รู 3 --- ใส่พริก และ เพิ่มพริกไทย
รู 4 --- ปริมาณอาหารที่มากเกินสำหรับ 2 คน
รู 5 --- ร่างกายน้องเราไม่เต็ม 100 นอนดึกเป็นประจำ
เมื่อทุกอย่างมันมารวมตัวกัน = เคราะห์หามยามร้าย สิ้นดี!!!
จนถึงทุกวันนี้
เราหลีกเลี่ยงการจับตะหลิว และ ทำอาหารไปเลย
(ล่าสุดที่ลองทำ ก็ รากบัวยัดไส้ข้าวเหนียวเมื่อเดือนก่อน)
ออกไปกินข้าวนอกบ้านง่ายกว่า
หรือก็เป็นฝีมือคุณแม่ อร่อยแน่นอน
ทุกคนในบ้าน ขำและเห็นเป็นเรื่องตลก
คุณแม่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
พี่สาวเราบอกว่า โชคดีที่ตอนนั้นนอนเร็ว (อาเระ...?!?)
ส่วนน้องคนเล็กเรา บอกว่าคงกินมากไป ธาตุไฟเลยเข้าแทรก
แต่สำหรับเรา เหมือนตราปั๊มว่า
"แก...ทำให้น้องป่วย!!!"
มันหลอกหลอนมากนะ
ที่เห็นน้องป่วยไข้ตรงหน้า จากอาหารที่เราทำ
เล่าให้เพื่อนฟัง ก็บอกว่าเราคิดมากเกินไป...
ว่าแต่... มีใครอ่านถึงตรงนี้ไหมคะ 55555
อย่าลืมนะคะ
กันไว้ดีกว่าแก้
Swiss Cheese Model
มีใครเคยเจอแบบเราไหมเอ่ย...
มาแชร์กันบ้างได้นะคะ
อยากอ่าน