'ตรีชฎา' ตอกกลับ 'ทิพานัน' อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน จวกทีมโฆษกรบ.ทำงานให้คุ้มภาษี ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3528073
‘ตรีชฎา’ ตอกกลับ ‘ทิพานัน’ อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน จวกทีมโฆษกรบ.ทำงานให้คุ้มภาษี ปชช. หยุดปกป้อง ‘นายกเถื่อน’
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม น.ส.
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่น.ส.
ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุถึงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ของฝ่ายค้านซึ่งเรียกร้องให้พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกไปไม่เหมาะสมนั้น ว่า อยากให้น.ส.
ทิพานัน ทำความเข้าใจก่อนว่า การแสดงออกทางการเมืองตราบใดที่ยังไม่ได้กระทำผิดข้อกฎหมายใด ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยพึงกระทำได้โดยอิสระ ซึ่งการเรียกร้องให้พล.อ.
ประยุทธ์ลาออกไป ล้วนมาจากความตั้งใจที่จะเห็นอนาคตของประเทศฟื้นตัวขึ้น เพราะการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพและความสามารถของพล.อ.
ประยุทธ์เอง ซึ่งเรื่องนี้น.ส.
ทิพานันต้องตาสว่างและยอมรับความจริงให้ได้ การหลับหูหลับตาเอาตัวเองไปปกป้องพล.อ.ประยุทธ์ จนไม่มองเหตุผลและข้อกฎหมาย
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวว่า ทั้งนี้ พรรค พท.และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ศึกษาในข้อกฎหมายหลักและกฎหมายประกอบอื่นๆ อย่างถี่ถ้วน ได้ศึกษารัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ ทั้งบทถาวร บทเฉพาะกาล เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงมาอย่างรอบด้าน ก่อนยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้อง ซึ่งมีความเห็นที่หลากหลายทั้งในฝ่ายของนักวิชาการหรือแม้กระทั่งอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่าง นาย
จรัญ ภักดีธนากุล ยังออกมาให้ความเห็นส่วนตัวว่าการที่ศาลรับคำร้อง เพราะอาจจะประเมินว่าคำร้องของฝ่ายค้านมีน้ำหนักจึงควรรับไว้พิจารณา ดังนั้น น.ส.
ทิพานัน จึงไม่ควรออกตัวแรงมากนัก เพราะอาจจะผิดหวังได้
“พล.อ.ประยุทธ์ ที่แม้จะแค่ยุติปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำให้ประชาชนโห่ร้องไชโยดีใจทั้งประเทศ เพราะแม้แต่วินาทีเดียวที่พล.อ.ประยุทธ์หลุดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็นับว่าเป็นบุญของคนไทยแล้ว หากลาออกอย่างถาวร และเปิดทางเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามแคนดิเดตที่มีอยู่จะยิ่งเป็นบุญใหญ่หลวงให้กับประเทศ” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวว่า การออกมาให้ข้อมูลข่าวสารในนามของทีมโฆษกรัฐบาล ควรคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ต้องทำในหน้าที่และแสดงผลงานของรัฐบาลให้ประชาชนได้รู้ ไม่ใช่รับเงินเดือนประชาชนเพื่อมาทำหน้าที่ปกป้องพล.อ.
ประยุทธ์เท่านั้น ซึ่งเท่าที่เห็นผลงานของน.ส.
ทิพานัน ก็ขยันออกข่าวสร้างผลงานดิสเครดิต นึกอะไรไม่ออกก็โหนแต่นาย
ทักษิณ ชินวัตรและน.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สนใจหน้าที่หลักของตนเองในการเป็นโฆษกรัฐบาล ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ภาษีที่จ่ายเป็นเงินเดือนให้ทีมโฆษกรัฐบาลแม้แต่บาทเดียวก็ยังเสียดาย
“น.ส.ทิพานัน อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน คำว่านายกเถื่อนอยู่ดูไบ ไม่ทราบว่า น.ส.ทิพานันหมายถึงใคร แต่ถ้าหมายถึงคนที่ น.ส.ทิพานัน ต้องการสื่อขอยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ได้ไปยึดหรือแย่งอำนาจจากคนอื่นมา ซึ่งเป็นความผิดอาญาฐานกบฏ ไม่มีนายกเถื่อนที่ดูไบ มีแต่นายกที่ต่อสู้ตามกติกาที่คนอื่นเขียน ไม่เคยให้ใครมาเขียนกติกาเพื่อสืบทอดอำนาจและเขียนให้ส.ว.มาโหวตเลือกตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี” น.ส.
ตรีชฎา กล่าว
ร้านค้าเด้งรับ! รีบขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่น้ำมันปาล์มขวดราคายังไม่ลง
https://www.thairath.co.th/business/feature/2482531
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกระทรวงพาณิชย์ได้อนุญาตให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ยี่ห้อ คือ มาม่า, ไวไว และยำยำ ปรับขึ้นราคาขายแบบซองมาตรฐานอีกซองละ 1 บาท จากเดิมซองละ 6 บาท เป็น 7 บาท มีผลวันที่ 25 ส.ค.65 นั้น จากการสำรวจบรรยากาศการจำหน่ายในท้องตลาด พบว่า บรรดาร้านขายของชำ ร้านค้าทั่วไปได้ปรับขึ้นราคาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ 1 บาทแล้ว แต่ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ บางแห่งยังคงขายราคาเดิมที่ 6 บาท และยังจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย เช่น จัดเป็นแพ็ก แพ็กละ 10 ซอง ราคา 55 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนได้ร้องเรียนว่า เหตุใดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึงปรับขึ้นราคาได้ทันที แต่สินค้าบางรายการ เมื่อต้นทุนลดลง ราคาขายกลับไม่ลดลงให้สอดคล้องกับต้นทุน และผู้ค้ามักจะอ้างว่าเป็นสต๊อกเก่า ที่ผลิตในช่วงที่ต้นทุนยังสูงอยู่ จึงยังลดราคาขายไม่ได้ทันที ต้องรอให้สต๊อกเก่าหมดก่อน จึงจะลดราคาได้ เช่น น้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่ขณะนี้ยังคงขายราคาสูงถึงขวดละ 58-60 บาท ลดลงเพียงเล็กน้อยจากช่วงก่อนนี้ที่ขึ้นไปถึงขวดละ 70 บาท ทั้งที่ราคาวัตถุดิบอย่างผลปาล์มสดปรับลดลงมากว่า 2 เดือนแล้ว โดยลงมาเหลือ กก.ละ 34.50-35.25 บาท หากคำนวณเป็นราคาขายน้ำมันปาล์มขวด จะเท่ากับขวดละ 50 บาทเท่านั้น.
ชาวนาชอกช้ำ ฝนถล่มหนักสุดรอบ30ปี น้ำไหลทะลักท่วมนา เสียหายนับพันไร่
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7232171
นครราชสีมา หนักสุดในรอบ 30 ปี ฝนตกหนัก มวลน้ำไหลทะลักท่วมนาข้าว อำเภอประทาย เสียหายนับพันไร่ ชาวนาชอกช้ำ ข้าวนาปีที่กำลังเจริญเติบโต ส่วนจุดกลับรถถูกน้ำท่วมสูงสัญจรผ่านไม่ได้
26 ส.ค. 65 – ฝนตกหนักและตกนานอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ ตำบลตลาดไทร อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา มวลน้ำจำนวนมาก ได้ไหลหลากเข้าท่วมนาข้าว เสียหายนับพันไร่ ของเกษตรกร ระดับน้ำท่วมสูงเกิน 1 เมตร ชาวนาต่างชอกช้ำ
นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำท่วมยังกระทบบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน มวลน้ำได้ไหลเอ่อล้นเข้าท่วม สูงกว่า 1 เมตร รถไม่สามารถสัญจรลงไปกลับรถใต้สะพานได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำแผงจราจรมาวางปิดกั้นไม่ให้รถผ่าน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
นาง
บุญเพ็ง อันไธสง อายุ 61 ปี ชาวนาบ้านตลาดไทร หมู่ที่ 6 บอกว่า มวลน้ำที่ไหลหลากเข้าท่วมนาข้าวได้รับความเสียหายในครั้งนี้ เป็นมวลน้ำที่ไหลมาจาก บ้านไผ่ อ.พล จ.ขอนแก่น อีกทั้งในรอบ 30 ปี ที่ผ่านมา ชาวนาในพื้นที่ไม่เคยพบเห็นน้ำไหลหลากมาท่วมเป็นจำนวนมากเท่านี้มาก่อน
ที่สำคัญเป็นครั้งแรกของ ต.ตลาดไทร ที่ถูกน้ำท่วม โดยปริมาณน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ชาวนาหลายรายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
JJNY : 'ตรีชฎา'ตอกกลับ'ทิพานัน'│ร้านค้าเด้งรับ!รีบขึ้นราคาบะหมี่ฯ│ชาวนาช้ำ น้ำไหลทะลักท่วมนา│ไต้หวันเพิ่มงบกห.รับมือจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3528073
‘ตรีชฎา’ ตอกกลับ ‘ทิพานัน’ อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน จวกทีมโฆษกรบ.ทำงานให้คุ้มภาษี ปชช. หยุดปกป้อง ‘นายกเถื่อน’
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุถึงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ของฝ่ายค้านซึ่งเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกไปไม่เหมาะสมนั้น ว่า อยากให้น.ส.ทิพานัน ทำความเข้าใจก่อนว่า การแสดงออกทางการเมืองตราบใดที่ยังไม่ได้กระทำผิดข้อกฎหมายใด ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยพึงกระทำได้โดยอิสระ ซึ่งการเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป ล้วนมาจากความตั้งใจที่จะเห็นอนาคตของประเทศฟื้นตัวขึ้น เพราะการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพและความสามารถของพล.อ.ประยุทธ์เอง ซึ่งเรื่องนี้น.ส.ทิพานันต้องตาสว่างและยอมรับความจริงให้ได้ การหลับหูหลับตาเอาตัวเองไปปกป้องพล.อ.ประยุทธ์ จนไม่มองเหตุผลและข้อกฎหมาย
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า ทั้งนี้ พรรค พท.และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ศึกษาในข้อกฎหมายหลักและกฎหมายประกอบอื่นๆ อย่างถี่ถ้วน ได้ศึกษารัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ ทั้งบทถาวร บทเฉพาะกาล เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงมาอย่างรอบด้าน ก่อนยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้อง ซึ่งมีความเห็นที่หลากหลายทั้งในฝ่ายของนักวิชาการหรือแม้กระทั่งอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่าง นายจรัญ ภักดีธนากุล ยังออกมาให้ความเห็นส่วนตัวว่าการที่ศาลรับคำร้อง เพราะอาจจะประเมินว่าคำร้องของฝ่ายค้านมีน้ำหนักจึงควรรับไว้พิจารณา ดังนั้น น.ส.ทิพานัน จึงไม่ควรออกตัวแรงมากนัก เพราะอาจจะผิดหวังได้
“พล.อ.ประยุทธ์ ที่แม้จะแค่ยุติปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำให้ประชาชนโห่ร้องไชโยดีใจทั้งประเทศ เพราะแม้แต่วินาทีเดียวที่พล.อ.ประยุทธ์หลุดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็นับว่าเป็นบุญของคนไทยแล้ว หากลาออกอย่างถาวร และเปิดทางเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามแคนดิเดตที่มีอยู่จะยิ่งเป็นบุญใหญ่หลวงให้กับประเทศ” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า การออกมาให้ข้อมูลข่าวสารในนามของทีมโฆษกรัฐบาล ควรคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ต้องทำในหน้าที่และแสดงผลงานของรัฐบาลให้ประชาชนได้รู้ ไม่ใช่รับเงินเดือนประชาชนเพื่อมาทำหน้าที่ปกป้องพล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น ซึ่งเท่าที่เห็นผลงานของน.ส.ทิพานัน ก็ขยันออกข่าวสร้างผลงานดิสเครดิต นึกอะไรไม่ออกก็โหนแต่นายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สนใจหน้าที่หลักของตนเองในการเป็นโฆษกรัฐบาล ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ภาษีที่จ่ายเป็นเงินเดือนให้ทีมโฆษกรัฐบาลแม้แต่บาทเดียวก็ยังเสียดาย
“น.ส.ทิพานัน อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน คำว่านายกเถื่อนอยู่ดูไบ ไม่ทราบว่า น.ส.ทิพานันหมายถึงใคร แต่ถ้าหมายถึงคนที่ น.ส.ทิพานัน ต้องการสื่อขอยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ได้ไปยึดหรือแย่งอำนาจจากคนอื่นมา ซึ่งเป็นความผิดอาญาฐานกบฏ ไม่มีนายกเถื่อนที่ดูไบ มีแต่นายกที่ต่อสู้ตามกติกาที่คนอื่นเขียน ไม่เคยให้ใครมาเขียนกติกาเพื่อสืบทอดอำนาจและเขียนให้ส.ว.มาโหวตเลือกตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
ร้านค้าเด้งรับ! รีบขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่น้ำมันปาล์มขวดราคายังไม่ลง
https://www.thairath.co.th/business/feature/2482531
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกระทรวงพาณิชย์ได้อนุญาตให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ยี่ห้อ คือ มาม่า, ไวไว และยำยำ ปรับขึ้นราคาขายแบบซองมาตรฐานอีกซองละ 1 บาท จากเดิมซองละ 6 บาท เป็น 7 บาท มีผลวันที่ 25 ส.ค.65 นั้น จากการสำรวจบรรยากาศการจำหน่ายในท้องตลาด พบว่า บรรดาร้านขายของชำ ร้านค้าทั่วไปได้ปรับขึ้นราคาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ 1 บาทแล้ว แต่ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ บางแห่งยังคงขายราคาเดิมที่ 6 บาท และยังจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย เช่น จัดเป็นแพ็ก แพ็กละ 10 ซอง ราคา 55 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนได้ร้องเรียนว่า เหตุใดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึงปรับขึ้นราคาได้ทันที แต่สินค้าบางรายการ เมื่อต้นทุนลดลง ราคาขายกลับไม่ลดลงให้สอดคล้องกับต้นทุน และผู้ค้ามักจะอ้างว่าเป็นสต๊อกเก่า ที่ผลิตในช่วงที่ต้นทุนยังสูงอยู่ จึงยังลดราคาขายไม่ได้ทันที ต้องรอให้สต๊อกเก่าหมดก่อน จึงจะลดราคาได้ เช่น น้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่ขณะนี้ยังคงขายราคาสูงถึงขวดละ 58-60 บาท ลดลงเพียงเล็กน้อยจากช่วงก่อนนี้ที่ขึ้นไปถึงขวดละ 70 บาท ทั้งที่ราคาวัตถุดิบอย่างผลปาล์มสดปรับลดลงมากว่า 2 เดือนแล้ว โดยลงมาเหลือ กก.ละ 34.50-35.25 บาท หากคำนวณเป็นราคาขายน้ำมันปาล์มขวด จะเท่ากับขวดละ 50 บาทเท่านั้น.
ชาวนาชอกช้ำ ฝนถล่มหนักสุดรอบ30ปี น้ำไหลทะลักท่วมนา เสียหายนับพันไร่
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7232171
นครราชสีมา หนักสุดในรอบ 30 ปี ฝนตกหนัก มวลน้ำไหลทะลักท่วมนาข้าว อำเภอประทาย เสียหายนับพันไร่ ชาวนาชอกช้ำ ข้าวนาปีที่กำลังเจริญเติบโต ส่วนจุดกลับรถถูกน้ำท่วมสูงสัญจรผ่านไม่ได้
26 ส.ค. 65 – ฝนตกหนักและตกนานอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ ตำบลตลาดไทร อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา มวลน้ำจำนวนมาก ได้ไหลหลากเข้าท่วมนาข้าว เสียหายนับพันไร่ ของเกษตรกร ระดับน้ำท่วมสูงเกิน 1 เมตร ชาวนาต่างชอกช้ำ
นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำท่วมยังกระทบบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน มวลน้ำได้ไหลเอ่อล้นเข้าท่วม สูงกว่า 1 เมตร รถไม่สามารถสัญจรลงไปกลับรถใต้สะพานได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำแผงจราจรมาวางปิดกั้นไม่ให้รถผ่าน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
นางบุญเพ็ง อันไธสง อายุ 61 ปี ชาวนาบ้านตลาดไทร หมู่ที่ 6 บอกว่า มวลน้ำที่ไหลหลากเข้าท่วมนาข้าวได้รับความเสียหายในครั้งนี้ เป็นมวลน้ำที่ไหลมาจาก บ้านไผ่ อ.พล จ.ขอนแก่น อีกทั้งในรอบ 30 ปี ที่ผ่านมา ชาวนาในพื้นที่ไม่เคยพบเห็นน้ำไหลหลากมาท่วมเป็นจำนวนมากเท่านี้มาก่อน
ที่สำคัญเป็นครั้งแรกของ ต.ตลาดไทร ที่ถูกน้ำท่วม โดยปริมาณน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ชาวนาหลายรายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก