คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 13.00 น.
https://web.facebook.com/fanmoph/videos/1225260428316540/ (มีคลิป)
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
ประจำวันที่ 14 กันยายน 2565
รู้จริงเรื่องการตรวจภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ไว้ดักจับเชื้อ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ หรือความรุนแรงของอาการป่วยจนกระทั่งลดอัตราการเสียชีวิต
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02C5w6abi2khGBvTbLTmY6qB1RDApemdYoFnk2cuMr2Ua4ah8hDDiTuB9iFYN3aRafl (มีคลิป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 14 กันยายน 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0bqqcL7jmGFK7k2CxpWQwBTHRMkqdsDc4z4crQwBPjZ2HEziNAkBLGqf54iuF241Al
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 13 ก.ย. 2565)
รวม 143,041,775 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 13 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 20,073 โดส
เข็มที่ 1 : 2,500 ราย
เข็มที่ 2 : 3,907 ราย
เข็มที่ 3 : 13,666 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,290,238 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,775,272 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,976,265 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid036zX64PtbvVUJ9HqUeDxwEKFh2zekcY7hmrkTk6466eByxPBjGZNiwyRj4eDeErcxl
รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 จำนวน 14 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02WqfckQWR9wRoZu6nVAgRRs5uhwe4x1eFqmgeA1qnmtQT1QXjMzZC1GRkwEoMAPGAl
สธ. ยืนยัน แนวทางรักษาโควิด มีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาตามหลักวิชาการ
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีมีนักวิชาการทางการแพทย์หลายท่านแสดงความเป็นห่วงเรื่องประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์ ว่า มาตรการต่างๆ เกี่ยวกับโรคโควิด 19 ของไทย ทั้งการป้องกันควบคุมโรค การรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการในรูปของคณะกรรมการที่ประกอบด้วยนักวิชาการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการแพทย์ชั้นนำ ร่วมพิจารณาจากข้อมูลการศึกษาทางวิชาการที่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาตัวแรกที่มีการใช้ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด ซึ่งในขณะนั้นเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง มีการติดเชื้อที่ปอด โดยผลการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และกองการแพทย์จีโนมิกส์และสนับสนุนนวัตกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง ไม่มีภาวะปอดบวม และได้รับยาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมีอาการ ติดตามประเมินอาการในโรงพยาบาลโดยบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า ทำให้อาการของผู้ป่วยโควิด 19 ดีขึ้นเร็วกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ยังเป็นยาที่ใช้ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ในขณะนี้ด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีการติดตามข้อมูลการรักษา ผลการวิจัยใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสม จึงมีการนำยาตัวอื่นที่มีผลการศึกษารองรับมาใช้ด้วย เช่น ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ซึ่งเป็นยาชนิดฉีด มีกลไกการออกฤทธิ์ตำแหน่งเดียวกับฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการดูดซึมยา รับประทานไม่ได้ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) เป็นยารับประทานสำหรับผู้ใหญ่ มีกลไกการออกฤทธิ์จุดเดียวกัน ช่วยลดความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงได้ โดยต้องให้ภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการ และยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) มีกลไกการออกฤทธิ์ที่เอนไซม์ ทำให้เชื้อลดจำนวนลง ซึ่งอยู่ระหว่างการกระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ หลังได้รับการอนุมัติจากศูนย์ปฏิบัติการฯ กระทรวงสาธารณสุข และศบค. ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์ที่มีการเผยแพร่ในขณะนี้ คณะกรรมการวิชาการฯ ได้รับทราบและจะนำเข้าสู่การพิจารณาปรับปรุงแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02hVFR5FtqFD96r8BWX2fFjeNqTQpoYTjL6pBqpbHRgdoG9jTf5wz12c3zoen7DheHl
ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ผวจ. ชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 16 ก.ย. 65
ขับเคลื่อนความร่วมมือหลายมิติพื้นที่ชายแดน และการสัญจรข้ามแดนช่วงโควิด 16 ก.ย.นี้
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ในวันที่ 16 กันยายน 2565 ณ กระทรวงมหาดไทย ร่างบันทึกการประชุมฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการหารือร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารระดับสูงในพื้นที่ที่มีเขตแดนติดต่อกัน ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสอดคล้องกับเจตนารมณ์และนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเป็นการสานต่อความร่วมมือด้านต่างๆ ที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ทำความตกลงกันไว้แล้ว โดยมีประเด็นความร่วมมือหลากหลายมิติ จำนวน 18 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องการข้ามแดน 2.การบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) 3.ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน 4.การคมนาคมขนส่ง 5.ความร่วมมือด้านการเกษตรบริเวณชายแดน 6.ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม 7.ความร่วมมือด้านแรงงาน 8.การบริหารจัดการจุดผ่านแดน 9.การสาธารณสุขและการพัฒนาชุมชน 10.การจัดการภัยพิบัติ 11.การลักลอบตัดไม้โดยผิดกฎหมาย 12.การดำรงรักษาสิ่งแวดล้อมชายแดน 13.การป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรมบริเวณชายแดน 14.ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด 15.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว 16.ความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง/เมืองพี่เมืองน้องระดับจังหวัด 17.กลไกความร่วมมือระดับจังหวัดและท้องถิ่น และ 18.เรื่องอื่น ๆ
ที่มา : รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02i8i3NmmXgHMKwdD5kznQQeqHUQGbxDX7rzJuVjbaNYS6TeNYwiGJ7UGyErCf1vMTl
ให้บริการแล้ววันนี้! แอป Totale Telemed ตรวจรักษาโควิดทุกสิทธิรักษา พบแพทย์ออนไลน์ ส่งยาถึงบ้านฟรี
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับบริษัท โททอลเล่เทเลเมด ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการสีเขียวและกลุ่ม 608 ทั่วประเทศ ผ่านแอป Totale Telemed (โททอลเล่ เทเลเมด) พบแพทย์ออนไลน์ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พร้อมส่งยาถึงบ้านฟรี! คลอบคลุมสิทธิบัตรทอง 30 บาท สวัสดิการข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น และสิทธิประกันสังคม
ผู้ป่วยโควิด19 สามารถลงทะเบียนผ่านไลน์ได้ที่ https://lin.ee/a1lHjXZn หรือ Scan QR Code ตามภาพ สอบถามเพิ่มเติมไลน์ ID : @totale หรือสายด่วน 0620462944, 0618019577
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/pfbid0pTsfGbj68JmAGVYzRsWPFJGbR4Us6hAAjmg357F7FEU7b8ToZFmFqPj85EN1QBbXl
https://web.facebook.com/fanmoph/videos/1225260428316540/ (มีคลิป)
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
ประจำวันที่ 14 กันยายน 2565
รู้จริงเรื่องการตรวจภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ไว้ดักจับเชื้อ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ หรือความรุนแรงของอาการป่วยจนกระทั่งลดอัตราการเสียชีวิต
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02C5w6abi2khGBvTbLTmY6qB1RDApemdYoFnk2cuMr2Ua4ah8hDDiTuB9iFYN3aRafl (มีคลิป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 14 กันยายน 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0bqqcL7jmGFK7k2CxpWQwBTHRMkqdsDc4z4crQwBPjZ2HEziNAkBLGqf54iuF241Al
จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 13 ก.ย. 2565)
รวม 143,041,775 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 13 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 20,073 โดส
เข็มที่ 1 : 2,500 ราย
เข็มที่ 2 : 3,907 ราย
เข็มที่ 3 : 13,666 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,290,238 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,775,272 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,976,265 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid036zX64PtbvVUJ9HqUeDxwEKFh2zekcY7hmrkTk6466eByxPBjGZNiwyRj4eDeErcxl
รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 จำนวน 14 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02WqfckQWR9wRoZu6nVAgRRs5uhwe4x1eFqmgeA1qnmtQT1QXjMzZC1GRkwEoMAPGAl
สธ. ยืนยัน แนวทางรักษาโควิด มีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาตามหลักวิชาการ
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีมีนักวิชาการทางการแพทย์หลายท่านแสดงความเป็นห่วงเรื่องประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์ ว่า มาตรการต่างๆ เกี่ยวกับโรคโควิด 19 ของไทย ทั้งการป้องกันควบคุมโรค การรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการในรูปของคณะกรรมการที่ประกอบด้วยนักวิชาการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการแพทย์ชั้นนำ ร่วมพิจารณาจากข้อมูลการศึกษาทางวิชาการที่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาตัวแรกที่มีการใช้ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด ซึ่งในขณะนั้นเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง มีการติดเชื้อที่ปอด โดยผลการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และกองการแพทย์จีโนมิกส์และสนับสนุนนวัตกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง ไม่มีภาวะปอดบวม และได้รับยาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมีอาการ ติดตามประเมินอาการในโรงพยาบาลโดยบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า ทำให้อาการของผู้ป่วยโควิด 19 ดีขึ้นเร็วกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ยังเป็นยาที่ใช้ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ในขณะนี้ด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีการติดตามข้อมูลการรักษา ผลการวิจัยใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสม จึงมีการนำยาตัวอื่นที่มีผลการศึกษารองรับมาใช้ด้วย เช่น ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ซึ่งเป็นยาชนิดฉีด มีกลไกการออกฤทธิ์ตำแหน่งเดียวกับฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการดูดซึมยา รับประทานไม่ได้ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) เป็นยารับประทานสำหรับผู้ใหญ่ มีกลไกการออกฤทธิ์จุดเดียวกัน ช่วยลดความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงได้ โดยต้องให้ภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการ และยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) มีกลไกการออกฤทธิ์ที่เอนไซม์ ทำให้เชื้อลดจำนวนลง ซึ่งอยู่ระหว่างการกระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ หลังได้รับการอนุมัติจากศูนย์ปฏิบัติการฯ กระทรวงสาธารณสุข และศบค. ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์ที่มีการเผยแพร่ในขณะนี้ คณะกรรมการวิชาการฯ ได้รับทราบและจะนำเข้าสู่การพิจารณาปรับปรุงแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02hVFR5FtqFD96r8BWX2fFjeNqTQpoYTjL6pBqpbHRgdoG9jTf5wz12c3zoen7DheHl
ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ผวจ. ชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 16 ก.ย. 65
ขับเคลื่อนความร่วมมือหลายมิติพื้นที่ชายแดน และการสัญจรข้ามแดนช่วงโควิด 16 ก.ย.นี้
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ในวันที่ 16 กันยายน 2565 ณ กระทรวงมหาดไทย ร่างบันทึกการประชุมฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการหารือร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารระดับสูงในพื้นที่ที่มีเขตแดนติดต่อกัน ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสอดคล้องกับเจตนารมณ์และนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเป็นการสานต่อความร่วมมือด้านต่างๆ ที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ทำความตกลงกันไว้แล้ว โดยมีประเด็นความร่วมมือหลากหลายมิติ จำนวน 18 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องการข้ามแดน 2.การบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) 3.ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน 4.การคมนาคมขนส่ง 5.ความร่วมมือด้านการเกษตรบริเวณชายแดน 6.ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม 7.ความร่วมมือด้านแรงงาน 8.การบริหารจัดการจุดผ่านแดน 9.การสาธารณสุขและการพัฒนาชุมชน 10.การจัดการภัยพิบัติ 11.การลักลอบตัดไม้โดยผิดกฎหมาย 12.การดำรงรักษาสิ่งแวดล้อมชายแดน 13.การป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรมบริเวณชายแดน 14.ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด 15.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว 16.ความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง/เมืองพี่เมืองน้องระดับจังหวัด 17.กลไกความร่วมมือระดับจังหวัดและท้องถิ่น และ 18.เรื่องอื่น ๆ
ที่มา : รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02i8i3NmmXgHMKwdD5kznQQeqHUQGbxDX7rzJuVjbaNYS6TeNYwiGJ7UGyErCf1vMTl
ให้บริการแล้ววันนี้! แอป Totale Telemed ตรวจรักษาโควิดทุกสิทธิรักษา พบแพทย์ออนไลน์ ส่งยาถึงบ้านฟรี
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับบริษัท โททอลเล่เทเลเมด ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการสีเขียวและกลุ่ม 608 ทั่วประเทศ ผ่านแอป Totale Telemed (โททอลเล่ เทเลเมด) พบแพทย์ออนไลน์ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พร้อมส่งยาถึงบ้านฟรี! คลอบคลุมสิทธิบัตรทอง 30 บาท สวัสดิการข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น และสิทธิประกันสังคม
ผู้ป่วยโควิด19 สามารถลงทะเบียนผ่านไลน์ได้ที่ https://lin.ee/a1lHjXZn หรือ Scan QR Code ตามภาพ สอบถามเพิ่มเติมไลน์ ID : @totale หรือสายด่วน 0620462944, 0618019577
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/pfbid0pTsfGbj68JmAGVYzRsWPFJGbR4Us6hAAjmg357F7FEU7b8ToZFmFqPj85EN1QBbXl
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭💚มาลาริน💚🇹🇭14ก.ย.โควิดไทยที่29โลก/ป่วย1,321คน หาย1,251คน เสียชีวิต14คน/BA.2.75.2ที่พบในไทย/หมอ ยงการันตี Novavax
https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1026621
เมื่อวันที่14 ก.ย.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ภาพรวมจากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรวจเชื้อเบื้องต้นไปทั้งหมด 359 ราย ทั้งที่เดินทางเข้ามา และตรวจพบในประเทศ เป็นBA.4 /BA.5 จำนวน 333 ราย BA.2.75 จำนวน 5 ราย และBA.2 จำนวน 20 ราย และB.1.1.529 จำนวน 1 ราย
ภาพรวมของประเทศไทย 93% เป็น BA.4 /BA.5 , 5.6 % เป็นBA.2 และ 1.4 % เป็น BA.2.75 โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่า 92% เป็น BA.4 /BA.5 ส่วนภูมิภาคพบประมาณ 94%
จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว จำนวน 803 ราย พบว่า BA.5 จำนวน 688 ราย หรือประมาณ 85% ของจำนวนทั้งหมด BA.4 จำนวน 106 ราย และBA.2.75 มีจำนวน 9 ราย ซึ่งข้อมูลสอดคล้องกับโลกที่ BA.5 พบมากขึ้น
สำหรับข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ BA.2.75 และลูกหลานที่เป็นสายพันธุ์ย่อย เนื่องจากไวรัสกลายพันธุ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอด แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจับตาคือตำแหน่งต่างๆที่กลายพันธุ์ จะส่งผลต่อการแพร่ระบาด ความรุนแรง การหลบวัคซีนมากขึ้นหรือไม่ ในส่วนของ BA.2.75.2 ที่มีการเปลี่บนแปลงในตำแหน่ง R346T และ F486S โดยข้อมูลใน GISAID ที่ระบุว่าพบ BA.2.75 จำนวน 9 รายในประเทศไทยนั้น ก็เป็นข้อมูลที่กรมรายงานเข้าไป โดยมีจำนวน 9 ราย เป็น BA.2.75 จำนวน 6 ราย BA.2.75.1 จำนวน 1 ราย BA.2.75.2 จำนวน 1 ราย และ BA.2.75.3 จำนวน 1 ราย ทั้งหมดไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีอาการอะไรมาก ส่วนใหญ่หายและออกจากรพ.แล้ว
จากการที่องค์การอนามัยโลก(WHO)เฝ้าจับตาสายพันธุ์โควิด โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนส.ค. 2565 เทียบ 2 สัปดาห์(ระหว่างวันที่ 15-21 ส.ค. กับ 22-28 ส.ค.) พบว่า BA.5 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 84.8% เป็น 86.8% ซึ่งคล้ายๆประเทศไทย ส่วน BA.4 สัดส่วนจาก 6.8% ลดลงเหลือ 4.2% BA.2 จาก 2.6% เป็น 2.5% ขณะที่ BA.2.75 จาก 0.9% เป็น 1.2% ขึ้นมาเล็กน้อย
นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีคนนำข้อมูลบางส่วน เช่น อำนาจการเพิ่มจำนวนของ BA.2.75 เทียบกับ BA.5 ถึง 114% เพิ่มขึ้นเท่าเศษๆ คนจึงกังวลว่า เร็วขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริง เป็นข้อมูลจากโมเดลลิ่ง จากการสันนิษฐาน แต่ของจริงต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ก็ต้องดูสัดส่วนในสถานการณ์จริง ซึ่งต้องมีการจับตาและเฝ้าระวัง ขอให้เชื่อมั่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมกับเครือข่ายการตรวจสายพันธุ์ทั่วโลก ทำการเฝ้าระวังและส่งรายงานในระบบ GISAID อย่างสม่ำเสมอ หากอันไหนมีสัญญาณจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกว่า ต้องดูตรงไหนเป็นพิเศษ ก็จับตาดู และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถตรวจจับได้ ไม่ได้ช้า ไม่ได้มีปัญหา ไม่ต้องกังวล
"ขณะนี้ในประเทศไทยสายพันธุ์หลักยังเป็น BA.5 พบสัดส่วน 85% ส่วน BA.4 พบ 13% ส่วนBA.2.75 รวมถึงสายพันธุ์ย่อยเพียง 1% อาจจะบางคนโพสต์ข้อมูลหวือหวา ทำให้ตื่นตระหนก ก็ขอให้ผู้อ่านตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก และบางทีนำข้อมูลบางส่วนมาบอก ไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมด มาตรการของประเทศไทย ใครยังไม่ฉีดวัคซีนกระตุ้นให้มาฉีด มาตรการป้องกันที่ปฏิบัติอยู่ยังใช้ในการป้องกันได้ ส่วนกรมวิทย์จะทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังเต็มที่ และถ้าจำเป็นต้องแจ้งประชาชน ก็จะแจ้งทันที ไม่มีปกปิด”นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า ยังมีข้อมูลที่พูดกันถึง BJ.1 ก็คือ สายพันธุ์ BA.2.10.1 ซึ่งไม่ใช่พันธุ์ใหม่ แต่ยังเป็น BA.2 แต่เป็นลูกหลานที่งอกออกมา เพียงแต่มีการรวบชื่อเรียกให้สั้นลงเท่านั้น และยังเมีตัวอื่นๆอีก ซึ่งบางอันไม่มีปัญหาก็จบ สงบหายไป แต่เราก็มีระบบเฝ้าดู
https://www.bangkokbiznews.com/health/1026737
'ง' การันตี Novavax กระตุ้นภูมิต้านโควิดได้ดี
14 กันยายน 2565 เวลา 7:06 น.
'ง' โพสต์ยืนยันวัคซีน Novavax ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีในเข็ม 3 ไม่ต่างจากแอสตร้าเซเนก้าและไฟเซอร์
14 ก.ย.2565 – ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “โควิด 19 วัคซีน ชนิด Protein subunit หรือที่เรารู้จักกันในนาม Novavax เป็นวัคซีนที่ใช้กระตุ้นได้ดี” ระบุว่า จากการศึกษาของศูนย์ไวรัส ในการกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีน COVOVAX หรือที่เรารู้จักกันในนาม Novavax เมื่อนำมาใช้เป็นเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ไม่ว่าจะกระตุ้นด้วยวัคซีนสูตรใด สามารถกระตุ้นได้ดี
จากข้อมูลจะเห็นว่าการกระตุ้นเข็ม 3 ตามหลังเชื้อตาย เช่น Sinopharm, Sinovac สามารถกระตุ้นได้ดีมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่า การกระตุ้น ตามหลังวัคซีน 2 เข็ม ที่เป็น AstraZeneca หรือ Pfizer หรือการใช้วัคซีนสูตรไขว้คือเข็ม 1 Sinovac เข็ม 2 ให้ AstraZeneca และเข็มสามให้ COVOVAX ก็สามารถกระตุ้นได้ดี การศึกษาทำที่จังหวัดชลบุรี และขณะนี้ได้เขียนบทความวิชาการ อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสาร และเราได้มีการเผยแพร่วงกว้างใน Preprint ที่สามารถหาอ่านได้จาก https://www.medrxiv.org/con.../10.1101/2022.09.07.22279684v1
https://www.thaipost.net/covid-19-news/221187/
ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ....