อยากรู้ข้อดี/เสีย ของโครงการ Au Pair

คือกำลังอยากไป Au Pair ค่ะ แต่ตัดใจได้ไม่เด็ดขาดซะทีเพราะจริงๆแล้วอยากไปญี่ปุ่นมากกว่า
เพิ่งเรียนจบเอกภาษาญี่ปุ่นมาค่ะ เพิ่งลาออกจากงานล่ามในโรงงานญี่ปุ่นค่ะ

เป็นคนชอบเดินทาง ชอบพบปะผู้คนใหม่ๆ ก็เลยคิดว่าไป Au Pair สักปีอาจจะดีเหมือนกัน
เพราะใช้ทุนไม่มาก คือเสียเงินน้อยที่สุดสำหรับการไปตปท.ปีนึงน่ะค่ะ สามารถออกเองได้
ไม่อยากอยู่บ้านเป็นภาระพ่อแม่เพราะยังหาทางตัวเองไม่เจอ ที่ไปก็แอบหวังว่าจะเจอสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ทำแล้วมีความสุขดูน่ะค่ะ
อเมริกาเคยไป Work&Travel รู้สึกชอบนะ เลยคิดว่าอาจจะโอเคปรับตัวไม่มาก
อยากไปเอาภาษาอังกฤษให้ปึ้กกว่านี้ อยากได้ประสบการณ์ด้วย
ครอบครัวก็ไม่ได้มีเงินมากนัก ฐานะกลางๆ จะซื้อคอร์สไปเรียนก็ไม่ไหว ไม่อยากรบกวนพ่อแม่แล้วน่ะค่ะ
เลยมีความคิดว่าจะไปเป็น Au Pair ดีกว่าได้ทำงานเก็บตังด้วย ได้ภาษาด้วย แบบนี้โลกสวยไปมั้ยคะ? 555+

อยากให้คนที่เคยไป หรือมีประสบการณ์ช่วยมาแชร์หน่อยค่ะ ทั้งเรื่องดีและไม่ดีนะคะ
หรือใครมีข้อแนะนำ รบกวนด้วยนะคะ  รับฟังทุกความเห็นค่ะ
กังวลหลายอย่าง เป็นลูกคนเดียวด้วย เป็นห่วงพ่อแม่ ไม่อยากจะหลงทางผิด
อยากจะมีงานดีๆที่ตัวเองรัก มีเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ไวไว

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ขอเล่าตามประสบการณ์นะคะ
เกริ่นก่อนนะ เราเรียนจบ เที่ยวเล่นหนึ่งปี ทำงานเป็นครูอีกหนึ่งปี สอนภาษาไทยนี่แหล่ะ
แต่ดันอยากเรียนภาษาตอนแก่ ตอนมาเป็นออร์แพร์ก็ปาเข้าไปเกือบ 25 ขวบ ( ปี จ้า ) เราศึกษาการเป็นออร์แพร์จากอินเตอเน็ตใช้ระยะเวลาในการหาข้อมูลอยู่1ปีโดยไม่ได้ถามผู้มีประสบการณ์เลย แต่อ่านเอานะ และก็ตัดสินใจมาเลยค่ะ
เรามาเป็นออร์แพร์ สองปีอยู่บ้านโฮสเดิมสองปีเลยค้ะ ที่เรามาที่นี่เพราะอยากทำงานเก็บเงิน( เก็บได้น้อยค่ะเพราะโฮสให้แค่ $200 / week ) และเรียภาษาอังกฤษ
แต่เราขี้เหนียวค่ะเลยเก็บได้ระดับนึง. เราเองไม่ใช่คนรักเด็ก แต่มาอยู่ที่นี่แล้วทำให้เด็กรักได้. และเราก็รักเด็กไปโดยปริยาย และก็มีความสุขตามประสา
มาต่อที่เรื่องของครอบครัวบ้างดีกว่า. เราคุยกะโฮสสามครั้งเค้าก็ถามจะมาเป็นออร์แพร์เค้าไหมเราก็ตอบตกลงทันที ( ภาษาเราอยู่ระดับเริ่มต้นเลยค่ะ )
มาแรกๆๆก็ไม่ค่อยเข้าใจ ฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอฟังโฮสพูดเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่เค้าก็พยายามสอนเรา ( เราเลี้ยงน้องสอง. คนเล็กสองเดือน, คนโตสามขวบ)
เลี้ยงจนวิ่งไล่ตีกันได้เลยทีเดียว. คนเล็กเรียกเราว่าแม่ซะงั้น. ถามว่าเหนื่อยไหมเลี้ยงน้องและอะไรที่โฮสคาดหวังจากออร์แพร์ เค้าขอแค่น้องมีความสุขและปลอดภัยเท่านั้นที่เค้าหวังมาก แต่ว่าอุบัติเหตุเล็กๆๆน้อยๆๆก็เกิดขึ้นได้แต่เค้าก็เข้าใจ. น้องอิ่ม ยิ้ม มีความสุข ครอบครอบก็มีความสุข. สำหรับเรื่องอาหารการกินของน้อง ก็ขึ้นอยู่กับครอบครัวค่ะว่าเค้าอยากให้เราทำอะไรให้น้องกิน หรือน้องสมควรกินอะไร บางบ้านพ่อแม่ ทำไว้แล้วเราก็ไม่ต้องทำอะไร อาหารเด็กง่ายๆๆค่ะ และงานบ้านอื่นๆๆเค้าหวังให้ออร์แพร์ทำไหมอันนี้แล้วแต่ครอบครัวค่ะว่าตกลงกันตั้งแต่แรกยังงัย หรือบางครั้งบางครอบครัวคุณก็แค่ดูน้องเฉยๆๆกับเก็บกวด ซักผ้าน้อง เก็บของเล่นให้เป็นระเบียบ ทำทุกอย่างที่เก็ยวข้องกับของของเด็กค่ะ. สำหรับครอบครัวเรา ตามที่เล่าค่ะเราทำทุกอย่างแค่ของน้อง ก่อนเลิกงานก็เก็บกวดล้างไว้สำหรับพรุ่งนี้. บางทีพ่อ แม่ กินข้าวไม่เก็บเราก็ไม่เก็บค่ะ เค้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะต้องทำ แต่หากเล็กๆๆน้อยๆๆอย่างนี้คุณจะช่วยก็แล้วแต่คุณค่ะ
แต่สำหรับเรา..... ชอบเก็บผ้ามาซักและพับให้ทั้งบ้านเลย อันนี้ทำเองด้วยใจเพราะว่าชอบทำอยู่แล้ว. เราทำงาน 45ชม นอกนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนก็ทำ ไปหาเพื่อน ดูหนัง ฟังเพลง ชอปปิ้ง. และก็ไปเรียนภาษาเพิ่มตอนเย็นค่ะ  เวลาทำงานก็พาน้องไปห้องสมุด ร้านกาแฟที่มีที่เล่นสำหรับเด็ก ช่วงเวลานี้เราก็ได้ชิวๆๆกับน้องนอกบ้าน ได้ออกกำลังกาย เพราะว่าเลี้ยงเด็กอะเนาะ ทั้งเดินทั้งวิ่ง จับลิง. เด็กฝรั่งบางบ้านมีกฏว่าน้องต้องมี เวลาส่วนตัว เล่นคนเดียว ประมาณครึ่ง ชม ( แต่เราดูห่างๆๆนะ)
เรามาอยู่ได้สามเดือนโฮสถามว่าจะต่อปีสองไหม โอ้อะไรจะเร็วขนาดนี้ แต่เราก็ตอบตกลงค่ะอยู่ต่อ. เราถามโฮสว่าทำไมเลือกเราเป็นออร์แพร์ เค้าบอกว่าพ่อชอบตอนที่สัมภาษณ์เราทางโทรศัท บังเอิญว่าวันที่เค้าโทรหาเรา เราไปเดินตลาดนัดกลางคืนค่ะ เสียงดังมาก หาที่หลบคุย เราบอกโฮสว่าแปปนะเสียงดัง ฉันเกินตลาดกลางคืนอยู่ โฮสว่าเราซื่อบื้อดีอิอิ.  พอมาอยู่ด้วยกันเค้าก็ดีกับเรานะ. เพิ่มเติมนะคะ เรามีอะไรเราก็คุยกับโฮสตลอดทั้งเรื่องน้อง เรื่องอาหารการกิน อะไรที่เราชอบ เราไม่ชอบ และปัญหาต่างๆ หรืออะไรที่ทำให้เราอึดอัดใจ. จะคุยกันแบบเปิดอกทุกๆๆสิ้นเดือน ช่วงๆๆหลังก็ไม่ต้องคุยมากเพราะว่าอะไรอะไรจะดีขึ้นเรื่อยๆๆ. ฝรั่งอะเนาะมีอะไรก็ให้พูด ห้ามเกรงใจ ห้ามเก็บไว้คนเดียว เราจะสนิทกับโฮสมากๆๆ มากกว่าเพื่อนที่เป็นออร์แพร์ อันนี้นิสัยส่วนตัวนะคะ. เราโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่บ้าน. เลยได้คุยกับโฮสแม่แทนซะงั้น
เราว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรหากจะมาเป็นออร์แพร์. หากคุณเองยอมรับแล้วว่า ค่าแรงเราก็ไม่ได้มากมายอะไร ต้องเก็บต้องเจียด ประหยัด. แต่บางคนเค้าก็มาเพื่อความสนุก และประสบการณ์ ไม่ได้หวังเก็บเงินเก็บทอง แต่สำหรับเรา เราเคยจนถึงจนที่สุด และการก้าวมาเป็นออร์แพร์ของเรามันเลยยิ่งใหญ่. แต่เราก็สนุกในแบบของเรานะ เสาร์ อาทิตย์ก็สนุกไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆๆ ช่วงสองอาทิตย์ Vacation. ก็ไปเที่ยว สถานที่ไหม่ๆๆ เราว่าคุ้มค่ะ.  สำหรับกรุ๊ปที่เรามามีหกคนแต่คนละ state
คนนึงอยู่ได้สามเดือน ก็รีแมท เค้าบอกว่าโฮสเรื่องมาก ( หรือตัวเค้าเองไม่เหมาะจะเป็นพี่เลี้ยง อันนี้เราไม่รู้ ) คงเป็นเหตุผลส่วนตัว
คนที่สอง ภาษาอ่อนแอ ( เราก็อ่อนแอนะ ) แต่โฮสเค้าหวังเรื่องภาษามากๆๆ สงสัยเลี้ยงเด็กโต แต่เค้าสื่อสารไม่ผ่าน ต้องขับรถด้วยแต่ก็สอบไม่ผ่าน แต่เค้าก็รีแมทแต่ก็ไปได้โฮสไหม่ที่ดีกว่า แมทกันดีว่างั้น. คนที่สาม มีแฟนตั้งแต่เดือนแรกเลยโดดโครงการซะงั้น แต่เค้าก็มีความสุขดีค่ะ อีกสามคนที่เหลือรวมทั้งเราด้วยก็เรื่อยๆๆๆค่ะได้โฮสที่โอเคหน่อย. ก่อนที่จะแมทกับโฮสก็เลือกดีดีและทำข้อตกลงที่ชัดเจน อย่างเรานะ เราบอกก่อนเลย ไม่ขับรถ ( ไม่อยากรับผิดชอบชีวิตน้องบนท้องถนน ง่ายๆๆกลัวนั่นเอง ) ไม่ทำกับข้าว, ไม่ทำงานบ้านเพราะบ้านนี้มีแม่บ้านมาทำ. และดูข้อตกลงของโฮสด้วยว่าเค้าอยากให้คุณทำอะไรบ้าง หากคุณทำได้ก็ตกลงแมทไป หากไม่ใช่ ไม่ชอบก็อครอบครัวต่อไป. ถามใจตัวเองค่ะว่ากล้าเดินไปเผชิญกับสิ่งไหม่ๆๆไกลบ้านไกลเมือง. ต่างภาษาวัฒนธรรม หรือเปล่า. หากใช่ ก็ไม่ต้องรีรอค่ะ พ่อ แม่ก็สนับสนุนด้วยยิ่งดี. เอาใจช่วยค่ะ ตอนนี้เราเองก็ยังอยู่เมกาค่ะ. มีไรให้ช่วยก็ยินดีค่ะ. ( ไม่รู้จะติดต่อยังงัย)
****ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ บางท่านคงได้รับประสบการณ์การเป็นออร์แพร์ที่แตกต่างกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่