ปรึกษาปัญหาเรื่องการเปลี่ยนงานบ่อย

สวัสดีค่ะ เราขอออกตัว ณ ตรงนี้ก่อนนะคะว่า สิ่งที่เราพูดนี้ เป็นเรื่องของเพื่อนเราและกำลังประสบปัญหาเรื่องการทำงานที่ทำได้ไม่นาน
เพราะฉะนั้น เราจึงอยากสอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าควรทำยังไงเขาเพื่อนรู้สึกดีขึ้น หรือสิ่งที่เขาคิดมันผิดหรือถูก
.
ขอเกริ่นก่อนนะคะ เพื่อนของเราอายุประมาณ 20+ วุฒิการศึกษา ม.6 เรียนมหาลัยไม่จบค่ะ แต่นางคิดจะไปสอบเทียบอยู่ แต่ติดที่ทางบ้านไม่มีกำลังเรื่องการจ่ายค่าเทอม นางจึงต้องหางานทำไปด้วยและตั้งใจจะเรียนไปด้วย
.
แต่ปัญหาของนางที่มักจะเจอก็คือ การทำงานได้ไม่ยืนยาว ส่วนใหญ่ไม่เกิน 5 เดือนก็คือออกแล้วค่ะ
ทุกครั้งที่นางออกจากงาน นางจะมาระบายกับเราเสมอ 
.
"ทำไมฉันทำงานที่ไหนไม่ได้นานเลย ทำไมฉันถึงไม่อดทน"
"แค่ฉันอยู่เฉยๆ คนอื่นๆ ก็มักจะบอกว่าฉันทำหน้าเครียด ทำหน้าจริงจัง หรือโกรธอะไรหรือป่าว"
"หรือแม้กระทั่งการพูดจาของฉัน ก็มักจะเป็นปัญหา"
"ฉันไม่ได้พูดคำหยาบคาย ฉันก็แค่ถามในสิ่งที่ไม่รู้ และต้องการเหตุผลสำหรับงานเพื่อให้งานมันเดินต่อไปได้"
"แต่พวกเขากลับคิดว่า ฉันตึงและดึงหน้าใส่พวกเขา"
"หน้าฉันก็เป็นปกติ ฉันมักดูเหมือนโกรธตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนทำหน้าปกติ"
"ฉันเบื่อกับการเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ฉันไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลย ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน"
"งานทุกงานที่ฉันได้ทำมา ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับคนตลอดเลย ฉันเฟลมาก"
"ฉันรู้สึกอิจฉาเธอ ที่สามารถทำงาน งานนี้ได้ตั้งเป็นปี ฉันคงจะทำไม่ได้แน่ๆ"
.
นี่คือส่วนนึงที่นางมักจะบ่นกับเราเสมอๆ ค่ะ 
เธอคือเพื่อนสนิทของเรา ที่คบกับมาตั้งม.ต้นค่ะ เรียกได้ว่าเกือบ 10 ปี
ในมุมมองของเรา เรามองว่า เขาไม่ได้ *ไม่อดทนกับงาน* ค่ะ แต่เขาไม่สามารถประจบหรือเสแสร้งได้ เขาเป็นคนที่พูดจาตรงๆ และถามตรงๆ
แต่อาจจะด้วยน้ำเสียงเธอ ทำให้เพื่อนร่วมงานมักจะเข้าใจว่านางมักจะอารมรณ์เสียอยู่เสมอ
.
งานที่นางคิดว่าเหมาะกับนางมากที่สุด คืองานที่ต้องทำคนเดียว อย่างเช่น ออกบูธตามอีเว้นต่างๆ ที่สามารถอยู่เฝ้าบูธคนเดียวได้
หรืองานแอดมิน ที่ใช้การพิมพ์คุยกับลูกค้า เพื่อสื่อสาร ที่ไม่ใช่การพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์หรือเจอหน้า
.
นางเคยบอกว่า อยากทำงานที่พนักงานในร้านมีไไม่เยอะ ประมาณ 3-4 คนรวมเธอด้วย แต่สุดท้าย เธอก็มักจะมีปัญหาเรื่องการแสดงสีหน้าอยู่เสมอๆ 
.
เราได้แต่บอกนางไปว่า แต่ละคนมีสภาพแวดล้อมที่สามารถทนอยู่ได้หรือไม่ได้ มากน้อย แตกต่างกัน
การที่เธอไม่สามารถอยู่ได้ ไม่ใช่ความผิดของเธอ แค่เพราะว่าเธอกับงานหรือกับคนนั้นๆ ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
สบายใจอยู่ง่าย ลำบากใจอยู่ยาก และสักวันเราจะเจอที่ๆ ใช่สำหรับเรา
.
คำแนะนำที่เราสามารถให้ได้ เราได้ให้ไปหมดแล้ว และเราก็เป็นคนนึงที่เคยเปลี่ยนงานบ่อยๆ 
เริ่มทำตั้งปวช. เป็นพาร์ทไไทม์ ทำงานไปเรื่อยๆ ทั้งรับอีเว้นที่จำกัดเวลา หรืองานประจำก็เช่นกัน
แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ได้ไม่เกินสามเดือนเป็นขั้นต่ำ ซึ่งสูงสุดที่เคยอยู่ถึงคือ 10 เดือน และสุดท้ายก็ออกค่ะ
จนกระทั่งได้มาทำงานที่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นงานที่อยู่ในนานที่สุดตั้งแต่ที่เคยทำมา (เราทำงานที่ๆ ปัจจุบันได้ 2 ปีแล้วค่ะ)
งานสายที่เราทำไม่ใช่สายที่เธอถนัด แม้ว่าเราจะพยายามให้เธอสมัครเข้าที่ทำงานเราหลายครั้ง
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่เคยโดนเรียกจาก HR หรือฝ่ายบุคคลของที่ทำงานเราเลยค่ะ
.
และทุกอย่างที่นางมาเล่าให้เราฟังช่วงเวลาที่เธอทำงานที่ใหม่ๆ ปัญหาใหญ่ที่สุดของนางคือการตรวจสอบให้รอบคอบ
นางจะตั้งคำถาม กับการสอนงานทุกครั้ง เพื่อย้ำกับทางพี่ที่สอนงานว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมันถูกหรือไม่ 
และใช่ มีพี่คนที่เข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อ(เราขอแทนว่าพี่บีแล้วกันนะคะ)
กับรุ่นพี่ที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่นางถาม พร้อมกับความคิดของรุ่นพี่ที่พร่ำสอนโดยไม่คิดว่าตัวเองนั้นผิดเลย (ส่วนคนนี้ขอแทนว่าชื่อเอค่ะ)
.
ถ้าทุกคนที่อ่านจนถึงตอนนี้ คิดว่าเราเข้าข้างเพื่อนตัวเองหรือป่าว? มีการพูดให้เพื่อนตัวเองดูดีขึ้นไหม?
เราจะยกสักตัวอย่างสักเรื่องหนึ่งที่เราคิดว่าเพื่อนเราถูก และ ผิด (ในความคิดของเรา)ให้อ่านค่ะ
.
..
...
เพื่อนของฉัน เธอสอบถามเรื่องการแพ็กออเดอร์ชิ้นใหญ่จากพี่เอฝ่ายเดียวกัน ซึ่งรุ่นพี่ได้ตอบเธอกลับมาว่า
"ขนส่ง ถ้าของแพ็คไม่ดี ทางแผนกแพ็คจะไม่แพค"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุกคนเข้าใจไหมคะ? แต่เราไม่เข้าใจค่ะ เหมือนที่เพื่อนเราถามไป
.
ซึ่งพี่เอคนนี้ เป็นคนที่จะเข้ามาสอนงานเพื่อนเราเป็นบางครั้ง สลับกับพี่บีเข้ามาสอนงาน
และทุกครั้งที่พี่คนนี้สอนงาน มักจะเกิดปัญหาคือ สอนไม่ครบ สอนไม่หมด สอนไม่เข้าใจ ซ้ำยังสอนผิดด้วยค่ะ
แต่กลับกันพี่บี เธอจะค่อยๆ สอนเพราะรู้ว่าเพื่อนเราเรียกรู้ช้า + กับการที่นางไม่เคยทำงานแนวนี้ เธอจึงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สักหน่อย
แต่ก็ใช่ว่าพี่บีจะไม่ดุหรือตักเตือนเพื่อนเราเลย และแม้ว่าพี่บีจะน่ากลัวกว่าพี่เอ แต่เพื่อนเราก็เลือกจะถามพี่บีมากกว่าพี่เอ ด้วยเหตุผลที่เข้าใจง่ายๆ
ก็คือ สิ่งที่พี่บีสอน มันถูกต้องมากกว่าสิ่งที่พี่เอสอน และถ้าพี่เอสอนตรงไหนมา เธอก็เลือกจะถามย้ำกับพี่บี ว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมันถูกต้องไหม
.
แน่นอนว่าการถามคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่สอนงานมันจะดูข้ามหัว ข้ามหน้าข้ามตาเกินไปหรือป่าว 
แต่ถ้าการที่เพื่อนเราถามย้ำกับพี่เอ และได้คำพูดคำตวาดกลับมาว่า "พี่ก็สอนไปแล้วไง ทำไมเราไม่ฟัง"
หรือ พอพี่เอสอนงานให้ผิด และเพื่อนบอกไปว่า พี่เอสอนมาแบบนี้ พี่เอก็จะพูดว่า "อะไร พี่ไม่ได้สอนแบบนั้นนะ"
ถ้าเป็นทุกคนยังอยากจะถามเรื่องงานกับพี่คนนี้อยู่อีกไหมคะ?
.
พี่เอเป็นเฟรนลี่ พูดคุยได้กับทุกคน หยอกล้อเล่นกัน 
แต่พอพูดถึงเรื่องงานกลับไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน
นี่คือส่วนที่เราคิดจากการที่ได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังนะคะ ซึ่งทุกคนสามารถคิดได้ว่า เพราะเป็นเพื่อนเราหรือป่าว ถึงพูดจาใส่ร้ายพี่เอแบบนั้น
ถ้างั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจจารณาของแต่ละคนเลยค่ะ เพราะถ้าลองคิดว่า เราไปอยู่ในสถานการณ์นั้น เป็นเราก็ไม่ทนและออกตั้งแต่เดือนแรกแล้วค่ะ
.
.
เรื่องที่เราคิดว่าเพื่อนผิด ในการทำงาน
สำหรับเราคิดว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนเรามักจะไม่ขยายประโยคในสิ่งที่ถาม
และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ๆ ในที่ทำงานของเธอ รู้สึกว่าเธอมักจะโกรธตลอดเวลาได้
.
เพื่อนเราความคืบหน้าของพัสดุที่ต้องทำการจัดส่ง 
สมมุติว่า สินค้าจะต้องทำการส่งตั้งแต่วันจันทร์ แต่จนถึงวันพุธแล้ว ของยังไม่มีการจัดส่ง เธอจึงถามเข้าไปในกลุ่มฝ่ายแพ็คของ
.
เพื่อน " .(เลขที่คำสั่งซื้อ) ยังไม่ได้แพ็คเหรอคะ @ฝ่ายแพ็ค"
ฝ่ายแพ็ค "ของอยู่โกดังฝั่งเรา แจ้งไปแล้วนี่ รอของอยู่"
เพื่อน "แจ้งกับใครเหรอคะ พอดีไม่รู้เรื่องเลย"
ฝ่ายแพ็ค "ให้คนบอกกับซีไปนะ ว่าของไม่มีทางฝั่งนี้"
พี่ซี "พี่ขอโทษนะ พี่ลืมแจ้งค่ะ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับเรา คิดว่าการที่เพื่อนเราไม่ขยายประโยคเพิ่ม เป็นเหตุผลที่อาจจะทำให้เพื่อนเราถูกมองว่าโกรธอยู่ก็ได้ค่ะ
และการพูดของนางอ่านแล้วดูค่อนข้างแข็งกร้าว เธอจึงมักจะโดนหัวหน้างานของเธอ ที่ๆ เธอประจำอยู่ เตือนตลอดทุกประโยคที่เธอสงสัย
.
เช่นว่า ของที่เกิน 2 เมตร ไม่สามารถส่งได้ แต่ลูกค้าได้สั่งสินค้าขนาด 1.5 เมตรมา
เธอจึงรับออเดอร์ เพราะเห็นว่าสินค้านี้ไม่ถึง 2 เมตรจึงคิดว่าส่งได้
แต่สุดท้ายไม่สามารถส่งได้ เธอจึงตั้งคำถามในกลุ่มแพ็คไปว่า "ทำไมถึงส่งไม่ได้"
.
เธอได้รับคำตอบ จากฝ่ายแพ็คด้วยการตวาดว่า
"มันส่งไม่ได้ สินค้าประเภทนี้ทุกชิ้น ไม่สามารถแพ็คได้ ไม่จะขนาดเท่าไหร่ก็ตาม"
"หรือเราจะออกค่าส่งเอง? มีไหมละ กล่องน่ะมีไหม? ค่าส่งมีจ่ายไหม? ร้อยกว่าบาทน่ะ"
.
และจากหัวหน้างานของเธอ
"ถ้ามันส่งไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ต้องไปถามอะไรเพิ่มเติม"
.
สิ่งที่ทางฝ่ายแพ็คกับหัวหน้าเพื่อนเราคิด คือคิดว่าเพื่อนเรา *อยากขาย
เลยขะยั้นขะยอให้เขาส่งของ ทางฝ่ายแพ็คจึงตวาดกลับมาแบบนั้น
.
แต่สิ่งที่เพื่อนเราต้องการ คือ คำตอบว่าทำไมมันถึงส่งไม่ได้ เพราะเธอจะได้นำเหตุผลตรงนี้ไปแจ้งกับลูกค้า
เพราะเธอเป็นคนประสาน เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้ากับทีมแพ็ค
.
แต่ทุกคนกลับไม่เข้าใจเธอ พร้อมกับขึ้นเสียงและทำเสียงไม่พอใจ
.
แค่เพราะเพื่อนของเราต้องการความชัดเจนว่าทำไมถึงส่งของไม่ได้ เท่านั้นเอง
แค่เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก แม้จะอยู่นิ่งๆ ก็จะโดนหาว่าโกรธอะไร และเครียดอะไร
แค่เพราะเธอพูดน้อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากคุย แต่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจ ว่าเธอหงุดหงิดตลอดเวลา
และเธอเป็นคนที่เก็บสีหน้าไม่เก่ง เวลาที่เธอไม่โอเคกับอะไร สีหน้าจะออก แม้ว่าจะใส่แมสอยู่ก็ตาม 
และการที่เธอเก็บสีหน้าไม่ได้นี่แหละ ทำให้เธออยู่ที่ทำงานไหนๆ ก็ไม่ได้นาน (และมักจะเป็นปัญหาหลักๆ เสียด้วย)
.
เพราะเหตุนี้ ปัจจุบันทำให้เพื่อนเราคิดลบมากขึ้น ว่าเป็นเพราะตัวเอง ทนไม่ได้ โทษตัวเองต่างๆ นาๆ
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรก ว่าเพื่อนเราเป็นคนตรงๆ ไม่เสแสร้งและประจบประแจงไม่เป็น
ทำให้เธอต้องย้ายที่ทำงานบ่อยๆ แทบจะทุกๆ สามเดือน
.
เพื่อนๆ พี่ๆ ที่อ่านมาจนตรงนี้ เราขอขอบคุณที่คุณอ่านมาจนถึงตรงนี้ และมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ?
คิดว่าการที่เพื่อนเราไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้นานๆ มันเป็นความผิดของเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม
และสิ่งที่เพื่อนเราทำ มันผิดหรือถูก สำหรับพวกคุณหรือป่าว
หรือถ้าคิดว่าเพื่อนเราเหมาะกับงานแบบไหน สามารถแนะนำไว้ได้นะคะ
.
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่