สวัสดีค่ะทุกคน😊 ถึงฤกษ์งามยามดีสักทีนะคะ วันนี้จะมารีวิวชีวิตออแพร์และความเป็นอยู่ในอเมริกาว่าจะสบายจริงมั๊ย เป็นออแพร์ยากหรือเปล่า ไม่เสียเวลา... เรามาเริ่มกันเลย!!!🇺🇸
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวสักเล็กน้อยนะคะ เราชื่อเล่นว่าเจมส์นะคะ ตอนนี้เป็นออแพร์อยู่ที่ South Carolina ให้กับครอบครัวชาวอเมริกัน ดูแลน้องหนึ่งคนอายุจะหนึ่งขวบในเดือนหน้านี้เอง โฮสท์มัมและแด๊ดเป็นหมอทั้งคู่👨🏼⚕️👩🏼⚕️ และนี้จึงเป็นเหตุผลที่โฮสท์เข้าร่วมโครงการ เพราะไม่ค่อยมีเวลา แต่ทั้งคู่ก็รักน้องมากกกก และเอาใจใส่น้องเป็นอย่างดีเลย
จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็นออแพร์นี้ไม่ง่ายเลย เราสมัครกับเอเจนซี่ Engenius โดยได้รับทุน 50% ถามเราว่ามันดีมั๊ย? สำหรับเราคิดว่าคุ้มมากนะเพราะถ้าจ่ายราคาเต็มนี้ก็จะเยอะพอสมควร แต่รวมทั้งหมดที่เราจ่ายไปรวมทุกอย่างจริงๆคือประมาณ 50,000 บาทเลย ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยกับการมาอเมริกาด้วยค่าใช้จ่ายโครงการเท่านี้ แต่ถ้าหากเพื่อนๆสนใจ แนะนำให้ปรึกษากับทางเอเจนซี่โดยตรงได้เลยนะ เพราะราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
https://www.engenius.co.th/au-pair/
เรามาอยู่ที่อเมริกาได้เกือบ 8 เดือนแล้ว ได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ รวมถึงเรียนรู้การใช้ชีวิตในอเมริกาไปพร้อมๆกัน บอกเลยว่าไม่ง่ายเลยค่ะ ใครว่าเป็นออแพร์สบาย บอกเลยตรงนี้ว่าไม่จริง!!!ฮ่าๆ เพราะมีหลายอย่างที่ต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การดูแลเด็ก สภาพอากาศ ความเป็นอยู่ และอาหารการกิน เจมส์ใช้เวลาเกือบหกเดือนถึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีทั้งเรื่องให้เครียด สนุก และมีความความสุขปะปนกันไป
ห้องนอนและบริเวณบ้าน
ตอนมาอยู่ช่วงแรกๆ เราเหงามากก เพราะเมืองที่อยู่เป็นเมืองสงบ บวกกับช่วงแรกๆเวลาทำงานก็จะมีเวลากับตัวเองเยอะหน่อยเพราะน้องยังเล็กและต้อง nap บ่อยๆ เราเลยไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเวลาทำงานอยู่บ้าน แต่ตอนนี้น้องเริ่มโต เริ่มสื่อสาร เดินเล่นได้นิดหน่อย ตารางของเราก็ยุ่งขึ้น โฮสท์เราดีมาก เขาจัดห้องให้เราเห็นวิวแม่น้ำ เรื่องอาหารการกิน อยากกินอะไรก็บอก และเราโชคดีมากกกก ที่โฮสท์มีรถให้ใช้ต่างหาก ทำให้เราไปไหนมาไหนสะดวก ไม่ต้องรบกวนโฮสท์ให้ไปส่ง ในช่วงเวลาว่างหรือวันหยุดเราจึงขับรถไปเมืองต่างๆกับเพื่อน ล่าสุดเราได้มีโอกาสไปเที่ยวนิวยอร์กในช่วง vacation(ออกค่าใช้จ่ายเอง)🗽 และก่อนหน้านั้นโฮสท์ก็พาไปเที่ยวที่ประเทศเอกวาดอร์ และเกาะกาลาปากอส 🏝โดยที่โฮสท์ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเนื่องจากเป็นทริปครอบครัว ยกเว้นของฝากที่เราจะต้องซื้อเอง
ทริปกาลาปากอส
ทริปนิวยอร์ก
เรื่องอาหารก็ไม่เคยขาด โฮสท์เราชอบอาหารไทยอยู่แล้ว บวกกับทานเผ็ดได้ ทำให้เราได้มีโอกาสทานอาหารไทยค่อนข้างบ่อย พอโฮสท์รู้ว่าเราชอบกินเผ็ดมาก ก็มักจะซื้อพริกเป็นกิโลมาเก็บไว้ที่บ้าน เวลาไปไหนด้วยกันโฮสท์จ่ายค่าอาหารให้ตลอด
เราทำงานโดยเฉลี่ย 40-45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และปกติจะได้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทำให้เรามีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่ตารางของเราจะไม่ค่อยสม่ำเสมอและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เนื่องจากโฮสท์เป็นหมอ และเขาค่อยข้างยุ่ง แต่โฮสท์พยายามให้เราได้มีเวลาเป็นของตัวเองมากที่สุด ในช่วงแรกๆของการทำงาน เราต้องปรับตัวเยอะมาก ต้องเรียนรู้อยู่เสมอ หน้าที่ของเราหลักๆก็จะมี ป้อนนมน้อง เตรียมอาหารให้น้องทาน เล่นกับน้อง และพาน้องนอน
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องดีก็จะมีเรื่องไม่ดีด้วย นั้นคือความเหงาและเครียดจากการทำงาน ด้วยความที่เราเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ทำให้หลายครั้งเรากังวลว่าเราอาจจะทำได้ไม่ดี ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองในช่วงแรกๆ มีอาการ homesick เล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เราติดกินอาหารไทยมาก ตั้งแต่เรามาอยู่นี้ เราคิดถึงหมูกระทะชาบูเป็นที่สุดฮ่าๆ แต่ก็พยายามกินอย่างอื่นทดแทนไป เพราะเมืองนี้หากินอาหารไทยยาก และสุดท้ายเลยคือการอยู่ร่วมกับครอบครัวที่มีความต่างวัฒนธรรม แรกๆเรายังไม่ชิน และยังไม่รู้ว่าจะเข้าหายังไง ทำให้ขาดการสื่อสารกัน แต่หลังๆก็คุยกันมากขึ้นเพราะคิดว่าหากเราเก็บไว้ อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานได้
ส่วนตัวเจมส์คิดว่าโครงการออแพร์ เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้โลกกว้าง แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน🌍 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง และสุดท้ายคืออยากบอกให้ทุกคนเดินตามความฝัน หากเราตั้งใจไม่ว่าจะยากแค่ไหนเราก็ทำได้ค่ะ
สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้คนที่อยากเป็นออแพร์ และคนที่เป็นออแพร์ทุกคนนะคะ💕
[SR] รีวิวชีวิตออแพร์ในอเมริกาปี 2022 การเป็นออแพร์ดีจริงมั๊ย??
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวสักเล็กน้อยนะคะ เราชื่อเล่นว่าเจมส์นะคะ ตอนนี้เป็นออแพร์อยู่ที่ South Carolina ให้กับครอบครัวชาวอเมริกัน ดูแลน้องหนึ่งคนอายุจะหนึ่งขวบในเดือนหน้านี้เอง โฮสท์มัมและแด๊ดเป็นหมอทั้งคู่👨🏼⚕️👩🏼⚕️ และนี้จึงเป็นเหตุผลที่โฮสท์เข้าร่วมโครงการ เพราะไม่ค่อยมีเวลา แต่ทั้งคู่ก็รักน้องมากกกก และเอาใจใส่น้องเป็นอย่างดีเลย
เรามาอยู่ที่อเมริกาได้เกือบ 8 เดือนแล้ว ได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ รวมถึงเรียนรู้การใช้ชีวิตในอเมริกาไปพร้อมๆกัน บอกเลยว่าไม่ง่ายเลยค่ะ ใครว่าเป็นออแพร์สบาย บอกเลยตรงนี้ว่าไม่จริง!!!ฮ่าๆ เพราะมีหลายอย่างที่ต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การดูแลเด็ก สภาพอากาศ ความเป็นอยู่ และอาหารการกิน เจมส์ใช้เวลาเกือบหกเดือนถึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีทั้งเรื่องให้เครียด สนุก และมีความความสุขปะปนกันไป
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องดีก็จะมีเรื่องไม่ดีด้วย นั้นคือความเหงาและเครียดจากการทำงาน ด้วยความที่เราเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ทำให้หลายครั้งเรากังวลว่าเราอาจจะทำได้ไม่ดี ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองในช่วงแรกๆ มีอาการ homesick เล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เราติดกินอาหารไทยมาก ตั้งแต่เรามาอยู่นี้ เราคิดถึงหมูกระทะชาบูเป็นที่สุดฮ่าๆ แต่ก็พยายามกินอย่างอื่นทดแทนไป เพราะเมืองนี้หากินอาหารไทยยาก และสุดท้ายเลยคือการอยู่ร่วมกับครอบครัวที่มีความต่างวัฒนธรรม แรกๆเรายังไม่ชิน และยังไม่รู้ว่าจะเข้าหายังไง ทำให้ขาดการสื่อสารกัน แต่หลังๆก็คุยกันมากขึ้นเพราะคิดว่าหากเราเก็บไว้ อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานได้
ส่วนตัวเจมส์คิดว่าโครงการออแพร์ เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้โลกกว้าง แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน🌍 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง และสุดท้ายคืออยากบอกให้ทุกคนเดินตามความฝัน หากเราตั้งใจไม่ว่าจะยากแค่ไหนเราก็ทำได้ค่ะ
สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้คนที่อยากเป็นออแพร์ และคนที่เป็นออแพร์ทุกคนนะคะ💕
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม