สนทนากับท่านเซน.. จากกระทู้เรื่อง " สัตว์(ผู้ยึดติด) "... ขอเชิญท่านเซน..ครับ

กระทู้คำถาม
จากระทู้นี้...==> https://ppantip.com/topic/41656603


ท่านเซนเรามาสนทนาธรรมแบบสัปปบุรุส..แสดงให้ห้องสาสนาพุทธดูหน่อยว่า..
การที่เห็นไม่เหมือนกัน... เขาคุยกันยังไง.. โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กริยาวาจาของคนถ่อย..

ผมจะตอบคำถามี่ท่านเซน..ถามผมไว้  ดังนี้..


1 ข้อความ ข้างบน ไม่ใช่ "พุทธพจน"
-- ใช่หรือ ไม่

ตอบ.. ใช่ครับ..ข้อความข่างบนไม่ใช่พุทธวจน..
         แต่อรรถ(ความหมาย).. คือ...พุทธวจน..
         นี่คือหลักฐาน..ครับ
  
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=5910&Z=5933
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=5885&Z=5909
ภวสูตร..และ..นวสูตร.. และอีกหลายพระสูตร
...
...
 พ.  ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็นพืช 
ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุอย่างประณีต
ของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ
ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก 
ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าวมาฉะนี้แล ฯ
   

2 ข้อความข้างบน "ออกมา จาก ปากท่านใดนั้น"
ท่านใดนั้น และ เสียง คือ ข้อความ
ก็ ไม่ใช่ "พุทธพจน"
-- ใช่หรือไม่

ตอบ.. คำตอบตามข้อที่ 1..ครับ

3 ข้อ 2 เมื่อ มีเสียง เพิ่ม คือ อ้างอิง คำตถาคต สำนวนแปลใดนั้น
ธรรมธาตุ ที่กล่าว + อ้าง "คำคถาคต"ก็ไม่ใช่  "องค์พระศาสดา"
-- ใช่หรือไม่

ตอบ..  สำนวนแปลใดๆ.. เมื่อตรวจสอบตามหลักมหาปเทส4แล้ว..
           ลงในพระสูตร-พระวินัย.. นั่น..ให้สัญนิฐานว่าคือ  " พุทธวจน "..อย่างแน่นอน

4 สมมุติว่า "พระพุทธเจ้าตรัสไว้"
ตาม ปฐมสังคายนาว่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ...................X
จะอย่างไรก็ตาม... ก็เป็นทิฏฐิอันขาดสูญอยู่ดี...
อัตตาของสัตว์จะไม่มีทางขาดสูญ...ไปได้เลย   
เพราะว่า..อวิชชา - ตัณหา - อุปาทาน...ยังไม่ถูกขจัด
ยังไง... ภพใหม่ก็ยังต้องมีต่อไปแก่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย
🧐 ภิกษุเหล่านั้น อย่างน้อย โสดาบัน
มีอริยมรรค องค์ที่ 1 นำองค์ที่ 2
เกลี้ยงจาก ตัณหา+ มิจฉาทิฏฐิ 2
(ซึ่ง เนื่องกับ มิจฉาทิฏฐิ 62 ตรัสฯ)
ย่อม แจ่มแจ้ง "วาทะธรรม X ที่ตรัส........X1
และ เข้าใจ ธรรมทั้งปวง อนัตตา ..........X2
และ เข้าใจ กรรม ตามภาพที่อ้างแล้ว........X3
แต่ฆราวาส ภิกษุ สมัยนี้ ที่นั่งฟัง พุทธบุตร
ท่านใด ยกไว้ (ตาม A)
จะ แจ่มชัด ตาม ข้อ B
ได้ ตามพุทโธวาท
(ที่ ไม่ใช่ ตรรกะวาทะธรรม)
ภิกษุทั้งหลาย ฯ
จงแสดงธรรม ให้งามในเบื้องต้น
จงแสดงธรรม ให้งามในท่ามกลาง
จงแสดงธรรม ให้งามในเบื้องปลาย

รวมความว่า
สาวกใดใช้คำว่า  อัตตาของสัตว์  
แม้นอ้างพุทธพจน ประกอบ
แต่ พระพุทธองค์ ตรัสคำไม่ขัดกันได้
ตรัสว่า ธรรมทั้งปวง อนัตตา
ตกลง "คำตถาคต"  คือ !?! กันแน่
ท่าน จขกท. มีมุมมองประการใด ชี้แนะ
หรือไม่ครับ

ตอบ..  ไม่จำเป็นที่จะต้องไปปฏิเสธอัตตาแบบ.. ที่เป็นกันอยูอย่างนี้
           พระศาสดาท่าน.." เรียก "...ขันธ์5..ว่า " อัตตา "...เหมือนชาวโลกทั้วๆไปที่เรียกกัน..
           แต่...ท่านสอน..ว่า..ขันธ์5..เหล่านี้.. " เป็น "...อนัตตา..ตามความเป็นจริง...

           แค่ให้เข้าใจ...ว่า " เรียก "..อย่างไร... มันก็อาจจะไม่ได้ " เป็น "...อย่างที่เรียก..
           แค่นี้...ก็ไม่มีความจำเป็นเป็นที่จะต้องไปใช้..หลักปรัชญา..เรื่อง..สมมติ&ปรมัตถ์..แต่อย่างใด
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
สัตต์ผู้มี อวิชชา   (อันเป็นปัจจัยต้นของทุกข์ ในสายปฏิจจสมุปบาท  ) เป็นปัจจัย จึงมีสังขาร มีวิญญาณและนามรูป(ขันธ์๕)...

ด้วยเหตุนี้  จึงเห็นได้ชัดว่า สัตต์ ไม่ใช่ขันธ์ หากแต่ สัตต์ผู้มีอวิชชา มีมาก่อนขันธ์นี้ แน่นอน

และเมื่อขันธ์นี้แตกทำลายไป สัตต์ผู้มีอวิชชานี้ก็จะยังมีสังขารเพื่อมีขันธ์อยู่เสมอไป พระพุทธองค์จึงตรัสไว้มากมายว่าสัตต์ผู้มีอวิชชาฯ จะท่องไปมาในสังสารฯ หาที่สุด เบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่