สวัสดีค่ะทุกคนนน วันนี้จะมารีวิวกว่าจะมาเป็นออแพร์ที่อเมริกาตั้งแต่ขั้นตอนแรก!!
ต้องบอกก่อนว่า การมาใช้ชีวิตที่อเมริกาเป็นอะไรที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆมาก ด้วยความที่ชอบความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม และการใช้ชีวิต ทำให้ตัดสินใจมาเป็นออแพร์เมื่อโอกาสมาถึง!!
ต้องบอกก่อนว่าเราทำงานพาร์ไทม์เป็นครูผู้ช่วยมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยปี 2 และจบมาก็ทำงานประจำอีก ทำให้มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับเด็กค่อนข้างเยอะ ไม่ต้องไปเริ่มเก็บชั่วโมงใหม่ ก่อนสมัครเป็นออแพร์ เราเริ่มหาข้อมูลออแพร์มาสักพักก่อนจะตัดสินใจสมัครกับโครงการออแพร์ของ Engenius International ด้วยทุน 50% เผื่อใครต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม >>> Facebook :
https://www.facebook.com/engeniusaupair
มาดูขั้นตอนกันเลยจ้ะ!!
1. สมัครเข้าโครงการ!!! (5,100 บาท) และเริ่มเก็บเอกสาร (12 พ.ค. 2564) อันนี้ต้องบอกก่อนว่า เงื่อนไขของแต่ละเอเจนซี่ไม่เหมือนกันนะคะ ต้องศึกษาและพูดคุยกับพี่ๆในเอเจนซี่ให้เรียบร้อยก่อนตัดสินสมัครเข้าโครงการ
ซึ่งเอเจนซี่ที่เราสมัครต้องมีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับเด็ก 200 ชั่วโมง ซึ่งเราผ่านฉลุย ไม่ต้องไปเก็บชั่วโมงใหม่ ต้องเริ่มทำเอกสารอื่นๆได้เลย เช่น เขียนจดหมายถึงโฮสต์ ทำวีดีโอแนะนำตัว สอบจิตวิทยา ตรวจสุขภาพ ทำพาสปอร์ต ทำใบขับขี่ T____T ยากที่สุดคือต้องลงเรียนขับรถเนี่ยแหละ จะตุย 5555555555
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของขั้นตอนนี้ประมาณ 18,000 บาท รวมค่าเรียนขับรถ ทำพาสปอร์ต ตรวจสุขภาพ ค่ายิบย่อยอื่นๆ ประมาณนี้แหละะ เราใช้เวลาเก็บเอกสารประมาณ 3 เดือน
2. มาถึงขั้นตอนออนไลน์หา Host Family (4 ก.ย. 64)
ก่อนออนไลน์ต้อง
จ่ายค่าโครงการ 21,900 บาท (เราได้ทุน 50%)
บอกเลยว่าเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากสำหรับเรา ใครที่ออนไลน์อยู่ไม่ว่าจะเอเจนซี่ไหน หรือกำลังเก็บเอกสาร อย่าเพิ่งท้อกับขั้นตอนนี้นะ บอกเลยว่าต้องใช้เวลาจริงๆ เพราะกว่าจะหาบ้านที่คลิ๊กกับเรา มันใช้เวลานานมากๆๆๆ เราคุยโฮสต์หลายบ้าน ทั้งในและนอกเอเจนซี่ ทั้งปฏิเสธโฮสต์บ้าง โดนโฮสต์ปฏิเสธบ้างเป็นเรื่องปกติเลย จนเราได้มาเจอกับโฮสต์บ้านนี้ที่เราได้แมช
คำแนะนำสำหรับเรา
บอกความคาดหวังจากการเป็นออแพร์ของเรา และถามความคาดหวังจากโฮสต์ว่าเขาต้องการออแพร์แบบไหน คุยกันเยอะๆ สงสัยอะไรถามให้เคลียร์ทั้งเรื่องข้อมูลและหน้าที่เกี่ยวกับเด็ก ตารางการทำงาน ความรับผิดชอบในบ้าน กฏเกณฑ์ต่างๆ
เริ่มคุยกันครั้งแรกเราจะถามเรื่องน้องๆเป็นหลักก่อนเลย หลักๆก็เราต้องดูแลน้องกี่คน น้องชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ อาหารการกิน มีแพ้อาหารหรือโรคประจำตัวอะไรมั้ย ครั้งต่อๆไปค่อยคุยเรื่องอื่นๆ แต่ต้องลิสคำถามไว้ให้เคลียร์นะ จะได้ไม่มีปัญหากันที่หลัง
และแล้ววันนี้ก็มาถึงงง หลังจากเกือบ 5 เดือนที่หาโฮสต์มาาาาา เราแมชกับโฮสต์ที่ Denver, Colorado (แมชวันที่ 28 ม.ค 65) ซึ่งครอบครัวนี้น่ารักมาก ซัพพอร์ทมากๆ ดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างดี ข้าวของขาดอะไรซื้อให้หมด เหมือนเราเป็นคนในครอบครัวคนนึงเลย โชคดีมากที่ได้มาอยู่บ้านนี้ รู้สึกเหมือนใช้แต้มบุญหมดไปแล้ว 5555555555555555
3. ขั้นตอนที่โหดสุด ร้องไห้เสียน้ำตาไปหลายลิตรกับ
การสัมภาณ์วีซ่า!!!!!!!!!!!
(เราสัมภาษณ์วีซ่า 2 รอบ รอบละ 9,000 บาท)
เราได้คิวสัมภาษณ์ครั้งแรกวันที่ 17 มี.ค. 65 ที่กทม.
ได้คำถามประมาณนี้เลย
- ไปทำอะไรที่อเมริกา
- มีประสบการณ์เกี่ยวกับเด็กมั้ย
- เรียนจบอะไรมา
- ทำไมถึงอยากเป็นออแพร์ตอนนี้
- จะกลับมาทำอะไรหลังจบโครงการ
- มีเพื่อน มีญาติอยู่ที่นั่นมั้ย
แล้วโดนปัดตกไปเลยจ้ะ ออกมาอย่างงงๆ กลับถึงบ้านน้ำตาแตกเลย ทำไมไม่ผ่านอะ ทั้งๆที่เอกสาร ประสบการณ์ หรืออะไรต่างๆก็พร้อม ซึมเหมียนหมาไปแปปนึงแล้วก็กลับมาสู้ต่อจ้ะ เราตัดสินใจสัมภาษณ์รอบสองเลย ไม่รอแล้ววว
สัมภาษณ์รอบ 2 ที่เชียงใหม่ 1 เม.ย. 65 สาธุบุญ ได้คิวหลุด ไม่งั้นรอไปอีกสองเดือนเลยแม่ T_____T รอบนี้ลงทุนบินไปสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ไปเลยจ้ะ เป็นไงเป็นกัน ไอเรามันลูกพระเจ้าตาก 5555555555
สรุปปปป ผ่านแล้วจ้ะแม่!!! ฮืออออ ขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เครียด กดดันมากในความคิดเรา
แต่พอผ่านมาได้ก็คือคุ้มค่ามาก คำถามที่เราได้ก็ประมาณนี้
- จะไปเป็นออแพร์ใช่มั้ย
- เป็นครูผู้ช่วยมาใช่มั้ย ตั้งแต่ปี 2562 (ที่ทำเป็นงานประจำ)
- ทำงานอะไรหลังจากที่เรียนจบ
- ทำไมถึงอยากเป็นครู
- แพลนหลังจากจบโปรแกรม
ตอบคำถามเสร็จ ท่านกงก็พิมพ์คอมอยู่สักแปปนึง แล้วก็ ก็ ก็…..
Congratulations, your visa is approved 🎉 เย้
ขั้นตอนนี้ค่าใช้จ่ายประมาณ 22,000 บาท รวมสัมวีซ่า 2 รอบ + ค่าตั๋วไป-กลับเชียงใหม่ ค่าที่พัก นู้นนั่นนี้
รวมทั้งหมดประมาณ 61,900 บาทกับการมาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ 1-2 ปี T_____T
เราบินวันที่ 14 เม.ย. 65 รีบมาก เพราะโฮสต์จะพาไปเที่ยว อิ______อิ และนี่คือชีวิตออแพร์คร่าวๆของเราค่าาา เพิ่งมาถึงประมาณ 3 เดือน
การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของอิชุ้นนน ไปซะนานเลยนะ 55555555
โฮสต์เราจัดห้อง พร้อมมีของต้อนรับอย่างดี มี Macbook ไว้ให้เรียน และซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่ T______T
น้องที่เราดูแล มี 2 คนน พ่อแม่สอนน้องดีมากกกกก เหมือนให้เราเป็นส่วนนึงของครอบครัวเลย ไม่ใช่แค่ออแพร์ น้องน่ารักมาก ดื้อบ้างตามประสาเด็ก แต่ส่วนใหญ่จะน่ารัก เราแฮปปี้กับน้องมากก ตารางงานเราก็หยุดเสาร์อาทิตย์
เสาร์อาทิตย์เราหยุดก็คือชิลมาก โฮสต์ให้ไปเที่ยวตามสบายเลย พร้อมแนะนำสถานที่พร้อม แต่ต้องกลับบ้านตรงเวลา เพราะเขาค่อนข้างเป็นห่วง เพราะเรายังใหม่กับที่นี่และเป็นการมาต่างประเทศครั้งแรกด้วย
มาถึงประมาณอาทิตย์นิดๆ เขาก็พาไปเที่ยวที่แม็กซิโกต่อเลยย เปิดประสบการณ์มาก สนุก อาหารอร่อย ทะเลสวยย
คร่าวๆก็จะประมาณนี้เลย ตอนนี้กำลังปรับตัวอยู่ ทั้งการใช้ชีวิตและภาษา ยังต้องพัฒนาอีกเยอะเลย
ส่วนการเป็นออแพร์ในความคิดเราคือ รักเด็กอย่างเดียวไม่พอ พอเรามาดูแลน้องจริงๆมันมีรายละเอียดที่ยิบย่อยมากๆ นอกจากรักเด็กแล้ว ต้องมอบความใส่ใจให้น้องด้วย สิ่งที่สำคัญคืออารมณ์ เราต้องเข้าธรรมชาติของเด็กและควบคุมอารมณ์เราได้ดี เพราะถือว่าเราเป็นพี่สาว เป็นคุณครูที่ต้องคอยสอนน้อง เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี และมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมต่างๆกับน้องๆ
นอกจากนี้สิ่งที่ชอบของการเป็น Au pair คือการที่เราได้ทำงานเกี่ยวกับเด็ก รวมถึงการมาอยู่ต่างประเทศเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ และการที่เราต้องปรับตัวเพื่ออยู่รวมกับโฮสต์แฟมิลี่ สิ่งที่เราจะได้กลับไปมันมากกว่าภาษาอังกฤษแน่นอน มันคือประสบการณ์ใหม่ๆที่เราจะได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ในการใช้ชีวิตในอนาคต สิ่งที่ไม่ชอบตอนนี้ยังไม่มี เพราะอย่างที่บอกว่าตอนนี้ยังอยู่ Process ที่ยังต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่
สำหรับคนที่สนใจโครงการ Au pair ก็อยากให้ศึกษาคุณสมบัติ และเงื่อนไขของโครงการให้ชัดเจน Process ต่างๆ ทั้งการเก็บเอกสาร การหาโฮสต์แฟมิลี่ การทำวีซ่า บางขั้นตอนอาจจะยากและต้องใช้เวลา ขอให้ทุกคนอดทนและตั้งใจทำทุกขั้นตอนจนกว่าสำเร็จ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมาเป็น Au pair พอมาถึงอเมริกาแล้วจะหายเหนื่อยและไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
รีวิวชีวิตออแพร์ จากผู้ช่วยครู สู่การเป็นออแพร์ที่อเมริกาด้วยเงินครึ่งแสน!!
ต้องบอกก่อนว่า การมาใช้ชีวิตที่อเมริกาเป็นอะไรที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆมาก ด้วยความที่ชอบความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม และการใช้ชีวิต ทำให้ตัดสินใจมาเป็นออแพร์เมื่อโอกาสมาถึง!!
ต้องบอกก่อนว่าเราทำงานพาร์ไทม์เป็นครูผู้ช่วยมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยปี 2 และจบมาก็ทำงานประจำอีก ทำให้มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับเด็กค่อนข้างเยอะ ไม่ต้องไปเริ่มเก็บชั่วโมงใหม่ ก่อนสมัครเป็นออแพร์ เราเริ่มหาข้อมูลออแพร์มาสักพักก่อนจะตัดสินใจสมัครกับโครงการออแพร์ของ Engenius International ด้วยทุน 50% เผื่อใครต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม >>> Facebook : https://www.facebook.com/engeniusaupair
มาดูขั้นตอนกันเลยจ้ะ!!
1. สมัครเข้าโครงการ!!! (5,100 บาท) และเริ่มเก็บเอกสาร (12 พ.ค. 2564) อันนี้ต้องบอกก่อนว่า เงื่อนไขของแต่ละเอเจนซี่ไม่เหมือนกันนะคะ ต้องศึกษาและพูดคุยกับพี่ๆในเอเจนซี่ให้เรียบร้อยก่อนตัดสินสมัครเข้าโครงการ
ซึ่งเอเจนซี่ที่เราสมัครต้องมีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับเด็ก 200 ชั่วโมง ซึ่งเราผ่านฉลุย ไม่ต้องไปเก็บชั่วโมงใหม่ ต้องเริ่มทำเอกสารอื่นๆได้เลย เช่น เขียนจดหมายถึงโฮสต์ ทำวีดีโอแนะนำตัว สอบจิตวิทยา ตรวจสุขภาพ ทำพาสปอร์ต ทำใบขับขี่ T____T ยากที่สุดคือต้องลงเรียนขับรถเนี่ยแหละ จะตุย 5555555555
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของขั้นตอนนี้ประมาณ 18,000 บาท รวมค่าเรียนขับรถ ทำพาสปอร์ต ตรวจสุขภาพ ค่ายิบย่อยอื่นๆ ประมาณนี้แหละะ เราใช้เวลาเก็บเอกสารประมาณ 3 เดือน
2. มาถึงขั้นตอนออนไลน์หา Host Family (4 ก.ย. 64)
ก่อนออนไลน์ต้องจ่ายค่าโครงการ 21,900 บาท (เราได้ทุน 50%)
บอกเลยว่าเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากสำหรับเรา ใครที่ออนไลน์อยู่ไม่ว่าจะเอเจนซี่ไหน หรือกำลังเก็บเอกสาร อย่าเพิ่งท้อกับขั้นตอนนี้นะ บอกเลยว่าต้องใช้เวลาจริงๆ เพราะกว่าจะหาบ้านที่คลิ๊กกับเรา มันใช้เวลานานมากๆๆๆ เราคุยโฮสต์หลายบ้าน ทั้งในและนอกเอเจนซี่ ทั้งปฏิเสธโฮสต์บ้าง โดนโฮสต์ปฏิเสธบ้างเป็นเรื่องปกติเลย จนเราได้มาเจอกับโฮสต์บ้านนี้ที่เราได้แมช
คำแนะนำสำหรับเรา
บอกความคาดหวังจากการเป็นออแพร์ของเรา และถามความคาดหวังจากโฮสต์ว่าเขาต้องการออแพร์แบบไหน คุยกันเยอะๆ สงสัยอะไรถามให้เคลียร์ทั้งเรื่องข้อมูลและหน้าที่เกี่ยวกับเด็ก ตารางการทำงาน ความรับผิดชอบในบ้าน กฏเกณฑ์ต่างๆ
เริ่มคุยกันครั้งแรกเราจะถามเรื่องน้องๆเป็นหลักก่อนเลย หลักๆก็เราต้องดูแลน้องกี่คน น้องชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ อาหารการกิน มีแพ้อาหารหรือโรคประจำตัวอะไรมั้ย ครั้งต่อๆไปค่อยคุยเรื่องอื่นๆ แต่ต้องลิสคำถามไว้ให้เคลียร์นะ จะได้ไม่มีปัญหากันที่หลัง
และแล้ววันนี้ก็มาถึงงง หลังจากเกือบ 5 เดือนที่หาโฮสต์มาาาาา เราแมชกับโฮสต์ที่ Denver, Colorado (แมชวันที่ 28 ม.ค 65) ซึ่งครอบครัวนี้น่ารักมาก ซัพพอร์ทมากๆ ดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างดี ข้าวของขาดอะไรซื้อให้หมด เหมือนเราเป็นคนในครอบครัวคนนึงเลย โชคดีมากที่ได้มาอยู่บ้านนี้ รู้สึกเหมือนใช้แต้มบุญหมดไปแล้ว 5555555555555555
3. ขั้นตอนที่โหดสุด ร้องไห้เสียน้ำตาไปหลายลิตรกับการสัมภาณ์วีซ่า!!!!!!!!!!!
(เราสัมภาษณ์วีซ่า 2 รอบ รอบละ 9,000 บาท)
เราได้คิวสัมภาษณ์ครั้งแรกวันที่ 17 มี.ค. 65 ที่กทม.
ได้คำถามประมาณนี้เลย
- ไปทำอะไรที่อเมริกา
- มีประสบการณ์เกี่ยวกับเด็กมั้ย
- เรียนจบอะไรมา
- ทำไมถึงอยากเป็นออแพร์ตอนนี้
- จะกลับมาทำอะไรหลังจบโครงการ
- มีเพื่อน มีญาติอยู่ที่นั่นมั้ย
แล้วโดนปัดตกไปเลยจ้ะ ออกมาอย่างงงๆ กลับถึงบ้านน้ำตาแตกเลย ทำไมไม่ผ่านอะ ทั้งๆที่เอกสาร ประสบการณ์ หรืออะไรต่างๆก็พร้อม ซึมเหมียนหมาไปแปปนึงแล้วก็กลับมาสู้ต่อจ้ะ เราตัดสินใจสัมภาษณ์รอบสองเลย ไม่รอแล้ววว
สัมภาษณ์รอบ 2 ที่เชียงใหม่ 1 เม.ย. 65 สาธุบุญ ได้คิวหลุด ไม่งั้นรอไปอีกสองเดือนเลยแม่ T_____T รอบนี้ลงทุนบินไปสัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ไปเลยจ้ะ เป็นไงเป็นกัน ไอเรามันลูกพระเจ้าตาก 5555555555
สรุปปปป ผ่านแล้วจ้ะแม่!!! ฮืออออ ขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เครียด กดดันมากในความคิดเรา
แต่พอผ่านมาได้ก็คือคุ้มค่ามาก คำถามที่เราได้ก็ประมาณนี้
- จะไปเป็นออแพร์ใช่มั้ย
- เป็นครูผู้ช่วยมาใช่มั้ย ตั้งแต่ปี 2562 (ที่ทำเป็นงานประจำ)
- ทำงานอะไรหลังจากที่เรียนจบ
- ทำไมถึงอยากเป็นครู
- แพลนหลังจากจบโปรแกรม
ตอบคำถามเสร็จ ท่านกงก็พิมพ์คอมอยู่สักแปปนึง แล้วก็ ก็ ก็…..
Congratulations, your visa is approved 🎉 เย้
ขั้นตอนนี้ค่าใช้จ่ายประมาณ 22,000 บาท รวมสัมวีซ่า 2 รอบ + ค่าตั๋วไป-กลับเชียงใหม่ ค่าที่พัก นู้นนั่นนี้
รวมทั้งหมดประมาณ 61,900 บาทกับการมาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ 1-2 ปี T_____T
เราบินวันที่ 14 เม.ย. 65 รีบมาก เพราะโฮสต์จะพาไปเที่ยว อิ______อิ และนี่คือชีวิตออแพร์คร่าวๆของเราค่าาา เพิ่งมาถึงประมาณ 3 เดือน
การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของอิชุ้นนน ไปซะนานเลยนะ 55555555
โฮสต์เราจัดห้อง พร้อมมีของต้อนรับอย่างดี มี Macbook ไว้ให้เรียน และซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่ T______T
น้องที่เราดูแล มี 2 คนน พ่อแม่สอนน้องดีมากกกกก เหมือนให้เราเป็นส่วนนึงของครอบครัวเลย ไม่ใช่แค่ออแพร์ น้องน่ารักมาก ดื้อบ้างตามประสาเด็ก แต่ส่วนใหญ่จะน่ารัก เราแฮปปี้กับน้องมากก ตารางงานเราก็หยุดเสาร์อาทิตย์
เสาร์อาทิตย์เราหยุดก็คือชิลมาก โฮสต์ให้ไปเที่ยวตามสบายเลย พร้อมแนะนำสถานที่พร้อม แต่ต้องกลับบ้านตรงเวลา เพราะเขาค่อนข้างเป็นห่วง เพราะเรายังใหม่กับที่นี่และเป็นการมาต่างประเทศครั้งแรกด้วย
มาถึงประมาณอาทิตย์นิดๆ เขาก็พาไปเที่ยวที่แม็กซิโกต่อเลยย เปิดประสบการณ์มาก สนุก อาหารอร่อย ทะเลสวยย
คร่าวๆก็จะประมาณนี้เลย ตอนนี้กำลังปรับตัวอยู่ ทั้งการใช้ชีวิตและภาษา ยังต้องพัฒนาอีกเยอะเลย
ส่วนการเป็นออแพร์ในความคิดเราคือ รักเด็กอย่างเดียวไม่พอ พอเรามาดูแลน้องจริงๆมันมีรายละเอียดที่ยิบย่อยมากๆ นอกจากรักเด็กแล้ว ต้องมอบความใส่ใจให้น้องด้วย สิ่งที่สำคัญคืออารมณ์ เราต้องเข้าธรรมชาติของเด็กและควบคุมอารมณ์เราได้ดี เพราะถือว่าเราเป็นพี่สาว เป็นคุณครูที่ต้องคอยสอนน้อง เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี และมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมต่างๆกับน้องๆ
นอกจากนี้สิ่งที่ชอบของการเป็น Au pair คือการที่เราได้ทำงานเกี่ยวกับเด็ก รวมถึงการมาอยู่ต่างประเทศเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ และการที่เราต้องปรับตัวเพื่ออยู่รวมกับโฮสต์แฟมิลี่ สิ่งที่เราจะได้กลับไปมันมากกว่าภาษาอังกฤษแน่นอน มันคือประสบการณ์ใหม่ๆที่เราจะได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ในการใช้ชีวิตในอนาคต สิ่งที่ไม่ชอบตอนนี้ยังไม่มี เพราะอย่างที่บอกว่าตอนนี้ยังอยู่ Process ที่ยังต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่
สำหรับคนที่สนใจโครงการ Au pair ก็อยากให้ศึกษาคุณสมบัติ และเงื่อนไขของโครงการให้ชัดเจน Process ต่างๆ ทั้งการเก็บเอกสาร การหาโฮสต์แฟมิลี่ การทำวีซ่า บางขั้นตอนอาจจะยากและต้องใช้เวลา ขอให้ทุกคนอดทนและตั้งใจทำทุกขั้นตอนจนกว่าสำเร็จ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมาเป็น Au pair พอมาถึงอเมริกาแล้วจะหายเหนื่อยและไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ