.....ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งหรือไม่ปรุงแต่งมีประมาณเท่าใด (นับไม่ถ้วน)
วิราคะคือ ธรรมอันย่ำยีความเมา ธรรมเครื่องกำจัดความกระหาย
ความถอนเสียซึ่งความอาลัย ความเข้าไปตัดวัฏฏะ ธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา
ความคลายกำหนัด ความดับ นิพพาน เรากล่าวว่าเลิศกว่าธรรมเหล่านั้น..
ทำไมพระพุทธเจ้าถึงตรัสไว้อย่างนี้..
จากมูลปริยายสูตร ว่า..
.....ทรงรู้ยิ่งพระนิพพานโดยความเป็นพระนิพพาน ครั้นทรงรู้พระนิพพานโดยความเป็น
พระนิพพานแล้ว ย่อมไม่ทรงสำคัญพระนิพพาน ย่อมไม่ทรงสำคัญในพระนิพพาน
ย่อมไม่ทรงสำคัญโดยความเป็นพระนิพพาน ย่อมไม่ทรงสำคัญพระนิพพานว่า ของเรา
ย่อมไม่ทรงยินดีพระนิพพานข้อนั้นเพราะเหตุอะไร?
......เรากล่าวว่า เพราะทรงทราบว่า ความเพลิดเพลินเป็นมูลแห่งทุกข์ เพราะภพจึงมีชาติ
สัตว์ผู้เกิดแล้ว ต้องแก่ ต้องตาย เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย เราจึงกล่าวว่า
พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะสิ้นตัณหา สำรอกตัณหา ดับตัณหา
สละตัณหา สละคืนตัณหาเสียได้ โดยประการทั้งปวง..
กระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับว่านิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตานะจ๊ะ..
มันเป๋นจะอิ้ๆเน้อ
จะอู้หื้อ.....
วิราคะเลิศก่วาธรรมทั้งหลาย เพราะ สละได้แม้กระทั่งนิพพาน ?
วิราคะคือ ธรรมอันย่ำยีความเมา ธรรมเครื่องกำจัดความกระหาย
ความถอนเสียซึ่งความอาลัย ความเข้าไปตัดวัฏฏะ ธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา
ความคลายกำหนัด ความดับ นิพพาน เรากล่าวว่าเลิศกว่าธรรมเหล่านั้น..
ทำไมพระพุทธเจ้าถึงตรัสไว้อย่างนี้..
จากมูลปริยายสูตร ว่า..
.....ทรงรู้ยิ่งพระนิพพานโดยความเป็นพระนิพพาน ครั้นทรงรู้พระนิพพานโดยความเป็น
พระนิพพานแล้ว ย่อมไม่ทรงสำคัญพระนิพพาน ย่อมไม่ทรงสำคัญในพระนิพพาน
ย่อมไม่ทรงสำคัญโดยความเป็นพระนิพพาน ย่อมไม่ทรงสำคัญพระนิพพานว่า ของเรา
ย่อมไม่ทรงยินดีพระนิพพานข้อนั้นเพราะเหตุอะไร?
......เรากล่าวว่า เพราะทรงทราบว่า ความเพลิดเพลินเป็นมูลแห่งทุกข์ เพราะภพจึงมีชาติ
สัตว์ผู้เกิดแล้ว ต้องแก่ ต้องตาย เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย เราจึงกล่าวว่า
พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะสิ้นตัณหา สำรอกตัณหา ดับตัณหา
สละตัณหา สละคืนตัณหาเสียได้ โดยประการทั้งปวง..
กระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับว่านิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตานะจ๊ะ..
มันเป๋นจะอิ้ๆเน้อ
จะอู้หื้อ.....