'อยุธยา' จมนาน 3 เดือน ไร้การเหลียวแล เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7328165
‘อยุธยา’ จมนาน 3 เดือน ไร้การเหลียวแล เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด ชาวบ้าน 5 อำเภอ ทุกข์ระทม ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้
วันที่ 22 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.อยุธยา ยังคงหนัก ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ โดยเพจ อยุธยา-Ayutthaya Station สะท้อนสถานการณ์ในพื้นที่ ความว่า
หลายๆจังหวัดสถานการณ์น้ำ เริ่มลดลง และคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
หันกลับมามองบ้านตัวเอง จะครบ 3 เดือนแล้วที่ถูกน้ำท่วม แต่น้ำยังขึ้นทุกวัน ‼️ ทำไมพื้นที่อำเภอบางบาล-เสนา-ผักไห่-บางไทร-บางปะอิน ที่ถูกน้ำท่วมหนัก น้ำท่วมนาน ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย‼️
ตื่นเช้ามา น้ำขึ้นทุกวัน !!! จะไปเที่ยว จะไปไหน ห่วงแต่บ้าน จะทำอะไรแต่ละอย่างโคตรลำบาก ชาวบ้านทำได้แค่ก้มหน้าก้มตารับกรรม รับกรรมของการบริหารน้ำที่ผิดพลาด ทำให้ถูกน้ำท่วมหนัก และนาน
ชาวบ้านเรียกร้อง ชาวบ้านก่อม็อบประท้วงน้ำท่วม ชาวบ้านได้รับความลำบากนาน 3 เดือน
แทบไม่มีคนเห็น หรือเห็นแล้วปล่อยผ่าน
ที่นี่ #อยุธยา จังหวัดที่มีคนอาศัยอยู่ และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือคนไทย คนไทยส่วนหนึ่งที่ต้องแบกรับน้ำนานร่วม 3 เดือน โดยขาดการเหลียวแล
https://www.facebook.com/Ayutthayastation/posts/pfbid02iKm4EEcuG1pegkBqDvu6ytSnV4XmmSuUvfnEYJnoJTq6272jj4WsMLKAdh9Wandil
"ตรีชฎา" เย้ย "ทิพานัน" 8 ปี "บิ๊กตู่" มีแต่ซากปรักหักพัง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_434391/
“ตรีชฎา” เย้ย “ทิพานัน” ชู “บิ๊กตู่” สร้างมรดกแห่งความเจริญ จวก 8 ปีมีแต่ซากปรักหักพัง ที่รัฐบาลหน้าต้องแบกรับ
น.ส.
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.
ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิง ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยที่แสดงความกังวลประเทศไทยจะมีหนี้เพิ่มขึ้นและจะกลายเป็นมรดกบาป โดย น.ส.
ทิพานัน ระบุว่า สิ่งที่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีดำเนินการนั้นมีแต่มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง ให้กับประเทศ นั้น ถือเป็นอีกครั้งที่ น.ส.
ทิพานัน ใช้ตำแหน่งหน้าที่รองโฆษกของรัฐบาล กินเงินเดือนจากภาษีพี่น้องประชาชน แต่ทำงานบกพร่อง
หากไม่มีผลงานใดให้ชี้แจงก็ไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วยการพาดพิงบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหายด้วยความเท็จ การที่ น.ส.
ทิพานัน ระบุว่า ‘
มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ ที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ให้กับชาติบ้านเมืองที่ประชาชนคนไทยจำได้ขึ้นใจ เห็นจะมีเพียง การให้คำมั่นสัญญาว่าจะคืนความสุขให้คนไทย ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ตอนนี้คนไทยรู้สึกว่านานเกินไปแล้ว และพบว่ามีแต่ความทุกข์มาตลอด 8 ปี
รวมถึงการที่ พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น คนรู้ดีว่า การยึดอำนาจรัฐมีความผิดฐานกบฏ เป็นอาชญากรรมร้ายแรง น.ส.
ทิพานัน เป็นนักกฎหมายน่าจะรู้ดี อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ถูกเขียนขึ้นมาให้ ส.ว. สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ น.ส.
ทิพานัน สังกัดอยู่ ก็ยอมรับว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การเข้าสู่อำนาจเช่นนี้ เอารัดเอาเปรียบคนอื่นและไร้ศักดิ์ศรีหรือไม่
อีกทั้งการอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ใครก็ยากที่จะลบเลือนได้หลายประการ อาทิ หนี้ครัวเรือนในสิ้นปี 2565 นักวิชาการคาดว่า จะอยู่ที่ 89.3% สูงสุดในรอบ 16 ปี หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 10.3 ล้านล้านบาท จำนวนคนจนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากการลงทะเบียนรับบัตรคนจน อยู่ที่ 20 ล้านคน การใช้เงินงบประมาณรายประจำปี รวม 8 ปี รวมมากกว่า 23 ล้านล้านบาท
ส่วนกรณีที่ น.ส.
ทิพานัน กล่าวพาดพิงโครงการรับจำนำข้าวนั้น เป็นอีกครั้งที่คนของรัฐบาลยังคงหมกมุ่นอยู่กับจำนำข้าว โครงการนี้มีเจตนาที่ดีในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วทั้งประเทศ หลายครอบครัวมีบ้าน มีรถ จากโครงการนี้และยังคงคิดถึงโครงการรับจำนำเพราะชาวนาได้ประโยชน์ แต่น่าแปลกใจที่คนที่ไม่ใช่ชาวนากลับเอาแต่โจมตีโครงการ และหากเปรียบเทียบระหว่างงบประมาณโครงการรับจำนำข้าวไม่กี่แสนล้านบาทกับหนี้สาธารณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างเอาไว้ถึง 10 ล้านล้านบาท
น.ส.
ทิพานันดูไม่ออกหรือว่าอะไรคือมรดกบาปกันแน่ ความจริง น.ส.
ทิพานัน สามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้โดยง่าย ก็ควรใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าบิดเบือนข้อมูล และทำให้มาตรฐานของการทำงานโฆษกรัฐบาลตกต่ำลง น.ส.
ทิพานัน อายุยังน้อย หากกลับตัวกลับใจเปลี่ยนวิธีการทำงาน ให้เข้าใกล้กับคำว่ามืออาชีพบ้าง ก็อาจฉุดดึงให้ความน่าเชื่อถือของโฆษกรัฐบาลมีมาตรฐานที่สูงขึ้นได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่ พล.อ.
ประยุทธ์ ทิ้งไว้เป็นมรดก แต่เป็นซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจใช่หรือไม่ เป็นความย่อยยับที่รัฐบาลหน้าต้องมาแบกรับแก้ไขปัญหา สภาพที่ประชาชนตกงาน ไร้ที่พึ่ง ข้าวของราคาแพง การใช้กฎหมายที่ล้นเกินจนทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส ไม่อาจเรียกว่าเป็นมรดก แต่เป็นความพังพินาศของประเทศ
เงินไหลออกไม่หยุด! ต่างชาติเทขาย ‘พันธบัตรไทย’กว่า 1.6 หมื่นล้าน
https://www.dailynews.co.th/news/1604382/
เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายตลาดพันธบัตรไทยกว่า 16,315 ล้านบาท
“
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมายังเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า ซึ่งอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ ก่อนกลับมาปิดที่ระดับ 38.36 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยน และเงินหยวน โดยในระหว่างสัปดาห์ เงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีที่ 38.46 บาทต่อดอลลาร์ เงินเยนทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 32 ปีเหนือแนว 150 เยนต่อดอลลาร์
ส่วนเงินหยวนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 14 ปี แม้มีแรงหนุนช่วงสั้นจากการที่ตลาดมีความหวังว่าทางการจีนอาจพิจารณาลดจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจีนก็ตาม นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสัญญาณขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
ขณะที่เงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ (บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี) ขณะที่ตลาดทยอยเพิ่มน้ำหนักให้กับโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 5 ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค. ต่อเนื่องจากที่น่าจะปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. นี้
ในวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 38.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ 38.08 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพุธก่อนหน้า (12 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,006 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflow ออกจากตลาดพันธบัตร 16,315 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 16,170 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 145 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (24-28 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 37.80-38.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ก.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ผลการประชุม ECB และ BOJ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล รวมถึง PCE/Core PCE Price Indices เดือน ก.ย. จีดีพีไตรมาส 3/65 (advanced report) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูล PMI เดือน ต.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐ ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/65 และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ของจีนเดือน ก.ย. ที่ถูกเลื่อนการประกาศจากกำหนดการเดิมด้วยเช่นกัน.
JJNY : เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด│8 ปี "ตู่" มีแต่ซากปรักหักพัง│เงินไหลออกไม่หยุด!│เงินหยวนร่วงหนักสุดรอบ 14ปี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7328165
‘อยุธยา’ จมนาน 3 เดือน ไร้การเหลียวแล เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด ชาวบ้าน 5 อำเภอ ทุกข์ระทม ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้
วันที่ 22 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.อยุธยา ยังคงหนัก ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ โดยเพจ อยุธยา-Ayutthaya Station สะท้อนสถานการณ์ในพื้นที่ ความว่า
หลายๆจังหวัดสถานการณ์น้ำ เริ่มลดลง และคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
หันกลับมามองบ้านตัวเอง จะครบ 3 เดือนแล้วที่ถูกน้ำท่วม แต่น้ำยังขึ้นทุกวัน ‼️ ทำไมพื้นที่อำเภอบางบาล-เสนา-ผักไห่-บางไทร-บางปะอิน ที่ถูกน้ำท่วมหนัก น้ำท่วมนาน ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย‼️
ตื่นเช้ามา น้ำขึ้นทุกวัน !!! จะไปเที่ยว จะไปไหน ห่วงแต่บ้าน จะทำอะไรแต่ละอย่างโคตรลำบาก ชาวบ้านทำได้แค่ก้มหน้าก้มตารับกรรม รับกรรมของการบริหารน้ำที่ผิดพลาด ทำให้ถูกน้ำท่วมหนัก และนาน
ชาวบ้านเรียกร้อง ชาวบ้านก่อม็อบประท้วงน้ำท่วม ชาวบ้านได้รับความลำบากนาน 3 เดือน
แทบไม่มีคนเห็น หรือเห็นแล้วปล่อยผ่าน
ที่นี่ #อยุธยา จังหวัดที่มีคนอาศัยอยู่ และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือคนไทย คนไทยส่วนหนึ่งที่ต้องแบกรับน้ำนานร่วม 3 เดือน โดยขาดการเหลียวแล
https://www.facebook.com/Ayutthayastation/posts/pfbid02iKm4EEcuG1pegkBqDvu6ytSnV4XmmSuUvfnEYJnoJTq6272jj4WsMLKAdh9Wandil
"ตรีชฎา" เย้ย "ทิพานัน" 8 ปี "บิ๊กตู่" มีแต่ซากปรักหักพัง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_434391/
“ตรีชฎา” เย้ย “ทิพานัน” ชู “บิ๊กตู่” สร้างมรดกแห่งความเจริญ จวก 8 ปีมีแต่ซากปรักหักพัง ที่รัฐบาลหน้าต้องแบกรับ
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิง ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยที่แสดงความกังวลประเทศไทยจะมีหนี้เพิ่มขึ้นและจะกลายเป็นมรดกบาป โดย น.ส.ทิพานัน ระบุว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีดำเนินการนั้นมีแต่มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง ให้กับประเทศ นั้น ถือเป็นอีกครั้งที่ น.ส.ทิพานัน ใช้ตำแหน่งหน้าที่รองโฆษกของรัฐบาล กินเงินเดือนจากภาษีพี่น้องประชาชน แต่ทำงานบกพร่อง
หากไม่มีผลงานใดให้ชี้แจงก็ไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วยการพาดพิงบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหายด้วยความเท็จ การที่ น.ส.ทิพานัน ระบุว่า ‘มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ ที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ให้กับชาติบ้านเมืองที่ประชาชนคนไทยจำได้ขึ้นใจ เห็นจะมีเพียง การให้คำมั่นสัญญาว่าจะคืนความสุขให้คนไทย ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ตอนนี้คนไทยรู้สึกว่านานเกินไปแล้ว และพบว่ามีแต่ความทุกข์มาตลอด 8 ปี
รวมถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น คนรู้ดีว่า การยึดอำนาจรัฐมีความผิดฐานกบฏ เป็นอาชญากรรมร้ายแรง น.ส.ทิพานัน เป็นนักกฎหมายน่าจะรู้ดี อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ถูกเขียนขึ้นมาให้ ส.ว. สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ น.ส.ทิพานัน สังกัดอยู่ ก็ยอมรับว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การเข้าสู่อำนาจเช่นนี้ เอารัดเอาเปรียบคนอื่นและไร้ศักดิ์ศรีหรือไม่
อีกทั้งการอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ใครก็ยากที่จะลบเลือนได้หลายประการ อาทิ หนี้ครัวเรือนในสิ้นปี 2565 นักวิชาการคาดว่า จะอยู่ที่ 89.3% สูงสุดในรอบ 16 ปี หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 10.3 ล้านล้านบาท จำนวนคนจนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากการลงทะเบียนรับบัตรคนจน อยู่ที่ 20 ล้านคน การใช้เงินงบประมาณรายประจำปี รวม 8 ปี รวมมากกว่า 23 ล้านล้านบาท
ส่วนกรณีที่ น.ส.ทิพานัน กล่าวพาดพิงโครงการรับจำนำข้าวนั้น เป็นอีกครั้งที่คนของรัฐบาลยังคงหมกมุ่นอยู่กับจำนำข้าว โครงการนี้มีเจตนาที่ดีในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วทั้งประเทศ หลายครอบครัวมีบ้าน มีรถ จากโครงการนี้และยังคงคิดถึงโครงการรับจำนำเพราะชาวนาได้ประโยชน์ แต่น่าแปลกใจที่คนที่ไม่ใช่ชาวนากลับเอาแต่โจมตีโครงการ และหากเปรียบเทียบระหว่างงบประมาณโครงการรับจำนำข้าวไม่กี่แสนล้านบาทกับหนี้สาธารณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างเอาไว้ถึง 10 ล้านล้านบาท
น.ส.ทิพานันดูไม่ออกหรือว่าอะไรคือมรดกบาปกันแน่ ความจริง น.ส.ทิพานัน สามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้โดยง่าย ก็ควรใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าบิดเบือนข้อมูล และทำให้มาตรฐานของการทำงานโฆษกรัฐบาลตกต่ำลง น.ส.ทิพานัน อายุยังน้อย หากกลับตัวกลับใจเปลี่ยนวิธีการทำงาน ให้เข้าใกล้กับคำว่ามืออาชีพบ้าง ก็อาจฉุดดึงให้ความน่าเชื่อถือของโฆษกรัฐบาลมีมาตรฐานที่สูงขึ้นได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งไว้เป็นมรดก แต่เป็นซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจใช่หรือไม่ เป็นความย่อยยับที่รัฐบาลหน้าต้องมาแบกรับแก้ไขปัญหา สภาพที่ประชาชนตกงาน ไร้ที่พึ่ง ข้าวของราคาแพง การใช้กฎหมายที่ล้นเกินจนทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส ไม่อาจเรียกว่าเป็นมรดก แต่เป็นความพังพินาศของประเทศ
เงินไหลออกไม่หยุด! ต่างชาติเทขาย ‘พันธบัตรไทย’กว่า 1.6 หมื่นล้าน
https://www.dailynews.co.th/news/1604382/
เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายตลาดพันธบัตรไทยกว่า 16,315 ล้านบาท
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมายังเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า ซึ่งอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ ก่อนกลับมาปิดที่ระดับ 38.36 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยน และเงินหยวน โดยในระหว่างสัปดาห์ เงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีที่ 38.46 บาทต่อดอลลาร์ เงินเยนทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 32 ปีเหนือแนว 150 เยนต่อดอลลาร์
ส่วนเงินหยวนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 14 ปี แม้มีแรงหนุนช่วงสั้นจากการที่ตลาดมีความหวังว่าทางการจีนอาจพิจารณาลดจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจีนก็ตาม นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสัญญาณขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
ขณะที่เงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ (บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี) ขณะที่ตลาดทยอยเพิ่มน้ำหนักให้กับโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 5 ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค. ต่อเนื่องจากที่น่าจะปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. นี้
ในวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 38.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ 38.08 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพุธก่อนหน้า (12 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,006 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflow ออกจากตลาดพันธบัตร 16,315 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 16,170 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 145 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (24-28 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 37.80-38.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ก.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ผลการประชุม ECB และ BOJ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล รวมถึง PCE/Core PCE Price Indices เดือน ก.ย. จีดีพีไตรมาส 3/65 (advanced report) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูล PMI เดือน ต.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐ ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/65 และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ของจีนเดือน ก.ย. ที่ถูกเลื่อนการประกาศจากกำหนดการเดิมด้วยเช่นกัน.