JJNY : เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด│8 ปี "ตู่" มีแต่ซากปรักหักพัง│เงินไหลออกไม่หยุด!│เงินหยวนร่วงหนักสุดรอบ 14ปี

'อยุธยา' จมนาน 3 เดือน ไร้การเหลียวแล เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7328165
 
 
‘อยุธยา’ จมนาน 3 เดือน ไร้การเหลียวแล เพจดังสะท้อน รับกรรมบริหารน้ำผิดพลาด ชาวบ้าน 5 อำเภอ ทุกข์ระทม ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้
  
วันที่ 22 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.อยุธยา ยังคงหนัก ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ โดยเพจ อยุธยา-Ayutthaya Station สะท้อนสถานการณ์ในพื้นที่ ความว่า 
 
หลายๆจังหวัดสถานการณ์น้ำ เริ่มลดลง และคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
 
หันกลับมามองบ้านตัวเอง จะครบ 3 เดือนแล้วที่ถูกน้ำท่วม แต่น้ำยังขึ้นทุกวัน ‼️ ทำไมพื้นที่อำเภอบางบาล-เสนา-ผักไห่-บางไทร-บางปะอิน ที่ถูกน้ำท่วมหนัก น้ำท่วมนาน ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย‼️
 
ตื่นเช้ามา น้ำขึ้นทุกวัน !!! จะไปเที่ยว จะไปไหน ห่วงแต่บ้าน จะทำอะไรแต่ละอย่างโคตรลำบาก ชาวบ้านทำได้แค่ก้มหน้าก้มตารับกรรม รับกรรมของการบริหารน้ำที่ผิดพลาด ทำให้ถูกน้ำท่วมหนัก และนาน
 
ชาวบ้านเรียกร้อง ชาวบ้านก่อม็อบประท้วงน้ำท่วม ชาวบ้านได้รับความลำบากนาน 3 เดือน
แทบไม่มีคนเห็น หรือเห็นแล้วปล่อยผ่าน
 
ที่นี่ #อยุธยา จังหวัดที่มีคนอาศัยอยู่ และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือคนไทย คนไทยส่วนหนึ่งที่ต้องแบกรับน้ำนานร่วม 3 เดือน โดยขาดการเหลียวแล
 
https://www.facebook.com/Ayutthayastation/posts/pfbid02iKm4EEcuG1pegkBqDvu6ytSnV4XmmSuUvfnEYJnoJTq6272jj4WsMLKAdh9Wandil
 

 
"ตรีชฎา" เย้ย "ทิพานัน" 8 ปี "บิ๊กตู่" มีแต่ซากปรักหักพัง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_434391/

“ตรีชฎา” เย้ย “ทิพานัน”  ชู “บิ๊กตู่” สร้างมรดกแห่งความเจริญ จวก 8 ปีมีแต่ซากปรักหักพัง ที่รัฐบาลหน้าต้องแบกรับ

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิง ส.ส.เชียงใหม่  พรรคเพื่อไทยที่แสดงความกังวลประเทศไทยจะมีหนี้เพิ่มขึ้นและจะกลายเป็นมรดกบาป โดย น.ส.ทิพานัน ระบุว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีดำเนินการนั้นมีแต่มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง ให้กับประเทศ นั้น ถือเป็นอีกครั้งที่ น.ส.ทิพานัน ใช้ตำแหน่งหน้าที่รองโฆษกของรัฐบาล กินเงินเดือนจากภาษีพี่น้องประชาชน แต่ทำงานบกพร่อง
 
หากไม่มีผลงานใดให้ชี้แจงก็ไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วยการพาดพิงบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหายด้วยความเท็จ การที่ น.ส.ทิพานัน ระบุว่า ‘มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ ที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ให้กับชาติบ้านเมืองที่ประชาชนคนไทยจำได้ขึ้นใจ เห็นจะมีเพียง การให้คำมั่นสัญญาว่าจะคืนความสุขให้คนไทย ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ตอนนี้คนไทยรู้สึกว่านานเกินไปแล้ว และพบว่ามีแต่ความทุกข์มาตลอด 8 ปี
 
รวมถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น คนรู้ดีว่า การยึดอำนาจรัฐมีความผิดฐานกบฏ เป็นอาชญากรรมร้ายแรง น.ส.ทิพานัน เป็นนักกฎหมายน่าจะรู้ดี อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ถูกเขียนขึ้นมาให้ ส.ว. สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ น.ส.ทิพานัน สังกัดอยู่ ก็ยอมรับว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรา การเข้าสู่อำนาจเช่นนี้ เอารัดเอาเปรียบคนอื่นและไร้ศักดิ์ศรีหรือไม่
 
อีกทั้งการอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ใครก็ยากที่จะลบเลือนได้หลายประการ อาทิ หนี้ครัวเรือนในสิ้นปี 2565 นักวิชาการคาดว่า จะอยู่ที่ 89.3% สูงสุดในรอบ 16 ปี หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 10.3 ล้านล้านบาท จำนวนคนจนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากการลงทะเบียนรับบัตรคนจน อยู่ที่ 20 ล้านคน การใช้เงินงบประมาณรายประจำปี รวม 8 ปี รวมมากกว่า 23 ล้านล้านบาท
 
ส่วนกรณีที่ น.ส.ทิพานัน กล่าวพาดพิงโครงการรับจำนำข้าวนั้น เป็นอีกครั้งที่คนของรัฐบาลยังคงหมกมุ่นอยู่กับจำนำข้าว โครงการนี้มีเจตนาที่ดีในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วทั้งประเทศ หลายครอบครัวมีบ้าน มีรถ จากโครงการนี้และยังคงคิดถึงโครงการรับจำนำเพราะชาวนาได้ประโยชน์ แต่น่าแปลกใจที่คนที่ไม่ใช่ชาวนากลับเอาแต่โจมตีโครงการ และหากเปรียบเทียบระหว่างงบประมาณโครงการรับจำนำข้าวไม่กี่แสนล้านบาทกับหนี้สาธารณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างเอาไว้ถึง 10 ล้านล้านบาท
 
น.ส.ทิพานันดูไม่ออกหรือว่าอะไรคือมรดกบาปกันแน่ ความจริง น.ส.ทิพานัน สามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้โดยง่าย ก็ควรใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าบิดเบือนข้อมูล และทำให้มาตรฐานของการทำงานโฆษกรัฐบาลตกต่ำลง น.ส.ทิพานัน อายุยังน้อย หากกลับตัวกลับใจเปลี่ยนวิธีการทำงาน ให้เข้าใกล้กับคำว่ามืออาชีพบ้าง ก็อาจฉุดดึงให้ความน่าเชื่อถือของโฆษกรัฐบาลมีมาตรฐานที่สูงขึ้นได้บ้าง
 
อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งไว้เป็นมรดก แต่เป็นซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจใช่หรือไม่ เป็นความย่อยยับที่รัฐบาลหน้าต้องมาแบกรับแก้ไขปัญหา สภาพที่ประชาชนตกงาน ไร้ที่พึ่ง ข้าวของราคาแพง การใช้กฎหมายที่ล้นเกินจนทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส ไม่อาจเรียกว่าเป็นมรดก แต่เป็นความพังพินาศของประเทศ


 
เงินไหลออกไม่หยุด! ต่างชาติเทขาย ‘พันธบัตรไทย’กว่า 1.6 หมื่นล้าน
https://www.dailynews.co.th/news/1604382/

เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายตลาดพันธบัตรไทยกว่า 16,315 ล้านบาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมายังเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า ซึ่งอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ ก่อนกลับมาปิดที่ระดับ 38.36 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยน และเงินหยวน โดยในระหว่างสัปดาห์ เงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีที่ 38.46 บาทต่อดอลลาร์ เงินเยนทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 32 ปีเหนือแนว 150 เยนต่อดอลลาร์
 
ส่วนเงินหยวนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 14 ปี แม้มีแรงหนุนช่วงสั้นจากการที่ตลาดมีความหวังว่าทางการจีนอาจพิจารณาลดจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจีนก็ตาม นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสัญญาณขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
ขณะที่เงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ (บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี) ขณะที่ตลาดทยอยเพิ่มน้ำหนักให้กับโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 5 ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค. ต่อเนื่องจากที่น่าจะปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. นี้
 
ในวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 38.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ 38.08 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพุธก่อนหน้า (12 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,006 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflow ออกจากตลาดพันธบัตร 16,315 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 16,170 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 145 ล้านบาท)
 
สัปดาห์ถัดไป (24-28 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 37.80-38.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ก.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ผลการประชุม ECB และ BOJ
 
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล รวมถึง PCE/Core PCE Price Indices เดือน ก.ย. จีดีพีไตรมาส 3/65 (advanced report) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูล PMI เดือน ต.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐ ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/65 และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ของจีนเดือน ก.ย. ที่ถูกเลื่อนการประกาศจากกำหนดการเดิมด้วยเช่นกัน.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่